สปอร์ตสายพันธุ์ดุ Huracan LP 580-2
5.2 l V10 mid-mounted 580 hp

 เมื่อข่าวลือเป็นความจริง ได้ยินกันมานานว่ารถจากค่ายกระทิงดุจะผลิตรถขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งนั่นไม่ห่างจากความจริง เพราะงาน 2015 Los Angeles Auto Show ได้เผยโฉม Huracan LP 580-2 ให้ได้เห็นตัวจริงกันเรียบร้อย

       ถูกจับตามองเสมอสำหรับค่ายกระทิงดุ ทันทีที่มีข่าวออกมาว่าขณะนี้ใกล้ได้เวลาเปิดตัวรถรุ่นใหม่แล้ว ผู้หลงใหลเสน่ห์มนตราแห่งความดุดันต่างก็เฝ้ารอคอย โดยความพิเศษของรุ่นใหม่ภายใต้รหัส LP 580-2 ความแตกต่างเริ่มกันตั้งแต่การออกแบบได้รับการพัฒนาด้านรูปลักษณ์ตามหลักอากาศพลศาสตร์มากยิ่งขึ้น

 ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขนาดช่องรับอากาศด้านหน้า เพื่อเพิ่มแรงกดให้กับล้อหน้า เสริมด้วยสปอยเลอร์หลัง และดิฟฟิวเซอร์ด้านหลัง เพื่อรีดอากาศได้อย่างเต็มที่ ส่วนด้านพละกำลังถูกสร้างขึ้นด้วยเครื่องยนต์ขนาดความจุ 5.2 ลิตร

เป็นแบบ V10 90° IDS, 40 valves ผลิตขุมกำลังได้ประมาณ 580 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิด 540 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที เพียงพอต่อการตอบสนองความระห่ำที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทาง

ขณะที่ขุมพลังมากขนาดนี้ คุณรู้หรือไม่ว่าเครื่องยนต์บล็อกนี้ยังได้ผ่านมาตรฐาน EURO 6 - LEV 2 และ Lamborghini Huracan LP 580-2 RWD ใหม่ นอกจากนี้ยังติดตั้งฟังก์ชั่น Cylinder Deactivation ที่จะลดการทำงานเหลือ 5 สูบ

เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้กำลังสูงสุดในการขับขี่ จะส่งพลังผ่านระบบการขับเคลื่อนล้อหลังทั้งสองล้อ ควบคู่มากับการทำงานของเครื่องยนต์ และขุมกำลังทั้งหมดถูกส่งผ่านระบบเกียร์ 7 speeds LDF ทำงานร่วมกับ dual-clutch transmission

 โดยขุมพลังที่มีจะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง ช่วงล่างมีการปรับสปริงและชุดกันโคลงใหม่ แชสซีส์โครงสร้างเป็นแบบ Hybrid aluminum and carbon fiber มีความแข็งแรงแต่น้ำหนักเบา ส่งผลให้ LP 580-2 ทะยานไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว

มีความแข็งแกร่งมากขึ้นและรับแรงบิดตัวได้ดีขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับ Gallardo LP 550-2 โหมดในการขับยังอยู่เหมือนเดิม STRADA สำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน, SPORT สำหรับต้องการสร้างความแรง

และ CORSA สำหรับใช้งานในแบบลงวิ่ง Track Day น้ำหนักตัวอยู่ที่ 1,389 กิโลกรัม เบากว่า Huracan AWD ราว 33 กิโลกรัม อัตราส่วนการกระจายน้ำหนักหน้า:หลัง 40:60

นอกจากนี้ LP 580-2 ยังได้เพิ่มเซ็นเซอร์ที่เรียกว่า LPI-Lamborghini Piattforma Inerziale ติดตั้งเอาไว้ในตำแหน่งที่เป็นจุดศูนย์ถ่วงของรถ ทำหน้าที่ตรวจสอบอาการในแบบ 3D เรียลไทม์ พร้อมป้อนข้อมูลไปยังชุดควบคุมระบบช่วงล่างแปรผัน MRS-Magneto Rheological Suspension

เพื่อให้ตัวรถมีความมั่นคงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (ช่วงล่าง MRS เดิมแยกจำหน่ายเป็นออปชั่น รุ่นใหม่ก็น่าจะแยกจำหน่ายเช่นกัน) ดังนั้นคุณจะรู้สึกได้ถึงความหนึบและนิ่ง เว้นเสียแต่ว่าคุณกำลังจะลองของปิดระบบตัวช่วยแล้วลองกดคันเร่งให้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางโค้งคุณจะรู้สึกได้ทันทีถึงความพยศของฝูงม้าที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องเครื่อง

ขณะที่มันสามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ 320 กม./ชม. และมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 3.2 วินาที ซึ่งตัวเลขทั้งสองนี้ลดลงจากรถ Huracan ที่ขับเคลื่อนทั้งสี่ล้อ เพราะมันสามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ 325 กม./ชม. และมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 3.0 วินาที

ระบบเบรกเลือกใช้ชุดเบรกเหล็กกล้าควบคู่กับเบรกคาลิปเปอร์อะลูมิเนียมที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้มีน้ำหนักเบาและรวดเร็วยิ่งกว่า ซึ่งต้องเป็นชุดเบรกที่ต้องมีประสิทธิภาพในการหยุดพละกำลังขนาด 580 แรงม้า ด้านหน้ามีมาพร้อมกับคาลิปเปอร์แบบ 8 ลูกสูบ

ด้านหลังทำงานแบบ 4 ลูกสูบ ส่วนล้อมีขนาด 19 นิ้ว ลายใหม่ดูปราดเปรียวและกลมกลืนกับตัวรถมากขึ้น โดยล้อแม็กซ์ใหม่นี้มาพร้อมกับยาง Pirelli P Zero ด้านหน้าขนาด 245/35 R19 ด้านหลังจะมีขนาดอยู่ที่ 305/35 R19

นอกจากนั้นแล้วยังมีส่วนอื่นๆ ที่รถคันนี้ได้รับการปรับเปลี่ยน เช่น ระบบการสั่นสะเทือนของรถเป็นแบบ Aluminum double-wishbone suspension รวมถึงการติดตั้งพวงมาลัยใหม่ ระบบควบคุมเสถียรภาพและระบบป้องกันล้อหมุนฟรีที่ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด

ส่วนสไตล์ของรถจะแตกต่างจากรถระบบขับเคลื่อนทั้งสี่ล้ออย่างชัดเจน แถมยังมีช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ออกแบบเพื่อลดแรงกดมหาศาลเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงตรงเพลาด้านหน้า ปิดท้ายด้วยกันชนทั้งด้านหน้าและด้านหลังที่ถูกปรับเปลี่ยนใหม่

       แต่ในห้องโดยสารมีของใหม่อย่างระบบอินโฟเทนเมนต์ Lamborghini Infotainment System II ทำงานผ่านจอ TFT ขนาด 12.3 นิ้ว นอกเหนือไปจากนั้นก็จะมีออปชั่นการตกแต่งตามใจผู้ซื้อ หรือโปรแกรม Ad Personam Personalization

ซึ่ง Lamborghini การันตีว่า ไม่มีการจำกัดคู่สีทั้งภายนอกและภายใน การจำหน่ายเป็นทางการจะเริ่มขึ้นที่ยุโรปภายในปี 2016

ถ้าชอบคงไม่ต้องคิดอะไรมากด้วยชื่อชั้นของสปอร์ตสายพันธุ์นี้ไว้ใจได้อย่างแน่นอน ส่วนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 150,000 ยูโร หรือประมาณ 6.1 ล้านบาท ไม่แน่ใจว่าเมื่อบวกภาษีของบ้านเราแล้วราคาจะขยับไปขนาดไหน ลองติดตามกันดูในปีนี้จะมีข่าวดีหรือไม่

เรื่อง : ทีปต์ นคร
ภาพ : อินเทอร์เน็ต

ขอบคุณ MGR Online  

คุณทีปต์ นคร

จันทรวารสิริสวัสดิ์ค่ะ