ไปกด Link ได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/skymantaf หรือ Follow ได้ที่ Twitter https://twitter.com/skymantaf หรือที่ http://www.thaiarmedforce.com นะครับ
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
23 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 

การสาธิตการปฏิบัติการด้วยกระสุนจริงของกองทัพบกและกองทัพอากาศ

ในช่วงสิ้นปีของทุกปี กองทัพบกและกองทัพอากาศจะจัดมีให้การสาธิตภายในของแต่ละเหล่าทัพเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสชมการปฏิบัติการของแต่ละเหล่าทัพต่าง ๆ ซึ่งเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในรอบปีเท่านั้น

ทีมงาน TAF ทั้งสามคนคือ Skyman, Somserj และ Nemesis ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมการสาธิตการปฏิบัติการยุทธของกองทัพอากาศที่สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี การสาธิตการยิงปืนใหญ่ของศูนย์การทหารปืนใหญ่ที่สนามฝึกยิงปืนใหญ่เขาพุโลน จังหวัดลพบุรี และการสาธิตการปฏิบัติการของทหารม้าที่สนามยิงปืนรถถัง ค่ายอดิศร จังหวัดสระบุรี และถือโอกาสเก็บภาพและเรื่องราวมาฝากทุกท่านกันเช่นเดิมครับ









Part I:17 พฤศจิกายน 2552 ที่สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศชัยบาดาล

การแข่งขันการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธี ประจำปี 2552 จัดขึ้น ณ สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศชัยบาดาล หรือที่เรารู้จักกันว่า Chandy นั่นเองครับ เหมือนดังทุกปี อากาศยานจากทุกฝูงเข้าร่วมการแข่งขันซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการใช้การแข่งขันเป็นการเพิ่มแรงกระตุ้นในการเพิ่มพูนทักษะของกำลังพลแต่ละส่วนของฝูงบิน และในวันที่ 17 พฤศจิกายน เป็นวันที่ถูกหนดให้เป็นพิธีเปิดและเป็นวันที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมการสาธิตได้ครับ



หลังจากการบินเปิดพิธีโดย F-16 จากฝูงบิน 102 แล้ว คิวต่อมาที่ทำการสาธิตก็คือการแสดงการดับไฟป่าของ BT-67 จากฝูงบิน 461



และการแสดงการทิ้งสัมภาระทางยุทธวิธี (Tactical Airlift) จาก C-130 ลงบนจุดที่กำหนดไว้ครับ การทิ้งสัมภาระแบบนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการส่งสัมภาระให้กับหน่วยทหารในแนวหน้าซึ่งต้องอาศัยการทำงานกันเป็นทีมของเจ้าหน้าที่ภายในเครื่องไปจนถึงหน่วยทหารบนพื้นดินครับ



หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่สถานการณ์สมมุติครับ ในช่วงแรกเป็นภารกิจการรบทางอากาศ (Air Interception) ระหว่างฝ่ายเราและฝ่ายข้าศึก (สมมุติ) ก็คือระหว่าง F-16 จำนวน 2 ลำและ F5 จำนวน 2 ลำครับ



หลังจากทำลายกำลังทางอากาศของข้าศึกได้แล้ว ตอนนี้ข้าศึกได้เคลื่อนกำลังภาคพื้นดินโดยมีท่าทีในการเคลื่อนที่เข้าประชิดพรมแดน กองทัพอากาศจึงส่งเครื่องบินขับไล่เข้าไปทำภารกิจการขัดขวางทางอากาศ (Air Interdiction) ซึ่งก็คือการใช้กำลังทางอากาศเข้าทำลายหรือขัดขวางกำลังของข้าศึกตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าใกล้กำลังของฝ่ายเราโดยการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตีต่อกำลังส่วนใหญ่ของข้าศึกครับ

ในภาพนี้จะสังเกตุว่า F-5 ทั้งสองลำที่กำลังทิ้งระเบิดอยู่นั้นได้ทำการปล่อยแฟลร์เพื่อลวงอาวุธปล่อยต่อต้านอากาศยานของข้าศึกซึ่งอาจจะถูกยิงออกมาระหว่างการโจมตีได้ครับ



หลังจาก F-5 เข้าโจมตีก็เป็น F-16 ซึ่งเข้าโจมตีด้วยระเบิดนำวิถีด้วยเลเซฮร์แบบ GBU-12 ครับ



ซึ่งข้าศึกก็ยังคงเคลื่อนกำลังข้ามแนวชายแดนเข้ามาได้ F16 อีกสองลำจึงเข้าโจมตีต่อด้วยระเบิดไม่นำวิถีแบบ Mk.82 ในภารกิจ Battlefield Air Interdiction หรือภารกิจการโจมตีทำลายกำลังรบของข้าศึกที่เคลื่อนเข้ามาใกล้กองกำลังของฝ่ายเราครับ



ต่อด้วย Mk.82 อีก 4 ลูกพร้อมกัน งานนี้โจมตีได้ค่อนข้างแม่นยำแม้ว่าจะเป็นระเบิดธรรมดาก็ตาม ฝีมือนักบินซึ่งจะเป็นนักบิน Gripen ในอนาคตครับ



ข้าศึกเคลื่อนเข้าประชิดพรมแดนของฝ่ายเรา และทำการต่อสู้กับกำลังภาคพื้นดินของฝ่ายเราครับ กองทัพอากาศจึงส่งเครื่องบินเข้าทำการโจมตีสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด (Close Air Support) หรือการโจมตีให้การสนับสนุนกองกำลังภาคพื้นดินของฝ่ายเราอย่างใกล้ชิดครับ การบินแบบนี้ต้องบินในระดับต่ำซึ่งเสี่ยงต่อการถูกยิงด้วยอาวุธต่อต้านอากาศยานของข้าศึก และต้องใช้ความแม่นยำในการโจมตีที่สูงเพราะข้าศึกกับกองกำลังของฝ่ายเราอยู่ใกล้กันมาก งานนี้ใช้เครื่องบินโจมตี Alphajet และ L-39 ยิงจรวด 2.75 นิ้วแบบซัลโว ส่วน F-16 ยิงปืนกลอากาศครับ



การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดนั้นมีความเสี่ยงจากระบบต่อสู้อากาศยานของข้าศึกมาก และเครื่องบินของฝ่ายเราก็โชคร้ายถูกข้าศึกยิงตกในพื้นที่การรบ นักบินดีดตัวออกมาได้สำเร็จ เพื่อนำตัวนักบินกลับมา กองทัพอากาศจึงส่งเฮลิคอปเตอร์แบบ UH-1H พร้อมกับพลร่มกู้ภัยเข้าไปช่วยเหลือนักบินครับ



UH-1H ทั้งสองลำนั้น ลำนึงจะทำหน้าที่ช่วยเหลือนักบิน ส่วนอีกลำนึงจะทำหน้าที่ยิงคุ้มกันเฮลิคอปเตอร์ที่เข้าช่วยเหลือ พร้อมกับเครื่องบินโจมตีซึ่งคอยคุ้มกันเฮลิคอปเตอร์ทั้งสองอีกทีนึงครับ ภารกิจการช่วยเหลือนักบินแบบนี้เราเรียกว่าภารกิจการค้นหาและกู้ภัยในพื้นที่การรบ (Combat Search and Rescue) นั่นเอง



หลังจากรับนักบินถูกยิงตกกลับมาได้และฝ่ายเราประสบความสำเร็จในการผลักดันข้าศึกออกไป ภารกิจก็เสร็จสิ้นครับ



F-16 บินต่ำกล่าวลาผู้เข้าชมงานครับ









Part II:19 พฤศจิกายน 2552 ที่สนามฝึกยิงปืนใหญ่เขาพุโลน จังหวัดลพบุรี

ทหารปืนใหญ่ถูกขนานนามว่าเป็นราชาแห่งสนามรบด้วยอำนาจการยิงที่รุนแรง สามารถทำลายข้าศึกได้ตั้งแต่ระยะไกล อีกทั้งเสียงปืนใหญ่ที่กึกก้องสามารถสร้างขวัญกำลังใจให้กับทหารฝ่ายเราได้เสมอมา

ประวัติศาสตร์ของทหารปืนใหญ่ไทยมีมาช้านานตั้งแต่ในสมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ทุกปีศูนย์การทหารปืนใหญ่จะสาธิตการปฏิบัติการของหน่วยทหารปืนใหญ่ให้กับนักศึกษาในหลักสูตรของกองทัพและของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรได้ชมกันครับ โดยเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ ทีมงาน TAF ของเราก็ได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมการสาธิตการปฏิบัติการนี้ถึงสนามยิงปืนใหญ่เขาพุโลน ภายในศูนย์การทหารปืนใหญ่ จังหวัดลพบุรี ซึ่งนอกจากระบบอาวุธต่าง ๆ แล้ว ยังเป็นการเปิดตัวปืนใหญ่อัตตาจรแบบซีซาร์ซึ่งได้รับมอบเข้าประจำการใหม่อีกด้วย



เขาพุโลนอยู่ลึกเข้าไปในศูนย์การทหารปืนใหญ่กว่าสิบกิโลเมตร ในวันนี้ศูนย์การทหารปืนใหญ่นำปืนใหญ่และปืนต่อสู้อากาศยานแทบทุกแบบที่มีประจำการในกองทัพบกมาแสดงการยิงให้ได้ชมกันครับ

และศูนย์การบินทหารบกได้จัดอากาศยานเข้าร่วมทำการแสดงด้วย การสาธิตเริ่มต้นด้วยพระเอกของศูนย์การบินทหารบกซึ่งก็คือเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปแบบ 60 (ฮ.ท.60) หรือ UH-60L Black Hawk ซึ่งมาบินผาดแผลงโชว์สมรรถณะของเครื่องนั่นเองครับ



Back Hawk บินได้สุดยอดมาก ๆ ครับ พูดได้เลยว่ามันเป็นหนึ่งในเฮลิคอปเตอร์ที่ดีที่สุดในโลกอย่างแท้จริง แม้จะบินโชว์แค่ราว 10 นาที แต่นักบินสามารถบินได้อย่างน่าตื่นเต้นและน่าหวาดเสียว หลายท่าไม่น่าเชื่อว่าเฮลิคอปเตอร์จะทำได้ครับ สำหรับการบินของ Black Hawk สามารถติดตามต่อได้ที่ VDO ท้ายบทความครับ



ถัดจาก Black Hawk ก็เป็นคิวของ CH-47D Chinook หรือ ฮ.ล.47 ซึ่งแม้ไม่ได้ยกปืนใหญ่ให้ชม แต่ก็มาแสดงความสามารถในการยกรถบรรทุกขนาดสองตันเข้าสู่พื้นที่การรบครับ



หลังจากนั้นการยิงก็เริ่มขึ้นด้วยการสาธิตการยิงของปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานแบบต่าง ๆ ตั้งแต่แบบ M16 ซึ่งเป็นปืนต่อสู้อากาศยาน 12.7 มิลลิเมตร ติดตั้งบนรถกึ่งสายพานซึ่งใช้งานมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานแบบ 40L60 และ 40L70 ครับ



ในการนี้ ศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร ได้นำระบบปืนใหญ่อัตตาจรซึ่งเป็นการติดตั้งปืนใหญ่แบบ M425 บนรถบรรทุกมายิงสาธิตให้ได้ชมกันครับ ระบบนี้ยังเป็นเพียงรุ่น Prototype เพียงคันเดียวเท่านั้นครับ เท่าที่ดูแล้วยังมีจุดที่สามารถปรับปรุงและพัฒนาต่อไปได้อีก ซึ่งหวังว่าถ้าพัฒนาเสร็จแล้วทบ.จะได้รับงบประมาณในการจัดหาเข้าประจำการครับ



ถัดมาก็เป็นการยิงปืนใหญ่ขนาด 105 มม. M119 และ M101 รุ่นที่ปรับปรุงโดยกองทัพบกให้ยิงได้ไกลขึ้นครับ



หลังจากนั้นเป็นการยิงปืนใหญ่ขนาด 155 มม. แบบ M71 ซึ่งผลิตโดยประเทศอิสราเอลครับ ปืนใหญ่ตัวนี้ไม่ค่อยได้เห็นนักเหมือนกัน

ลืมบอกไปว่า ในการยิงในช่วงแรกนี้เป็นการยิงเข้าหาเป้าหมายโดยใช้การเล็งตรงครับ การยิงปืนใหญ่จะมีสองลักษณะคือ ยิงแบบเล็งตรงและยิงแบบเล็งจำลอง การยิงแบบเล็งตรงนั้นคือการยิงไปหาเป้าหมายที่มองเห็นหรือตรวจการณ์ได้จากตำแหน่งของปืนที่ยิงครับ ส่วนการเล็งจำลองนั้นคือการยิงโดยที่ตัวปืนใหญ่นั้นมองไม่เห็นเป้าหมายซึ่งต้องใช้การคำนวณเพื่อให้กระสุนเดินทางไปตกยังที่ที่ต้องการ



และก็เปิดท้ายด้วยการยิงของปืนใหญ่ขนาด 155 มม. แบบ GHN-45 และปืนใหญ่อัตตาจรขนาด 155 มม.แบบ M109A5 ครับผม ดูแล้ว GHN-45 เป็นปืนที่ดีมากทีเดียวครับ มีความแม่นยำสูง เขม่าควันไม่เยอะมาก



หลังจากนั้นก็เป็นการทำการยิงของปืนใหญ่อัตตาจรขนาด 155 มม. รุ่นล่าสุดที่กองทัพบกไทยจัดหามาคือ CAESAR นั้นเองครับ ถ้าไม่นับว่าระบบการออกแบบที่ดูจะซับซ้อนสำหรับการซ่อมบำรุงและไม่มีระบบแมนนวลสำรองแล้ว CAESAR เป็นปืนที่ดีมากทีเดียวครับ เพราะมีน้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับ M109A5 แต่มีความง่ายในการปฏิบัติงานด้วยการใช้พลประจำรถเพียง 5 คนเท่านั้นก็สามารถทำการยิงได้ การเคลื่อนที่ก็รวดเร็วและได้ระยะทางไกล การเข้าที่ตั้งยิงนั้นก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงราวครึ่งนาทีเท่านั้นก็พร้อมทำการยิงแล้ว และหลังจากยิงเสร็จก็ใช้เวลาอีกราวครึ่งนาทีในการยกเลิกการตั้งยิง และสามารถเคลื่อนที่ต่อไปยังตำแหน่งอื่นได้ครับ



ลองชมภาพกระบวนการการยิงของ CAESAR ได้ใน VDO ท้ายบทความครับ



หลังจากยิงเสร็จแล้ว CAESAR ก็เคลื่อนออกไปเพื่อหลีกทางให้กับการยิงของปืนใหญ่วิถีตรงขนาด 130 มม. แบบ Type-59-1 ซึ่งผลิตในประเทศจีน และปัจจุบันอยู่ในฐานะปืนใหญ่สำรองราชการครับ โดยการยิงในครั้งนี้ศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธได้ทำการผลิตกระสุนขนาด 130 มม.ให้โดยเฉพาะ เนื่องจากทบ.ไม่มีกระสุนขนาด 130 มม.ใช้งานแล้วเพราะปืน Type-59-1 นั้นถูกปลดประจำการไปเป็นปืนสำรองราชการ แต่ถ้าเกิดภาวะสงครามและต้องนำปืน Type-59-1 กลับมาใช้ในราชการอีกครั้ง ทบ.ก็มีขีดความสามารถในการผลิตกระสุนขนาด 130 มม. เข้ามาใช้งานได้ทันทีครับ

จากเสียงร่ำลือกันว่า Type-59-1 หรือที่ทหารปืนใหญ่เรียกกันเล่น ๆ ว่า "อีหมวย" นั้นมีเสียงดังมาก แรงอัดสูง และมีควันเกิดขึ้นจากการยิงจำนวนมากก็ถูกพิสูจน์จากการยิงในครั้งนี้ครับ เมื่อทำการบรรจุกระสุนและดินขับกระสุนเสร็จ พลประจำปืนก็วิ่งออกไปให้ไกลจากตัวปืน ผลยิงลากสายลั่นปืนออกไปเสียไกล และเมื่อทำการยิงเราก็สามารถเห็นลูกไฟขนาดใหญ่ออกมาจากปากกระบอกปืนได้ด้วยสายตาพร้อมกับเสียงดังสนั่นหวั่นไหวมากทีเดียวครับ แต่ด้วยความที่เป็นปืนใหญ่กระสุนวิถีตรง จึงทำให้มีความแม่นยำสูงในการยิงเล็งตรงแบบนี้ครับ



ทั้งหมดที่ผ่านไปนั้นคือการยิงแบบเล็งตรงหรือการยิงที่ผู้ยิงเห็นเป้าหมายครับ หลังจากนี้ก็จะเป็นการสาธิตการยิงแบบเล็งจำลอง ความยากในการยิงลักษณะนี้อยู่ที่การที่ผู้ยิงไม่สามารถมองเห็นเป้าหมายที่ตนเองทำการยิงได้เพราะอยู่ห่างออกไปจากผู้ยิงเป็นสิบกิโลเมตรหรือว่าถูกขัดขวางด้วยภูมิประเทศเช่น มีภูเขาบังหรืออยู่ในโซนหลังเขา (ไม่ได้บอกนะครับว่าเขาอะไร เหอ ๆ) ดังนั้นการยิงแบบเล็งจำลองนั้น ผู้ยิงจะต้องทำการคำนวณจากพิกัดที่ต้องทำการยิงเพื่อหาหลักฐานยิงหรือค่าต่าง ๆ ที่จะต้องป้อนให้ปืนใหญ่ทำการยิง และต้องปรับการยิงจากข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากผู้ตรวจการณ์หน้าซึ่งเป็นผู้ที่เห็นเป้าหมายด้วยตาตนเองและส่งข้อมูลการปรับการยิงกลับมาที่ตัวปืน การยิงแบบนี้นอกจากจะยากด้วยข้อจำกัดของการมองเห็นแล้ว การคำนวณเพื่อหาหลักฐานยิงนั้นยังยากตรงที่ต้องใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ในการคำนวณมุมองศาต่าง ๆ ตลอดจนปริมาณของดินส่งกระสุนเพื่อให้กระสุนปืนใหญ่ไปตกลงบนเป้าหมายซึ่งอาจจะห่างออกไปมากกว่า 30 - 40 กิโลเมตร

และนอกจากนั้น ยังมีเทคนิคการยิงอีกหลายอย่างครับเช่นการยิงด้วยปืนกระบอกเดียวแต่ทำให้กระสุนตกลง ณ ที่หมายพร้อมกันสองนัด เช่นในภาพนี้เป็นต้นครับ



จากภาพที่แล้วจะสังเกตุเห็นว่า ปืนใหญ่ M109A5 นั้นยิงนัดแรกด้วยมุมองศาที่สูงซึ่งทำให้กระสุนปืนใหญ่พุ่งขึ้นไปในองศาที่สูง ผลลัพธ์ก็คือกระสุนปืนใหญ่จะใช้เวลาเดินทางนานกว่าที่จะตกลงสู่เป้าหมายครับ ซึ่งนานในที่นี้คือหลาสิบวินาทีหรืออาจจะหลายนาทีเลยทีเดียว ในระหว่างนี้ปืนใหญ่ก็จะปรับกระบอกปืนลงมาเพื่อลดมุมองศาลงและทำการยิงออกไปอีก 1 นัด โดยคำนวณแล้วว่ากระสุนทั้งสองนัดจะเดินทางเป็นวิถีโค้งและตกสู่เป้าหมายในวินาทีเดียวกันครับ

แม้ว่าจะเป็นการยิงด้วยการเล็งจำลอง แต่เพื่อให้ผู้ชมเห็นภาพในการสาธิตในครั้งนี้จึงกำหนดเป้าให้อยู่บนเนินเขาครับ ลองสังเกตุกลุ่มควันเหนือจุดสีขาวนะครับ จะเห็นว่ามีกลุ่มควันสองกลุ่มซึ่งเกิดจากกระสุนสองนัดครับ



หลังจากทำการยิงแล้ว ก็เป็นการสาธิตการยิงปืนใหญ่สนับสนุนทหารราบและชี้เป้าครับ โดยในครั้งนี้ปืนใหญ่แบบ M119 ยิงกระสุนควันเพื่อบอกตำแหน่งของเป้าหมายที่จะทำการโจมตี เพื่อที่ว่าเครื่องบินขับไล่แบบ F-16 ทั้งสองลำจากฝูงบิน 403 กองบิน 4 ตาคลีจะได้ทราบตำแหน่งและทำการทิ้งระเบิดลงโจมตีเป้าหมายครับ



ต่อมาเป็นการสาธิตการตั้งยิงฉุกเฉินของหมวดปืนใหญ่จากร.31 โดยใช้ปืนใหญ่ M119 ครับ สถานการณ์ก็คือ ทางหมวดปืนใหญ่ได้รับคำขอยิงฉุกเฉินจากผู้ตรวจการณ์หน้าระหว่างการเดินทาง ผู้บังคับหมวดจึงสั่งให้ตั้งหมู่ยิงฉุกเฉินในพื้นที่ใกล้เคียงครับ



ใช้ได้ครับ ตั้งยิงได้ค่อนข้างเร็วทีเดียว เมื่อนักแรกยิงออกไปตามพิกัดที่ได้รับแจ้งในครั้งแรก ผู้ตรวจการณ์หน้าก็ปรับการยิงมาตามวิทยุ ซึ่งจริง ๆ แล้วปืน M119 นั้นมีระบบคอมพิวเตอร์ช่วยเหลือเรียบร้อย แต่ในการสาธิตในครั้งนี้เพื่อต้องการให้เห็นภาพจึงให้ผู้ตรวจการณ์หน้าปรับการยิงให้ครับ

ปรับการยิงเพียงครั้งแรกก็โดนเป้าหมายจัง ๆ เลยครับ ผู้ตรวจการณ์หน้าจึงสั่งยิงหาผลซึ่งก็คือปืนทั้ง 4 กระบอกยิงไปที่พิกัดเดียวกันครับ ยิงกระบอกละสองนัด ตอนเรียนรด.เคยแต่นั่งนึกเอา ตอนนี้มาเห็นเอง สุดยอดมากเลยครับ



ขั้นรายการด้วยอีกหนึ่งอากาศยานจากศูนย์การบินทหารบกนั่นคือ AH-1F Cobra จำนวนสองลำนั่นเองครับ Cobra เสียงเงียบกว่าที่คิดไว้พอสมควรทีเดียว งานนี้นอกจากมายิงจรวด 2.75 นิ้วแล้วยังยิงปืนกลหลายร้อยนัดอีกด้วยครับ



รออยู่ว่า AH-1F ที่ทบ.ต้องการจัดหาใหม่อีก 7 ลำจะมาเมื่อไหร่เท่านั้นเองครับ



และการสาธิตก็จบลงครับ ศูนย์การทหารปืนใหญ่ปิดการสาธิตด้วยคำกลอนที่ว่า .... ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชายต้องไว้ชื่อ เกียรติยศเลื่องระบือ เราคือทหารปืนใหญ่ .... สิ้นเสียง ปืนใหญ่ทุกกระบอกทำการยิงพร้อมกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหวมากทีเดียวครับ ผมสารภาพว่าเป็นคนเกลียดเสียงดัง แต่จังหวะนั้น ทั้งเสียง ทั้งคลื่น Shockwave ที่มาปะทะ สุดยอดมาก ๆ ครับ คำว่าราชาแห่งสนามรบที่ใช้เรียกเหล่าทหารปืนใหญ่ ไม่เกินเลยจริง ๆ



หลังจากนั้นทางศูนย์การทหารปืนใหญ่ก้ได้เปิดให้นักศึกษาและประชาชนที่มาชมนั้นได้สัมผัสกับปืนใหญ่แบบต่าง ๆ โดยใกล้ชิดครับ ปืนทุกกระบอกยังได้กลิ่นของดินส่งกระสุนและยังร้อน ๆ อยู่เลยครับ สุดยอดมาก ๆ เลย

นอกจากนั้น ทีมงานยังได้มีโอกาสไปเดิน Walkaround ปืนใหญ่แต่ละกระบอก โดยเฉพาะปืนใหญ่ที่ทันสมัยอย่าง M119 หรือ CAESAR อีกด้วยครับ ไว้โอกาสหน้า จะนำภาพมาให้ชมกันครับผม









Part III:20 พฤศจิกายน 2552 ที่สนามฝึกยิงปืนรถถัง ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร จังหวัดสระบุรี

ที่นี่คือบ้านของเหล่าทหารม้า เหล่าซึ่งมีทั้งพลังอำนาจในการยิงที่รุนแรง และมีความคล่องตัวในการเคลื่อนที่สูง ศูนย์การทหารม้าคือแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ของกิจการทหารม้าของไทยซึ่งไม่น้อยหน้าในใครภูมิภาค

และเช่นกันครับ ทุกปี ศูนย์การทหารม้าจะจัดการสาธิตการปฏิบัติการของเหล่าทหารม้าให้กับนักศึกษาหลักสูตรความมั่นคงต่าง ๆ และประชาชนทั่วไปได้รับชม และที่นี่ก็เป็นที่สุดท้ายที่ทีมงาน TAF ได้ไปเก็บภาพมาฝากทุกท่านกันครับ



รถถังที่ศูนย์การทหารม้านำมาแสดงให้ดูนี้ เป็นรถถังตั้งแต่รุ่นแรก ๆ ที่เข้าประจำการในประเทศไทย รถถังที่ยึดได้จากฝรั่งเศสในช่วงกรณีพิพาษอินโดจีน รถถังของไทยในช่วงสงครามโลก รถถังในช่วงสงครามเย็น เรื่อยมาจนถึงรถถังในยุคปัจจุบันครับ



ในบทความนี้เราคงให้ความสนใจเฉพาะรถถังและรถเกราะ รวมถึงยุทธยานยนต์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเท่านั้นครับเนื่องจากเนื้อที่อาจจะไม่พอ

ในช่วงแรกจะเป็นการแนะนำยุทธยานยนต์ต่าง ๆ ในกองทัพบกไทย แต่เราจะขอเริ่มด้วยทหารม้าที่ใช้ม้าจริง ๆ (ม้าเนื้อไม่ใช่ม้าเหล็ก) และล่อในการปฏิบัติการครับ ในพื้นที่ภาคเหนือซึ่งมีภูเขาสูงสลับซับซ้อนและมีความชันมาก ประกอบกับมีป่ารกทึบ แม้แต่รถถังที่ดีที่สุดก็ไม่สามารถปฏิบัติการได้ครับ กองทัพบกจึงมีหน่วยปฏิบัติการหน่วยนึงซึ่งใช้ม้าและล่อ (ส่วนใหญ่จะเป็นล่อ) ในการปฏิบัติการจริง ๆ หน่วยนี้คือกองพันสัตว์ต่าง กรมการสัตว์ทหารบก ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยล่อ 1 ตัวสามารถบรรทุกน้ำหนักได้ตั้งแต่ 8 ถึง 60 กิโลกรัม ล่อ 1 หมู่จะมี 16 ตัว 1 หมวดจะมี 64 ตัว และ 1 กองร้อยล่อบรรทุกต่างจะมี 256 ตัว รวมแล้ว 1 กองร้อยจะบรรทุกสัมภาระได้ 15 ตันเลยทีเดียว กองพันนี้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวและมีชมรมขี่ม้าสำหรับผู้สนใจการขี่ม้าด้วยครับ



หลังจากม้าเนื้อ เรามาต่อกันที่ม้าเหล็กครับ เริ่มต้นด้วยรถยนต์ขนาดเบาติดปืนกลและรถฮัมวี่ติดปืนกลครับ



ถัดมาเป็นรถเกราะล้อยางสี่ล้อแบบ V-150 ครับ ทบ.มีประจำการจำนวน 113 คัน ที่นำมาโชว์มีสองรุ่นคือรุ่นติดปืนใหญ่ต่อสู้รถถังขนาด 105 มม.



และรุ่นลำเลียงพลครับ รถทาสีใหม่สวยงามมากทีเดียว และกำลังพลที่มาในวันนี้ก็สวมเสื้อเกราะทุกคน ซึ่งถ้าทบ.ไทยสามารถจัดหาเสื้อเกราะคุณภาพดีให้ทหารทุกนายได้ก็จะดีมากทีเดียวครับ



ถัดมาเป็นรถสายพานลำเลียงพล M113 ครับผม



และปิดท้ายด้วยรถสายพานลำเลียงพลแบบ Type-85 ครับ ถึงแม้ว่าตัวรถจะทำในจีน แต่เครื่องยนต์และชุดเกียร์เป็นของเยอรมันครับ ทำให้ทุกวันนี้มันยังวิ่งปร๋ออยู่เลย



ถัดมาก็มาถึงคิวของรถถังครับ เริ่มจากคันนี้ รถถังเบาแบบ M41 ครับ คันนี้เก่ามาก ๆ แล้วครับ แต่ยังยิงได้อยู่ ทั้งนี้ อีกไม่นาน M41 ก็จะถูกปลดประจำการแล้วครับ โดยคันนี้ที่มาโชว์เป็น M41A3



คันนี้รถถังเบาแบบ Scorpion ครับ ทบ.มีประจำการจำนวน 128 คัน คันนี้เป็นคันที่ได้รับการปรับปรุงแล้วบางส่วน เทียบกับรุ่นเดิมจะเห็นความแตกต่างภายนอกค่อนข้างมากทีเดียว ซึ่งในขณะนี้ทบ.กำลังดำเนินการปรับปรุงรถถังเบา Scorpion เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการและยืดอายุการประจำการทดแทนการจัดหารถแบบใหม่เข้ามาเนื่องจากขาดงบประมาณครับ โดยเป็นการเปลี่ยนเครื่องยนต์ เปลี่ยนระบบส่งกำลัง เปลี่ยนระบบควบคุมการยิง และเพิ่มระบบปรับอากาศและระบบถ่ายเทอากาศครับ



คันนี้คือ Scorpion ที่ยังไม่ได้ปรับปรุงครับ วันนี้มาสาธิตการยิงปืนประจำรถ



คันนี้ Type-69II ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ครับ วันนี้ไม่ได้มายิงโชว์แต่อย่างใด



รถถังเบาแบบ Stingray ครับ ทบ.ไทยเป็นผู้ใช้งาน Stingray เพียงรายเดียวในโลกจำนวนราว 106 ตอนนี้ยังยิงได้สนั่นหวั่นไหวทีเดียวครับ และทบ.ก็มีโครงการที่จะปรับปรุงรถบบควบคุมการยิงและระบบต่าง ๆ ของรถถังเพื่อให้ใช้งานได้ต่อไปครับ



รถถังหลักแบบ M48A5 ครับ ทบ.มีประจำการจำนวน 105 คัน เป็นรถถังมือสองที่จัดหาจากสหรัฐ โดยทบ.มีโครงการปรับปรุงระบบควบคุมการยิงและระบบอื่น ๆ เช่นกันครับ



สุดท้าย M60A1 ครับ ทบ.มีประจำการราว 53 คัน และยังมี M60A3 อีกราวร้อยกว่าคัน ซึ่งเหมือนกับรถถังแบบอื่นครับ ทบ.มีโครงการปรับปรุงระบบควบคุมการยิงและระบบอื่น ๆ ของรถถังเพื่อยืดอายุการใช้งานออกไป



รู้จักรถถังแต่ละแบบไปแล้ว ต่อไปก็เป็นการสาธิตการดำเนินกลยุทธ์ของหมวดรถถัง M60A1 ต่อเป้าหมายสมมุติครับ



รายละเอียดก็คงไม่ต้องขยายความมากครับ หมวดรถถังได้รับคำสั่งให้เข้าทำลายเป้าหมายสมมุติซึ่งห่างออกไปราว 2 กิโลเมตรครับ การดำเนินกลยุทธของรถถังนั้นจะใช้ความได้เปรียบตรงความคล่องตัวในการเคลื่อนที่และอำนาจการยิงที่รุนแรงของปืนประจำรถในการทำลายข้าศึก เช่นในภาพนี้คือ ผบ.ร้อยสั่งรถถังทุกคนยิงพร้อมกัน



นอกจากทหารม้าบนดินแล้ว ทบ.ไทยยังมีทหารม้าอากาศซึ่งก็คือทหารม้าที่ใช้อากาศยานในการเข้าดำเนินกลยุทธ์นั่นเองครับ วันนี้เหล่าม้าอากาศก็มาสาธิตการปฏิบัติการให้ชมกันครับ โดยสาธิตการใช้ฮ.แบบ Bell 206 ในการลาดตระเวนค้นหาเป้าหมายในระดับต่ำและแจ้งให้ฮ.โจมตีแบบ AH-1F Cobra สองลำเข้าทำลายเป้าหมายด้วยจรวด 2.75 นิ้วครับ



และหลังจากนั้นหมู่ฮ.ใช้งานทั่วไปแบบ UH-1H จำนวน 4 ลำก็บินเข้ามาส่งกำลังพลลงสู่พื้นที่ปฏิบัติการพร้อมกับ Cobra สองลำให้การคุ้มกันอยู่ด้านบนครับ



หลังจากทหารม้าอากาศ ก็เป็นการสาธิตการจัดชุดทหารม้าลาดตระเวนครับ ทหารม้าลาดตระเวนก็คือหน่วยทหารม้าที่จัดขึ้นเพื่อภารกิจในการลาดตระเวนและระวังป้องกันครับ สำหรับชุดม้าลาดตระเวนของทบ.ไทยจะมีรถฮัมวี่จำนวน 5 คัน รถถังเบา Scorpion จำนวน 2 คัน และรถสายพานลำเลียงพล M113 อีก 2 คันครับ



นอกจากนั้นก็ยังมีทหารม้าบรรทุกยานเกราะครับ ทหารม้าบรรทุกยานเกราะก็คือทหารราบที่นั่งไปกับรถยานเกราะเพื่อดำเนินกลยุทธ์ร่วมกับทหารม้ารถถังครับ การจัดทหารม้าบรรทุกยานเกราะจะช่วยปิดจุดอ่อนของทหารม้ารถถังที่ไม่มีทหารราบคอยคุ้มกันและภารกิจบางอย่างที่ต้องใช้ทหารราบทำนั่นเองครับ



และการสาธิตการจัดหมวดรถถังครับ โดยหนึ่งหมวดรถถังมีรถถังทั้งหมด 5 คัน คันหน้าเป็นคันของผู้บังคับหมวดครับ



ปิดท้ายด้วยทหารม้ารักษาพระองค์ในชุดเต็มยศครับ กองทัพบกอนุรักษ์กองพันนี้เอาไว้ใช้ในงานพระราชพิธีและรัฐพิธีต่าง ๆ



การสาธิตก็จบลงครับ ทหารม้าตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน แม้วิวัฒนาการและเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งที่ยังคงเหมือนกันก็คือ ทหารม้ามีความคล่องตัวในการเคลื่อนที่ มีอำนาจการทำลายที่รุนแรง และมีอำนาจการข่มขวัญซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความได้เปรียบให้กับการดำเนินกลยุทธ์ เพิ่มขวัญและกำลังใจของทหารฝ่ายเราด้วยครับ



หลังจากนั้นกำลังทั้งหมดที่เข้ามาทำการสาธิตก็เข้ามารวมหมู่กันและเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้สัมผัสยุทธยานยนต์แต่ละแบบกันอย่างใกล้ชิดครับ



อันที่จริงในช่วงปลายปีแบบนี้ยังมีหน่วยทหารอีกหลายหน่วยที่ทำการสาธิตการปฏิบัติการให้กับนักเรียนในหลักสูตรต่าง ๆ ของกองทัพชมและเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ครับ ในปีหน้า ท่านใดที่อยากสัมผัสบรรยากาศแบบนี้โดยเฉพาะในหน่วยของกองทัพบก ลองสอบถามข้อมูลไปยังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ครับ ถือเป็นครั้งหนึ่งในรอบปีที่เราจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีประจำการในกองทัพบกไทยครับ









Part IV: VDO จากการสาธิต









ทีมงาน ThaiArmedForce.com ขอขอบคุณ

- นาวาอากาศเอกพงษ์ศักดิ์ เสมาชัย ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ
- พันโทรัฐกานต์ ขันธะกาด หัวหน้าแผนกกิจการพลเรือน ศูนย์การทหารปืนใหญ่ กองทัพบก
- สิบเอกกฤษณะ นัทธี กองร้อยทหารปืนใหญ่ค้นหาเป้าหมาย กองพลทหารปืนใหญ่




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2552
15 comments
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2552 14:01:27 น.
Counter : 4753 Pageviews.

 

เสียงดังจังเหม่งหูหนวกแล้ว

 

โดย: น้าหนูนีล_น้องขวัญ 23 พฤศจิกายน 2552 3:41:14 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่โย






 

โดย: กะว่าก๋า 23 พฤศจิกายน 2552 7:24:22 น.  

 

คนที่ 1 นะมันกระแดะไปกับเขาเหรอ

 

โดย: จูหน่านพ 23 พฤศจิกายน 2552 12:25:34 น.  

 

ก็ยังดีกว่าคนที่ 3 ล่ะว๊า วัน ๆ นอนอยู่บ้าน

ป้าจูคอมพ์พัง ป้าจูคอมพ์พัง ป้าจูคอมพ์พัง ป้าจูคอมพ์พัง

emoemoemo

 

โดย: Skyman (Analayo ) 23 พฤศจิกายน 2552 13:39:29 น.  

 

สวัสดีครับ เสี่ยโย (ขอเรียกตามห้องหว้ากอ) เมื่อเช้าเข้ามาเยี่ยมเยือน เห็นหัวข้อ แล้วต้องรีบเข้ามา Copy หน้านี้ไปที่บอร์ด "กำลังสำรอง" ทันใด รู้ตัวอีกที งานเข้า ขอให้ช่วยประสานงานให้ด้วย ถ้ามีข่าวจัดครั้งหน้า อย่าลืม บอกต่อด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

//www.armyreservethailand.com/smf/index.php?topic=73.0

 

โดย: rbko 23 พฤศจิกายน 2552 17:12:21 น.  

 

อ้าวเหรอครับ เหอ ๆ ยังไงคราวหน้าจะบอกครับ ความจริงที่ค่ายอดิศรก็มีรด.มาชมด้วยเหมือนกันครับ แต่คิดว่าน่าจะเป็นรด.ในจังหวัดสระบุรี

ผมว่าถ้าสมาคมกำลังสำรองอยากไปชมก็ไม่น่ามีปัญหานะครับ อาจจะลองประสานกับฝ่ายกิจการพลเรือนดู อย่างที่ผมไปที่ศูนย์การทหารปืนใหญ่ก็ประสานกับฝ่ายกิจการพลเรือนของศูนย์การทหารปืนใหญ่ครับ แล้วก็ให้คนที่รู้จักกันช่วยขับรถเข้าไปส่งในสนามเขาพุโลน ยิ่งงานที่ค่ายอดิศรที่เข้าไปดูได้เลยครับ ทั้งสามงานนี้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้เลย

ลองดูไหมครับ ปีหน้าราว ๆ กุมภามี Cobra Gold จะมีโชว์ยกพลขึ้นบกที่หาดยาว สัตหีบ เริ่มประสานตอนนี้น่าจะทันครับ เดี๋ยวผมหาเบอร์ติดต่อแล้วส่งไปให้ทางหลังไมค์ครับ

ยังไงไว้ปีหน้าเตือน ๆ ผมด้วยแล้วกันครับ เผื่อลืม เหอ ๆ

ปล. ผมก็ปี 5 เหล่าปืน จบปี 48 ครับ

 

โดย: Skyman (Analayo ) 23 พฤศจิกายน 2552 19:29:12 น.  

 

ขอบคุณครับ ถ้ามีอะไรดีๆ บอกต่อด้วยนะครับ อยู่วงนอกข่าวสารเลยไม่ค่อยได้รับเท่าไหร่

ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมตามกระทู้ เสี่ยโย เกือบทุกกระทู้เลย ได้อรรถรถดี 555

ผมก็ปี 5 เหล่า ปืน (ป.1 รอ.) จบปี 43 ครับ แต่บรรจุเหล่าราบ เซ็งเลย - -"

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

 

โดย: rbko 23 พฤศจิกายน 2552 23:32:47 น.  

 

เหม่งไม่ได้กระแดะนะป้า เหม่งรู้ทุกเรื่องตะหาก

ซิส์เราฉลาดอ่ะ

ป้าคอมส์ใช้ละยัง เขาซ่อมนานจัง

ปานนี้ไม่ออกลูกละเหรอ

พี่โย หนูอยากกินแพนเค้กอ่ะ โรตีไม่เอากลัวอินเดีย

แต่เหม่งทำเค้กไข่ดาวอร่อยน๊า (คนเมิน หมาเมิน)

 

โดย: น้าหนูนีล_น้องขวัญ 24 พฤศจิกายน 2552 12:26:51 น.  

 

อ้าวเหรอ ชอบดินเดียก็ไม่บอก เดี๋ยวจะส่งโรตีสูตรอินเดียแท้ ๆ ไปให้

แล้วเค้กไข่ดาวนี่อินเดียด้วยป่าวอ่ะ

ปล. นั่นมันโรตีนมข้น

 

โดย: Skyman (Analayo ) 24 พฤศจิกายน 2552 21:37:36 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่โย








 

โดย: กะว่าก๋า 25 พฤศจิกายน 2552 7:24:26 น.  

 

ตามมาชมคะ เหมือนในหนังเลยอะพี่

 

โดย: น้องผิง 26 พฤศจิกายน 2552 15:38:35 น.  

 

โอ้วววเย้

 

โดย: น้าหนูนีล_น้องขวัญ 27 พฤศจิกายน 2552 6:44:20 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่โย







 

โดย: กะว่าก๋า 27 พฤศจิกายน 2552 7:06:51 น.  

 

เหม่งสวย

 

โดย: น้าหนูนีล_น้องขวัญ 30 พฤศจิกายน 2552 7:14:24 น.  

 

ขอบคุณสำหรับบทความที่นำเรื่องราวมาแบ่งปันครับ

 

โดย: แมวหอบ 4 ธันวาคม 2552 5:32:00 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Analayo
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 56 คน [?]




หากโลกนี้มีความยุติธรรม เราคงไม่ต้องมีศาล ไม่ต้องมีทหาร ไม่ต้องมีตำรวจหรอก/Skyman
@ จ่อยน้องลิง @
@ จ่อยหัวหอม @
X
X



free counters


Friends' blogs
[Add Analayo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.