โรงผลิตพลังงานที่เอนเซลาดัส
โรงผลิตพลังงานที่เอนเซลาดัส
การศึกษาใหม่บอกว่าพื้นที่ขั้วใต้ของดวงจันทร์เยือกแข็งดวงหนึ่งของดาวเสาร์ได้ผลิตความร้อนมากกว่าที่อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนซึ่งเป็นจุดร้อนทางธรณีวิทยาที่โด่งดังที่สุดในโลก
ภาพกราฟฟิคซึ่งใช้ข้อมูลจากยานแคสสินี ได้แสดงว่าพื้นที่ขั้วใต้ของดวงจันทร์ดาวเสาร์เอนเซลาดัส เปล่งพลังงานออกมามากกว่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยทำนายไว้อย่างไร ข้อมูลจากสเปคโตรมิเตอร์อินฟราเรดประกอบของแคสสินีบ่งชี้ว่าพื้นที่ขั้วใต้ของเอนเซลาดัสผลิตพลังงานความร้อนภายในประมาณ 15.8 กิกะวัตต์ :
ด้วยการใช้ข้อมูลจากยานแคสสินีของนาซ่า นักวิจัยได้ตรวจสอบว่าพื้นที่ทางใต้ของดวงจันทร์เอนเซลาดัส(Enceladus) ของดาวเสาร์ผลิตพลังงานความร้อนประมาณ 15.8 กิกะวัตต์ ซึ่งเป็น 2.6 เท่าของพลังงานที่ได้จากน้ำพุร้อนทั้งในและรอบๆ เยลโลว์สโตน(Yellowstone) และมากกว่าที่นักวิทยาศาสตร์ทำนายได้ถึงสิบเท่า การค้นพบครั้งใหม่เป็นสิ่งสำคัญต่อนักวิทยาศาสตร์เมื่อมันเป็นหลักฐานที่เพิ่มขึ้นของมหาสมุทรน้ำของเหลวที่น่าจะมีอยู่ใต้เปลือกน้ำแข็งของเอนเซลาดัส แต่มันก็ยังเป็นปริศนาด้วยเช่นกัน เมื่อนักวิจัยยังไม่แน่ใจว่าความร้อนทั้งหมดนี้มาจากไหน
Carly Howett จากสถาบันวิจัยเซาธ์เวสต์ ในโบลเดอร์ โคโลราโด กล่าวว่า กลไกที่สามารถสร้างพลังงานภายในที่สำรวจพบในระดับนี้ยังเป็นปริศนาและท้าทายแบบจำลองปัจจุบันเกี่ยวกับการผลิตความร้อนในระยะยาว เอนเซลาดัสเป็นดวงจันทร์ขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ของดาวเสาร์และมีพื้นที่ที่เย็นเยือกแต่กลับมีภายในที่หมุนเวียนและมีปฏิกริยาอย่างน้อยก็ในบริเวณใกล้ขั้วใต้ ในพื้นที่ดังกล่าว กิจกรรมทางร้อนทางธรณีวิทยาเกิดขึ้นในแถบแคบๆ ที่พาดขนานกัน 4 รอยซึ่งเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า ลายพาดกลอน(tiger stripes) รอยแตกเหล่านี้ซึ่งแต่ละแห่งมีความยาวประมาณ 130 กิโลเมตรและกว้าง 2 กิโลเมตรนั้น ได้ผลักพวยไอน้ำและอนุภาคอื่นๆ จำนวนมหาศาลขึ้นสู่อวกาศ แคสสินีได้ค้นพบพุน้ำแข็งของเอนเซลาดัสเป็นครั้งแรกในปี 2005
ในการศึกษาใหม่ นักวิจัยใช้สเปคโตรมิเตอร์อินฟราเรดประกอบของแคสสินีเพื่อศึกษาอุณหภูมิพื้นผิวในพื้นที่ขั้วใต้ของเอนเซลาดัส จากนั้นพวกเขาก็ใช้การสำรวจเพื่อตรวจสอบความร้อนที่ระบายออกจากพื้นที่นั้น ความร้อนจำนวน 15.8 กิกะวัตต์บนเอนเซลาดัสซึ่งแคสสินีตรวจสอบนั้นเทียบเท่ากับความร้อนจากโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง 20 โรง นี่เป็นเรื่องอัศจรรย์ เมื่อการศึกษาก่อนหน้านี้ได้ทำนายว่าพื้นที่นี้น่าจะผลิตพลังงานเพียง 1.1 กิกะวัตต์จากแรงดึงฉีกที่เกิดขึ้นจากกำทอนการโคจรของเอนเซลาดัสกับดวงจันทร์อีกดวงของดาวเสาร์ ไดโอเน่(Dione) โดยที่กิจกรรมการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสีในธรรมชาติของเอนเซลาดัสเองก็ให้ความร้อนเพิ่มอีก 0.3 กิกะวัตต์ ทีมได้รายงานการค้นพบในวารสาร Geophysical Research ฉบับวันที่ 4 มีนาคม
ความร้อนภายในของเอนเซลาดัสส่วนใหญ่มาจากพลังแรงดึงฉีก(tidal force) ที่เกิดขึ้นจากปฏิสัมพันธ์ของดวงจันทร์กับไดโอเน่ คำอธิบายที่เป็นไปได้บอกว่าความสัมพันธ์ด้านการโคจรของเอนเซลาดัสที่มีกับดาวเสาร์และไดโอเน่ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ได้สร้างช่วงเวลาที่เกิด tidal heating อย่างรุนแรงและช่วงเวลาที่ค่อนข้างเงียบเชียบ ดังนั้นแคสสินีอาจจะโชคดีที่ได้พบเอนเซลาดัสในช่วงเวลาเดือดดาล ซึ่งน่าจะอธิบายการไหลเวียนของความร้อนที่มีสูงจนไม่น่าเชื่อ
ผลสรุปใหม่ทำให้เอนเซลาดัสยิ่งเป็นตัวเลือกที่ดึงดูดมากขึ้นในการค้ำจุนชีวิตที่เรารู้จัก นักวิทยาศาสตร์สงสัยว่ามีมหาสมุทรของเหลวขนาดมหึมาอยู่ใต้เปลือกน้ำแข็งของดวงจันทร์ และการอ่านค่าความร้อนที่เพิ่มขึ้นก็รังแต่จะทำให้ข้อสงสัยนี้เป็นไปได้มากขึ้น
เมื่อเร็วๆ นี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาอนุภาคน้ำแข็งที่พุ่งออกจากพวยไอน้ำและค้นพบว่าอนุภาคบางส่วนเต็มไปด้วยเกลือ และอาจจะเป็นหยดน้ำที่แข็งตัวจากมหาสมุทรน้ำเกลือที่สัมผัสกับแกนกลางหินที่อุดมด้วยแร่ธาตุของเอนเซลาดัส การมีอยู่ของมหาสมุทรใต้พื้นผิว หรือบางทีอาจจะเป็นทะเลที่ขั้วใต้ที่อยู่ระหว่างเปลือกน้ำแข็งชั้นนอกกับแกนกลางหินภายใน น่าจะเพิ่มประสิทธิภาพ tidal heating โดยยอมให้เกิดการรบกวนดึงฉีกที่มากขึ้นต่อเปลือกน้ำแข็ง
บนโลกนั้น สิ่งมีชีวิตเกือบทั้งหมดหยั่งรากในที่ที่มีน้ำของเหลวอยู่ ดังนั้นกลยุทธ ตามน้ำ จึงเป็นมนต์สำหรับนักวิทยาศาสตร์ที่สำรวจหาชีวิตนอกโลก Howett กล่าวว่า ความเป็นไปได้ของน้ำของเหลว, แหล่งพลังงานจากการดึงฉีกและการสำรวจพบสารเคมีอินทรีย์ในพวยก๊าซของเอนเซลาดัสทำให้ดวงจันทร์บริวารดวงนี้เป็นสถานที่ที่น่าสนใจอย่างมากในทางดาราศาสตร์ชีววิทยา
แหล่งที่มา: space.com : icy Saturn moon pumps out 15.8 gigawatts of heat power
jpl.nasa.gov : Cassini find Enceladus is a powerhouse
Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2555 |
|
1 comments |
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2555 1:18:54 น. |
Counter : 1121 Pageviews. |
|
|
|
ตอนนี้เกิดปัญหาการจัดหาพลังงานทั่วโลก ยิ่งพี่ไทยนี่จะชุดจะสร้างโรงไฟฟ้าที่ไหนก็มีคนตามไปประท้วงมันทุกที่ อนาคตคงต้องซื้อไฟเพื่อนบ้านกันอิ่มหนำสำราญ
อนาคตไกลออกไปอีกหน่อยพลังงานจากนอกโลกอาจปเ็นทางออก ไม่มีใครยอมให้สร้างโรงไฟฟ้าบนโลกก็ไปดึงมาจากที่อื่นซะ โอ มนุษย์โลกผู้สูบกินพลังงานระดับคอสมิคบีอิ้ง!! --- lvl GOD!
น้ำแข็งนี่คือ H2O แข็งจริงๆใช่ไหมครับ ไม่ใช่ก๊าซแข็งนะ
ขอให้นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายจง"ตามน้ำ"อย่างสุดความสามารถ b