ติดต่อพูดคุยกันได้ในเฟซบุ๊คเพจนะคะ
https://www.facebook.com/srisurangwriter
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
12 กรกฏาคม 2549
 
All Blogs
 
วินธัย ๗ คนสำคัญ






๗. คนสำคัญ

“จะยากอะไรนักหนา เราไม่ได้ให้พวกเจ้าเผากระเบื้องฝังโลหะเงินใหม่เสียหน่อย แค่ใช้ผ้าไหมปักเส้นเงินสลับมุกตามลายที่สั่งมาบุผนัง มันควรจะเสร็จตั้งหลายเพลามาแล้ว”

สุรเสียงใสทรงบ่นอย่างหงุดหงิดปนอ่อนใจ ผู้เฝ้าอันเป็นช่างแต่งพระตำหนักหกคนหมอบเงียบกริบ แลดูตากันไปมา จนในที่สุดนายหัวหน้ารวบรวมความกล้าขึ้นกราบทูล

“งานปักผ้าพวกเกล้าฯ ไม่ถนัด ต้องไปว่าช่างพระภูษา เขาก็..เอ้อ…ติดงานพระองค์สุภัค..พะยะค่ะ”

ขมวดพระขนงฉับทันควันประทับยืน แต่ในที่สุด คำตรัสบริภาษซึ่งทุกผู้คาดว่าจะได้ยินก็ไม่หลุดล่วงพระโอษฐ์อ่อนบางมาแม้แต่น้อย

“เสร็จงานพี่สุภัคแล้วเร่งให้เราเร็วที่สุดก็แล้วกัน ไปได้”


เมื่อหมดเรื่องช่างทั้งหลายพรูกันออกจากห้องเฝ้าฯ ชั่วคราวไปแล้วอย่างรวดเร็วรู้พระทัย หนึ่งนางพระพี่เลี้ยงที่หมอบเคียงพระบาทก็ลุกขึ้นนั่งทูล

“ทรงห่วงแต่ห้องทรงฟ้าหรือเพคะ ฉลองพระองค์ใหม่ยังไม่ได้ประทานแบบเลย”

เสด็จดำเนินหนักๆ วนเวียน

“ขี้เกียจคิด ! ชุดอะไรๆ ก็ได้ทั้งนั้นแหละ ตอนนี้ยังกับจะมีคนทำให้เรา เขาตัดเสื้อผ้าใหม่กันไว้ให้ใช้ได้ไปทั้งปีหน้าหรือยังไงกันนะ”

คราวนี้นางข้าหลวงสาวรุ่นผู้มีผมดำยาวรวบขมวดมวยไว้ที่ท้ายทอยกราบทูลบ้าง

“พระองค์สุภัคฯ ทรงเข้าพิธีหมั้นทั้งทีนะเพคะ”

ใบหน้าของเธอแม้จะเรียบๆ แต่ดวงตารูปเมล็ดแตงทั้งคู่เปล่งแววสดใส

“แล้วยังไง เราไม่ใช่เจ้าสาว จะแต่งแง่แต่งงามไปอวดใคร”

นางข้าหลวงอิสรีกลอกตาไปที่ประตู

“อุ๊ย อย่าตรัสเช่นนี้สิเพคะ ถ้าพระนมอัสสิริมาถึงห้องข้างหน้าแล้วละก็”

จะได้รีบกลับเร็วๆ !” ตรัสแล้วหมุนพระองค์กลับมาประทับพระเก้าอี้ที่เดิม มีพระดำรัสกับนางพระพี่เลี้ยงอีกผู้หนึ่งซึ่งมีวัยสูงกว่า ไว้ผมยาวงอนปลายแค่คอ ประดับดอกมะลิที่เหนือจอนหูข้างหนึ่งว่า

“ธันยา จัดการให้เราเหมือนเคยนะ”

พระเนตรทั้งสองซึ่งเคยเปล่งแสงเจิดจรัสดุจดาวหม่นแสงลง ทอดพระเนตรเหม่อมองดอกชวนชมที่ริมพระบัญชรรำพึง

“พี่สุภัคจะแต่งไปกับสามัญชนแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจริง”

“ยังไม่ทรงกำหนดการอภิเษกนี่เพคะ” พระพี่เลี้ยงทูล

“ใช่ พี่หญิงคงจะรอฟังความเห็นใครๆ ถึงเขยคนใหม่ก่อน” ทรงหมายถึงประชาชนทั่วไปที่จะได้ทราบ

“แล้วยังมีระยะเวลาในการค่อยปรับตัวกันทั้งสองฝ่ายใน ‘ฐานะใหม่’”

“คุณปารเมศ กิริยาดีไม่มีที่ติ ท่านสุเทพผู้บิดาก็สนองพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าฯ ในการต่างเมืองได้ถูกพระทัยยิ่งอยู่นะเพคะ ท่านมารดาก็นับว่ามีเชื้อสาย”

พระพี่เลี้ยงที่ยังไม่มีอาวุโสนักนามธันยานี้ เป็นบุตรีอดีตมหาอำมาตย์ใหญ่ผู้หนึ่งซึ่งหาชีวิตไม่แล้ว ได้รับการถ่ายทอดวิชาทางการปกครองและศิลปะมามากอยู่ ทั้งยังตามพระทัยเป็นที่ยิ่ง จึงเป็นที่รักถูกพระอัธยาศัยพระราชธิดานัก

“ถึงอย่างไรก็เป็นคนธรรมดา…”

“งานมงคลใหญ่เห็นจะอีกไม่เกินปี…”

“เห็นว่าจะทรงให้ปลูกตำหนักใหม่ทางเหนือเมืองนะเพคะ”

“จะคิดเรื่องนี้กันทำไม” ทรงตัดบท “อีกตั้งนาน คิดถึงการเฉพาะหน้านี้ดีกว่า”

นางข้าหลวงอิสรีลุกไปไล่มหาดเล็กเวรประตูไปแล้วหับพระทวาร ลุกลนเข้ามาทูล

“จะทรง…อีกหรือเพคะ”

“ใช่ซิ” ทรงรับสุรเสียงสูง

“คนที่..ทรงหมายไว้” พระพี่เลี้ยงทูลค่อยๆ “จะใช้ได้ดังพระประสงค์หรือเพคะ เกล้าหม่อมฉันเกรงว่าจะ”

“คนนี้แหละเหมาะ” ทรงหมายมั่น รอยสรวลปรากฏที่ริมพระโอษฐ์

“ปากกล้านัก แม้แต่เราก็ไม่รู้จักกลัว การนี้ดีแน่!”


เสียงเกราะไม้เล็กนอกพระทวารดังเบาๆ

“คุณนมมาถึงแล้วเพคะ”

เจ้าฟ้ายุพเรศเกษราต้องทรงต้อนรับอดีตพระนม ผู้ซึ่งทูลลาจากราชการเมื่อทูลกระหม่อมเจริญพระชนม์จนเหลือที่จะทนรับสนองพระบัญชาไหว เข้าไปรับใช้ข้างใน สอนนางข้าหลวงสาวๆ ที่เรียบร้อยกว่าได้เกือบสี่ปีแล้ว เข้ามากราบบังคมทูลพระกรุณารับพระราชทานพระพรในวันครบอายุสี่รอบของตน

พระราชกุมารียามที่ตั้งพระทัยปฏิบัติภารกิจในราชพิธีก็ทรงสงบเสงี่ยมงดงาม ถูกต้องตามขัตติยะประเพณีทุกประการได้โดยมิมีบกพร่อง ทั้งที่เมื่อพระนมคล้อยหลังไปแล้วได้ทรงกระซิบขึ้นกับพระพี่เลี้ยงว่า

“ต่อนี้สิบสองปีจะเข้ามาที สงสาร… ไม่อยากให้เป็นลมเป็นแล้ง เปลืองคนหามกลับ !”

พระพี่เลี้ยงและนางข้าหลวงได้แต่กัดริมฝีปากซ่อนยิ้ม”


จริยวัตรตามพระอัธยาศัยพระเจ้าลูกเธอฯ นั้น ยามเช้าตรู่ หากไม่เสด็จไหนก็ไปรดทรงหนังสือ จนสายแสงสุริยาจัดจึงโปรดรายการเข้าเฝ้าฯ ด้วยเรื่องทั้งมวล

ห้องทิพย์ดุริยางค์ซึ่งจัดให้เป็น ‘ห้องรับแขก’ ชั่วคราวนี้อยู่ชั้นล่างของดาริกานันทสถาน เยื้องมาทางหลังพระตำหนัก ติดกับห้องจัดเลี้ยงใหญ่เดิมซึ่งกำลังให้ช่างดัดแปลงเป็นท้องพระโรงใหม่ ใช้ออกว่าราชการให้ผู้ที่มีกิจทั้งหลายเข้าเฝ้าทูลละอองฯ อันจักได้นามใหม่ว่าห้องทรงฟ้าซึ่งอยู่ด้านหน้าพระตำหนัก

ภายในห้องขนาดย่อมนี้มีประตูใหญ่เปิดถึงห้องทรงฟ้าด้านหนึ่ง อีกด้านเปิดสู่ระเบียงทางเดิน ด้านหลังติดกับห้องเตรียมเครื่อง และด้านสุดท้ายมีระเบียงภายในรูปจันทร์ครึ่งเสี้ยวโค้งออกไปยังสวนรุกขชาติข้างพระตำหนัก หน้าต่างกระจกบานยาวสูงประกอบโดยรอบอาณาบริเวณเล็กๆ นี้เปิดโล่งรับสายลมอ่อนซึ่งโชยกลิ่นหมู่ดอกไม้มาจางๆ

ราชกุมารีประทับคอยผู้มาเฝ้าทีละคณะอย่างพระทัยเย็น ปรกติ เมื่อมีผู้มาเฝ้าจากภายนอกวังหลวงหรือเสนาบดีผู้มียศ จะฉลองพระองค์ด้วยพัสตราภรณ์และอัญมณีมีค่าสมพระยศ เว้นเมื่อมีแต่ผู้เคยคุ้นพระอัธยาศัยจึงจะฉลองพระองค์อย่างง่ายๆ ด้วยชุดยาวผ้าเนื้อหนาสีเรียบ ไม่ประดับรัตนะ หรือฉลองพระองค์พิสดารอย่างอื่น หากมีพระประสงค์ผิดไปจากปรกติ

สายนี้ทรงพระภูษาสีน้ำเงินเข้ม ประดับด้วยพลอยไพลินสมพระเกียรติ สีตัดกันกับห้องเฝ้าฯ อันโปรดให้จัดสีชมพูของยามเย็นเป็นลวดลายผนังและพรม พระวิสูตรไหมสีขาวแขวนขอเกี่ยวด้วยเกลียวเงิน

เสียงเคาะเกราะไม้นอกพระทวารดังขึ้นอีกครั้ง สองนางข้าหลวงหมอบลงใกล้พระบาท

ท่านอนิรุทธ์แม่ทัพหน้า เป็นที่เสนาบดีหนุ่มอันเป็นกำลังสำคัญของแผ่นดิน รองจากแม่ทัพหลวงโกวิท เพราะที่มหาเสนาบดีชุมพล หรืออัครมหาฯ อัสนีอดีตแม่ทัพหลวงนั้นล้วนอาวุโสเกินควรแก่การออกรบแล้วทั้งสิ้น ได้ทำหน้าที่ด้านให้คำปรึกษาเรื่องต่างๆ แก่องค์มหาราช ซึ่งเสนาบดีอันลดบทบาทลงด้วยวัยวุฒิ เหลือเพียงให้คำปรึกษาราชการด้วยวิจารณปัญญา ไม่ต้องออกแรงในสมรภูมิอีกแล้ว มักเรียกกันว่า มหาอำมาตย์ แม้จะยังมีตำแหน่งเสนาบดีอยู่

และเช่นเดียวกัน แม้มหาอำมาตย์บางผู้ ซึ่งเกษียณแล้ว ไม่ได้อยู่ราชการแม้ให้คำปรึกษาแก่องค์กษัตริย์ แต่มหาชนก็ยังอาจเรียกกันด้วยตำแหน่งในอดีตของท่าน ว่าท่านเสนาบดีได้เช่นกัน

ว่ากันว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตได้ถวายตัวถวายวิญญาณต่อพระราชวงศ์แล้ว ถ้าจะได้หยุดพักบ้างเพราะความชรา แต่ก็มิได้ขาดจากราชสำนักเลยตลอดไป

รูปร่างล่ำสัน ออกจะคล้ำนิดๆ ผมหยักศกสีดำสนิท วัย ๔๓ ปี มีดวงตาแจ่มใสเจือแววอารี ติดตามด้วยชายสูงอายุผมขาว ไว้หนวดไว้เคราสวมเสื้อผ้าเก่าสีมอๆ ถวายบังคมเบื้องบาท

“เกล้ากระหม่อมอนิรุทธ์ ขอพระราชทานพระกรุณา เชิญท่านครูวามิศมาเฝ้าทูลละอองพระบาทพระเจ้าค่ะ” ทรงดุษณียภาพรับการกราบทูล

“ทราบเรื่องที่เราจะขอแล้ว ?”

“ทราบด้วยเกล้าพระเจ้าค่ะ”

“การโอนย้ายคงไม่มีปัญหากระมัง ?”

ทรงลูบหนังสือเล่มบางปกหนังอ่อนสีน้ำตาลบนโต๊ะข้างพระที่นั่งเล่นระหว่างที่มีพระดำรัส

“หากต้องพระประสงค์ เกล้าฯ จักจัดการได้ในครึ่งวันพระเจ้าค่ะ”

“แต่ ?”

“ท่านครูผู้ปกครองเลี้ยงดู ใคร่ถวายความเห็นประกอบพระวินิจฉัยว่า ยังไม่เหมาะควรพระเจ้าค่ะ”

“ว่ามา”

รัฐบุรุษอาวุโส มองหนังสือเล่มเล็กในพระหัตถ์ แล้วกราบทูลว่า

“ยังฝึกฝนไม่ครบถ้วนกระบวนความ จะด่วนให้เข้ามารับใช้ใกล้ชิดเห็นไม่เหมาะพระเจ้าค่ะ”

ขมวดพระขนงนิดๆ ผู้ใกล้ชิดก็รู้แล้วว่ากริ้ว แต่ ณ บางขณะ กริ้วสักเท่าใดก็ไม่ปึงปัง แย้มพระสรวล ตรัสช้าๆ

“พูดสวยๆ พูดเท่าไรก็ได้ ข้ารับใช้นายทหารในสังกัดของเรา จะหาสักคนที่ได้รับฝึกมาสักครึ่งของคนของท่าน ยังเกรงจะหาไม่ได้ ท่านครู ท่านตั้งใจมาปรามาสเราถึงตำหนักเชียวหรือ”

“หามิได้พระเจ้าค่ะ” ก่อนที่ผู้ชราจะทูลจบ มีพระเสาวนีย์ต่อว่า

“อีกประการหนึ่ง ให้ฝึกจนแก่แล้ว บางคนก็ยังหาความจงรักภักดีที่เป็นข้อสำคัญไม่ได้ ท่านครูเห็นอย่างไร เรื่อง ‘การในวัง’ ที่เหลือ ให้เราฝึกต่อให้เห็นจะดี ?”

ทั้งที่พระสุรเสียงใสราบเรียบ พักตร์งามประดับด้วยรอยสรวลอ่อนๆ ราวทรงพระเมตตาเป็นล้นพ้น หากอุณหภูมิในห้องราวกับสลับเอาฤดูหนาวและร้อนเข้ามาคั่นไว้ระหว่างวินาที

ท่านครูกราบบังคมทูลบ้าง

“ธรรมดาไม่ต้องฝึกสิ่งไรเท่ามรรยาทและเขียนอ่าน ก็เข้ามารับรองเบื้องพระยุคลบาทได้อยู่พะย่ะค่ะ แต่บางคนฝึกมามากแล้วกลับร้างไว้ในที่สำคัญ คิดกันแล้วเป็นคุณก็คุณมาก หากเกิดเป็นโทษก็เป็นโทษหนักอยู่นะพระเจ้าค่ะ”

“ดูจากประวัติที่ผ่านมา” ทรงเคาะหนังสือนั้นด้วยพระดรรชนี

“จะขาดก็แต่ ประสบการณ์จริงในการศึก กับเรื่องราชสำนักเท่านั้นมิใช่รึ ถ้ายังจะขาดเรื่องศิลปะการร้องรำเล่นดนตรี ร้อยมาลา หรือว่างานช่างหลวง เรารับสอนให้ได้ !”

ฉับพลันรอยพระสำรวลก็เลือนหาย

“ท่านครู… หากท่านมิได้รับราชการสนองพระบิดาและราชวงศ์อย่างสุจริตมาเกือบตลอดอายุขัยเช่นนี้แล้วเราคงต้องคิดสงสัย ว่าท่านจะฝึกคนมารับใช้แทนตัวหรือจะฝึกคนมาชิงราชสมบัติเรากันแน่ ?!?

…ดังนั้น เพื่อความวางใจ เราจำต้อง ‘เก็บ’ นายคนนี้ไว้ใกล้หูใกล้ตาสักหน่อย ที่จะปล่อยไปตระเวนทั่วแผ่นดินอย่างในประวัตินายคนนี้เมื่อหลายปีก่อนเห็นจะไม่ได้แล้ว”

ผู้อาวุโสกราบทูลขึ้นว่า

“จะฝึกคนเป็นครู ก็ย่อมต้องให้รู้ทุกเรื่อง และวามิศมิได้ฝึกคนแทนตัวมาให้มั่วสุ่มสอนพระราชวงศ์ วัยวุฒิ คุณวุฒิและสติปัญญา ย่อมต้องพร้อมบริบูรณ์สมควรเป็นที่เคารพแม้แต่กับพระบรมวงศ์ขององค์สมมติเทพ !”

พระพักตร์ขาวนวลจนตลอดพระศอ ซับพระโลหิตจนปรากฏสีชมพูก่ำ พระดำรัสแผ่วต่ำนั้นสั่นน้อยๆ

“เราเข้าใจแล้ว ว่าท่านครูเป็นผู้ที่เก่งฉกาจ สอนศิษย์มาได้ปากกล้าเช่นกันไม่มีผิด… ถึงอย่างไรเราก็ยังยืนยันเจตนาเดิม” ผินพระพักตร์มายังเสนาบดีแม่ทัพ

“ท่านอนิรุทธ์ เมื่อท่านเป็นผู้สามารถและรับผิดชอบโดยตรง จงจัดการให้เราให้สำเร็จเรียบร้อยในบ่ายวันนี้”

ท่านมหาราชครูยังทูลว่า

“ธรรมดาของสิ่งไรต้องพระประสงค์ ข้าทูลละอองฯ ย่อมยินดีถวาย แต่ของสิ่งไรจำต้องทูลทัดทานแล้ว ควรทรงพินิจให้ยิ่งกว่าเสียงหมู่สกุณาที่ควรรำคาญพระทัยนะพระเจ้าค่ะ”

“ขอขอบใจในความห่วงใยนะท่านครู เมื่อใดที่เราเห็นโทษในคนของท่านแล้ว จะส่งตัวกลับไปให้ฝึกใหม่จนครบถ้วนก็แล้วกัน !!”

ประทับยืนแสดงสิ้นสุดการเข้าเฝ้าฯ

ทุกผู้ถวายคำนับพร้อมเพรียงส่งเสด็จ ซึ่งทรงดำเนินลิ่วลับพระทวารออกไปจนนางข้าหลวงต้องวิ่งตาม

“สำคัญนัก.. คิดว่าสำคัญแค่ไหน”

ตรัสพลางดำเนินพลางผ่านระเบียงทางเดิน ทรงพระพิโรธมากจริง

“ตาแก่นี่ คิดว่าตัวเองเป็นใคร”

ลุพระทวารห้องพระสำราญชั้นบนก็ทรงขว้างหนังสือเล่มเล็กในพระหัตถ์ลงบนโต๊ะอักษร

“หมูเขาจะหาม ดันเอาคานเข้ามาสอด !”

พระพี่เลี้ยงข้าหลวงลนลานตามเข้ามาก็ทรงขับ

“ไปให้พ้น..!!” แล้วเปลี่ยนพระทัย

“ธันยา ! … ลงไปดูแลให้ดี ที่อยู่ที่กินในทิมริมสวน ให้สมพระเกียรติท่านเสนาบดี ให้เป็นคุณชายว่างงานไว้สักเจ็ดวันก่อนเถอะ ! …… ไปจัดการซิ !!”

พระพี่เลี้ยงรีบรุดออกไปแล้ว กระแทกพระองค์ลงกับพระที่นั่ง ยังมิคลายกริ้ว

“คอยดูนะ !! พ่อคนสำคัญ !”

มิได้ทรงทราบว่า ท่านมหาราชครูวามิศเข้ามาด้วยวัตถุประสงค์สองประการ…

หากทัดทานเป็นผลสำเร็จ ก็นับว่าบรรลุวัตถุประสงค์ประการที่ ๑

หากทัดทานไม่เป็นผล ก็บรรลุวัตถุประสงค์ประการที่ ๒ ….

ท่านครูคะเนแล้วว่า คราวนี้คงสมตามความคิดที่สองเป็นแม่นมั่น

การคะเนของผู้อาวุโสมักไม่ค่อยพลาดเลย….


**********************************************

อำมาตย์ – ที่ปรึกษาของพระราชา
เสนาบดี – แม่ทัพ ตำแหน่งเจ้ากระทรวงสมัยก่อน
ปรามาส – ดูหมิ่น ดูถูก



Create Date : 12 กรกฎาคม 2549
Last Update : 30 เมษายน 2553 20:56:53 น. 0 comments
Counter : 720 Pageviews.

ศรีสุรางค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]












visit me at:
Srisurang's book recommendations, liked quotes, book clubs, book trivia, book lists (read shelf)




ประวัติผลงาน





สงวนลิขสิทธิ์

การนำส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของงานเขียนในเว็บนี้ ไปเผยแพร่ ดัดแปลง เสนอขาย โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
Srisurang's bookshelf: read

หัวใจที่ถูกจอง รักนี้ (ไม่) มีสตรอว์เบอร์รี รวมมิตรแต้พานิช มายานาง เจ้าดวงใจ คนในผ้าเหลือง A Man in Saffron Robes

More of Srisurang's books »
Book recommendations, book reviews, quotes, book clubs, book trivia, book lists

My Goodreads bookshelf

Dream Lake
Rose
เหยื่ออธรรม
ประมูลหัวใจ
Something About You
ปทมาศวรรย์
อานาปานสติ วิถีแห่งความสุข
Celebrity in Death
The Madness of Lord Ian Mackenzie
รักหลงฤดู
สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่ เล่ม 1
จิตสดใสแม้กายพิการ
Love me, please...เพียงรักฝากใจ
พระสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ภาค๑ และอรรถกถา Tipitaka The Pali Canon (Thai Translation) Book 15
Born in Sin
Dark Desire
ตุ๊กตา
นาคราช
ทวิภพ
Red River, Vol. 8


Srisurang's favorite books »
Friends' blogs
[Add ศรีสุรางค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.