เป็นภาพที่น่าตกใจไม่น้อยที่ได้เห็นนักท่องเที่ยวคลาคล่ำนับพันคนอยู่ในเกาะเล็ก ๆนั่ง-เดินขวักไขว่บนชายหาดทรายขาวเม็ดละเอียดเนื้อนุ่ม มีเรือสปีดโบ๊ต 30-40 ลำที่จอดเรียงรายอยู่ด้านหน้าหาด บดบังภาพน้ำทะเลสีฟ้าใสทัศนียภาพงดงามยิ่งของ "เกาะตาชัย" อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันจังหวัดพังงา
พื้นที่ราว 12 ตารางกิโลเมตรของเกาะตาชัยกับชายหาดที่มีอยู่แห่งเดียวด้านทิศตะวันออกของเกาะ ความยาวเพียง 700 เมตร แต่ต้องบรรจุนักท่องเที่ยวนับพันคนในแต่ละวันทำให้ทุกตารางเมตรของเกาะแห่งนี้ดูคับแคบและแออัด ประเด็นฮอตคือปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติใต้ท้องทะเลที่เสื่อมโทรมเข้าขั้นวิกฤต
"ประชาชาติธุรกิจ"ลงพื้นที่สำรวจเกาะตาชัย เมื่อกลางเดือนมีนาคม 2558 ภาพที่ปรากฏอาจต้องผิดหวังอย่างแรงสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสงบความเป็นส่วนตัวและคาดหวังที่จะดื่มด่ำกับธรรมชาติแห่งท้องทะเลเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวนั้นมากมายมหาศาลจนแทบจะล้นเกาะทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยจีน รัสเซีย สแกนดิเนเวียซึ่งนักท่องเที่ยวจีนมีสัดส่วนมากที่สุดในวันนั้น
เกาะตาชัยเป็นเกาะแบบวันเดย์ทริปไม่มีที่พักและไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวพักบนเกาะซึ่งปัจจุบันอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ได้ออกกฎห้ามนำอาหารเครื่องดื่มเข้ามารับประทานบนเกาะ เพื่อลดปัญหาปริมาณขยะและผลกระทบสิ่งแวดล้อมโดยนักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องรับประทานอาหารที่ทางอุทยานฯได้จัดเตรียมไว้ให้ในลักษณะบุฟเฟต์ภายในโรงอาหารขนาดใหญ่
ภาพ : ประชาชาติธุรกิจ
สำหรับ "ห้องน้ำ" เป็นอีกปัญหาที่สำคัญของเกาะตาชัยซึ่งไม่เพียงพอกับปริมาณนักท่องเที่ยวที่ทยอยเข้าไปใช้บริการตลอดเวลา
"สำราญ มีสมจิตร"อาจารย์ประจำสาขาวิชาการบริหารและพัฒนาเมือง คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร นักวิชาการ-นักอนุรักษ์และผู้เชี่ยวชาญสถาบันการเติบโตอย่างชาญฉลาด บอกว่าปัญหาของเกาะตาชัยค่อนข้างน่าเป็นห่วงในแง่ของความเสื่อมโทรมของธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติบริเวณชายฝั่งและในทะเลจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามากเกินไป
เกาะตาชัยกลายเป็นที่รองรับการล้นของนักท่องเที่ยวจากเกาะที่อยู่ใกล้เคียงเช่น หมู่เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะสิมิลัน และแผนการตลาดของบริษัททัวร์ที่เปิดพื้นที่ท่องเที่ยวให้กว้างขึ้น หรือแหล่งชมปะการังใหม่ ๆปะการังจึงไม่มีโอกาสฟื้นและเมื่อกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่นักท่องเที่ยวจึงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆโดยไม่คำนึงถึงการเกินขีดความสามารถในการรองรับ (Carrying Capacity) ของเกาะและแหล่งนิเวศใต้น้ำ
ที่ผ่านมา อุทยานฯได้เปิดเกาะรับนักท่องเที่ยว 6 เดือน โดยมีนักท่องเที่ยวมากสุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายนจากนั้นปิดเกาะเพื่อฟื้นฟู 6 เดือน แต่ผลการดำเนินการที่ผ่านมาถือว่าไม่เพียงพอ เนื่องจากสภาพนิเวศไม่ได้ฟื้นฟูหรือกระเตื้องขึ้น
การบริหารจัดการเกาะตาชัยเป็นเรื่องเร่งด่วนและต้องมีมาตรการที่ชัดเจนโดยเห็นว่า Carrying Capacity ยังคงเป็นมาตรการหลัก ซึ่งกรณีเกาะตาชัยควรจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวรองรับไม่เกิน 200 คนต่อวันในสภาพการณ์ปกติ แต่หากเป็นกรณีที่ปะการังตายไปเป็นส่วนใหญ่ถือเป็นสภาวะวิกฤต ที่ควรต้องปิดเกาะเต็มรูปแบบระยะยาว เช่น 3-5 ปี หรือลดค่า CarryingCapacity จากจำกัดจำนวนไม่เกิน 200 คนต่อวัน เหลือเพียง 100 คนต่อวัน
ภาพ : ประชาชาติธุรกิจ
ปัญหาสำคัญนอกจากการเกินขีดความสามารถในการรองรับ (Carrying Capacity Overload) แล้ว คือ ปัญหาการ "กระจุกตัว"ของปริมาณนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นจึงควรเข้มงวดต่อมาตรการจำกัดโควตาและกระจายนักท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นเพื่อไม่ให้กระจุกตัวในช่วงไฮซีซั่น (ก.พ.-เม.ย.)
"สนั่นศิลป์ เฉลิมเมือง" มัคคุเทศก์ทั่วไปต่างประเทศ กล่าวว่าในระยะ 5 ปีนี้เกาะตาชัยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของพังงาเดิมชาวรัสเซียเป็นกลุ่มที่เดินทางเข้ามามากที่สุดแต่ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มที่เข้ามาเป็นอันดับ 1 แล้ว อัตราค่าเข้าอุทยานฯ ชาวต่างชาติหัวละ 300 บาท และคนไทยหัวละ 60 บาท
ทั้งนี้ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ จะมีนักท่องเที่ยวกว่า 1,000 คน ขณะที่วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดเทศกาล จะมีมากถึง 2,000 คน ซึ่งการรองรับไม่เพียงพอโดยเฉพาะห้องน้ำและได้ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม-ระบบนิเวศบนเกาะและในท้องทะเลโดยคาดว่าบริเวณรอบเกาะตาชัย มีปะการังตายและเสียหายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 30% ส่วนเกาะไข่ ซึ่งอยู่ในอ่าวพังงาก็มีปะการังตายไปแล้วราว 70% เพราะเป็นแหล่งน้ำตื้น
นอกจากนั้น "ปูไก่" ซึ่งเป็นสัตว์เอกลักษณ์ของเกาะตาชัยก็เริ่มหายไปและเหลือน้อยลง โดยในปี 2556 ได้เห็นปูไก่ออกมาเพียง 10 ตัว และในช่วง1 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เห็นเพียง 1 ตัวเท่านั้น
ขณะที่เรือสปีดโบ๊ต 30-40 ลำต่อวัน จะทิ้งสมอเรือต่อลำราว 2-3 ครั้ง ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่จะถูกปะการังโดยมีผู้ประกอบการเรือสปีดโบ๊ตประจำท่าเรือทับละมุ 10 ราย แต่ละรายมีเรือสปีดโบ๊ตราว 5 ลำที่ให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยวมายังเกาะตาชัยคิดอัตราค่าบริการนักท่องเที่ยวหัวละ 2,800 บาท
"อยากให้อุทยานฯจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ให้เกิน200 คนต่อวัน เพราะนักท่องเที่ยวที่มากเกินจนล้นจะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติทั้งบนเกาะและในน้ำทะเลเพราะยิ่งคนมากก็ยิ่งควบคุมดูแลยาก และควรเอาจริงเอาจังกับไกด์ (ไทย)"
ฉะนั้น การมุ่งแต่รายได้ โดยไม่รักษาธรรมชาติซึ่งเป็นจุดแข็ง-จุดขายการท่องเที่ยวของไทยสุดท้ายทะเลอันดามันที่งดงามที่สุดอาจเหลือแค่ซาก...!
ที่มา //m.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1427086854
ขอขอบพระคุณประชาชาติธุรกิจ มา ณ ที่นี้ครับ