ติดต่อพูดคุยกันได้ในเฟซบุ๊คเพจนะคะ
https://www.facebook.com/srisurangwriter
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
14 กรกฏาคม 2549
 
All Blogs
 

วินธัย ๙ พระราชอาญา







๙. พระราชอาญา

เมื่อพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าเกษรารัตนารีเสด็จถึงท้องพระโรงใหญ่แห่งศศิประภาราชมณเฑียร ตามเวลาในหมายกำหนดการเพื่อพิจารณาคดีนั้น การณ์ปรากฏว่า ได้ทรงพิจารณาโทษสำเร็จแล้ว เนื่องด้วยเรื่องไขน้ำอันเป็นลำดับก่อนหน้านั้นเสนาบดีผู้ทูลถวายรายงานล้มป่วยไม่อาจมาได้

“เบิกพยานผู้เห็นเหตุการณ์ตรงกันแน่นอนกว่าสองผู้ ทั้งจำเลยรับต่ออัยการผู้สอบสวน ความว่าได้หยิบฉวยทองตราหลวงมาโดยมิทรงทราบ อาศัยความโลภวางเงินพนันต่อนายบ่อน นายบ่อนไม่รับเพราะระแวงฐานะของตน แต่ตนก็ยืนยันจะให้รับ

ขณะนั้นมีพลตระเวนผ่านมาจึงหลบหนี เมื่อนายตำรวจทั้งหลายเห็นพิรุธเข้าจับกุมได้ต่อสู้ ไม่ยินยอม จนพ่ายแพ้ ตีตรวนจำไว้รอพิจารณาคดี…

บัดนี้ทรงประจักษ์โทษแล้วให้ลงอาญา ฐานลักขโมยราชทรัพย์ ทวนลวดหนัง ๕๐ ที ฐานละเมิดกฎเรื่องพนัน ทวนหวาย ๒๐ จำขื่อคาตีตรวนประจานที่ประตูประจิมสองราตรี แล้วให้ปลงลงมาจำไว้ในตรุอีกกึ่งปักษ์ ให้เบิกราชมัลแล้วพระเจ้าค่ะ”

ที่สันทิฏฐ์มหาดเล็กในพระองค์ซึ่งมาคอยฟังเรื่องวิ่งเข้ามารับเสด็จตั้งแต่นอกปราสาทพลางรายงานการพิจารณาคดีระหว่างทรงดำเนินแทบวิ่งเข้าสู่ศศิประภานั้น ให้ร้อนพระทัยเพียงไหนก็ไม่มีเวลาจะบริภาษอย่างเคย เสด็จล่วงทวารเวหาสธำรงค์เข้าไปโดยมิรอทั้งเสียงระฆังและการถวายความเคารพ

ไม่น่าชะล่าพระทัยในกำหนดการเดิม แต่ที่ไม่ทรงส่งหมายมาทูลพระบิดาก่อนว่าจะเสด็จมาฟังด้วยก็เพราะมิต้องการให้เอิกเกริกผิดสังเกต เหตุนี้พระบิดาจึงมิทรงรอ…..

ช้าไปคราวนี้คงมิอาจอภัยพระองค์เอง

เวหาสธำรงกระจ่างด้วยแสงตะวันบ่ายจากพระบัญชรรอบทิศ เฟื่องโคมแก้วห้อยระย้าระยิบ เพดานสีหมอกและม่านหนาสีครามแขวนตัวสงบนิ่ง เสียงเคาะกรับและขานโทษของอาลักษณ์ก้องห้องแห่งความยุติธรรมกว้าง

“ชุดแรก ๑๐ โบย..”

ราชมัลเงื้อหวายขึ้นสุดล้า ก่อนที่จะตวัดลงมาพระสุรเสียงแหลมกรี๊ดขึ้นขวางไว้กลางคัน”

“หยุดนะ !!”

ทุกผู้ในห้อง แม้แต่องค์พระผู้ทรงภพเองยังสะดุ้ง เมื่อพระราชยุพเรศเสด็จเข้ามากลางโถงใต้ช่อเศวตฉัตรล้อมจันทราแก้วกลางเพดาน ถวายความเคารพพระบิดา การณ์ทุกอย่างหยุดลงชั่วคราว ราชบริพารทั้งหมดที่เฝ้าฯ อยู่ถวายความเคารพอย่างต่ำพร้อมกัน

ทรงเห็นสีพักตร์แปลกพระทัยของพระบิตุเรศ

“หญิงว่าจะมาฟังด้วย เพราะเป็นคนของหญิง ไม่ทราบเสด็จพ่อเลื่อนกำหนดการเพคะ”

เสด็จมาหมุนพระองค์ประทับพระที่นั่งต่ำลงมาเบื้องซ้ายขององค์กษัตริย์ แล้วจึงทอดพระเนตรเห็น ‘คนโทษ’

ต้องจองจำด้วยตรวนเหล็กหนาพร้อมโซ่ที่เท้าทั้งสอง กุญแจเหล็กที่มือทั้งสองข้าง นุ่งผ้าเนื้อหยาบสีเทาหม่นของผู้ต้องหาว่าเป็นโจร ตามเนื้อตัวมีรอยบาดเจ็บและพันด้วยผ้าพันแผลหลายแห่ง หมอบอยู่ที่พื้นเบื้องพระพักตร์ห่างออกไปกลางท้องพระโรง ทอดสายตาต่ำมองเพียงพื้นพระมณเฑียรเบื้องหน้าของตน สีหน้าสงบ

ทอดพระเนตรรอบออกไป เห็นผู้มาเฝ้าทูลละอองพระบาทมากหน้าหลายตา อาจทรงอุปาทานไปว่าทุกผู้ซึ่งทรงคุ้นหน้าว่ามียศสูงนั้น มีสีหน้าซีดและเคร่งเครียด เฉพาะดวงตาคู่หนึ่ง สีสนิมเหล็กภายใต้คิ้วที่เปลี่ยนเป็นสีเทาหมดแล้วนั้น เจือความเจ็บปวดเหลือจะทนไว้ภายใน

“รับสั่งให้ทวน..เอ้อ..หวายหรือเพคะ” พระสุรเสียงสั่นน้อยๆ

พระบิดาจำต้องทรงอธิบาย

“ฐานแรก ในพระอัยการจารไว้ว่าโทษอย่างต่ำทวนลวดหนัง ๕๐ พ่อเห็นเวทนานักลดลงให้เป็นหวาย เพิ่งจะได้เข้ารั้วเข้าวัง เห็นเครื่องทองของดีๆ”

พระธิดาพระพักตร์ผ่าว “รับว่า ขโมย รึเพคะ”

“ใช่” ทรงรับคำพระธิดา โบกพระหัตถ์จะให้ดำเนินการต่อ เจ้าฟ้าหญิงเกษราทูลขึ้นว่า

“คนของหญิง ให้หญิงโบยเอง !”

“ลูกหญิง !” พระบิดาทรงปราม

“ถ้าไม่โบยเองไม่หายแค้นหรอกเพคะ” ตรัสสิ่งที่คงเหนือความคาดหมายของทุกผู้ ณ ที่นั้นด้วยเสียงเกรี้ยว

“หัวขโมยแล้วยังโง่บัดซบ ไม่สมว่าเป็นศิษย์ท่านมหาราชครู หยิบปั้นทองตราไปแล้วก็ไปแทงทั้งอย่างนั้นแหละ ทองตราพระราชธิดาผิดกว่าสามัญ หญิงจะหยิบยื่นให้ใครก็ต้องรู้ทั่ว จะไปซุกแอบซ่อนหลอมเสียใหม่ก็ไม่รู้จัก ให้นายบ่อนมันซัดมาถึงหญิงได้เสื่อมเกียรติ…”

ก็เท่ากับตรัสว่า ศิษย์ของมหาราชครูหรือจะโง่เง่าเพียงนั้น ถ้ามิได้รับบัญชาให้นำออกไปก็คงต้องหาอุบายมาพรางให้แนบเนียนได้ หรือว่าการที่พระองค์ประทานสิ่งของทั้งนั้นก็ต้องหาคนเป็นพยานได้อีก !!!

มีพระประสงค์เช่นไรกันจึงตรัสเยี่ยงนี้

ทั่วทั้งท้องพระโรงสงบเสียง ไม่ทราบว่าเหตุใดบันดาล จึงคนโทษในเครื่องจองจำถวายบังคมต่ำด้วยศีรษะ แล้วทูลขึ้นว่า

“ทองธรรมดาหนักถึงเพียงนี้นายบ่อนไม่รับแทงหรอกพระเจ้าค่ะ ต้องแอบอ้างพระนามจึงได้รับความยำเกรงและไม่ถูกโกง ลูกศิษย์ท่านครูคิดวิธีนี้ได้จึงลงมือลักปั้นทองไปแทง ที่สารภาพก็เพราะหลักฐานมัดตัว เป็นหนทางดีที่สุดที่จะได้รับพระเมตตาทุเลาโทษ”

เจ้าฟ้าหญิงเกษราตกพระทัยยิ่ง มิใช่ความปากกล้าของมหาดเล็กใหม่ แต่เป็นการคาดผิดในพระทัยพระองค์เอง ทำไม ปกติไม่เห็นจะเป็นอย่างนี้ ที่ควรพูดความจริงกลับไม่พูด จะต้องมาพูดสิ่งที่ไม่ทรงคาดฝันหรืออยากจะให้พูดโดยสิ้น ไหนทีแรกเป็นคนตรงยังไง

ทรงขยี้พระบาท ไม่รอดพ้นจากสายพระเนตรพระบิดา

“บังอาจ!!” พระธิดาตรัสได้เพียงนั้นก็ทรงอึ้ง พ่ายแพ้แก่สายตาที่ยิ่งกว่าบังอาจคู่คมปลาบ ที่ปราดขึ้นมองสบพระเนตร เสมือนจะบังคับให้พระองค์หยุดพระดำรัสใดๆ ทั้งปวง เกษรารู้ ยิ่งตรัส ยิ่งเข้าพระองค์ ก็นี่มิใช่สิ่งที่ทรงพระประสงค์แต่แรกหรือเล่า

เสนาบดีและข้าราชบริพารทั้งหลายที่มาเฝ้าฟัง พากันแลดูตากันไปมา ถึงกับมีเสียงกระซิบกระซาบขึ้นเบาๆ ต่อหน้าพระที่นั่ง สมเด็จพระเจ้าราชาธิบดียกพระกรห้ามเสียงก่อนมีพระราชดำรัส แววพระเนตรสะเทือนพระทัย

“ศิษย์วามิศฉลาดเกินไป… ในการที่จะเอาตัวเข้ารับผิดแทนนายจริงๆ ในครั้งนี้” ถึงกับพระสุรเสียงสั่น

“ถ้าเกษราไม่เข้ามาเองแล้วคราวนี้เราคงจะต้องตัดสินผิด เพราะความเข้าใจไปทางเรื่องที่เจ้าบอก บางที เจ้าจะรู้ข้อกฎหมายดีกว่าราชธิดาของเรา ที่ดีแต่มุทะลุตามใจตน ว่าขัตติยะพึงรักษากฎให้เห็นเป็นตัวอย่าง ผิดกฎเข้าแล้วก็ไม่มีละเว้นยิ่งกว่าสามัญในน้ำใจมหาราชของเจ้า”

พระดำรัสช้าและชัด ทรงโทมนัส

“ดีเหมือนกัน คุกราชวงศ์เราว่างมานานเต็มทีแล้วนี่นะ”

พระสุรเสียงค่อยเปลี่ยนเป็นเข้มงวดต่อพระธิดา

“เกษราเจ้ามีความจริงจะรับก็รับมา ไม่ต้องมาเล่นแง่ต่อหน้าพ่อ!”

พระธิดาพักตร์ซีด แต่ไม่เท่ามหาดเล็กใหม่ที่ราวกับหัวใจหายออกไปจากอก ศีรษะตกก้มหน้าต่อพระราชวินิจฉัยและสายพระเนตรอันทอดเหนือหล้าปาลีรัฐแจ้งด้วยประการทั้งปวงเหลือที่จะปิดบังได้ พิรุธเพียงเล็กน้อยก็ทรงคะเนเรื่องราวได้ตลอด และคราวนี้ทรงพระพิโรธนัก ยินเพียงสุรเสียงเล็กแผ่วเบากราบทูล

“เพคะ… ขอพระราชทานพระกรุณา หญิงผิดเอง หญิงควรจะบอก… ว่าให้เขาจับ แล้วให้การแต่ที่ถูกต้อง ว่าราชธิดาบังคับใช้ให้ไปทำการละเมิด ปั้นทองทั้งสองหญิงมอบให้ไปวางแทนตัว ต่อหน้าข้าหลวงอีกสองคนเป็นพยานได้เพคะ”

“จริงดังนั้นหรือเช่นไร รับคำสัตย์มาให้ตรงกับเจ้านายของเจ้าซิ” มีพระกระแสรับสั่งถาม

“พระเจ้าค่ะ”

ถึงแม้จะยังประทับนิ่ง และวินธัยมิได้เงยหน้าขึ้น แต่ก็ทราบได้ว่าทรงพระพิโรธเพียงไหนเมื่อตรัส

“ถ้าอย่างนั้นทั้งนายทั้งบ่าวก็คบคิดกัน ให้อาญาฐานละเมิดทั้งคู่ !!”

อาลักษณ์บังคมแล้วอ่านพระมณเฑียรบัญญัติจารโทษอีกครั้ง

“ข้าราชบริพารอันมีหน้าที่ในพระราชฐานทั้งสิ้น ละเมิดกฎเล่นพนันกันเองหรือพนันในบ่อน ทวนหวาย ๒๐ จำขื่อคาตีตรวนประจานที่ประตูประจิมสองราตรี แล้วให้ปลงลงมาจำไว้ในตรุอีกกึ่งปักษ์”

ทรงพระราชวินิจฉัยกำหนดโทษ

“ข้าละอายเหลือเกิน จะให้ประจานลูกตัวเอง ให้รวมเป็นโบยสามสิบก็แล้วกัน…”

เหล่าข้าราชบริพารทั้งอาวุโสและอ่อนอาวุโสต่างลุกขึ้นนั่งคุกเข่ากราบบังคมทูลพระกรุณากันถ้วนทั่ว ทรงอนุญาติอัยการเตชสีผู้มีหน้าที่แลอาวุโสก่อน

“สำหรับพระราชวงศ์ควรเว้นโทษโบยพระเจ้าค่ะ ควรแต่ปรับไหมพระราชทรัพย์ จำกัดบริเวณหรือโทษอื่นที่สมควรพระยศ ส่วนข้าบริพารที่ต้องหานั้นสมควรตามพระอัยการอยู่พระเจ้าค่ะ”

พระราชธิดาเสด็จจากพระที่นั่ง ลงหมอบแทบพระบาทเบื้องหน้าพระบิดา กราบบังคมทูล

“ท่านพ่อ โบยหญิงเถิดเพคะ หญิงทำผิดแล้ว ทำให้ท่านพ่อเสียพระทัยนัก หญิงไม่ขอพระเมตตาลดโทษพอตัวรอดเลย หญิงทำเรื่องใหญ่ทั้งนี้แล้ว เพียงอยากกราบบังคมทูลถามท่านพ่อ ทรงตอบลูกได้ไหมเพคะ ที่เป็นความผิดต้องอาญาครั้งนี้ เป็นเพราะหญิงเป็นลูกพ่อ หรือเพราะการข้องเกี่ยวกับอบายมุขเพคะ”

พระเจ้าอยู่หัวประทับทอดพระเนตรนิ่ง กล้ำกลืนสงบพระอารมณ์มิได้ตรัสตอบ

“ถ้าหญิงเป็นลูกเขาอื่น สักว่าทาสในเรือนใด ได้เศษเหรียญสักว่าแค่ค่าต่ำสุดเพียงสัปปะเดียว เอาไปพนันกัดลูกปลากับเขาคงพ้นพระอาญา” ทรงอึกอักตรัสมิค่อยถูก

“ก็หญิงคิดว่าสัปปะหนึ่งสำหรับลูกทาสดูมากแล้ว คงจะพอเทียมเท่าสองปั้นทองของราชธิดาไหมเพคะ เป็นลูกทาสแทงพนันอย่างใดก็ไม่ผิด ถ้าหากว่าหญิงมิได้ผิดที่เป็นลูกพ่อ แต่เพราะการข้องเกี่ยวกับอบายมุข เป็นทางไปสู่ความเสื่อมเสีย ให้อาณาประชาราษฎร์หวาดกลัวในใจว่า ราชวงศ์ผู้คุ้มเกล้าของเขาต่อไปภายหน้าอาจมีจิตบิดเบือนไปด้วยความโลภ ทำลายราชทรัพย์ทั้งหลายอันได้มาด้วยความเหนื่อยยากของเขานี้ลงไปในบ่อน แล้ว แล้วที่จริง ไม่ว่าเจ้าหรือข้าแผ่นดิน ลองได้มีจิตหลงมัวเมาด้วยโลภะและอบายมุขแล้วย่อมนำความเสื่อมมาสู่ครอบครัวและแผ่นดินดุจเดียวกัน”

ทรงวิงวอน

“ก็หญิง.. ถ้า ถ้า ท่านพ่อไม่อยากให้ลูกหญิงเล่นม้า เล่นพนัน แล้วก็ขอความยุติธรรมให้หญิงบ้าง อย่าให้ลูกของใครๆ ได้เล่นกันเกินหน้าหญิงเลย..”

“เหลวไหล !!” ตรัสกึกก้อง “กงการอะไรของเจ้า !”

ทั้งที่ทุกคนย่อมรู้ว่า องค์ราชธิดาก็ทรงกลัว แต่ไม่ทรงยอม

“ก็หญิงทูลท่านพ่อตั้งหลายครั้ง ไม่เคยทรงเห็น ทรงฟัง ใช่เพคะหญิงเป็นเด็ก ก็ทำได้อย่างเด็กๆ แบบนี้แหละเท่าที่หญิงคิดออกแล้ว !”

“อยากให้พ่อโบยเจ้าจริงๆ ใช่ไหม ?”

“อยากให้แผ่นดินนี้ไม่มีอบายมุข ไม่มีเด็กกำพร้าไร้ผ้านุ่งห่มเพราะพ่อแม่ของเขาเอาเงินไปละลายในลู่ม้าหมด อยากให้ไม่มีบ่อนนายตวง บ่อนไหนๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะแลกด้วยการถูกโบยกี่ที !!”

ความจริง ทูลกระหม่อมเกษราพระทัยร้อนเกินไปด้วยวัยเยาว์ ไม่ทรงทราบว่า เรื่องใดๆ ก็ตามย่อมอยู่ในพระราชวินิจฉัยที่จะค่อยๆ ทรงดำเนินการเปลี่ยนแปลงโดยละม่อม กระทบกระเทือนกันให้น้อย และอาจบางทีมีราชภารกิจที่สำคัญก่อนหน้ามากอยู่

การที่ทรงหาเหตุเร่งให้เรื่องที่อาจเป็นไปในอนาคตเกิดเร็วขึ้นนั้น ไม่เป็นปัญหาที่พระบิดาจะไม่พอพระทัย แต่ที่องค์กษัตริย์กริ้วนักก็เพราะสิ่งที่ทรงทำเป็นเหตุให้ต้องทั้งโทษและเสื่อมพระเกียรติไปพร้อมกัน

“เอาตัวไปขังไว้ในตำหนักก่อน โทษของพระเจ้าลูกเธอข้าจะตัดสินอีกครั้ง ส่วนข้าฯ ที่ใช้ไปทำการก็จัดการโทษให้สำเร็จเสียตรงนี้ !”

พระธิดาเหลียวไปมองคนโทษ เบื้องหลังพระองค์ แล้วกราบบังคมทูล

“คนผู้นี้เพียงทำตามคำสั่งบังคับของหญิงทั้งที่มิได้มีใจเห็นด้วยเพคะ ถึงการนั้นจะผิดกฎ หรือผิดศีลธรรม เมื่อทำหน้าที่ตามคำบัญชาโดยเคร่งครัดแล้ว ก็ควรหาโทษมิได้นะเพคะ”

เจ้าแผ่นดินปาลีรัฐทรงนิ่ง ให้พระธิดาทูลความสืบไป

“ดังเช่นว่านายทัพสั่งทหารให้ฆ่าคนอีกผู้หนึ่ง การฆ่าโดยปกติเป็นความผิด หากใครคนหนึ่งเจตนาคร่าชีวิตของผู้อื่น เขาย่อมได้รับโทษผิดต่อราชการ แต่เมื่อนายทหารปฏิบัติหน้าที่ประหารบุคคลตามคำสั่งผู้บังคับการ เขาย่อมไม่มีความผิด…

ที่หญิงสั่งให้ไปแทงพนัน นายคนนี้ก็ได้พูดคัดค้านแล้ว หญิงยังยืนยันให้ไป เพียงมิได้บอกว่าจะเป็นไปด้วยเหตุผลใด ดังนี้ย่อมควรถือว่ามหาดเล็กรับใช้ไปราชการด้วยความจงรักภักดี

แต่เมื่อเหตุกลับกลายเป็นว่า ทำตามหน้าที่แล้วเกิดผลร้ายต่อเจ้านายตน หากเป็นทหารสังกัดกรมกองอื่น ไม่ได้รับคำสั่งเพิ่มก็ชอบแต่จะอยู่เฉยไม่ปฏิบัติเกินเลย

แต่เหตุเพราะหน้าที่เป็นมหาดเล็กตำหนักใน ถึงอย่างไรก็ต้องมีหน้าที่ป้องกันพระราชวงศ์หรือเจ้านายของตนด้วยอีกสถานหนึ่ง เมื่อภัยจะมาถึงลูกต่อหน้าตนอย่างนี้ ก็ชอบที่จะเข้าป้องกันโดยมิพักให้สั่ง ที่นายมหาดเล็กให้การเอาความผิดใส่ตนให้พ้นจากลูกนี้จึงเป็นการปกป้องพระราชวงศ์โดยตรง สมควรให้อภัยอีกด้านหนึ่ง

ท่านพ่อโปรดทรงพระกรุณา หากไม่ทรงยกโทษในข้อนี้แล้ว ยามเมื่อมีเหตุร้ายทำนองเดียวกันนี้หรือภัยอย่างอื่นมาสู่พระราชสกุล เหล่าข้าราชบริพารอันมีหน้าที่ก็จะพากันถือกรณีนี้เป็นอุทาหรณ์ให้เสียขวัญ พากันเอาตัวรอดให้พ้นผิดก่อนคิดป้องกันเจ้านายนะเพคะ

ในกลางศึกหญิงได้ร่ำเรียนมาตามตำรา ว่าพลไกรแกล้วกล้าเอาอกตนออกรับอาวุธข้าศึกแทนแม่ทัพได้รับเกียรติยศและการเชิดชูในความกล้าหาญ และแม่ทัพที่ดีเดินหมากแล้วรับผิดชอบเต็มในการตัดสินใจของตนต่อองค์กษัตริย์ คล้ายว่าครานี้หญิงสั่งเดินทัพพลาด จะตัดก็ตัดศีรษะหญิงเถิดเพคะ พลเดินเท้าทั้งร้อยทั้งพันที่ทำหน้าที่เพียงเดิน ไม่สมควรขาดศีรษะด้วยเลยแม้คนเดียว”

ทรงคาดว่าพระราชบิดาจะเห็นพระทัยคล้อยตาม หรือพอพระทัยในการทูลที่ทรงตั้งใจเหลือแสน แต่สังเกตจากสีพระพักตร์ที่ยิ่งกริ้ว และดูคล้ายจะเสียพระทัยหนักขึ้น ทำให้เกษรารัตนารีสูญเสียความเชื่อมั่นพระองค์เอง ประทับนิ่งงันไปในที่สุด

“คนอื่นใครมีอะไรจะพูด”

คนโทษคงก้มหน้า ขณะที่บุรุษชราค่อยๆ ยืดกายขึ้นจากมุมห้อง เข้ามาถวายความเคารพ

“สมเด็จเจ้าฟ้าเกษราตรัสถูกต้องงดงามยิ่งพระเจ้าค่ะ แต่ยังมิครบถ้วน แม้พระองค์มิได้เจตนาหลบหลีกพระอาญา และข้ารองพระบาทผู้ร่วมกระทำผิดก็ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบต่อพระราชธิดา แต่กลับผิดต่อองค์มหาราช…

แม้สถานที่ไต่สวนจะเป็นเมืองฟ้า มิประกอบด้วยเจ้าหล้าแห่งปาลีรัฐผู้ทรงอาญาสิทธิ์เหนือการทั้งปวงในราชธานีนี้แล้ว จะให้การอย่างใดอันเป็นประโยชน์แก่พระธิดาย่อมทำได้โดยไร้มลทิน แต่องค์พระมหากษัตริย์ทรงออกว่าการไต่สวนเองฉะนี้ กล่าวเท็จหน้าพระที่นั่ง ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนและกล่าวเพื่อการใดย่อมฟังเหตุผลไม่ขึ้นว่าจะพ้นผิด

ด้วยความจงรักภักดีในราชสำนัก เกล้ากระหม่อมวามิศ เห็นสมควรพิจารณาโทษแก่วินธัย ในเหตุอันอภัยมิได้นี้พะย่ะค่ะ”

“โทษมีเท่าใด ท่านครู”

มิต้องให้อาลักษณ์ขาน บทพระอัยการขึ้นใจอยู่ในความจำของวามิศมหาราชครู

“ตั้งแต่ตัดศีรษะเสียบประจาน จนลงหวายชุดหนึ่ง ต่ำกว่านี้ไม่มีพระเจ้าค่ะ”

โทษของทั้งคู่คงจะไม่กระไรนัก ถ้าทูลกระหม่อมจะมิทูลขึ้นว่า

“ท่านพ่อถ้าจะโบยก็โบยหญิงด้วย นายคนนี้เพิ่งเข้ารับราชการอยู่กับหญิงได้ไม่ถึงสัปดาห์ยังรู้จักจงรักภักดี หญิงให้ออกหน้าไปตายแทนแล้วไม่ขอรับโทษต่ำกว่ากัน”

ดูเหมือนจะกริ้วที่สุดก็คราวนี้ พระเจ้าธตรัฐกระแทกธารพระกรปัง ทั้งท้องพระโรงเงียบสงัด

“เอาไปขังไว้เดือนหนึ่งทั้งคู่ ให้เจ้าคนเท็จไปรับใช้นายมันในคุก ผูกตรวนไว้กับผุ้คุม ห้ามเยี่ยม ห้ามน้ำอาหารพิเศษ ห้ามสนองพระโอษฐ์กำนัลทั้งหมด ห้ามแพรพรรณเครื่องประดับ ไม่ให้ใช้ห้องขังราชวงศ์ ใช้อุกฤษฏ์โทษหญิงที่ว่างอยู่ใต้ทิมโขลนนั่นแหละ !”




****************************************************

ราชมัล – เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำโทษคน ราชมันก็เขียน
ตรวน – เครื่องจองจำนักโทษ ทำด้วยเหล็ก ใช้จำขาทั้งสอง




 

Create Date : 14 กรกฎาคม 2549
2 comments
Last Update : 30 เมษายน 2553 20:57:24 น.
Counter : 1164 Pageviews.

 

บทนี้ดุเดือดมากค่ะ อาจมา 2-3 ก็ให้งงว่าทำไมเกษราถึงอยากเล่นการพนันนัก มาเฉลยเอาบทนี้เอง

 

โดย: แม่มดจิ๋ว 6 กรกฎาคม 2550 15:32:54 น.  

 

ใช่แล้วค่ะ

 

โดย: ศรีสุรางค์ 15 กรกฎาคม 2550 13:18:05 น.  


ศรีสุรางค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]












visit me at:
Srisurang's book recommendations, liked quotes, book clubs, book trivia, book lists (read shelf)




ประวัติผลงาน





สงวนลิขสิทธิ์

การนำส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของงานเขียนในเว็บนี้ ไปเผยแพร่ ดัดแปลง เสนอขาย โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
Srisurang's bookshelf: read

หัวใจที่ถูกจอง รักนี้ (ไม่) มีสตรอว์เบอร์รี รวมมิตรแต้พานิช มายานาง เจ้าดวงใจ คนในผ้าเหลือง A Man in Saffron Robes

More of Srisurang's books »
Book recommendations, book reviews, quotes, book clubs, book trivia, book lists

My Goodreads bookshelf

Dream Lake
Rose
เหยื่ออธรรม
ประมูลหัวใจ
Something About You
ปทมาศวรรย์
อานาปานสติ วิถีแห่งความสุข
Celebrity in Death
The Madness of Lord Ian Mackenzie
รักหลงฤดู
สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่ เล่ม 1
จิตสดใสแม้กายพิการ
Love me, please...เพียงรักฝากใจ
พระสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ภาค๑ และอรรถกถา Tipitaka The Pali Canon (Thai Translation) Book 15
Born in Sin
Dark Desire
ตุ๊กตา
นาคราช
ทวิภพ
Red River, Vol. 8


Srisurang's favorite books »
Friends' blogs
[Add ศรีสุรางค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.