แนวทาง มวลชน ศึกษา จาก "หมิงไท่จู่" ผสาน จูหยวนจาง
| มีความแตกต่างอย่างแน่นอนระหว่าง จูหยวนจาง กับ หมิงไท่จู่ แม้ว่าในความเป็นจริงจะเป็นบุคคลคนเดียวกัน
แตกต่างตรงที่จูหยวนจางเป็น "แม่ทัพ" แห่งกองทัพธรรม
ต่อสู้ร่วมกับกองกำลัง "สมาคมดอกบัวขาว" ตั้งแต่ยังมีไม่กี่คนกระทั่งสามารถสร้างเป็นกองทัพอันทรงพลานุภาพ
ยึดกุมคำขวัญจากสูตร 9 คำอย่างมั่นแน่ว
"ไม่เผาบ้าน ไม่ฆ่าคน ไม่ปล้นชิง"
ยึดกุมยุทธศาสตร์จากอักษร 9 ตัวอันบัณฑิตแห่งคดอยหนานซาน จูเซิง มอบให้เมื่อคราไปคารวะพร้อมกับหลิวจีอย่างเด็ดเดี่ยว
เกาจุ๊เฉียง สร้างปราการให้แน่นหนา
กว่างจิ๊เหลียง พัฒนาเศรษฐกิจให้แจ่มใส
หว่านเซิงหวาง อดใจอย่ารีบตั้งตนเป็นอ๋อง
จึงสามารถปราบทัพของเฉินโหย่วเลี่ยง ทัพของจางสื้อเฉิง ยึดดินแดนตอนใต้แม่น้ำฉางเจียงได้เบ็ดเสร็จ ที่สุดก็กรีธาทัพไปบุกนครต้าตู ขับราชวงศ์หยวนออกจากแผ่นดินจีน
ปราบดาภิเษกเป็นปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ "หมิง"
ที่น่าสนใจก็คือเมื่ออาศัยกองทัพ "โพกผ้าแดง" เป็นดั่งกระดานหกไปสู่การสถาปนาตนเองขึ้นเป็นหวางหรืออ๋องในนาม
หมิงไท่จู่ฮ่องเต้
หลักการ 1 ซึ่งไม่เคยแปรเปลี่ยนเลย คือ หลักการเอาได้มาจากอนุสาสน์พื้นฐานแห่งลัทธิหมิงหรือหมิงก้า
นั่นก็คือ การแนบแน่นอยู่กับชาวไร่ชาวนา
"เวลานี้เราได้เพียงแค่รื้อฟื้นความสงบเรียบร้อยภายในประเทศขึ้นมาเท่านั้น พวกเจ้าย่อมเห็นแล้วว่าประชาชนทั้งหลายโดยทั่วไปหมดสิ้นกันแล้วทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์ ประชาชนก็เหมือนนกที่ยังอ่อนเพิ่งสอนบิน หรือหน่ออ่อนที่เพิ่งงอกขึ้นมา อย่าผลีผลามไปถอนขนหรือโยกลำต้นจนรากหน่ออ่อนต้องเสียหายเป็นอันขาด"
เป็นราโชวาทอันหมิงไท่จู่รับสั่งกับเหล่าขุนนาง
ขณะเดียวกัน หลักการ 1 ซึ่งทำให้หมิงไท่จู่แตกต่างไปจากจูหยวนจางเหมือนกับเป็นคนละคน นั่นคือ การจัดการกับขุนนางอย่างรุนแรงและเฉียบขาด แม้กระทั่งขุนนาง "ตั้งแผ่นดิน" มาด้วยกันก็ไม่มีเว้น
ตรงนี้เองที่ทำให้ภาพของหมิงไท่จู่ในห้วงหลังแตกต่างไปจากภาพของจูหยวนจางในกาลอดีต
หนังสือประวัติศาสตร์จีนของหลี่เฉวียนตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มติชนเมื่อต้นปี 2557 บรรยายอย่างมองเห็นภาพ
จำเป็นต้องอ่าน
เดือนยี่ ศักราชหงอู่ปีที่ 26 (ค.ศ.1393) หน่วยองครักษ์เสื้อแพรกล่าวหาว่าหลันอวี้วางแผนก่อกบฏ เมื่อจูหยวนจางได้ฟังก็จับกุมตัวเขามาตัดคอประหารทันที และลงโทษด้วยการยึดทรัพย์และฆ่าตัดคอเช่นนี้ไปอีก 3 ชั่วโคตร
ผู้ที่มีส่วนพัวพันกับคดีนี้และผู้ที่ไปมาหาสู่กับหลันอวี้ต่างก็ถูกยึดทรัพย์และฆ่าตัดคอ
นับรวมแล้วมีผู้ที่ถูกฆ่าตายไปเป็นจำนวน 15,000 คน ในบรรดาคนเหล่านี้มีแม่ทัพที่เก่งกาจในการทำสงครามหลายสิบคนและข้าราชการฝ่ายพลเรือนอีกมากมาย เจ้าชายรัชทายาทจูเปียวทนดูต่อไปไม่ไหวแนะนำบิดาว่าอย่าฆ่าคนมากขนาดนี้เลย
หมิงไท่จู่เอาแต่นิ่งเงียบ วันต่อมาพระองค์จงใจทำกระบองหนามตกแล้วให้จูเปียวเก็บ จูเปียวไม่กล้าหยิบ พระองค์จึงรับสั่งว่า "เจ้ากลัวหนามจึงไม่กล้าหยิบ ตอนนี้ข้าช่วยเอาหนามทั้งหมดออกให้เจ้าก่อนแล้ว นี่ไม่ดีหรอกหรือ"
หลี่เฉวียนสรุปอย่างรวบรัดว่า "นี่เป็นการพูดที่สามารถเข้าถึงแก่นของเรื่องราวด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวจริงๆ"
เพราะรักลูกผู้เป็น "บิดา" จึงจัดการกับ "หนาม" ให้
แท้จริงแล้วแม้จะเป็นหมิงไท่จู่แล้วแต่พระองค์ก็ยังยึดแนวทางของจูหยวนจางไม่แปรเปลี่ยน
นั่นก็คือ ทาง 1 ยังดำเนินนโยบายผูกติดอยู่กับราษฎรระดับล่างอันได้แก่ชาวไร่ชาวนาอย่างแนบแน่น ขณะเดียวกัน ทาง 1 ก็ไม่เคยไว้วางใจขุนนางผู้มีอำนาจลดหลั่นลงไปเลย
1 สร้างฐานอำนาจ 1 ลิดรอนผู้ที่จะบ่อนเซาะฐานแห่งอำนาจ (มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 20 กันยายน 2557)
ขอบคุณ มติชนออนไลน์ - มติชนรายวัน สิริสวัสดิ์ภุมวารค่ะ
Create Date : 23 กันยายน 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 23 กันยายน 2557 9:54:15 น. |
Counter : 761 Pageviews. |
|
|
|