หากลองทำลิสต์ ประเทศในฝันที่คุณต้องไปเยือนให้ได้ในชีวิต เชื่อว่า หนึ่งในประเทศที่อยู่ในใจเรา ต้องมีญี่ปุ่นรวมอยู่เป็นแน่
ไม่ว่าจะด้วย ตัวการ์ตูนที่เราหลงรัก, อาหารที่เราชอบกิน, เพลงที่เราชอบฟัง หรือวัฒนธรรมที่เราผูกพัน ญี่ปุ่น ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของเราแล้ว ไม่มากก็น้อย
เราทุกคนรู้จักซูชิ อาจเคยทานซูชิ หรือบางคนอาจชอบซูชิเป็นพิเศษ
เรารู้จักอาหารบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างที่ประกอบไปด้วย เนื้อ-หมู-ไก่สารพัดชนิด กุ้มเทมปุระ แกล้มด้วยซอสสไตล์ญี่ปุ่นที่ต้องดื่มพร้อมกับชาเขียวร้อน
เราฝากเพื่อนที่ไปญี่ปุ่นซื้อมาส์กเต้าหู้ และโตเกียวบานาน่า
เราเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อขนมช็อกโกแล็ตแท่งที่เริ่มต้นผลิตที่ญี่ปุ่น ก่อนกลับบ้านก็แวะเข้าร้านเช่าหนังสือการ์ตูนเพื่อคืนหนังสือการ์ตูนมังงะเล่มโปรด
เราต่างผูกพันและรู้จักญี่ปุ่นในมุมมองที่แตกต่างกัน...
ทว่า ท่ามกลางสิ่งที่เราคุ้นชินนี้ หารู้ไม่ว่าประเทศญี่ปุ่นได้แฝงกลยุทธ์ทางการตลาดไว้อย่างน่าสนใจ เหมือนหนังสือ สุโก้ย! Marketing ทำไมใครๆ ก็ติดใจญี่ปุ่น
เนื้อหาภายในเล่ม เล่าถึงความสนุกที่แฝงอยู่ในผลิตภัณฑ์ เพลง ร้านอาหาร ไปจนถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น
ใครจะไปรู้ว่า ชาเขียวธรรมดาๆ ที่เรารู้จัก เบื้องหลังคือโปรดักซ์ที่มีกลุ่มเป้าหมายที่ Niche มากๆ แถมยังขายดิบขายดีเสียด้วย
แพ็จเกจจิ้งญี่ปุ่นที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ตลาด ทั้งน้ำผลไม้ที่มีข้อความสนทนากับผู้บริโภค ผ้าขนหนูที่ออกแบบมาเป็นสองฟังก์ชั่นรองรับการใช้งานหลายๆ แบบ
ตัวการ์ตูนญี่ปุ่นที่เราผูกพัน ซึ่งเบื้องหลังมีเรื่องราว เพศ ลักษณะนิสัย ราวกับมีชีวิตจริงๆ ไปจนถึงสินค้าชวนมึนของญี่ปุ่น ตั้งแต่หมอนอ้อมแขนชายหนุ่มหรือหมอนรูปตักสาวสวยที่ครองใจหญิง/ชายโสด แต่เบื้องหลังคือการตลาดสุดล้ำลึกที่สร้างมาเพื่อชนะใจ ผู้บริโภค
สิ่งละอันพันละน้อยที่รวมกลายเป็น สิ่งใหญ่ และ สิ่งใหม่ ในเล่มนี้ คือ ความตั้งใจที่เกตุวดี Marumura ต้องการนำเสนอ จากสาวน้อยที่ไปใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น มาเป็นอาจารย์ผู้สอนวิชาการตลาด และนักเขียนที่เล่าเรื่องราวของญี่ปุ่นด้วยความรัก ทั้งหมดนี้เป็นการกระชับพื้นที่ความห่างไกลของ การตลาด และ ญี่ปุ่น ให้ใกล้ชิดขึ้น
ราวกับว่าหนังสือเล่มนี้กำลังคุยกับเราแบบเพื่อน และชวนให้เราลุกขึ้นไปทำอะไรข้างนอก ด้วยพลังของแรงบันดาลใจดีๆ
ที่มีจุดเริ่มต้นจากหนังสือ