| ซ้ายขุมพลังของ C350 e และขวา S500 e | | | สำหรับประสิทธิภาพของ C350 e ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมทั้งระบบ 279 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตัน-เมตร (เครื่องยนต์อย่างเดียวให้กำลัง 211 แรงม้า) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ในโหมดไฮบริด C350 e รถวิ่งดี ขับสนุกครับ ดูจากอัตราเร่งก็สปอร์ตคาร์ดีๆนี่เอง บวกการควบคุมเฉียบคม พร้อมช่วงล่างแบบถุงลม AIRMATIC (ปรับระดับได้) หนึบแน่น และให้ความคล่องตัวสูง จนผู้เขียนรู้สึกว่าชอบสมรรถนะของC350 e มากกว่า C300 บลูเทคไฮบริดเดิม นอกจากนี้ ถ้านิยมจะขับแบบประหยัดน้ำมัน C350 e ยังมีความสามารถเหลือล้น ลองสัมผัสในโหมดไฮบริดนี่ละครับ จากจุดหยุดนิ่งแตะคันเร่งปกติ (แบบไม่ต้องกดแรงและเร็วมาก) ค่อยๆเพิ่มน้ำหนักเท้าลงไปแบบเนียนๆ รถสามารถวิ่งด้วยพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียวได้จนถึงความเร็ว 80 กม./ชม.เลยนะครับ (รถไฮบริดแบรนด์ญี่ปุ่นหลายรุ่น เหยียบคันเร่งเนียนๆลักษณะเดียวกันแต่เมื่อความเร็วถึง 30-40 กม./ชม. เครื่องยนต์ก็ติดขึ้นมาช่วยทำงานแล้ว) ขณะเดียวกันเมื่อขับความเร็วสูงในโหมดไฮบริด เครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานผสานกันนุ่มเนียนต่อเนื่อง ถ้าตาไม่ตั้งใจมองไปที่เข็มวัดรอบ แทบจะไม่รู้สึกว่าเครื่องยนต์ทำงานขึ้นมาตอนไหน ขณะที่ความเร็ว 100 กม./ชม. เกียร์สูงสุด (เกียร์ 7) รอบเครื่องยนต์ยังต่ำมากหรือไม่ถึง 2,000 รอบ ส่วนS500 e วางเครื่องยนต์เบนซิน วี6 ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมทั้งระบบ 442 แรงม้า แรงบิด 650นิวตันเมตร (เครื่องยนต์อย่างเดียวให้กำลัง 333 แรงม้า) แม้ตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ดีกว่า C350 e ที่ 5.2 วินาที แต่ด้วยลักษณะของรถจึงไม่รู้สึกว่าพุ่งกระชากหรือพลังแรงกว่า โดย S500 e ยังคงบุคลิกนิ่งๆ แน่นๆ (ช่วงล่างถุงลม) แฝงความสุนทรีย์ มีความโออ่า อลังการ เช่นเดียวกับงานเก็บเสียงภายในห้องโดยสารที่เงียบกริบ ส่วนความเร็วสูงสุดล็อคเอาไว้เท่ากับ C350 e ที่ 250 กม./ชม. C350 e และ S500 e สามารถเลือกโหมดการทำงานได้ 4 แบบ
|