ทั่วโลกตื่นตัวส่งเสริมระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ เช่นระบบราง..บ้านเราจะว่าอย่างไร



บทความ : หน้าที่การผังเมืองกับการลงทุนระบบขนส่งมวลชน

บทความโดย ฐาปนา บุณยประวิตร ผู้เชี่ยวชาญด้านผังเมือง (2 มีนาคม 2555)

thapana.asia@gmail.com/ //www.asiamuseum.co.th/

www.smartgrowthasia.com

วันนี้จะขอกล่าวถึงหน้าที่การผังเมืองกับการลงทุนระบบขนส่งมวลชนอีกครั้งซึ่งผมเห็นว่ายังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอยู่มากโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้าใจของผู้บริหารประเทศซึ่งจะกล่าวย้อนถึงแนวคิดการลงทุนโครงสร้างทางกายภาพเมืองและชี้ให้เห็นผลกระทบที่ประชาชนได้รับ





ระบบถนน พึ่งพารถยนต์ เติมน้ำมันอย่างเดียว ค่าใช้จ่ายสูงเสียดุลย์การค้า เงินบาทไทยรั่วไหล


กระแสขนส่งมวลชนระบบราง นิยมกัน และมาแรงทั่วโลกแล้วครับ

(ลองดูวีดีโอท้ายเรื่อง เรื่องแรกดูครับ )



ระบบรางทำให้การเผาผลาญน้ำมันสิ้นเปลืองน้อยลงเพราะใช้ระบบไฟฟ้า เป็นส่วนใหญ่

จากบทความช่วงต้นๆ ผมได้แสดงให้เห็นว่า รัฐมีหน้าที่โดยตรงในการลงทุนระบบคมนาคมขนส่งเพื่อเชื่อมต่อระหว่างย่านเพื่อให้การใช้ประโยชน์ที่ดินมีความคุ้มค่าและสามารถตอบสนองความต้องการสัญจรของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยสำดับความสำคัญในการลงทุนนั้นการเติบโตอย่างชาญฉลาด (Smart Growth) ได้กำหนดให้รัฐเลือกการลงทุนโครงข่ายการขนส่งมวลชนก่อน โดยใช้โครงข่ายถนนที่มีอยู่เดิมเป็นฐานรองรับโครงข่ายการขนส่งมวลชนกรณีนี้ใช้สำหรับการสัญจรในเขตเมืองและระหว่างเขตเมืองกับย่านชานเมือง

ส่วนการลงทุนการคมนาคมขนส่งระหว่างเมืองนั้นก็ยังได้กำหนดให้

ลงทุนระบบขนส่งมวลชนมีความสำคัญเป็นอันดับแรกอีกเช่นกัน

โดยให้การลงทุนโครงข่ายถนน ทางด่วนทางด่วนพิเศษหรือมอเตอร์เวย์มีความสำคัญในอันดับที่สอง เหตุที่กำหนดเช่นนี้เนื่องจาก

1.ต้องการบังคับให้ประชาชนมีพฤติกรรมการใช้ระบบขนส่งมวลชนที่รัฐลงทุนไว้แล้ว

2. ป้องกันการซื้อหาที่อยู่อาศัยในสถานที่ซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งในการกระจัดกระจายของเมือง (Urban Sprawl)

3. ลดความจำเป็นในการลงทุนซื้อรถยนต์ของประชาชน

หากจะทำความเข้าใจกันแบบง่ายๆ ก็คือพฤติกรรมการสัญจรของประชาชนจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพที่รัฐวางแผนไว้นั่นเองเช่น หากเมืองใดมีการลงทุนโครงข่ายการขนส่งมวลชนไว้พรั่งพร้อมตั้งแต่แรกประชาชนก็จะหมดความจำเป็นในการซื้อหารถยนต์ พฤติกรรมการสัญจรของประชาชนก็จะใช้ระบบที่รัฐลงทุนไว้ให้ในทางตรงกันข้ามกับหากเมืองใดมีการลงทุนโครงข่ายถนนไว้อย่างพรั่งพร้อมตั้งแต่แรกโดยที่ไม่ได้ให้ความสำคัญในการลงทุนโครงข่ายขนส่งมวลชนประชาชนก็มีความจำเป็นจะต้องซื้อหารถยนต์ การสัญจรส่วนใหญ่จึงต้องพึ่งพารถยนต์ที่ประชาชนเป็นผู้ลงทุน

ผมคิดว่าผู้อ่านทุกท่านคงมองเห็นผลที่เกิดกับเมืองและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนจากการลักษณะการลงทุนทั้งสองประเภทสำหรับในทางผังเมืองหากเปรียบเทียบสิ่งที่ได้จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพทั้งสองประเภทท่านจะพบทั้งผลได้และผลกระทบที่แตกต่างกันมากลองมาดูกันครับว่าบทเรียนที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง

กรณีการลงทุนโครงข่ายขนส่งมวลชนไว้ตั้งแต่แรก ท่านจะพบว่า

1. ชุมชนจะมีความกระชับ (Compact Community) บริเวณสถานีขนส่งมวลชนด้วยการลงทุนของภาคเอกชนและภาครัฐในการพัฒนาที่อยู่อาศัย ธุรกิจบริการการพาณิชยกรรม และระบบสาธารณูปโภคสาธารณูปการ




กรณีการลงทุนโครงข่ายขนส่งมวลชนไว้ตั้งแต่แรก ชุมชนจะมีความกระชับ

2. รูปทรง (Shape) ของย่านจะเป็นรูปวงกลมหรือวงรีที่มีศูนย์กลางของชุมชนเป็นสถานีขนส่งมวลชนหรือศูนย์พาณิชยกรรมรอบๆสถานีซึ่งมีความเด่นชัด หากเกิดการแผ่ขยาย ชุมชนจะขยายออกไปตามรัศมีที่นับจากศูนย์กลาง

3. ชุมชนที่กระชับจะมีความหนาแน่นในบริเวณใจกลาง เนื่องจากมีอาคารพักอาศัยหลากหลายรูปแบบและส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มอาคารแนวตั้งดังนั้น ในพื้นที่จึงเกิดสภาพของชุมชนแห่งการเดิน (Walkable Community) โดยที่รัฐไม่ต้องให้การส่งเสริม



กรณีการลงทุนโครงข่ายขนส่งมวลชนไว้ตั้งแต่แรก เกิดสภาพของชุมชนแห่งการเดิน(Walkable Community)

4.ความคึกคักและมีชีวิตชีวาด้านเศรษฐกิจในย่านการค้าพาณิชยกรรม เกิดการสร้างงานและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ประชาชน



กรณีการลงทุนโครงข่ายขนส่งมวลชนไว้ตั้งแต่แรก เกิดเมืองมีชีวิตชีวา

5. การรุกล้ำพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ธรรมชาติเกิดขึ้นน้อย เนื่องจากชุมชนไม่ได้กระจัดกระจายตามแนวถนน



หากเป็นกรณีการลงทุนโครงข่ายถนนไว้ตั้งแต่แรก ท่านจะพบว่า

1. ชุมชนจะกระจัดกระจายตามแนวถนน หรือกระจัดกระจายเป็นหย่อมๆไม่มีทิศทางการแผ่ขยายอย่างชัดเจน เกิดอาคารพาณิชยกรรมขนาดใหญ่ (Big Box Building) และอาคารพาณิชกรรมตามแนวถนน (Commercial Sprawl) และอาคารพักอาศัยตามพื้นที่ต่างๆ


 ชุมชนจะกระจัดกระจายตามแนวถนนหรือกระจัดกระจายเป็นหย่อมๆ ไม่มีทิศทางการแผ่ขยายอย่างชัดเจน



 ชุมชนจะกระจัดกระจายตามแนวถนนหรือกระจัดกระจายเป็นหย่อมๆ ไม่มีทิศทางการแผ่ขยายอย่างชัดเจน


2. ชุมชนไม่มีรุปทรง (Shape) ที่เด่นชัดไม่มีศูนย์กลางและไม่สามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงรูปทรงได้

3. ชุมชนเกิดใหม่มีความหนาแน่นต่ำไม่มีความคุ้มค่าในการลงทุนสาธารณูปโภคสาธารณูปการ ตลาด และศูนย์พาณิยกรรม หรือแม้แต่ระบบขนส่งมวลชนประชาชนไม่มีทางเลือกการเดินทางนอกจากการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลไม่สามารถส่งเสริมให้เกิดชุมชนแห่งการเดินได้


ประชาชนไม่มีทางเลือกการเดินทางนอกจากการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเผาผลาญน้ำมัน

ไม่สามารถส่งเสริมให้เกิดชุมชนแห่งการเดินได้



ประชาชนไม่มีทางเลือกการเดินทางนอกจากการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเผาผลาญน้ำมัน

ไม่สามารถส่งเสริมให้เกิดชุมชนแห่งการเดินได้


4. อาคารบ้านเรือน และอาคารพักอาศัยที่ตั้งไม่ต่อเนื่องกันทำให้ชุมชนขาดความคึกคักมีชิวิตชีวาประชาชนส่วนใหญ่ใช้พื้นที่เพียงแค่การอยู่อาศัยไม่ได้ใช้เป็นพื้นที่ประกอบการและเป็นแหล่งงาน





5. การกระจัดกระจายของอาคารประเภทต่างๆได้รุกล้ำพื้นที่การเกษตร พื้นที่รองรับน้ำ และพื้นที่ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ





ประสบการณ์การพัฒนาที่แสดงให้เห็นโดยสรุปนี้ไม่ได้รวมผลกระทบของเมืองที่เกิดจากการลงทุนประเภทที่สองเช่น ความแออัดด้านการจราจร ปัญหามลพิษปัญหาต้นทุนค่าครองชีพที่เกิดจากค่าใช้จ่ายการเดินทางปัญหาโลกร้อนที่เกิดจากการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลงความเครียดจากการเดินทางเป็นเวลานาน และการสูญเสียทางเศรษฐกิจ ฯลฯ

กรณีของผลกระทบด้านต่างๆที่เกิดจากการวางแผนการลงทุนโครงสร้างกายภาพประเภทที่สองซึ่งถือว่ามีความผิดพลาดนั้นในประเทศโลกที่ 1 ได้มีการสรุปเป็นบทเรียนและมีการปรับทิศทางการวางแผนด้วยการปรับปรุงกายภาพเมืองให้มีลักษณะเป็นประเภทแรกเกือบจะทั้งหมดแล้วทุกประเทศไม่มีการลังเลที่จะหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนในเขตเมือง และหลายๆประเทศได้มีความพยายามในสร้างกลยุทธ์เพื่อลดความจำเป็นในการซื้อหายวดยานส่วนบุคคล

สำหรับ video กรณีศึกษาจำนวน 2 เรื่องๆแรกได้ชี้ให้เห็นพิษภัยการกระจัดกระจายของเมือง เรื่องที่สองจัดทำโดย Congressfor the New Urbanism เรื่อง Built to Last ได้แสดงถึงเป้าหมายและความฝันอันสูงสุดของการวางผังและออกแบบเมืองให้เป็นทั้งWalkable City, Transit Oriented City, และ LivableCity ขอเชิญรับชมครับ

video เรื่องแรกครับ 


พิษภัยการกระจัดกระจายของเมือง

vdo เรื่องที่สอง 


เป้าหมายและความฝันอันสูงสุดของการวางผังและออกแบบเมืองให้เป็น

ขอขอบคุณ ภาพจากอินเตอร์เน็ต ที่ใช้ประกอบเล่าเรื่อง มา ณ ที่นี้ครับ....

ท่านใดสนใจ แนวความคิด Smart Growth (การวางผังเมืองพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนตามแนวทางการเติบโตอย่างชาญฉลาด)เข้าไป กด like fanpage ตามลิ้งก์ Facebook นี้ครับ //www.facebook.com/smartgrowththailand

อ่านบทความ “ย้อนหลัง” เกี่ยวกับองค์ความรู้ด้านผังเมืองที่ลิ้งก์ตามที่อยู่ด้านล่าง 2 ลิ้งก์นี้

//www.oknation.net/blog/smartgrowth

//www.oknation.net/blog/smartgrowththailand




Create Date : 22 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2557 17:36:24 น. 0 comments
Counter : 1090 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1839484
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
22 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1839484's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.