ทัวร์ศิลปวัฒนธรรม ตามรอยราชันผู้พลัดแผ่นดิน เมื่อพม่าเสียเมือง
จากเรื่องเล่าของ ผู้แพ้ ในยุคล่าอาณานิคม สู่เรื่องราว ราชันผู้พลัดแผ่นดิน เมื่อพม่าเสียเมือง เรื่องโดย : พิสิทธิ์ ศรีพุ่มไข่ และคณินพงศ์ บัวชาติ หากเอ่ยนามว่าพม่าแล้วล่ะก็เชื่อว่าคนไทยกว่าครึ่ง คงจะนึกถึงประเทศเพื่อนบ้านผู้เป็นศัตรูคู่สงครามของรัฐไทย ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า มีที่มาจากการนำเสนอประวัติศาสตร์ไทยผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ละคร หรือภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์เรื่องต่างๆ ที่เราได้ชมกัน ซึ่งส่วนใหญ่นั้นมักให้ภาพที่เหมือนกันคือพม่านั้นเป็นผู้ร้ายที่มาทำลายกรุงศรีอยุธยาอันเป็นราชธานี
แต่สิ่งหนึ่งที่หายไปจากการรับรู้ของคนไทยนั้นคงหนีไม่พ้น เรื่องของพม่าในยุคอาณานิคมหรือตั้งแต่หลังสงคราม 9 ทัพ ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 1 เป็นต้นมา ดร.ลลิตา หาญวงษ์อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสต์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์พม่าในยุคอาณานิคม กล่าวไว้ว่า ...ประวัติศาสตร์ยุคอาณานิคมในพม่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ขาดหายไปจากความรับรู้ของสังคมไทย ทั้งที่ประวัติศาสตร์ในยุคนี้นับว่าน่าสนใจและน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากการเข้ามาของระบอบอาณานิคมจะเป็นปัจจัยหลัก ที่ทำให้สงครามระหว่างไทยกับพม่าสิ้นสุดลงแล้ว ช่วงเวลาเกือบ 100 ปีของยุคอาณานิคมในพม่ายังนับเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์สมัยใหม่ และเป็นยุคที่เกิดความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมพม่ามากกว่ายุคใดๆ... งานเขียนประวัติศาสตร์พม่าในยุคอาณานิคมที่อยู่ในการรับรู้ของคนไทยนั้น คงจะหนีไม่พ้นเรื่องพม่าเสียเมือง ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ที่กล่าวถึงเรื่องราวในยุคนั้นผ่านมุมมองของ ความดราม่า ในราชสำนักเสียส่วนใหญ่ มีการสังหารหมู่ การแก่งแย่งชิงราชสมบัติกันเองในหมู่พระราชวงศ์ รวมถึงภาพความโหดร้ายของพระราชินี จนท้ายที่สุดต้องตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก แต่หากลองศึกษาประวัติศาสตร์โดยปราศจากอคติแล้ว ภาพของพม่าที่เราจะได้อาจจะกลับกันในทันที กลายเป็นพม่าในมุมของผู้ถูกกระทำจากการถูกกดขี่ข่มเหงจากชาติตะวันตกอย่างอังกฤษในยุคที่ความคิดเรื่องจักรวรรดินิยมกำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรงจนหยุดไม่อยู่ ในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม มักมีจำเลยของเรื่องๆ นั้นเสมอ สำหรับเรื่องของพม่าในยุคอาณานิคมนั้นคงจะหนีไม่พ้นพระเจ้าธีบอ และพระนางศุภยาลัต กษัตริย์และราชินีองค์สุดท้ายของพม่า ก่อนจะตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษในปี พ.ศ. 2428 จากหนังสือเรื่อง ราชันผู้พลัดแผ่นดิน เมื่อพม่าเสียเมืองที่คุณสุดาห์ ชาห์ชาวอินเดียได้ใช้เวลาถึง 7 ปีในการรวบรวมข้อมูลและเขียนขึ้นมาได้ให้ข้อมูลในเรื่องราวของพระเจ้าธีบอและพระราชวงศ์ ตั้งแต่พระองค์ถูกเนรเทศออกจากดินแดนพม่าไปพำนักอยู่ที่เมืองรัตนคีรีประเทศอินเดีย ในหนังสือนั้นได้ให้ภาพตั้งแต่วันที่พระเจ้าธีบอ พระนางศุภยาลัต ตลอดจนพระธิดาทั้ง 2 และผู้ติดตามอีกจำนวนหนึ่ง ต้องเสด็จออกจากพม่า พระองค์ต้องนั่งเกวียนออกจากพระราชวังมัณฑะเลย์เพื่อไปลงเรือไปยังอินเดีย ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นการหมิ่นเกียรติของพระองค์เป็นอย่างมาก อีกทั้งความรู้สึกของการต้องออกจากแผ่นดินของตนในฐานะผู้แพ้และเห็นผู้อื่นเข้าไปปกครองดินแดนของตนเองแล้ว นับว่าเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดมากเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังได้ให้ภาพความเป็นอยู่ของพระองค์และพระราชวงศ์ตลอดระยะเวลาที่พำนักอยู่ที่เมืองรัตนคีรีไว้ว่า พระองค์ทั้งหมดล้วนมีความเป็นอยู่ที่ไม่ได้ลำบากมาก หากเทียบกับบุคคลทั่วไป แต่หากนำไปเทียบกับอดีตอันรุ่งโรจน์หรือแม้แต่เกียรติยศอันสูงส่ง ในฐานะที่เป็นเจ้าชีวิต ผู้มีสิทธิ์ชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้แล้วนั้น คงบอกได้คำเดียวว่าต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียวและคงเป็นเรื่องยากที่จะรับได้สำหรับผู้ที่ประสบชะตากรรมแบบนั้น พระองค์ถูกจำกัดบริเวณ จำกัดค่าใช้จ่าย จำกัดอิสรภาพแทบทุกอย่างในการใช้ชีวิตจากทางรัฐบาลอังกฤษ แม้แต่ร่างที่ไร้วิญญาณของพระองค์หลังจากพระองค์สวรรคต ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไปแผ่นดินเกิดด้วยซ้ำ มีเพียงพระนางศุภยาลัต และเจ้าหญิงทั้ง 4 เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้กลับไปประทับที่พม่า หลังสิ้นสุดการเนรเทศอันยาวนานตลอดเวลา 35 ปี
แต่การมาของพระองค์นั้นก็ช่วยสร้างสีสัน ให้กับความเงียบเหงาของที่นี่ บางครั้งพระองค์จะจัดงานเทศกาลเฉลิมฉลองต่างๆ ก็จะเชิญชาวเมืองรัตนคีรีมาร่วมงานด้วย เรื่องเล่าของพระองค์และครอบครัวจึงยังอยู่ในความทรงจำและเรื่องเล่าของคนในเมืองรัตนคีรีมาจนถึงทุกวันนี้ อีกเรื่องหนึ่งที่มีกล่าวไว้คือเรื่องของพระราชธิดาทั้ง 4 พระองค์ ซึ่งทุกพระองค์ถูกเลี้ยงดูตามแบบราชนิกุลพม่าอย่างเคร่งครัด และไม่ได้เรียนหนังสือแบบที่เด็กทั่วไปควรจะได้รับ เจ้าหญิงใหญ่ตกหลุมรักและมีลูกกับคนใช้ชาวอินเดีย เจ้าหญิงสองนั้นรักกับขิ่นหม่องลัตหนุ่มชาวพม่า ผู้เป็นสามัญชนและหนีออกจากบ้านไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ จึงมีเพียงเจ้าหญิงสามและเจ้าหญิงสี่ พร้อมกับพระนางศุภยาลัตเพียงเท่านั้นที่ได้กลับมาใช้ชีวิตที่แผ่นดินเกิด แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไปพำนักที่พระราชวังมัณฑะเลย์ดังเดิม จนสิ้นพระชนม์ตามวัยและเวลาอันสมควร แม้ทุกวันนี้เรื่องทั้งหมดจะผ่านมา จนกลายเป็นเพียงความทรงจำของใครหลายๆ คน เท่านั้น แต่เชื่อว่าประวัติศาสตร์ตลอดจนคราบน้ำตาของผู้แพ้นั้น มักเป็นมุมที่ยังไม่ถูกมองเห็น อาจเป็นเพราะผู้ชนะเป็นคนเขียนและเผยแพร่เรื่องราวทางประวัติศาสตร์หรือไม่ คำตอบนี้คงอยู่ในใจของทุกท่านอยู่แล้ว ประวัติศาสตร์พม่ายุคอาณานิคมถือเป็นตัวอย่างหนึ่งให้เราได้รู้ได้เห็น ในสิ่งที่ขาดหายไปจากการรับรู้ของคนไทยส่วนใหญ่ ว่าในมุมที่ต่างกันนั้น มีความต่างกันอย่างไร ในสายตาของอังกฤษที่มองว่าพระนางศุภยาลัตร้ายกาจเพียงใด แต่ฉากสุดท้ายของอีกมุมหนึ่งคือภาพของวัดเมี๊ยะต่อม วัดที่พระนางเป็นผู้สร้าง และได้ทอดพระเนตรก่อนจะต้องจากไปโดยไม่ได้กลับมาเยือนที่แห่งนี้อีกเลย ในวันที่ 18-20 ธันวาคม 2558 นี้ เตรียมพบกับทัวร์ศิลปวัฒนธรรม ตามรอยราชันผู้พลัดแผ่นดิน เมื่อพม่าเสียเมืองประเทศพม่าที่มติชนอคาเดมีจะนำพาทุกท่านได้ร่วมแสวงหาและค้นคำตอบ เกร็ดความรู้ในแง่มุมต่างๆ อย่างละเอียด พร้อมร่วมทริปกับวิทยากรพิเศษ อ.ดร.ลลิตา หาญวงษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสต์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์พม่าในยุคอาณานิคม พร้อมด้วยคุณสุภัตรา ภูมิประภาส ผู้แปลหนังสือ ราชันผู้พลัดแผ่นดิน เมื่อพม่าเสียเมือง หนังสือขายดีที่ตีพิมพ์มาแล้วถึง 6 ครั้ง และราชินีศุภยาลัต จากนางกษัตริย์สู่สามัญชน หนังสือขายดีอันดับ 3 ของบูธสำนักพิมพ์มติชน จากงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 20 ที่ผ่านมา สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2954-3977-84 ต่อ 2123, 2124 (จันทร์-ศุกร์) 08-2993-9097, 08-2993-9105 (เสาร์-อาทิตย์) หรือที่//www.matichonacademy.com และ//www.facebook.com/Matichon.Academy.Thailand 01 ประตูเมืองมัณฑะเลย์ด้านทิศตะวันตก(ประตูผี) เป็นประตูสำหรับเคลื่อนย้ายศพคนที่ตายแล้ว 02 มณฑปฝังพระศพของพระเจ้ามินดง และพระนางชิ่นผิวมะฉิ่นพระมเหสี 03 บรรยากาศภายในพระราชวังมัณฑะเลย์ 04 หุ่นขี้ผึ้งจำลองพระรูปของพระเจ้าธีบอและพระราชินีศุภยาลัต กษัตริย์และพระราชินีองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์อลองพญา ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ คุณพิสิทธิ์ ศรีพุ่มไข่ - คุณคณินพงศ์ บัวชาติ สวัสดิ์สิริชีววารค่ะ
Create Date : 19 พฤศจิกายน 2558 |
|
0 comments |
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2558 12:57:06 น. |
Counter : 1369 Pageviews. |
|
|
|