ความเชื่อและปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสร้างนโยบายสาธารณะของนายกเทศมนตรีในประเทศสหรัฐอเมริกา
ความเชื่อและปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสร้างนโยบายสาธารณะของนายกเทศมนตรีในประเทศสหรัฐอเมริกา โดย ฐาปนา บุณยประวิตร thapana.asia@gmail.com/ www.asiamuseum.co.th/ www.smartgrowthasia.com
ที่มา: The WashingtonPost, October 7, 2014 บทนำ บทความนี้ ส่วนใหญ่แปลและเรียบเรียงจากบทความเรื่อง The most influential cities in the country, according tomayors เขียนโดย Hunter Schwarz ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสารออนไลน์ The Washington Post ในคอลัมภ์ GovBeat เผยแพร่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2557 ความน่าสนใจของบทความนี้ได้แก่การนำเสนอผลการสำรวจความคิดเห็นของ Boston University Initiative on Cities ซึ่งสำรวจในประเด็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสร้างนโยบายของนายกเทศมนตรีโดยสำรวจจากนายกเทศมนตรี จำนวน 68 คน ในนั้นมี 18 เมืองที่มีประชากรน้อยกว่า 30,000 ครัวเรือน โดยตั้งคำถามสำคัญว่า หากท่านจะสร้างนโยบายในการบริหารเมืองท่านใช้อะไรเป็นฐานข้อมูลและตัดสินใจ ซึ่งข้อค้นพบที่ได้คือ นายกเทศมนตรีส่วนใหญ่มองหาประสบการณ์จากนครนิวยอร์คบอสตัน และออสติน ในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบจากประสบการณ์จากเมืองขนาดกลางและเล็กของสหรัฐฯและยังพบว่าพวกเขาต่างเชื่อถือข้อมูลข่าวสารที่ได้จากกลุ่มนายกเทศมนตรีด้วยกันเองมากกว่าแหล่งข้อมูลข่าวสารอื่นๆหรือแม้แต่การรับฟังจากทีมงานของเขาเอง ข้อค้นพบนี้ แสดงให้เห็นว่าด้วยเหตุปัจจัยทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวในการวางแผนนโยบายของเมืองสำคัญๆในสหรัฐฯ หรือในโลกต่างถูกจับจ้องจากบรรดานายกเทศมนตรีของสหรัฐฯพวกเขาจะเลือกเอาสิ่งที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับพวกเขามากที่สุดเพื่อผสมผสานสร้างเป็นนโยบายและแผนการพัฒนาเมือง นอกจากนั้นหากจะให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบาย กลุ่มบุคคลที่มีบทบาทและมีอิทธิพลต่อการวางนโยบายและแผนงานสำหรับนายกเทศมนตรีในสหรัฐฯก็ได้แก่ กลุ่มของนายกเทศมนตรีด้วยกันเอง
United StatesConference of Mayors https://www.linkedin.com/company/u.s.-conference-of-mayors ผลการศึกษาและข้อค้นพบ จากการศึกษาพบว่านายกเทศมนตรีมองหาและผสมผสานแนวคิดการพัฒนาเมืองเพื่อสร้างนโยบายจากเมืองหลักๆ คือนิวยอร์ค บอสตัน ประมาณร้อยละ 28 ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดต่อจากนั้นจะมองหาจากเมืองออสติน เดนเวอร์ พอร์ตแลนด์ ซอลเลคซีตี้ และลอสแองเจลิสตามลำดับ ดังภาพที่ 1
ภาพที่ 1ร้อยละของเมืองที่นายกเทศมนตรีใช้ในการผสมผสานแนวคิดเพื่อสร้างนโยบาย ที่มา: The WashingtonPost, October 7, 2014 ในการศึกษาได้จำแนกกลุ่มนายกเทศมนตรีตามขนาดของเมือง โดยใช้ฐานประชากรซึ่งพบว่า นายกเทศมนตรีที่มาจากเมืองขนาดใหญ่ หรือเมืองที่มีประชากรมากกว่า 300,000ครัวเรือนมีแนวโน้มที่จะใช้ประสบการณ์จากเมืองที่มีขนาดใหญ่ด้วยกันสำหรับนายกเทศมนตรีที่มาจากเมืองขนาดเล็กพวกเขาจะใช้ประสบการณ์จากทุกขนาดของเมืองซึ่งมีความหลากหลาย โดยนครนิวยอร์คยังเป็นเมืองอันดับหนึ่งและสองที่นายกเทศมนตรีทุกแห่งมองหาประสบการณ์โดยเมืองขนาดใหญ่ที่นายกเทศมนตรีจากกลุ่มเมืองขนาดใหญ่ด้วยกันมองหาประสบการณ์นอกจากนครนิวยอร์คแล้วได้แก่ นครเดนเวอร์ ฟิลาเดเฟีย ลอสแองเจลิส บอสตัน แวนคูเวอร์ ดัลลัส และออสติน ในขณะที่นายกจากเมืองขนาดเล็กให้ความสนใจประสบการณ์จากเมืองบอสตันต่อด้วยนิวยอร์ค ออสติน พอร์ตแลนด์ และซอลเลคซิตี้และยังให้ความสนใจการพัฒนาสถานที่ของเมืองอย่างแอนชอเลส อลาสก้า เมดฟอร์คและสก๊อตเดล ข้อมูลจากการสำรวจดังภาพที่ 2
ภาพที่ 2 เปรียบเทียบการมองหาประสบการณ์ของนายกเทศมนตรีจากเมืองสำคัญๆ ระหว่างเมืองขนาดใหญ่กับเมืองขนาดเล็ก ที่มา: The WashingtonPost, October 7, 2014 ผลการศึกษายังได้บอกเราว่า แม้จะมีปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อการตัดสินใจของนายกเทศมนตรีอยู่บ้างแต่ก็เทียบไม่ได้กับประสบการณ์ทางตรงที่นายกเทศมนตรีได้รับจากข้อมูลประสบการณ์ของนายกเทศมนตรีด้วยกันเอง สำหรับการจำแนกตามต้นสังกัดของนายกเทศมนตรี พบว่า นายกเทศมนตรีที่สังกัดพรรคเดโมแครตใช้ประสบการณ์จากนครนิวยอร์คมากที่สุดรองลงมาเป็นนครบอสตัน เดนเวอร์ ฟิลาเดลเฟีย ออสติน พอร์ตแลนด์ ลอสแองเจลิสซานฟราสซิสโก ซอลเลคซิตี้ และมินเนียโพลิสส่วนนายกเทศมนตรีที่สังกัดพรรครีพับลิกันให้ความสนใจประสบการณ์เพียงแค่ 3 เมืองใหญ่ๆ คือ ออสติน พอร์ตแลนด์ และดัลลัช ดังภาพที่ 3
ภาพที่ 3ความสนใจประสบการณ์ในการสร้างนโยบายของนายกเทศมนตรีจำแนกตามพรรคที่สังกัด ที่มา: The WashingtonPost, October 7, 2014 สำหรับนโยบายสำคัญของเมืองต่างๆ ที่บรรดานายกเทศมนตรีชอบนำไปปฏิบัตินั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกเป็นนโยบายสาธารณะในการบริหารจัดการเมืองกับนโยบายตามเกณฑ์และนโยบายของการเติบโตอย่างชาญฉลาด (Smart Growth Principles & Policy) (จำแนกออกเป็น 2 กลุ่มโดยผู้เขียนเอง) รายละเอียดสรุปได้ดังนี้ นโยบายสาธารณะ นโยบายสำคัญๆ ประกอบด้วย การให้บริการประชาชน การออกข้อกำหนดต่อต้านอาชญากรรม การสร้างหุ้นส่วนและเครือข่ายด้านสุขภาพ นโยบายการใช้ระบบ LED ศูนย์การกีฬาและบันเทิง การเข้าถึงอินเตอร์เน็ต การสร้างเครือข่ายกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจใหม่ การต่อต้านการทำร้ายสัตว์ นโยบายจากเกณฑ์และนโยบายการเติบโตอย่างชาญฉลาด นโยบายสำคัญๆ ประกอบด้วย การส่งเสริมที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนทุกระดับรายได้ นโยบายการจัดเทศกาลดนตรีประจำปี การสร้างและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานจักรยาน การสร้างโปรแกรม Bike Sharing การลงทุน BRT (Bus Rapid Transit) และระบบขนส่งมวลชน การสร้างสวนสาธารณะระดับชุมชน การสร้างระบบความร่วมมือของชุมชนในการให้บริการประชาชน การสร้างและปรับปรุงฟื้นฟูถนนให้เป็นถนนแบบสมบูรณ์ (Complete Streets) การเปลี่ยนชุมชนที่ใช้ยวดยานเป็นชุมชนแห่งการเดิน การสร้างพื้นที่สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ การใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ การสร้างสวนและพื้นที่สีเขียวลอยฟ้าหรือยกระดับ หลังคาเขียว การปรับปรุงระบบการสื่อสารด้วยด้วยตัวของสาธารณะเอง การสร้างกายภาพเพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางกาย การสร้างบรรยากาศแลกเปลี่ยนการพัฒนาเมืองด้วยการประชุมสัมมนา การสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับกลุ่มประชาชนที่ไร้บ้าน การสร้างความสมดุลของระบบการเดินทางและให้ความสำคัญกับทางจักรยานและการปั่นจักรยาน การส่งเสริมให้เกิดวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยในเขตเมือง สรุป ผลการศึกษาของ BostonUniversity Initiative on Cities ได้ชี้ให้เห็นว่าปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของนายกเทศมนตรีของสหรัฐฯ นั้นมาจากข้อมูลข่าวสารหรือการสื่อสารระหว่างกันของเหล่านายกเทศมนตรีเองโดยนายกเทศมนตรีจากเมืองขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะใช้ประสบการณ์จริงจากเมืองขนาดใหญ่ด้วยกันเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการสร้างนโยบายซึ่งจากผลการศึกษา พบว่าข้อค้นพบต่างๆตรงตามนโยบายของการเติบโตอย่างชาญฉลาดที่ได้ให้นักผังเมืองสร้างนโยบายการพัฒนาเมืองที่มีความเด่นชัดทำความเข้าใจและจูงใจให้นายกเทศมนตรีมองเห็นความสำคัญและให้นายกเทศมนนตรีเป็นผู้นำในการทำความเข้าใจกับชุมชนและต่อสาธารณะจากนั้นให้รีบนำลงสู่การปฏิบัติ ทั้งนี้นโยบายที่การเติบโตอย่างชาญฉลาดให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกได้แก่นโยบายทางกายภาพที่ประชาชนสามารถมองเห็นและสัมผัสได้ทันที อาทินโยบายการสร้างและปรับปรุงฟื้นฟูถนนแบบสมบูรณ์ การสร้างพื้นที่ TOD หรือนโยบายการสร้างสวนสาธารณะระดับชุมชน โดยให้นำผลที่ได้จากการปฏิบัติออกเผยแพร่ซึ่งต้องให้นายกเทศมนตรีในฐานะผู้นำเป็นผู้เผยแพร่และประกาศให้ความสำเร็จดังกล่าวเป็นความสำเร็จร่วมกันของนายกเทศมนตรีกับประชาชน ท่านใดสนใจ แนวความคิด Smart Growth (การวางผังเมืองพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนตามแนวทางการเติบโตอย่างชาญฉลาด)เข้าไป กด like fanpage ตามลิ้งก์ Facebook นี้ครับ //www.facebook.com/smartgrowththailand อ่านบทความ ย้อนหลัง เกี่ยวกับองค์ความรู้ด้านผังเมืองที่ลิ้งก์ตามที่อยู่ด้านล่าง 2 ลิ้งก์นี้ //www.oknation.net/blog/smartgrowth //www.oknation.net/blog/smartgrowththailand
Create Date : 18 พฤศจิกายน 2557 |
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2557 12:24:57 น. |
|
0 comments
|
Counter : 736 Pageviews. |
|
|