แบร์แนแด็ท....น่ารัก....น่ารัก ขี้ลืม.....ขี้ลืม ...... หนังปายหนายหว่า buy แล้ววbuyอีก......... faith, hope and charity เฟศบุ๊ค http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3
Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
2 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
Expositions on the Psalms (Augustine)

Don't you believe that there is in man a deep so profound as to be hidden even to him in whom it is?
เชื่อหรือไม่ว่าเล่ห์ร้ายของมนุษย์นั้นลำลึก จนแม้แต่เจ้าตัวก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้
"นักบุญออกัสทีน (Saint Augustine)

Do you wish to rise? Begin by descending. You plan a tower that will pierce the clouds? Lay first the foundation of jumility.
ถ้าอยากเป็นคนยิ่งใหญ่ จงเริ่มต้นด้วยการลดตัวลง แต่ถ้าอยากสร้างปราการที่สูงเสียดฟ้า ก็จงนอบน้อมต่อพสุธา
"นักบุญออกัสทีน (Saint Augustine)



Detail of St. Augustine in a stained glass window by Louis Comfort Tiffany in the Lightner Museum, St. Augustine, Florida.

นักบุญออกุสติน
(St.Augustine)


เป็นหนึ่งในบิดาจารย์แห่งศาสนจักรโรมันคาทอลิกเกิดที่เมืองนูมิเดีย ได้รับการศึกษาที่เมืองคาร์เทจ จากนั้นจึงไปเรียนวิชากฎหมายที่โรมมีผลการเรียนยอดเยี่ยม มารดาของออกุสติน ชื่อ โมนิกาเป็นชาวคริสต์ พยายามเคี่ยวเข็ญให้ท่านทำตามคำสอนในศาสนาคริสต์ แต่ออกุสตินซาบซึ้งในคำสอนของลัทธิมานิเคียนอยู่ก่อนแล้ว แม้จะรู้สึกว่าการต่อสู้ทางศีลธรรมในตัวเองรุนแรงขึ้นทุกที ท่านอ้างกับผู้เป็นมารดาว่าศาสนคริสต์ง่ายเกินไป เหมาะกับคนที่มีสติปัญญาพื้น ๆ เท่านั้น ท่านเริ่มสนใจศาสนคริสต์เมื่อมาสอนวิชาวาทศิลป์ที่มิลาน โดยได้รับอิทธิพลจากนักบุญอัมโบรส ซึ่งขณะนั้นเป็นพระสังฆราชแห่งมิลาน นักบุญอัมโบรสทำให้ท่านกลับใจมานับถือศาสนาคริสต์ในที่สุด ท่านสารภาพบาปต่อหน้ามหาชนแล้วรับศีลล้างบาป ในวาระนี้มีการร้องเพลงสวด “เต เดอุม” (Te Deum) สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเป็นครั้งแรก

ออกุสตินได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระสังฆราชแห่งเมืองฮิปโปในแอฟริกา และอยู่ที่นี่จนมรณภาพจากความเจ็บป่วยเมื่ออายุได้ 76 ปี ระหว่างที่พวกแวนดัล มาล้อมเมือง งานเขียนและฌานสมาธิของท่านมีอิทธิพลต่อศาสนจักรเป็นอย่างมาก ผลงานด้านวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของออกุสตินชื่อ การสารภาพบาป (Confessions) เล่าเรื่องฌานสมาธิของท่าน ในงานศิลปะออกุสตินมักอยู่ในเครื่องแต่งกายแบบพระสังฆราช มีหนังสือและปากกาในมือ บอกให้รู้ว่าท่านมีผลงานด้านการเขียนหลายเรื่อง แต่เครื่องหมายพิเศษที่ใช้กับท่านคือหัวใจมีเปลวไฟลุกโซติช่วง บางครั้งอาจมีลูกศรเสียบอยู่ที่หัวใจด้วย แสดงให้เห็นถึงศรัทธาอันแก่กล้า และความรักในพระผู้เป็นเจ้าของท่าน

เหตุการณ์ในชีวิตของท่านที่พบเห็นในงานศิลปะเสมอมีอยู่ว่า ขณะเดินไปตามชายหาดท่านพบเด็กคนหนึ่งกำลังพยายามทำให้มหาสมุทรเหือดแห้ง ด้วยการตักน้ำเทลงไปในหลุมทราย ท่านเตือนเด็กน้อยว่ากำลังพยายามทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่เด็กชายกลับตอบว่า การที่ท่านพยายามอธิบายถึงเรื่องลึกลับมหัศจรรย์ ที่ท่านรับรู้ได้จากณานสมาธิ ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เช่นกัน
//library.uru.ac.th/webdb/images/068.htm

นักบุญเอากุสติน พระสังฆราชและนักปราชญ์
ค.ศ.354-430 (ฉลอง 28 สิงหาคม)



เอากุสติน เกิดที่เมืองทากาสท์ในอัฟริกาเหนือ บิดาของท่านเป็นคนต่างศาสนา ปรารถนาให้เอากุสตินเรียนเก่ง จะได้มีชื่อเสียงในอนาคต แต่ไม่สนใจในการอบรมด้านความประพฤติ มารดาของท่านคือนักบุญมอนิกา เป็นผู้คอยอบรมสั่งสอนให้ท่านดำเนินชีวิตที่ดี

เอากุสติน เสียคนเพราะเพื่อนชั่ว ได้ดำเนินชีวิตเหลวแหลกตลอดเวลา 13 ปี เอากุสตินชอบไปวัดเพื่อฟังนักบุญอัมโบรส อัครสังฆราชแห่งมิลานเทศน์บ่อยๆ แต่ท่านก็ยังไม่กลับใจเป็นคริสตชน ผู้เป็นแม่ก็ได้แต่สวดภาวนาเพื่อลูกอย่างไม่หยุดหย่อน วันหนึ่งท่านได้อ่านบทจดหมายของนักบุญเปาโล "ให้เราประพฤติตนอย่างเหมาะสมดังผู้ที่อยู่ในความสว่างเขาทำกัน ไม่ทำตนดังคนเกเรหรือคนขี้เมา ไม่ประพฤติผิดศีลธรรมหรือกระทำการลามก เราไม่ควรวิวาทกันหรืออิจฉากัน จงให้เราเป็นคนของพระเยซูตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า จงเลิกเปิดโอกาสให้วิสัยบาปทำตามความปรารถนาเสีย" (รม.13:13-14) รู้สึกประทับใจมาก จึงได้กลับใจมาเป็นคริสตชน เอากุสตินได้รับศีลล้างบาปเมื่ออายุ 33 ปี ในที่สุดก็ได้บวชเป็นพระสงฆ์ และได้รับการแต่งตั้งเป็นสังฆราชแห่งฮิบโป ในอัฟริกาเหนือตลอดเวลา 35 ปี ท่านได้เทศน์และแต่งหนังสือไว้เป็นจำนวนมาก ท่านได้ออกแรงต่อสู้กับพวกเฮเรติ๊ก และกับพวกที่หลงผิดไปจากศาสนา

เอากุสตินได้เขียนไว้ว่า "ข้าแต่พระเป็นเจ้า ดวงใจมนุษย์ถูกสร้างมาสำหรับพระองค์แต่ผู้เดียว มนุษย์จะไม่มีสันติสุข จนกว่าจะได้พบความรักและสันติในพระองค์"
Source://mariarosa.org/nakboon35.html

Book of Psalms
The psalms are called by the Hebrews TEHILLIM, that is, Hymns of Praise. The author, of a great part of them at least, was king David: but many are of opinion that some of them were made by Asaph, and others whose names are prefixed in the titles. (For more information, see the article PSALMS in the Catholic Encyclopedia.)

Psalm 1. Beatus vir. The happiness of the just and the evil state of the wicked.



Expositions on the Psalms (Augustine)
Exposition on Psalm 1

Psalm 1. Beatus vir. The happiness of the just and the evil state of the wicked.
คนชอบธรรมและคนอธรรม

1. "Blessed is the man that has not gone away in the counsel of the ungodly" (ver. 1).
ความสุขเป็ฯของบุคล ผู้ไม่ดำเนินตามคำแนะนำของคนอธรรม
หรือยืนอยู่ในทางของคนบาป หรือนั่งอยู่ในที่นั่งของคนที่ชอบเยาะเย้ย

นี้เป็นการเข้าใจว่า พระเยซูคริสเจ้า พระเป็ฯเจ้าของเรา ความสุขเป็ฯของบุคล ผู้ไม่ดำเนินตามคำแนะนำของคนอธรรม หรือยืนอยู่ในทางของคนบาป หรือนั่งอยู่ในที่นั่งของคนที่ชอบเยาะเย้ย เช่นเดียวกันว่า "มนุษย์คนแรกมาจากดิน เป็นมนุษย์ดิน" 1 โครินทธ์ 15:47 ผุ้ซึ่ง ยอมให้ภารยาของเค้าที่ถูกทำให้หลงเชื่อโดยงูร้ายซาตานเจ้าเลห์ กระทำผิดต่อคำสั่ง(พระบัญญัติ)ของพระเจ้า "ไม่ยืนหยัด ในแนวทาง ของการทำบาป" สำหรับเค้าเข้ามาอยู่ในแนวทางการทำบาปแล้ว โดยการเกิดที่เป็นคนบาปตั้งแต่กำเนิด แต่ เค้า "ยืนหยัด"ในเรื่องนี้ สำหรับนั้นคือการ ล่อลวง ล่อใจ ในทางที่ผิดของโลก ที่เค้าไม่ได้ เก็บรักษาไว้ "และ ไม่นั่งในที่เป็นสิ่งที่มีภัยและชั่วร้าย" เค้าจะไม่ได้เป็ฯพระราชาแห่งมนุษย์ ความหยิ่งจองหอง นั้นทำให้ นั้นกะดีทำให้ "เป็ฯที่ที่ของสิ่งที่มีภัยชั่วร้าย" สำหรับนั้นคือ ความยากลำบากด้วยความเจ็บปวดที่ใครคนหนึ่งมาปลดปล่อยอิสระจากกฎของความรัก และปรารถนา ไม่ใช่ความรุ่งโรจน์ของมนุษย์ สำหรับ "สิ่งที่เป็นภัย,สิ่งที่ชั่วร้าย"มันคือเชื่อโรคร้ายแพร่กระจายกินเนื้อที่อย่างมากมาย และการมีส่วนเกี่ยวพันทั้งหมดหรือไม่ก็ใกล้เคียงทั้งหมด ตราบจนกระทั้งบัดนี้"เป็ฯที่ที่ของสิ่งที่มีภัยชั่วร้าย" บางที"และคำพูดของบุคคลเหล่านี้จะแพร่ออกไปเหมือนกับเนื้อร้าย" 2 ธิโมธี 2:17
มีคำสั่งมากด้วยคำพูดพิจารณาว่าเป็น "ไปดำเนินตามทาง, ยืนหยัด,นั่ง" สำหรับ ไปดำเนินตามทาง" เมื่อเค้าวาดภาพหลังจากพระเจ้า เค้า"ยืนหยัด"เมื่อเค้าได้มาซึ่งยินดีในบาป" เค้า"นั่ง" เมื่อเค้ายืนยัน ในความทะนงตน เค้าไม่สามารถที่จะกลับมาได้ จนกระทั้ง ได้รับความอิสระจากพระองค์ ผู้ซึ่งไม่ใช่ทั้งสอง "ผ่านไป"ในคำแนะนำที่ไม่เลื่อมใสในพระเจ้า ไม่ยืนหยัดในทางของความบาป ไม่นั่งในที่ที่ สิ่งที่เป็นภัย,สิ่งที่ชั่วร้าย

2. "But his delight is in the law of the Lord, and in His law will he meditate by day and by night (ver. 2).

2 แต่ความปิติยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระธรรมของพระเจ้า
เขาภาวนาพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันกลางคืน

ธรรมบัญญัติไม่ได้เขียนเพื่อคนชอบธรรม 1 ธิโมที 1:8 (ของคาทอลิก พันธสัญญาใหม่ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์) The law is not made for a righteous man," 1 Timothy 1:9 (ของ NAB Bible) (เชิงอรรถ ธรรมบัญญัติเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่เพราะให้ความรู้เกี่ยวกับบาป(รม7:7เชิงอรรถ d 12-24) หรือเพราะเตรียมตัวมนุษย์เพื่อรับเสด็จพระคริสเจ้า(กท 3:24-25) แต่ดีเพราะเป็ฯสิ่งจำเป็นสำหรับตักเตือนแก้ไขคนบาป ) ความคิดเห็ฯของอัครสาวก แต่มันคือจุดประสงค์หนึ่งที่อยู่ในธรรมบัญญัติ, อื่นๆๆภายใต้ของธรรมบัญญัติ ธรรมบัติที่เป็นของใครใคร, การปฎิบัติตามธรรมบัญญัติ, ที่ใครใครอยู่ภายใต้ของกฎนั้น คือ การประพฤติตนเหนือกฎนั้น,ดังนั้นกะคือสิ่งหนึ่งที่เป็ฯอิสระ คนอื่นๆๆที่เป็ฯทาส ในอีกด้านหนึ่ง กฎหรือธรรมบัญญัติ ถูกเขียน และ กำหนดบนการรับใช้ คือจุดประสงค์หนึ่ง กฎ คือ การวินิจฉัย ทางด้านจิตใจ ทางด้านปัญญาจาก เราที่ไม่ต้องการ ลายลักษณ์อักษร คือจุดประสงค์อีกอันที่แตกต่าง "เขาภาวนาพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันกลางคืน " เข้าใจว่าแต่ละโดยไม่มีการหยุดอีกด้วย ผู้ซึ่ง "ภาวนากลางวัน"ในยามได้รับความปิติยินดี ผู้ซึ่ง"ภาวนากลางคืน" ในยามได้รับความทุกข์เข็ญ
"อับราฮัม บิดาของท่านได้ยินดีที่เห็ฯวันของเรา เขาได้เห็ฯและได้ยินแล้ว "ยอร์น 8:56 (เชิงอรรถ อับราฮัมได้เห็ฯ "วัน" ของพระเยซูเจ้า เหมือนดังอิสยาห์ "ได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์" 12:41) แต่ทว่า "แต่ไกล" เทียบ กดว 24:17 ฮบ 11:13 เพราะอับราฮัมได้เห็ฯการบังเกิดของพระเยซูเจ้าในการเกิดของอิสอัค ตามพันธสัญญา ซึ่งเขาได้"หัวเราะ" ปฐก 17:17 เชิงอรรถ f การบังเกิดของอิสอัคเป็นเครื่องหมายการบอกล่วงหน้าถึงการบังเกิดของพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าทรงอ้างว่าทรงทำให้พระพันธสัญญานี้ที่ได้ทรงกระทำไว้กับอับราฮัมเป็นความจริง พระองค์ทรงเป็นอิสอัคในความหมายสมบูรณ์ source:พันธสัญญาใหม่ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์) และผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์ยากกะบอกว่า วิธีการควบคุมด้วยเช่นเดียวกันมี การสอนการแนะนำ แม้ว่าจนกระทั้งในเวลากลางคืน


3. "And he shall be like a tree planted hard by the running streams of waters" (ver. 3);
เขาเป็นเช่นต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง
การทุกอย่างซึ่งเขากระทำก็จำเริญขึ้น

นั้นคือ "Wisdom" สุภาษิต VIII ซึ่ง อนุญาติให้ยอมรับธรรมชาติของมนุษชาติสำหรับความรอดของพวกเรา นั้นคือเท่ากับว่า มนุษย์ชาติ น่าจะ เหมือนกะ "เขาเป็นเช่นต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง
การทุกอย่างซึ่งเขากระทำก็จำเริญขึ้น" สำหรับ ความรู้สึก สามารถ ที่นำมาจากบทเพลงสดุดีอีกอันได้เช่นกัน "the river of God is full of water."หรือ พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า "ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างพวกท่านทั้งหลาย"มัทธิว 3:11 และอีกอันเป็ฯการย้ำ "ผู้กระหาย จงมาหาเราเถิด ผู้ที่เชื่อในเราจงเดิมเถิด" ยอร์น 7:37
(เชิงอรรถ สำเนาโบราณบางฉบับมีเพียง "จงมาเถิด" คำเชิญของพระเยซูเจ้านี้มีสำนวนคล้ายกับคำเขิญของปรีชาญาณ(ดู 6:35 เชิงอรรถ J) และอีก "ถ้าคุณรู้พระพรของพระเป็นเจ้า เป็นที่เชื่อเชิญไปยังสายน้ำสำหรับคุณ คุณได้รับการเชื้อเชิญจากพระเจ้า และ พระองค์ให้คุณมีชีวิตด้วยน้ำผู้ซึ่งดื่มจะไม่กระหาย แต่น้ำนี้จะทำให้เค้า พรั่งพรูในชีวิตนิรันดร ไม่มีที่สิ้นสุด" "การวิ่งไปลำธารการไหลของสายน้ำ"
ขอให้บาปในตัวของประชากร เพราะ แรกสุดน้ำ ที่เรียกกันกะคือ "ประชากร" ใน "น้ำที่ท่านเห็นหญิงแพศยานั่งอยู่นั้น หมายถึง ประชาชน เผาพันธุ์ ชนชาติ และภาษาต่างๆๆ"วิวรณ์ 17:15 และอีกจาก"การวิ่งไปยังลำธาร"คือไม่ใช่ เหตุผลที่เข้าใจว่า"การสูญเสีย" อันนี้คือความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกะบาป นั้นคือ"ต้นไม้" ต่อจากนั้น พระเป็นเจ้าจากการที่เราวิ่งไปยังลำธารแห่งสายน้ำ นั้นคือ จากบาปของพระชากร ได้ถูกถอนจากทางในรากของการเชื่อฟังในวินัยของศาสนา จะ "น้ำไปสู่ความบรรลุผลทั้งสี่"นั้นคือ จะจัดตั้ง พระศาสนจักร์"ออกไปที่ต่างๆๆให้บรรลุผลเจริญก้าวหน้า" นั้นคือ หลังจาก สรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์ การกลับคืนพระชนม์ชีพ และการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระเยซูคริส ในสวรรค์ ต่อจากนั้น พระองค์ ส่งอัครสาวก และยืนยันในความจริงว่า ความเชื่อ ความไว้ใจในพระเป็นเจ้า และ ประกาศข่าวดีต่อสากลโลก พระองค์สร้างพระศาสนจักร "ออกไปที่ต่างๆๆให้บรรลุผลเจริญก้าวหน้า" เสียงหนึ่งร้องว่า "ร้องสิ" และข้าพเจ้าจะร้องว่ากระไร" บรรดามนุษย์และสัตว์ก็เป็นเหมือนต้นหญ้า และความงามของมันทั้งสิ้นกะเหมือนดอกไม้ในทุ่งนา
หญ้านั้นเหี่ยวแห้ง ดอกไม้นั้นกะร่วงโรยไป เมื่อพระปัสาสะของพระเป็นเจ้า เป่าถูกมัน มนุษยชาติเป็ฯหญ้าแน่ทีเดียว หญ้านั้นกะเหี่ยวแห้ง ดอกไม้นั้นกะร่วงโรยไป แต่พระวจนาตของพระเจ้าของเรา จะยั่งยืนอยู่เป็นนิตย์" อิสยาห์ 40 6-8
และ ไม่ว่าอะไรกะตาม พระองค์ จะนำไปสู่ความความสำเร็จ รุ่งโรจน์ ไม่ว่าอย่างไรกะตาม ต้นไม้นั้นกะจะทนทาน นั้นคือ ทั้งหมดนำไปสู่ของการบรรลุผล ไม้ผลและใบไม้ผลิใบ นั้นคือ พันธสัญญาและพระวาจา

4 Not so the wicked, not so: but like the dust, which the wind driveth from the face of the earth.
คนอธรรมไม่เป็นเช่นนั้น แต่เป็นเหมือนแกลบซึ่งลมพัดกระจายไป


"The earth"ผืนแผ่นดินถูกเลือกสำหรับผู้ที่มีศรัทธาอย่างแน่วแน่ในพระเป็นเจ้ากับมุมมองที่บอกว่า มัทธิว :5:5
ผู้มีใจอ่อนโยนย่อมเป็นสุข เพราะเขาได้รับแผ่นดินเป็นมรดก เชิงอรรถ สำนวนโบราณบางฉบับ สลับข้อ 5 กับข้อ 4 ผู้อ่อนโยน หมายถึง คนสามัญที่ไม่มีความสำคัญในสังคม เป็นไปได้ที่ข้อนี้เป็นเพียงคำอธิบายความหมายของข้อ 3 คนมีใจยากจน จึงแทรกเข้ามาเป็นข้อ 4 หากละข้อนี้ออกไป จำนวนของ ความสุขแท้ จะเหลือเพียง 7 ประการ ดู 6:9 เชิงอรรถ d การเปรียบเทียบเพราะฉะนั้นกลายมาจาก การมองเห็นผืนแผ่นดิน ที่สนับสนุนและเนื้อหา จากรอบนอกสุดของมนุษย์ ต่อจากนั้นแผ่นดิน กะมองไม่เห็น เนื้อในของมนุษย์ "จากพื้นผิว ด้านหน้าสิ่งที่ "สายลมพัดเขาออกไปต่างที่ ดินแดนไม่เชื่อในพระเป็นเจ้า นั้นคือ ความทะนงตน ในนั้นมันทำให้ลมพัดในตัวเขามากขึ้น พระองค์ทรงปกป้องเค้าทั้งที่เค้าต่อต้าน เค้าเป็นคนมัวเมาจาก ความมั่งคั่งในบ้านของพระเป็นเจ้า และ ความมึนเมา เป็นเหมือนกระแสน้ำไหลเชี่ยว มันทำให้เค้าเกิดความปิติยินดี 13เจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะตั้งพระที่นั่งของขา ณ ที่สูงนั้น ข้าจะนั่งบน ขุนเขาชุมนุมสถาน 14 ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ จ้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด อิสยาห์ 14:13-14 จากพื้นผิวด้านหน้าบนแผ่นดิน พัดไปยังหน้าเขา กะคือสิ่งนี้ด้วย หลังจากเขา ยอมรับและ ได้ลิ้มรสประสบการณ์ จากต้นไม้ต้องห้ามที่ไม่ได้รับอนุญาติ เค้าจะทำตัวเช่นเดียวกะพระเป็นเจ้า
8 เย็นวันนั้นมนุษย์และภรรายา ได้ยินเสียงพระยาห์เวห์พระเจ้ากำลังพระดำเนินในสวน จึงหลบไปซ่อนให้พ้นจากพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าในหมู่ต้นไม้ของสวน ปฐมกาล 3:8 นั้นคือพื้นแผ่นดินของเขาที่กล่าวถึงภายในเนื้อในของมนุษย์ และ จากนั้นเป็นต้นมาเขากะทนงตน จองหอง บางทีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมองเห็นและการเขียน "ทำไมพื้นดิน และเถ้าถ่านถึงหยิ่งจองหอง" เพราะ ในชีวิต เขาโดนขับออกไปต่างที่ เข้าไม่มีเหตุผล ที่จะพูดว่า เขาออกไปต่างที่ด้วยตัวของเขาเอง

5 Therefore the wicked shall not rise again in judgment: nor sinners in the council of the just.

5 เหตุฉะนั้นคนอธรรมจะไม่ยั่งยืนอยู่ได้ เมื่อถึงคราวพระเจ้าทรงพิพากษา หรือคนบาปไม่ยั่งยืนยงในที่ชุมนุมของคนชอบธรรม

5): ดังนั้นกล่าวคือ เพราะ "และฝุ่นผงธุลี ได้พัดไปหาพวกเราจากผืนหน้าดิน" และพระเจ้าได้นำเขาออกไปจากที่นั้น เพระความหยิ่งจองหองทะนงตนของเขาพวกเราตัดสิน กล่าวคือ นั้นคือพวกเราขอให้ตัดสิน ดังนั้นนี้คือความคิดที่เหมือนกัน มากกว่าการแสดงออกตามตัวประโยคอักษร ไม่ว่าคนบาปในข้อเสนอแนะแก้ต่างในความชอบธรรม สำหรับ สิ่งที่ปฏิบัติจนเป็นนิสัย สำหรับอะไรที่ทำซ้ำซาก ก่อนที่จะชัดแจ้ง ดังนั้น คนบาปควรจะเข้าใจว่า การไม่เชื่อฟังพระเป็นเจ้าอะไรที่ทำมาก่อนนี้ ในการตัดสิน จะ ข้อเสนอแนะแก้ต่างในความชอบธรรม ถ้าในส่วนลึกเค้าไม่เชื่อฟังพระเป็นเจ้าอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนั้นทุกๆคนที่ไม่เชื่อฟังในพระเป็นเจ้ากะเป็นคนบาป ใช่คนบาปทุกๆคนไม่เชื่อฟังพระเป็นเจ้า ในการตัดสินผู้ไม่เชื่อฟังในพระเจ้ากะต่อต้าน นั้นคือส่วนลึกที่มาจากจิตใจ แต่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราตัดสิน
สำหรับ พวกเราพร้อมที่สุดที่จะถูกลงโทษใช้โทษบาป แต่คนบาปไม่ต่อต้าน ไม่ มี ข้อเสนอแนะแก้ ต่างนั้นคือพวกเราขอร้องให้ตัดสิน แต่ ความไม่แน่นอนบางทีพวกเราขอร้องให้ตัดสิน ไฟแห่งการเผาผลาญจะทำงานในมนุษย์ทุกๆๆคน , ถ้ามนุษย์อดทน เขาจะได้รับรางวัล ถ้ามนุษย์ทำงานด้วยการเผาผลาญลุกไหม้ เข้าจะทนทุกข์ทรมาน แต่ถ้าเขาจะรอดและปลอดภัย ใช่เขายอมรับการเผาผลาญจากไฟแห่งความรัก

6 For the Lord knoweth the way of the just: and the way of the wicked shall perish
6 เพราะพระเจ้าทรงทราบทางของคนชอบธรรม แต่ทางของคนอธรรมจะพินาศไป

6. "For the Lord knows the way of the righteous" พระเป็ฯเจ้า ทรงทราบทางของคนชอบธรม นั้นคือ ยา ที่รู้การรักษาร่างกายแต่ไม่รู้จักเชื่อโรค

(ver. 6). As it is said, medicine knows health, but knows not disease, และบัดนี้ เชื่อโรค ยังเป็นที่ยอมรับในศิลปะ การรักษาของยา ในกระบวนการนี้เหมือนพระเป็ฯเจ้า ทรงทราบทางของคนชอบธรม แต่ในทางของผู้ที่ไม่เชื่อฟังพระเป็ฯเจ้า เค้าไม่รู้ พระเป็นเจ้าไม่ได้ทรงเพิกเฉย บัดนี้พระองค์พูดกะคนบาป "เมื่อนั้น เราจะกล่าวแก่เขาว่า "เราไม่เคยรู้จักท่านทั้งหลายเลย ท่านผู้กระทำความชั่ว จงไปให้พ้นหน้าเรา" มัทธิว 7:23 แต่ทางสำหรับผู้ที่ไม่เชื่อฟังพระเป็นเจ้า กะจะพังทลาย ย่อยยับ กะเหมือนกะ ถ้าทางสำหรับผู้ที่ไม่เชื่อฟังพระเป็นเจ้าไม่รู้ แต่มันแสดงออก มากกว่า ธรรมดา นั้นคือเค้าไม่รู้จักพระเป็ฯเจ้าเลย กล่าวคือ การพังทลายการย่อยยับ และผู้ที่รู้จักพระเป็ฯเจ้ากล่าวคือ การยอมอดทน ที่จะรู้เรื่องราวของพระองค์ แต่ถ้าเขาไม่รู้ ว่าพระองค์เป็นใคร สำหรับพระเป็นเจ้ากะบอกว่า "พระเจ้าตรัสแก่โมเสสว่า "เราคือเราเป็น. แล้วตรัสต่อไปว่า "ท่านต้องบอกชาวอิสราเอลดังนี้ว่า "เราเป็น" ทรงส่งข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลาย"อพยพ 3: 14
เชิงอรรถ พระองค์ทรงต้องการบอกให้โมเสสรู้จักพระนาม ซึ่งตามความคิดของชาวเซมิติค ต้องอธิบายลักษระพระองค์บ้างด้วย วลีภาษาฮีบรูนี้ยังแปลได้อีกว่า " เราเป็นผู้ซึ่งเป็ฯ" จีงมีความหมายว่า "เราเป็นผู้มีความเป็นอยู่"ผู้แปลพระคัมภีร์เป็นภาษากรีกก็ดูเหมือนจะเข้าใจเช่นนี้ จึงแปลว่า ego eimi ho on พระเจ้าเท่านั้นทรงเป็ฯผู้ที่ทรงมี "ความเป็ฯอยู่" อย่างแท้จริง ซึง หมายความว่า พระองค์ทรงมีความเป็นอยู่เหนือทุกสิ่ง และทรงเป็นความลึกลับอยู่เสมอสำหรับมนุษย์นอกจากนั้น ตามความเข้าใจของชาวเซเมติค ความเป็นอยู่จะต้องมี "ผู้อยู่ด้วย เสมอ ผูมีความเป็นอยู่ ในที่นี้หมายความว่า พระองค์ทรงอยู่กะชาวอิสราเอล และยังทรงกระทำกิจการในประวัติศาสตร์ของประชากรของพระองค์ และในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติ โดยทรงเป็นผู้นำประวัติศาสตร์ดังกล่าวไปสู่จุดหมาย
ในสาระสำคัญ ข้อความนี้จึงรวมเอาความคิดที่จะพัฒนาภายหลัง วว 1:8 รวมเข้ามาด้วย "พระผู้ทรงสรรพานุภาพ ผู้ทรงดำรงอยู่ในปัจจุบัน ทรงดำรงอยู่ในอดีต และจะเสด็จมาในอนาคต"



Source://www.newadvent.org/fathers/1801001.htm



Create Date : 02 มกราคม 2551
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2551 19:30:58 น. 0 comments
Counter : 1079 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bernadette
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




In the name of the Father, and of the Son, and of the Holy Spirit

The Ave Maria asks Mary to "pray for us sinners."

Amen

PaPa for all Father W e pray year of priests.



Card Michael Michai Kitbunchu, Archbishop of Bangkok, is the first member of the College of Cardinals from Thailand.

source :http://www.asianews.it/news-en/Michai-Kitbunchu,-first-cardinal-from-Thailand-3038.html

พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู คณะเชนต์ปอล part1

ฺBishop ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พิธีรับPallium Metropolitans Bangkok Thailand >

สารคดี เทศกาลแห่ดาว สกลนคร Welcome
Sakonnakorn Christmas Thailand
Metropolitans Tarae Sakornakorn Thailand


Orchestra and four vocal Choir - *Latin* Recorded for the Anniversary of the Pope Benedict XVI April 19 This is the Anthem of the Vatican City. The Songs are called Inno e Marcia Pontificale ...

We are Catholic.

หน้าเฟส อัพรูป หาที่อัพรูปใหม่อยู่ http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3


MusicPlaylist
MySpace Music Playlist at MixPod.com

Friends' blogs
[Add Bernadette's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.