มะระ
มะระเป็นหมาตัวสุดท้ายที่ฉันเลี้ยง ฉันเห็นมันมาตั้งแต่เกิดเพราะแม่ของมันคือมะลิ หมาเมืองตัวสีขาวที่อยู่กับฉันมาตั้งแต่เกิดเช่นเดียวกัน ตาของฉันเป็นคนชอบสัตว์สีขาว มะลิเกิดมาพร้อมพี่น้องอีกกว่า ๖ ตัว มะลิเป็นเพียงตัวเดียวที่มีขนสีขาว ตั้งแต่เด็กมะลิเป็นหัวโจกคอยแย่งอาหารและกลั่นแกล้งน้องๆสีดำและสีน้ำตาลมาโดยตลอด ด้วยความที่คลอดออกมาเป็นตัวแรก มะลิจึงตัวโตกว่าตัวอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด ฉันไม่เคยชอบมะลิในวัยเด็กเลย ฉันสงสารน้องสุดท้องตัวสีดำเป็นที่สุดเพราะนอกจากจะตัวเล็กกว่าตัวอื่นๆอย่างเห็นได้ชัดแล้ว มันยังป่วยจนมีหนอนมาชอนใชอยู่ในสะดือแถมยังมีแววตาที่เศร้าสร้อยอีกด้วย พอลูกหมาทั้ง ๗ โตพอสมควรกำลังอยู่ในวัยซุกซน ตาก็ยกพวกมันให้กับคนนั้นคนนี้ในตลาด เหลือไว้เพียงมะลิตัวเดียว มะลิเติบโตขึ้นและอยู่กับฉันมาเป็นเวลานานหลายปี วันหนึ่งมะลิก็เริ่มออกอาการท้องโย้ หัวนมเริ่มเต่งแสดงให้เห็นว่ากำลังตั้งท้อง มะลิคลอดลูกออกมาเพียงตัวเดียวซึ่งก็คือมะระ ฉันยังจำได้ถึงวันที่เห็นมะระเป็นครั้งแรก แววตาสีฟ้าคู่นั้นดูแปลกประหลาดและมีเสน่ห์อย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเรานึกสงสัยกันอยู่เสมอว่าเหตุใดเจ้ามะระจึงมีแววตาเป็นสีฟ้าอ่อนแบบนี้ แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าหมาตัวไหนคือพ่อของมะระ เพราะมะลิแอบหนีออกจากรั้วบ้านไปในยามค่ำคืนและกลับเข้ามาในตอนเช้ามืดเหมือนปกติ ตาค่อนข้างจะเห่อเจ้ามะระพอดู เพราะมันเป็นหมาที่แสนรู้ ซุกซน สนุกสนานและแทบจะไม่อยู่นิ่ง ตาถึงขั้นประกอบเศษไม้เป็นตะกร้าเล็กๆมัดติดไว้กับที่นั่งท้ายรถจักรยาน เอาไว้ให้เจ้ามะระนั่งเวลาตาออกไปขี่จักรยานออกกำลังกาย
เจ้ามะระเติบโตขึ้นเรื่อยๆโดยที่เราไม่ทันรู้ตัวจนขนาดตัวไล่เลี่ยกันกับเจ้ามะลิ แม้จะตัวโตขึ้นแต่มะระก็ไม่เคยลดดีกรีความซนของมันลงเลย ทุกครั้งที่มันเจอฉันและทุกคนในบ้านมันจะกระโจนเข้าใส่ทันที และจะตามติดให้เราเล่นด้วยจนเราต้องยอมแพ้ แต่พวกเราต่างก็ไม่ได้มีเวลามันอย่างเต็มที่ บ้านของฉันเลี้ยงหมาโดยการขังพวกมันเอาไว้ในกรงในเวลากลางวัน เพราะเราเปิดประตูรั้วทิ้งไว้ให้คนได้สัญจรผ่านไปมาระหว่างซอยข้างบ้านกับตลาด พวกเราไม่อยากให้มันออกไปวิ่งเล่นตามท้องถนนซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เสมอ และจะปล่อยให้พวกมันออกมาวิ่งเล่นกันในสนามหญ้าในเวลากลางคืนช่วงที่เราปิดประตูรั้วมิดชิดแล้ว แต่มะระดูไม่มีความสุขกับการกักถูกขังไว้ตลอดทั้งวันเลย มันมักดิ้นทุรนทุรายและเห่าเรียกให้เราเข้าไปเปิดกรง ตาคิดว่ามันยังเด็กอยู่และคงยังไม่สามารถปรับตัวได้ แต่มะระก็ไม่เคยละนิสัยแบบนั้นเลย หลายครั้งที่มันรีบวิ่งหนีออกไปในระหว่างที่ฉันเปิดประตูรั้วเพื่อให้รถของพ่อขับเข้ามาในบ้านในเวลากลางคืน ตาโกรธมันมากเพราะมันหนีออกจากบ้านบ่อยและตาต้องออกไปตามมันกลับมาในตอนเช้า เหตุใดมะระจึงยังคงต้องฝืนหนีออกจากบ้านทุกครั้งที่มีโอกาส ในขณะที่ตาก็เลี้ยงดูมันอย่างดี ไม่เคยให้มันต้องอดอยาก ตาคลุกข้าวให้มันทุกวันในตอนเย็นและพวกมันก็ไม่เคยกินกันหมด แต่มะระก็ยังคงยืนกรานที่จะแอบหนีออกจากบ้านอยู่เรื่อยๆ
วันหนึ่งมะระได้หายไปจากบ้านอย่างถาวร ไม่มีใครรู้ว่ามันหายไปไหนและหายไปได้อย่างไร ตาล้มเลิกความคิดที่จะไปตามมันกลับ ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน มะลิก็แอบหนีออกไปนอกบ้านและลงเอยด้วยการถูกรถทับตาย โตโต้ หมาสีน้ำตาลขนฟูอีกตัวก็ถูกรถชนตายในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน บ้านของฉันจึงไม่เหลือหมาเลยสักตัวเดียว สนามหญ้าที่บ้านกลับกลายเป็นความว่างเปล่า ไม่มีใครคิดจะเลี้ยงหมาอีก หลายปีต่อมา พ่อของฉันเล่าให้ฟังว่าพ่อพบมะระอีกครั้งหนึ่ง พ่อเห็นมันเร่ร่อนอยู่กับฝูงหมาตัวอื่นๆในถนนฝั่งตรงข้าม คงจะมีคนคอยให้ข้าวให้น้ำมันเป็นอย่างดีเพราะมันไม่ได้ดูซูบผอมหรือพิการแต่อย่างใดเลยและมันก็ดูจะมีความสุขกับอิสรภาพที่มันได้รับอีกด้วย ฉันเองก็เพิ่งมีโอกาสได้พบกับมะระอีกครั้ง เย็นวันนั้นฉันไปเยี่ยมบ้านของน้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน พ่อบังเอิญเห็นมะระมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวหน้าบ้านของน้าจึงเรียกให้ฉันไปดู และมันก็ยืนอยู่ตรงนั้น หมาสีขาวหน้าตาแสนคุ้นเคยที่ฉันเคยเล่นด้วยมาตั้งแต่มันยังเด็ก ฉันเดินเข้าไปหามันพยายามจะเล่นกับมัน มันคงจำฉันไม่ได้ในตอนแรก ฉันถามพ่อว่ามันจะจำพวกเราได้มั้ย พ่อตอบว่า "จำได้อยู่แล้วสิ" และมันก็ยอมให้ฉันลูบหัวมันเบาๆ ฉันมองเข้าไปในดวงตาสีควัน ดวงตาสีฟ้าอ่อนเป็นประกายคู่นั้นได้หายไปพร้อมกับวัยเด็กแล้วแต่มันยังคงเป็นมะระตัวเดิม มะระที่ไม่เคยยอมให้ตัวเองต้องถูกกักขังอยู่แต่ในบ้าน ที่รอบคอของมันยังมีร่องรอยของปลอกคอที่ตาเคยผูกมันเอาไว้ ถึงแม้ว่าปลอกคอนั้นจะถูกเอาออกไปแล้วก็ตาม พ่อเล่าให้ตาฟังเรื่องมะระแต่ตาก็ไม่คิดที่จะไปเอามันกลับมา ตาไม่แสดงความเห็นใดๆเลยด้วยซ้ำ ตาเพียงนั่งฟังอย่างตั้งใจด้วยรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของตา
Create Date : 24 กันยายน 2553 |
|
9 comments |
Last Update : 24 กันยายน 2553 21:00:48 น. |
Counter : 813 Pageviews. |
|
|
|