กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
7 กุมภาพันธ์ 2553
 
 
ละคร พระจันทร์ลายพยัคฆ์ ตอนที่ 1

ตอนที่ 1

ณ ชายหาดหนึ่งในคืนจันทร์เพ็ญ แสงนวลใย ของจันทร์เพ็ญส่องให้เห็นภาพสยองที่ชายหาด!

จันทร์ฉายทรุดเข่าอยู่กับพื้นทราย เธอใช้กระบอกปืนยันทรายเอาไว้ ทั้งเนื้อทั้งตัวเธอเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ บางแผลเลือดยังไหลหยดลงชำแรกหายไปในพื้นทราย

"ฉันรู้จักกับจันทร์ฉายได้สิบห้าปี คนส่วนใหญ่คิดว่าเราเป็นพี่น้องกัน แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่" เสียงของปานเดือนแว่วเข้ามาก่อนตัวจะเดินเข้ามาที่จันทร์ฉาย มือหนึ่งกุมแผลถูกยิงที่ท้องไว้ พูดต่ออีกว่า

"จันทร์ฉายไม่ใช่พี่น้อง ไม่ใช่เพื่อนในสายตาของฉัน โชคชะตากำหนดให้เราสองคนเกิดมาเพื่อทำลายล้างกัน โลกนี้ มีพระจันทร์ได้แค่เพียงดวงเดียว และเกมนี้ฉันก็เป็นฝ่ายชนะ"

ปานเดือนยกปืนเล็งไปที่จันทร์ฉายที่ยังคุกเข่าอยู่ที่พื้นทราย ก่อนที่จะเหนี่ยวไกอย่างเลือดเย็น...

นี่คือภาพสยองนองเลือด ภายใต้แสงจันทร์ที่นวลกระจ่างบนท้องฟ้า...

ooooooo

ก่อนหน้านี้...

ในผับแห่งหนึ่ง จันทร์ฉายในคราบนักเที่ยวสาวกำลังเต้นอย่างเย้ายวนและคึกคะนองอยู่กับหนุ่มหน้ามนปานนายแบบคนหนึ่ง ที่คอเธอมีสร้อยห้อยเขี้ยวเสืออันเป็นเครื่องรางตามความเชื่อแต่โบราณ

ระหว่างเต้นนั้น จันทร์ฉายคอยชำเลืองไปที่บาร์เครื่องดื่ม เป็นระยะ ที่นั่นมีปานเดือนที่ปลอมตัวเป็นบาร์เทนเดอร์สาวกำลังรินเครื่องดื่มให้ลูกค้า แต่ตาคอยชำเลืองไปทางประตูผับ

ทันใดนั้น ประตูผับเปิดออก เฮียเต๊กมาเฟียมาดกร่างเดินอาดๆเข้ามา มีสมุนหน้าเหี้ยมติดตามมาหลายคน

ทั้งจันทร์ฉายและปานเดือนเห็นพร้อมกัน ปานเดือนหันไปพยักหน้าให้จันทร์ฉายอย่างรู้กัน จันทร์ฉายมองตามเฮียเต๊กไม่วางตา เห็นพาสมุนเดินขึ้นไปบนออฟฟิศที่อยู่ชั้นบน ของผับ

พอเข้าห้องทำงาน เฮียเต๊กถอดแว่นดำและหนวดปลอมออกทันที คว้าโทรศัพท์คุยหน้าเครียด

"ท่าจะไม่ดีแล้วครับเสี่ย ไอ้เด็กที่ถูกตำรวจจับไป สงสัยมันต้องปากโป้งแหงๆ ขืนอยู่ต่อไปผมมีหวังโดนซิวแน่ ครับ ผมกะว่าจะเผ่นคืนนี้เลย ได้ครับเสี่ย แล้วจะติดต่อไปครับ"

วางสายแล้ว เฮียเต๊กนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก็คว้ากระเป๋าสะพายใบเขื่องมาวางที่หน้าตู้เซฟ กวาดทรัพย์สินมีค่า ทั้งเงิน เอกสาร และปืนพกใส่กระเป๋าอย่างรีบร้อน

ooooooo

ที่ข้างล่าง ปานเดือนหยิบโทรศัพท์โทร.รายงานทันที

"ฮัลโหล เป้าหมายมาถึงแล้วค่ะผู้กอง จะให้ทำยังไงคะ"

"รอกำลังเสริมก่อน อีกยี่สิบนาทีเจอกัน" เสียงผู้กองชัชวาลย์สั่งการ

ปานเดือนวางสาย มองไปทางจันทร์ฉายที่นั่งรอฟังข่าวอยู่ จันทร์ฉายถามทันที "ว่าไง" เมื่อปานเดือนบอกว่าผู้กองสั่งให้รอกำลังเสริม จันทร์ฉายบ่นอย่างขัดใจว่า

"ขืนรอ มีหวังมันเผ่นไปก่อนแน่"

ปานเดือนอ่านใจจันทร์ฉายออก เธอส่ายหน้าให้แต่ก็ไม่อาจหยุดจันทร์ฉายได้ เพราะเธอหันไปหยิบแก้วเครื่องดื่มมากระดกรวดเดียวแล้วคว่ำแก้วปึ้ก! คว้าปืนจากซองที่คาดตรงขาอ่อนผละจากเก้าอี้เดินตรงไปที่บันได

"บุกอีกจนได้" ปานเดือนพึมพำ พริบตานั้นเธอเหวี่ยงตัวกระโดดข้ามเคาน์เตอร์ตามจันทร์ฉายไปติดๆ

สมุนของเฮียเต๊กที่คุมเชิงอยู่ตรงบันไดทางขึ้น เห็นจันทร์ฉายกับปานเดือนเดินรี่มาก็ตรงเข้าชี้หน้าถามว่าจะไปไหน พริบตานั้นปานเดือนที่เดินตามมาพุ่งขึ้นไปหามัน จับนิ้วมันบิดจนหักและทิ่มข้อนิ้วเข้าที่ลำคอมันฉึก!

จันทร์ฉายเดินขึ้นบันไดไปอย่างมั่นใจในฝีมือของปานเดือน

ooooooo

ที่ทางเดินชั้นบนของผับ สมุนเฮียเต๊กกำลังยืนคุยกันสรวลเสเฮฮา คนหนึ่งเห็นจันทร์ฉายเดินอาดๆมาก็ถามงงๆ "ขึ้นมาทำไมวะ"

"ตำรวจ" จันทร์ฉายชูบัตรให้ดูพร้อมกับบอก

สิ้นเสียงจันทร์ฉาย สมุนเฮียเต๊กก็แตกฮือต่างคว้าปืนออกมา แต่ช้ากว่าจันทร์ฉายที่ถือปืนอยู่แล้ว เธอยิงใส่มัน หูดับตับไหม้

เฮียเต๊กกำลังเก็บของอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงปืนก็สังหรณ์ใจ พึมพำ "อะไรกันอีกวะ"

ภายนอกยังดวลปืนกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ปานเดือนตามมาช่วยจันทร์ฉายยิงสู้กับสมุนเฮียเต๊ก เล่นงานพวกมันกระเด็นกระดอนไปหลายคน ปืนพวกมันตกกับพื้น จันทร์ฉายกลิ้งไปคว้าปืนของมันยิงใส่พวกมันกันเอง จันทร์ฉายทะลวงลุย ใน ขณะที่ปานเดือนคอยช่วยยิงคุ้มกันจนคนร้ายดับดิ้นไปราบคาบ

แต่พริบตาเดียว สมุนชุดใหม่ของเฮียเต๊กก็มาหนุนช่วย ปานเดือนตะโกนบอกจันทร์ฉายว่า

"พี่ไปจัดการไอ้เสี่ยเต๊ก ทางนี้ฉันรับมือเอง"

จันทร์ฉายพยักหน้าแล้วพุ่งเข้าไปในห้องทำงานของเฮียเต๊ก พอวิ่งเข้าไปพบแต่ห้องว่างเปล่า จันทร์ฉายวิ่งไปชะโงกดูที่หน้าต่างเห็นบันไดหนีไฟที่พาดลงไปที่ตรอกด้านหลังผับ เธอกวาดตามองหาเฮียเต๊ก แต่พอหันกลับมา ก็ถูกเฮียเต๊กโผล่พรวดมาใช้ด้ามปืนฟาดหน้าจนจันทร์ฉายทรุด ปืนหลุดมือ

"นังตำรวจบ้า ตายซะเถอะ" เฮียเต๊กคำราม แต่ถูกจันทร์ฉายคว้าที่เขี่ยบุหรี่ปาใส่แล้วพุ่งเข้าแย่งปืนกัน

ในขณะเดียวกัน ปานเดือนต่อสู้กับสมุนชุดใหม่ที่มาเสริมอย่างดุเดือดเต็มความสามารถ จนกระสุนหมดก็ปาปืนใส่มันแล้วต่อสู้ตะลุมบอนกับมันด้วยหมัดลุ่นๆอย่างมีชั้นเชิงเป็นมวยมีครู

ooooooo

ที่ห้องทำงานของเฮียเต๊ก จันทร์ฉายต่อสู้กับมันแบบตัวต่อตัว ต่างพยายามคว้าปืนที่พื้น จังหวะหนึ่งจันทร์ฉายพลาด ถูกเฮียเต๊กโผนเข้าบีบคอจนตาค้าง แต่เธอก็ยังพยายามคว้าปืนจนได้ หยิบปืนยิงแสกหน้าเฮียเต๊กที่กำลังบีบคอตนอยู่ เฮียเต๊กหงายผลึ่งในทันที

เสียงไซเรนส์รถตำรวจหวีดหวิวเข้ามา จันทร์ฉายถอนใจ อย่างโล่งอก...

ooooooo

เช้าวันต่อมา จันทร์ฉายกับปานเดือน เข้าไปรายงานสภาพกับสารวัตรขจรโดยมีผู้กองชัชวาลย์ ร่วมฟังด้วย เมื่อฟังรายงานแล้ว ผู้กองชัชวาลย์โวยวายลั่นอย่างไม่พอใจมากว่า
"ตกลงคุณเป็นตำรวจ หรือเป็นคนร้ายกันแน่หมวด รู้ไหมว่าเมื่อคืนคุณฆ่าไปกี่คน"

"ก็พวกมันขัดขืนการจับกุมนี่คะผูกอง" หมวดจันทร์ฉายชี้แจง

"ก็ถ้ารอกำลังเสริมแต่แรก คุณคิดว่าพวกมันจะกล้าขัดขืนงั้นเหรอ ผมว่าคุณตั้งใจก่อเรื่องซะมากกว่า"

สารวัตรขจรติงผู้กองชัชวาลย์ว่าค่อยพูดค่อยจากันก็ได้ ปานเดือนแทรกขึ้นว่า เรื่องนี้ตนก็มีส่วนผิด ตนขอโทษด้วย ผู้กองชัชวาลย์มองหน้าจันทร์ฉายก่อนหันมาพูดกับสารวัตรขจรว่า

"ผมเสียใจครับสารวัตร แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าผู้หมวดจันทร์ฉายจงใจก่อเหตุฆาตกรรม"

"ไม่อคติเกินไปหน่อยเหรอคะผู้กอง" จันทร์ฉายท้วงถาม

"อคติ? ไม่หรอกมั้งผู้หมวด คนเขาลือกันให้แซดว่า ที่คุณมาเป็นตำรวจ ก็เพื่อล้างแค้นให้พ่อของคุณที่ถูกคนร้ายฆ่าตาย" ผู้กองชัชวาลย์ลุกเข้าไปถามจันทร์ฉายใกล้ๆว่า "คุณบอกผมหน่อยสิ ว่ามันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า"

จันทร์ฉายอึ้งไป ชัชวาลย์ยิ้มให้อย่างเป็นต่อ

ooooooo

เมื่อ 15 ปีก่อน...

เป็นวัยที่จันทร์ฉายอายุเพิ่ง 8 ขวบ เธอกับพ่อคือจ่าแสงชัยนั่งรถของสารวัตรเอกราชไปที่ท่ารถ โดยมีสัมภาระเหมือนจะอพยพไปที่อื่น

วันนั้นสารวัตรเอกราชขับรถมาส่งเพื่อนร่วมงาน เมื่อไปถึงท่ารถเขาถามแสงชัยว่าไม่เปลี่ยนใจแน่นะ จ่าแสงชัยตอบอย่างมั่นใจว่า

"ผมเป็นสายข่าวมาห้าปีแล้วครับสารวัตร มันควรจะถึงเวลาเสียที" พูดพลางมองไปทางจันทร์ฉายเด็กหญิงหน้าตาน่าเอ็นดู สารวัตรเอกราชเข้าใจความหมายนั้น ได้แต่อวยพรให้โชคดีและอย่าลืมโทร.มาบ้าง จ่าแสงชัยยิ้มรับ จูงมือลูกชวน "จันทร์ฉาย ไปเถอะลูก"

ขณะพ่อลูกเดินจูงมือกันไปนั่นเอง มีรถกระบะคันหนึ่งพุ่งปราดเข้ามาจอดประกบรถของเอกราช แล้วมือปืนที่ซุ่มอยู่ในรถก็ยิงกราดใส่รถของเอกราชจนพรุนไปทั้งคัน

จ่าแสงชัยหันมอง เขาชักปืนวิ่งย้อนกลับไปช่วยเจ้านาย ทิ้งจันทร์ฉายยืนร้องเรียกพ่อ...อยู่ตรงนั้น

เอกราชถูกยิงเสียชีวิตทั้งที่ยังไม่ทันยิงตอบโต้ แสงชัยวิ่งไปกระหน่ำคนร้ายด่าวดิ้นไปหนึ่งคน ที่เหลือหันมายิงใส่เขาจนทรุดลงกับพื้น หนึ่งในมือปืนกระโดดลงจากรถตะโกนบอกเพื่อน "ไอ้สายตำรวจ" แสงชัยเงยหน้าขึ้นรู้ชะตากรรมตัวเองเขาหันไปตะโกนบอกจันทร์ฉาย

"จันทร์ฉายหนีไป!" เขายิ้มให้ลูกทั้งน้ำตาก่อนสิ้นใจ จันทร์ฉายยืนมองพ่อตะลึงค้างอยู่อย่างนั้น

ooooooo

กลางดึกคืนนั้น สารวัตรขจรซึ่งเวลานั้นติดยศร้อยตรีก็พานวล และลูกสองคนคือ เด็กหญิงปานเดือนและเด็กชายทิวามาที่โรงพยาบาล เขาพาครอบครัวของเอกราชเดินไปหาจันทร์ฉายซึ่งอยู่ในความดูแลของตำรวจหญิงคนหนึ่ง

เด็กหญิงจันทร์ฉายมองหน้านวลอย่างไม่รู้จัก ในขณะที่นวลเดินเข้าไปเช็ดน้ำตาให้ บอกหนูน้อยว่า "ฉันชื่อนวล เป็นเมียของสารวัตรเอกราช ก่อนตายสามีฉันเขาเคยฝากให้ฉันดูแลหนู หนูชื่ออะไรจ๊ะ"

"จันทร์ฉายค่ะ"

นวลบอกให้ปานเดือนกับทิวามารู้จักกับจันทร์ฉายซึ่งอายุมากกว่าเล็กน้อย

"ปานเดือน จันทร์ฉาย เอ...เกิดวันจันทร์เหมือนกันเหรอเนี่ย สงสัยจะดวงสมพงศ์กันแฮะ" สารวัตรขจรเวลานั้นเอ่ยชื่อเด็กหญิงทั้งสองอย่างนึกขึ้นได้ ทำให้ปานเดือนกับจันทร์ฉายมองหน้ากัน

แววตาที่เด็กหญิงมองกันเวลานั้น ราวกับเคยพบพานกันมาก่อนฉะนั้น...

ooooooo

จันทร์ฉายกับปานเดือนอยู่ด้วยกันจนโตเป็นสาวรุ่น ทั้งคู่สอบเทียบเข้าอบรมเป็นตำรวจหญิงด้วยกัน รักและช่วยเหลือกันในการสอบฝึกด่านเครื่องกีดขวางอย่างสมบุกสมบันมาด้วยกัน

จนกระทั่งผ่านการฝึกกันมาด้วยดี วันนี้สารวัตรขจรพูดกับบรรดานักเรียนตำรวจหญิงว่า

"ผู้สมัครเป็นตำรวจหญิงทุกคนฟังให้ดี ผมทราบว่าผลการสอบภาคทฤษฎีและปฏิบัติของพวกคุณแต่ละคนอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม แต่นั่นไม่มีความหมายอะไรเลยกับการอบรมภาคสนามในหกเดือนข้างหน้า ตอนนี้ทางสำนักงานตำรวจของเรา เปิดโอกาสให้ผู้หญิงอย่างพวกคุณได้เป็นตำรวจ เพราะเราเชื่อมั่นว่าพวกคุณเก่งกล้าและทรหดได้ไม่แพ้ผู้ชาย ดังนั้น ขั้นตอนการฝึกของพวกคุณ ก็ต้องใช้มาตรฐานเดียวกับผู้ชาย และคนที่จะช่วยดูแลการฝึกของพวกคุณก็คือ ผู้กองอานนท์"

สิ้นเสียงสารวัตรขจร ผู้กองอานนท์ก็ก้าวออกมาประจำที่ ปานเดือนแค่สบตาอานนท์ก็หลบหน้าทำเขินแอบยิ้ม จันทร์ฉายเหลือบมองถามว่า ยิ้มทำไม ปานเดือนตอบเขินๆ

"หล่ออ่ะ..."

จันทร์ฉายค้อนน้องสาวอย่างหงุดหงิด พลันก็ได้ยินเสียงผู้กองอานนท์เอ่ยกับบรรดาตำรวจหญิง

"ยินดีที่ได้รู้จักผู้สมัครทุกคน ก่อนอื่นผมขอแจ้งให้ ทราบว่า ถ้าใครทนการฝึกของผมไม่ได้ ก็ขอให้ถอนตัวไปเสีย เพราะในทัศนคติของผม ผู้หญิงอย่างพวกคุณก็เหมือนกระต่ายที่เขาเลี้ยงไว้ในฟาร์ม มีหน้าที่ต้องกิน ต้องแปรงขนสวยๆแล้วก็เป็นเบี้ยล่างของสัตว์อื่น ไม่มีสิทธิ์ไปต่อกรกับใครทั้งนั้น"

"ชิ!" จันทร์ฉายทำเสียงอย่างหมั่นไส้

อานนท์ได้ยิน เขาเดินมาหยุดตรงหน้าจันทร์ฉายที่ยืนคู่กับปานเดือน พูดตรงนั้นว่า

"พวกคุณเกิดมาเพื่อเป็นเหยื่อ ไม่ใช่นักล่า ไม่ใช่เสือ แต่เป็นกระต่าย ที่ผมพูดเป็นเรื่องจริงรึเปล่า"

"ไม่ค่ะ" จันทร์ฉายตอบเสียงใส ถูกอานนท์สั่งให้ดังๆเธอตะเบ็งเสียง "ไม่ค่ะ!"

"ดี ถ้างั้น การอบรมภาคสนาม ยินดีต้อนรับพวกคุณ ทุกคน" อานนท์สรุป

จันทร์ฉายเชิดคอแข็งประจันหน้ากับอานนท์ราวกับได้เจอคู่แข่ง ส่วนปานเดือนแอบมองอานนท์อย่างหวั่นไหว หลบๆมองๆอยู่อย่างนั้น

ooooooo

การฝึกเริ่มขึ้นแล้ว ปานเดือนกับจันทร์ฉายเข้าร่วมการฝึกกับเพื่อนๆ จากครูฝึกอานนท์และขจร ทั้งการต่อสู้ด้วยมือเปล่า การเรียนรู้ทฤษฎีและทักษะ การใช้อาวุธปืน สองพี่น้องรับการฝึกอย่างเอาจริงเอาจัง หน้าตาดุดันราวกับเผชิญข้าศึกจริงๆ

ระหว่างพักกินอาหารในสถานฝึกอบรมนั้น ขจรคุยกับอานนท์ว่า

"ได้ข่าวว่าตำรวจหญิงรุ่นนี้มีช้างเผือกอยู่สองเชือกไม่ใช่เหรอ" เมื่ออานนท์ถามว่าถ้าเป็นจันทร์ฉายกับปานเดือนละก็ไม่เลวมีคะแนนอยู่ระดับหัวแถวทั้งคู่ ขจรก็ท้วงติงว่า "แต่ หัวแถวมันมีได้แค่คนเดียวนะผู้กอง ผมอยากรู้ว่าใครคือคนที่เก่งที่สุดในรุ่น ช่วยประเมินให้หน่อยได้ไหม"

อานนท์มองขจรอย่างแปลกใจ ส่วนขจรเพียงแต่ยิ้มๆอย่างใจเย็นเท่านั้น

ooooooo

จนกระทั่งเข้าฝึกที่โรงยิม มีการจับคู่กันผลัดกันออกมาต่อสู้ให้ครูฝึกประเมินคะแนนทีละคู่ เมื่อถึงคู่ ว่าที่ร้อยตำรวจตรีหญิงปานเดือนกับว่าที่ร้อยตำรวจตรีหญิงจันทร์ฉายถูกขานชื่อออกไป

ปานเดือนกับจันทร์ฉายทักท้วงอานนท์ว่าตนสองคนเป็นพี่น้องกัน ถูกครูฝึกแย้งว่า

"ทุกคนในสนามฝึกนี่ก็เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น พวกเขายังสู้กันได้เลยนี่" ปานเดือนทำท่าจะแย้งอีก ถูกอานนท์ตัดบทว่า "ถามหน่อย พอถึงเวลาที่คุณเป็นตำรวจแล้วพบว่าญาติของคุณเป็นคนร้าย คุณจะทำยังไง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่รึเปล่า"

พอปานเดือนกับจันทร์ฉายอึ้งตอบไม่ได้ อานนท์สรุปทันที

"เอาล่ะ ผมจะให้คะแนน พวกคุณลงมือได้แล้ว"

ปานเดือนกับจันทร์ฉายตั้งการ์ดมองหน้ากันอยู่นานต่างไม่กล้าลงมือ จนครูอานนท์เริ่มกอดอกมองตาขวางๆ ปานเดือน จึงตัดสินใจเปิดฉากจู่โจมจันทร์ฉายก่อน จันทร์ฉายพยายามปัดป้องหลบหลีกไม่กล้าทำน้อง

ปานเดือนถามว่ามัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ลงมือเสียทีจันทร์ฉายตอบสวนไปว่าตนทำไม่ได้หรอก แม้ว่าปานเดือนจะออกหมัดถี่ขึ้น จันทร์ฉายก็ยังเอาแต่ปัดป้อง

"ฉันบอกให้ลงมือ" ปานเดือนร้องบอก

"ไม่" จันทร์ฉายเสียงแข็ง

อานนท์เริ่มพบความผิดปกติ เห็นปานเดือนเริ่มจู่โจมแต่ จันทร์ฉายก็เอาแต่ปัดป้อง เสียงเพื่อนๆร้องเชียร์ให้จันทร์ฉายสู้ๆ

ทีแรกจันทร์ฉายก็เอาแต่ปัดป้อง พอโดนหมัดน้องเข้าไปถี่ขึ้นก็ชักฮึดเลยสวนคืนไปบ้าง ถูกปานเดือนเข้าอย่างจังจนปากแตก พอได้เลือดปานเดือนกระโดดถีบจันทร์ฉายอย่างแรงจนล้มแล้วโผนเข้าซ้ำ

ฉากการต่อสู้เลยดุเดือดเลือดพล่าน ปานเดือนยิ่งสู้ก็ยิ่งบ้าเลือด จนอานนท์ต้องเข้าไปยื้อตัวออกมา ร้องบอก "เอาล่ะ พอได้แล้ว ปานเดือนเป็นฝ่ายชนะ"

สิ้นเสียงอานนท์เสียงโห่ก็ดังขึ้น ไม่มีใครชื่นชมกับชัยชนะของปานเดือนเลย ปานเดือนมองจันทร์ฉายด้วยสายตาที่โทษว่าเป็นฝ่ายผิด แล้วก็ยิ่งเสียใจเมื่อเห็นอานนท์มองเธออย่างตำหนิเช่นกัน

ooooooo
แล้วก็เป็นเรื่องขึ้นมาจนได้ เมื่อบรรดาผู้อบรมตำรวจหญิงหลายคนไปคุยกันอยู่หน้าล็อกเกอร์ นินทาเรื่องที่เกิดขึ้น ต่างเห็นว่าถ้าจันทร์ฉายลงมือจริงๆ ไม่มีวันที่ปานเดือนจะชนะได้ บางคนพูดอย่างหงุด- หงิดว่า

"คิดๆแล้วยังเจ็บใจแทนเลยนะเธอ ไอ้พี่ก็ยอมให้ น้องทุกอย่าง ไอ้น้องก็ไม่รู้เก็บกดมาจากไหน จะเอาชนะให้ได้"

อีกคนเสริมว่า "ฉันว่านะ งานนี้ถ้าผู้กองอานนท์ห้ามไม่ทัน ป่านนี้จันทร์ฉายมีหวังเละแน่"

"นั่นสิ น้ำหน้าอย่างปานเดือนน่ะเหรอจะสู้จันทร์ฉายได้"

ไม่มีใครรู้ว่าปานเดือนกำลังอาบน้ำอยู่ในห้อง ได้ยินชัดทุกคำพูดของเพื่อนๆเหล่านั้น เธอโกรธจนน้ำเย็นที่ราดตัวก็ช่วยอะไรไม่ได้

ตกกลางคืนเมื่อเข้าโรงนอน จันทร์ฉายกำลังจัดที่นอนอยู่ก็ถูกปานเดือนเดินกำหมัดเข้าไปกระชากไหล่ถามว่า

"พี่ฉายทำแบบนี้ทำไม พี่รู้ตัวรึเปล่าว่าพี่ทำให้ฉันกลายเป็นตัวตลก" เมื่อจันทร์ฉายไม่รู้เรื่อง ปานเดือนย้ำ "ต่อไปไม่ต้องมาอ่อนข้อให้ฉัน ฉันดูแลตัวเองได้ ฉันไม่ใช่ลูกไล่ของพี่ พี่ไม่ต้องมาปกป้องฉัน"

"ปานเดือน..."

"ฉันจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าฉันไม่ได้แพ้พี่" ปานเดือนฮึ่มฮั่ม จันทร์ฉายมองไปรอบๆเห็นเพื่อนนักเรียนมามุงกันพรึ่บ เธอรู้ทันทีว่าเกมนี้ไม่จบแน่ถ้าปานเดือนไม่ได้พิสูจน์ฝีมือให้เพื่อนๆเห็น บอกน้องว่า

"ก็ได้ แต่ถ้าเธอแพ้ เธอจะว่ายังไง"

"แพ้ก็แพ้ ฉันรับได้"

"นี่ปานเดือน จันทร์ฉาย อย่าต่อยกันอีกเลยนะ ฉันขอร้อง" เพื่อนนักเรียนคนหนึ่งเอ่ย

จันทร์ฉายกับปานเดือนสบตากัน ในที่สุดทั้งคู่ตกลงไม่ต่อยกัน แต่จะยิงกันเลย วางแผนให้ไพลินไปสะเดาะกุญแจตู้เก็บอาวุธ ขโมยปืนและกระสุนยางออกมา ปานเดือนแบ่งให้จันทร์ฉายคนละหกนัด

ทั้งคู่ไปดวลกันที่โรงเก็บพัสดุ โดยมีเพื่อนนักเรียนหญิงทั้งสี่ไปซุ่มดูในที่กำบัง

"ถ้าพี่อ่อนข้อให้ฉันอีกละก็...เป็นเรื่องแน่" ปานเดือนปรามพี่สาวหน้าตาเอาเรื่อง

จันทร์ฉายไม่ตอบ เอาปืนเหน็บเอว ปานเดือนทำแบบเดียวกัน นักเรียนหญิงคนหนึ่งถูกเพื่อนสะกิดให้เป็นกรรมการ ให้สัญญาณ เธอกลัวๆกล้าๆ ในที่สุดบอกเพื่อนๆว่า

"เอ่อ...เอา...เอาเป็นว่า ถ้าขวดนี่ตกถึงพื้นเมื่อไหร่

ก็ฉะกันได้เลย" พลางหยิบขวดน้ำอัดลมแถวนั้นชูให้ดู พูดเสร็จโยนขวดขึ้นสุดแรง ขวดลอยละลิ่วปลิวละล่องตกดังเพล้ง!

พริบตานั้นจันทร์ฉายกับปานเดือนสาดกระสุนเข้าใส่ กันทันที กระสุนของจันทร์ฉายเป็นสีแดง ของปานเดือนเป็นสีเหลือง กระสุนตกแตกกระจายเปื้อนพื้น เหลืองๆแดงๆไปหมด

ปรากฏว่ากระสุนของปานเดือนหมดก่อน จันทร์ฉายยังเหลืออยู่ เธอหันกลับมาเล็งปืนง้างนกยิงใส่อกปานเดือนที่นอนหมดท่าอยู่กับพื้น ปานเดือนผงะ ทั้งตัวเธอและเพื่อนๆต่างตกตะลึงไม่คิดว่าจันทร์ฉายจะกล้าจ่อยิงน้อง

พอยิงแล้วจันทร์ฉายตกใจยิ่งกว่า ผวาเข้าไปหาน้อง ร้องเรียก "ปานเดือน พี่...พี่ไม่ได้ตั้งใจ"

ทันใดนั้น อานนท์ผลักประตูผลัวะเข้ามาด้วยสีหน้าโกรธจัด ตวาดหน้าถมึงทึง

"ทั้งสองคนพอได้แล้ว ปานเดือน จันทร์ฉาย พวกเธอตามฉันไปที่ห้องอำนวยการ ส่วนพวกเธอกองเชียร์กลับไปที่โรงนอน พรุ่งนี้จะคิดบัญชีทีหลัง"

พวกนักเรียนกองเชียร์หน้าจ๋อยทยอยกันถอยออกไป ส่วนปานเดือนยังจ้องหน้าจันทร์ฉายทั้งกลัวทั้งโกรธกับสิ่งที่จันทร์ฉายทำลงไป

ooooooo

เช้าวันต่อมา ที่ห้องอำนวยการ สารวัตรขจรนั่งอ่านรายงานเสร็จเงยหน้ามองผู้กองอานนท์ที่นั่งรอผลการตัดสินอยู่ พูดอย่างใจเย็นว่า

"ไม่เอาน่าผู้กอง ถ้าคุณไล่พวกเขาออก ก็ต้องไล่ผมด้วยสิ ในเมื่อผมเป็นคนยุให้พวกเขามีเรื่องกันนี่นา"

"ผมไม่เข้าใจเลยครับสารวัตร สารวัตรจะเฟ้นหาตำรวจหญิงฝีมือดีไปเพื่ออะไร ในเมื่อตำรวจชายก็มีออกตั้งเยอะแยะ"

"งานบางอย่าง ตำรวจชายทำไม่ได้หรอกผู้กอง ผมต้องการสายข่าวเพื่อไปสืบคดีแก๊งค้ายาเสพติด" อานนท์ถามว่าแก๊งไหน สารวัตรจ้องหน้าตอบชัดถ้อยชัดคำ "นายภูผา"

แค่ได้ยินชื่อ อานนท์ก็เครียดขึ้นมาทันที รู้ว่างานนี้งานใหญ่แน่!

ooooooo

จันทร์ฉายกับปานเดือนถูกลงโทษให้ไปถอน หญ้ากลางแดดเปรี้ยง ทั้งสองถอนหญ้ากันเหงื่อไหล ไคลย้อย ปานเดือนชำเลืองมองจันทร์ฉายแล้วค่อยๆขยับเข้าไปเอ่ยขอโทษ ทีแรกจันทร์ฉายก็ทำเป็นหูทวนลม จนปานเดือนขอโทษเป็นครั้งที่สอง จันทร์ฉายจึงยอมแต่ต้องเลี้ยงพิซซ่าตน ปานเดือนดีใจลุกขึ้นตะเบ๊ะ

"รับทราบค่ะผู้หมวด"

ทั้งสองคืนดีกันอย่างรวดเร็วง่ายดาย พอหายโกรธก็หยอกล้อกันสนุกสนาน จนเพื่อนๆที่มองดูอยู่พากันดีใจโล่งอก ที่พี่น้องคู่นี้เคลียร์กันง่ายดี

"ก็ดีแล้วนี่เธอ อาทิตย์หน้าพวกเราก็จะจบหลักสูตรแล้วนะ" เพื่อนอีกคนเอ่ยขึ้น ทุกคนต่างดีใจที่วันแห่งการรอคอยใกล้มาถึง ไพลินที่รวมกลุ่มอยู่ด้วยยิ้มอย่างโล่งใจเหมือนกัน

ในที่สุด ทุกคนก็ได้รับติดยศเป็นร้อยตำรวจหญิง ทุกคนแต่งเต็มยศเท่มาก

เมื่อเสร็จพิธีออกจากหอประชุม อานนท์สวนกับปานเดือน เขาแสดงความยินดีกับเธอ

"ขอบคุณค่ะผู้กอง" ปานเดือนยิ้มปลื้ม แล้วยื่นมือไปเขินๆ "หวังว่าต่อไปเราคงได้ร่วมงานกันนะคะ"
อานนท์จับมือปานเดือนเขย่าเบาๆตอบว่า "แน่นอน เราต้องได้เจอกันอีกแน่" ทำเอาปานเดือนหัวใจพองแทบระเบิด

ขณะนั้นเองเสียงกระแอมดังขึ้น ทั้งคู่มองไป เห็นจันทร์ฉาย ยืนเต๊ะอยู่ เธอชวนปานเดือนรีบกลับบ้านกันเถอะ แม่รออยู่

"จันทร์ฉาย" อานนท์เรียก แล้วยื่นมือไปให้จับ จันทร์ฉายแค่มองแล้วพูดหยิ่งๆ

"โชคดีนะคะผู้กอง แต่เราคงไม่ได้เจอกันอีก"

อานนท์ลดมือลงเก้อๆมองตามสองสาวที่เดินเคียงคู่กันออกไป ครู่หนึ่งไพลินเดินมารายงานตัว บอกว่าสารวัตรขจรมีคำสั่งให้ตนมาอบรมเพิ่มเติมกับผู้กองเพื่อเป็นสายตำรวจ

ooooooo

เมื่อกลับถึงบ้าน ปานเดือนกับจันทร์ฉายเข้าไปในห้องพระ ทิวายกมือไหว้พระแล้วหยิบกล่องไม้จากหิ้งบูชามาส่งให้นวล จันทร์ฉายมองอย่างสนใจ ถามว่า "อะไรเหรอคะแม่"

นวลยิ้มอย่างเยือกเย็นเปิดกล่องเผยให้เห็นเขี้ยวเสือคู่หนึ่งร้อยสร้อยไว้พร้อม นวลบอกว่า

"เขี้ยวเสือคู่นี้ คุณปู่ของเดือนเขาได้มาตั้งแต่สมัยหนุ่มๆเห็นบอกว่าแก้คุณไสยกันภัยได้สารพัด ตอนนี้แม่อยากให้ลูกสองคนเก็บไว้คนละอัน จะได้เป็นเครื่องป้องกันตัว"

"โธ่แม่..." ปานเดือนพึมพำ นวลพูดกับลูกว่า

"สัญญากับแม่สิปานเดือน ไม่ว่าบุกน้ำลุยไฟที่ไหน อย่าให้เขี้ยวเสือนี่ห่างตัวเด็ดขาด" เมื่อปานเดือนพยักหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง นวลหันไปทางจันทร์ฉาย "จันทร์ฉายด้วยนะ เขี้ยวเสือมันมาด้วยกัน ยังไงก็ต้องไปด้วยกันนะลูก"

"ค่ะแม่"

นวลพยักหน้าพอใจก่อนจะจบเขี้ยวเสือขึ้นอธิษฐานแล้วคล้องให้จันทร์ฉายกับปานเดือนตามลำดับ

เมื่อเข้าห้องนอน ทั้งจันทร์ฉายและปานเดือนต่างบริกรรมคาถากับเขี้ยวเสือที่แขวนไว้ตรงหัวเตียง เสร็จแล้วกราบหมอน ปานเดือนถามจันทร์ฉายว่าเขี้ยวเสือนี่จะคุ้มกันเราได้จริงๆหรือ

จันทร์ฉายถามว่าทำไมถามอย่างนั้น ปานเดือนพูดลอยๆ ว่า

"ก็ถ้าโลกนี้มีของวิเศษจริง พ่อเราก็คงไม่ตาย"

"มันไม่เกี่ยวกันหรอกเดือน ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ พี่ว่ามันอยู่ที่ใจเราต่างหาก จำที่แม่บอกไว้ให้ดีเถอะ เขี้ยวเสือคู่นี้ มันมาด้วยกัน ตราบใดที่เราไม่ทอดทิ้งกัน พี่เชื่อว่าเราจะต้องปลอดภัย"

ปานเดือนฟังพี่แล้วพยักหน้าอย่างเห็นด้วย จันทร์ฉายยิ้มที่น้องเข้าใจ

ooooooo

หลายเดือนต่อมา...

ที่บ้านภูผา หัวหน้าแก๊งค้ายาเสพติดตัวสำคัญ เขานั่งกินอาหารเช้าอย่างลวกๆ เร่งรีบที่ริมสระน้ำ ซึ่งมีจอมขวัญกำลังว่ายน้ำเล่นอยู่ โดยมียุทธิ์ หัวหน้าองครักษ์คอยดูอยู่ห่างๆ

ครู่หนึ่ง เมธีมือขวาของภูผาเข้ามารายงานว่า

"ไอ้เต๊กตายแล้วครับเสี่ย พวกลูกน้องก็เหมือนกัน ถูกตำรวจกวาดเรียบ"

ภูผาพยักหน้า เช็ดปากแล้วลุกยืนประจันหน้าเมธี ถามอย่างไม่พอใจว่า

"ฉันสั่งให้แกรีบพามันหนีไป แล้วทำไมถึงปล่อยให้เป็นแบบนี้"

"ผมส่งคนไปรับแล้วครับ แต่พวกตำรวจชิงลงมือเสียก่อน คนของเราก็เลยโดนเก็บไปด้วย

ภูผาตบหน้าเมธีฉาดใหญ่ ด่าบัดซบ เรื่องแค่นี้ก็ทำไม่สำเร็จ แล้วถามถึงเด็กใหม่ของเต๊กที่ถูกตำรวจจับไปตอนนี้อยู่ไหน เมธีบอกว่าตำรวจจะปล่อยตัววันนี้ แล้วลดลงกระซิบบอกว่า

"เห็นเขาลือว่า นังนั่นอาจเป็นสายตำรวจ"

"ถ้างั้นก็เก็บมันซะ"

เมธีพยักหน้าแล้วถอยออกไป มันเหลือบเห็นจอมขวัญที่ยืนจิบเครื่องดื่มอยู่มองมาด้วยสายตาเย้ยหยัน

ooooooo

ไพลินได้รับการฝึกจากอานนท์แล้วถูกส่งตัวไปทำงาน เมธีจอดรถซุ่มดูอยู่ มันชี้ให้มือฆ่าที่มาด้วยบอกว่านั่นคือเด็กใหม่ของเฮียเต๊กที่เขาลือกันว่าเป็นสายข่าว แล้วสั่งเหี้ยม "จัดการมันซะ"

ชัย มือฆ่าคนนั้นสะกดรอยตามไพลินไป เธอเดินไปครู่หนึ่งรู้สึกตัวมีคนตาม จึงแกล้งเดินหลบเข้าซอยแล้วหาที่ซ่อนตัวพร้อมกับเอาปืนออกมาเตรียมพร้อม ขณะนั้นได้ยินเสียง "แกรกกกกกกกกก" ลากยาวมาช้าๆ มันคือเสียงปลายมีดของชัยกรีดผนังเป็นรอยยาว

ชัยเดินเอามีดขูดกำแพงตรงมาด้านหลังของไพลิน เธอหันขวับจะยิงใส่ถูกมันพุ่งเข้าประชิดตัว มือหนึ่งยื้อปืนเธอไว้ อีกมือแทงมีดใส่ท้องเธอจนมิดด้าม ร่างไพลินถูกดันชิดผนัง เธอตาค้างเบิกโพลง ชัยบิดมีดในมือชักออกอย่างเลือดเย็น

ที่กองปราบ สารวัตรขจรคุยโทรศัพท์กับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รับว่า

"ใช่ครับท่าน คนที่ตายเป็นสายข่าวของเรา ผมคิดว่าถ้าเราจะตามคดีนี้ต่อ ก็ต้องรีบส่งสายข่าวคนใหม่เข้าไปทันทีครับท่าน ผมจะลองปรึกษาเรื่องนี้กับผู้กองอานนท์ดู"

สารวัตรขจรวางสายแล้วคิดถึงอานนท์ด้วยสีหน้าหนักใจ...เพราะว่า...

ไพลินเป็นน้องสาวของผู้กองชัชวาลย์ที่ไม่เห็นด้วยกับการส่งน้องสาวไปเป็นสาย เพราะไพลินเพิ่งฝึกกับอานนท์ ได้เพียงเดือนเดียว เธอยังไม่พร้อมที่จะเป็นสายสืบ

เวลานั้นอานนท์มั่นใจว่าไพลินทำได้ เพราะเธอมีทักษะมากพอที่จะปฏิบัติงาน เวลานั้นสารวัตรขจรตัดสินว่าให้ถามตัวไพลินดีกว่า ปรากฏว่าไพลินยืนยันว่าตนพร้อม อานนท์มองไพลินอย่างพอใจมาก ในขณะที่ชัชวาลย์ไม่พอใจอย่างยิ่ง

เมื่อพบกันที่ทางเดิน ชัชวาลย์ผลักอกอานนท์ถามอย่างไม่พอใจว่าทำแบบนี้ทำไม เอาไพลินไปเกี่ยวด้วยทำไม ไพลินกับตำรวจแถวนั้นเห็นท่าทางจะมีเรื่องกัน เธอเดินเข้ามาขอร้องพี่ชายว่าพอได้แล้ว

"แกส่งไพลินไปเป็นสายเพื่อต้องการแกล้งฉันใช่ไหม ไอ้นนท์" ชัชวาลย์ยังไม่ลดละ

"ฉันรู้ว่านายไม่ชอบขี้หน้าฉัน แต่ฉันก็ไม่ทำอะไรทุเรศๆอย่างนั้นแน่" อานนท์ตอบโต้

ไพลินชี้แจงว่านี่เป็นคำสั่งของสารวัตรขจร แต่ชัชวาลย์ ไม่ยอมบอกว่าจะไปขอให้สารวัตรยกเลิกคำสั่งนี้เสีย ไพลินรีบบอกพี่ชายว่า "แต่ไพลินเต็มใจทำงานให้กับผู้กองอานนท์"

"ไพลิน นี่แกไม่ห่วงตัวเองบ้างรึไง" ชัชวาลย์หันมาถามอย่างฉุนเฉียว

อานนท์บอกว่าถึงไม่ใช่ไพลินตนก็ต้องส่งคนอื่นไปเป็นสายอยู่ดี แต่ตนเชื่อมั่นว่าไพลินทำได้ ชัชวาลย์หันขวับ มาพูดอย่างเอาเรื่องว่า

"ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวฉัน แกต้องเป็นคนรับผิดชอบ" พูดแล้วหุนหันผละไป

ooooooo

จากการตายของไพลิน ทำให้อานนท์กลายเป็นขี้เหล้าเมายา เขาดื่มในผับจนเมามายออกมาอ้วกใส่รถวัยรุ่นจนถูกรุมยำ พอมันเห็นบัตรตำรวจของเขาก็ตกใจพากันหนีตัวใครตัวมัน

วันต่อมา สารวัตรขจรไปหาเขาถึงแฟลตที่พัก เห็นสภาพของเขาแล้วถามว่ากลายเป็นขี้เหล้าไปตั้งแต่เมื่อไรหรือผู้กอง

"เรียกผมว่าอานนท์เถอะครับ ผมลาออกแล้ว" อานนท์ พูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก

สารวัตรขจรบอกว่ายังไม่เห็นใบลาออกของเขาสงสัยคงทำหาย แล้วหว่านล้อมว่า คนเก่งๆอย่างเขาจบแบบนี้ไม่ง่ายไปหน่อยหรือ

"คนเก่ง...ผมน่ะเหรอครับสารวัตร" อานนท์พยายามกลั้นน้ำตา "คนที่ทำให้ให้ลูกน้องต้องตายเพราะความหลงตัวเอง นี่หรือครับคนเก่ง"

"ไพลินตายในหน้าที่คุณน่าจะลืมเธอเสีย"

"ผมทำไม่ได้ครับสารวัตร...ผม...ผมลืมไพลินไม่ได้" อานนท์น้ำตาไหล เขาก้มหน้าร้องไห้อย่างหนัก สารวัตรขจรได้แต่มองอย่างเห็นใจ

ooooooo

จบตอนที่ 1
เครดิตไทยรัฐ



Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2553 12:00:31 น. 5 comments
Counter : 2262 Pageviews.

 
pluem


โดย: pluemhitman IP: 118.173.220.22 วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:15:46:55 น.  

 
ละครสนุกมาก


โดย: ส้ม IP: 125.27.38.13 วันที่: 31 มีนาคม 2553 เวลา:22:33:01 น.  

 
ชอบละครเรื่องนี้เพราะมันสนุกสุดๆค่ะ


โดย: eve IP: 125.27.38.13 วันที่: 31 มีนาคม 2553 เวลา:22:37:12 น.  

 
ชอบละครเรื่องนี้เพราะมันสนุกสุดๆค่ะ


โดย: eve IP: 125.27.38.13 วันที่: 31 มีนาคม 2553 เวลา:22:37:49 น.  

 
อยากให้วายุคู่จันทร์ฉาย อานนท์คุ่ปานเดือน แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะหนังไทยพระเอกต้องคู่นางเอกเท่านั้น เฮยน่าเบื่อ


โดย: klovet IP: 58.147.27.140 วันที่: 20 เมษายน 2553 เวลา:10:37:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com