กองทัพเรือจัดสร้างยานใต้น้ำลำแรกของไทย
กองทัพเรือจัดสร้างเรือดำน้ำลำแรกในไทย ปูทางอนาคตอีก 4 ลำ เผยใช้งบประมาณ 30 ล้านบาท ยาว 11 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.8 เมตร ระวางน้ำ 27 ตัน ปฏิบัติการที่น้ำลึกไม่เกิน 50 เมตร บรรจุลูกเรือได้ 3 คน ใช้ฝึกกำลังพลให้คุ้นเคย สำรวจแหล่งท่องเที่ยว
พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานในพิธีปฐมฤกษ์สร้างยานใต้น้ำขนาดเล็ก ที่บริษัท อู่กรุงเทพฯ จำกัด เมื่อวันที่ 28 มีนาคม โดยยานใต้น้ำดังกล่าว สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ (สวพ.ทร.) ได้ว่าจ้างให้บริษัทอู่กรุงเทพฯ จำกัด จัดสร้างเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งการจ้างสร้างยานใต้น้ำขนาดเล็กนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยและพัฒนาที่ สวพ.ทร. เป็นหน่วยเจ้าของโครงการ มี พล.ร.ต.พงศ์สรร ถวิลประวัติ เป็นนายทหารโครงการ ทั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงกลาโหม จำนวน 24,953,200 บาท และจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 5 ล้านบาท มีระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี ระหว่างปี 2549-2552
พล.ร.ต.พงศ์สรร กล่าวว่า ที่ผ่านมากองทัพเรือเคยมีเรือดำน้ำเข้าประจำการประมาณ 70 ปีที่ผ่านมา จำนวน 4 ลำ แต่ได้ปลดระวางไปตามวาระ กองทัพเรือจึงมีแนวคิดที่จะวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับยานใต้น้ำกลับคืนขึ้นมาอีกครั้ง โดยมอบหมายให้ สวพ.ทร.เป็นผู้ดำเนินการวิจัย และนำเสนอให้สำนักวิยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม ให้ความเห็นชอบ โดยโครงการวิจัยยานใต้นำขนาดเล็กเริ่มขึ้นในปีงบประมาณ 2548 ซึ่งประโยชน์ที่ได้ คือการสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีของยานใต้น้ำขึ้นในประเทศไทย สามารถนำไปประยุกต์ใช้ทางด้านกิจการพลเรือนการทหาร เช่น การสำรวจแหล่งทรัพยากรใต้น้ำ การสำรวจวิจัยพื้นผิวท้องทะเล ส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สนับสนุนการตรวจซ่อมโครงสร้างใต้ทะเล เช่น ฐานแท่นขุดเจาะ ท่อใต้ทะเล และสายเคเบิลใต้น้ำ
พล.ร.ต.พงศ์สรร กล่าวว่า โครงการแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ระยะที่หนึ่ง ศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับขีดความสามารถของยานใต้น้ำเบื้องต้น ค้นหาข้อมูลเพื่อเสนองบฯในการสร้างยานใต้น้ำ ส่วนระยะที่ 2 ซึ่งเป็นระยะปัจจุบัน เมื่อผ่านการดำเนินการระยะที่ 1 ทำให้คณะวิจัยมั่นใจว่า สามารถสร้างยานใต้น้ำขึ้นในประเทศไทยได้เอง จึงได้มีการออกแบบ ถ่ายโอนเทคโนโลยีที่จำเป็นจากต่างประเทศในส่วนที่ต้องการความปลอดภัยสูงและที่จำเป็นต่อการสร้างยานใต้น้ำ เพื่อนำไปสู่การสร้างยานให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดคือ 4 ปี
คณะวิจัยกำหนดขนาดมิติและขีดความสามารถของยานใต้น้ำ ดังนี้ ขนาดความยาว 11 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.8 เมตร ระวางน้ำประมาณ 27 ตัน ส่วนขีดความสามารถ สามารถปฏิบัติการที่น้ำลึกไม่เกิน 50 เมตร ระยะเวลาปฏิบัติการใต้น้ำ 3-5 ชั่วโมง ความเร็ว 5 น็อต บรรจุลูกเรือได้ 3 คน ทั้งนี้ ยานใต้น้ำเป็นการออกแบบเพื่อประยุกต์ใช้กับภารกิจอื่น พล.ร.ต.พงศ์สรรกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงกลาโหมอนุมัติให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างเรือดำน้ำขนาดเล็กในประเทศ เมื่อปี 2547 และโครงการวิจัยยานใต้น้ำขนาดเล็กนี้เป็นขั้นที่ 2 ในการต่อยอดองค์ความรู้ โดยกำหนดวัตถุประสงค์การสร้างต้นแบบยานใต้น้ำขนาดเล็ก ระหว่างขับน้ำประมาณ 27 ตัน ในประเทศไทย ผลจากการวิจัยนี้จะทำให้กองทัพเรือมียานใต้น้ำขนาดเล็กสำหรับใช้ในการฝึกหัดกำลังพลในการสร้างความคุ้นเคยกับการปฏิบัติการใต้น้ำใช้ดัดแปลงในการทำภารกิจต่างๆ ทั้งทางยุทธการ การหาข่าว การสำรวจใต้น้ำ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังเป็นการพัฒนาการต่อเรือในประเทศให้มีความรู้ ความเข้าใจในเทคโนโลยีที่เกิดจาการวิจัยนี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับกองทัพเรือและประเทศชาติ
ทั้งนี้ เมื่อ 70 ปีที่ผ่านมากองทัพเรือเคยมีเรือดำน้ำประจำการ จำนวน 4 ลำ คือ เรือดำน้ำมัจฉานุ เรือดำน้ำพลายชุมพล เรือดำน้ำสุดสาคร และเรือดำน้ำวิรุณ ซึ่งเป็นเรือที่ซื้อมาจากประเทศญี่ปุ่น แต่ต้องยุติการใช้งานและปลดประจำการหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 ที่ประเทศญี่ปุ่นแพ้สงคราม ทำให้ถูกสั่งห้ามผลิตอะไหล่ เป็นเหตุให้กองทัพเรือไม่ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีจนต้องปลดประจำการไป
ข้อมูล จาก มติชน วัน เสาร์ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2551
ภาพจากสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ
อย่าเพิ่งนึกถึงภาพเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของสหรัฐนะครับ
ยานใต้น้ำในลักษณะนี้ส่วนมากจะถูกใช้ในปฏิบัติการของหน่วยสงครามพิเศษทางเรือหลาย ๆ หน่วยครับ ที่เด่น ๆ ก็คือหน่วยซีลซึ่งต้องอาศัยการแทรกซึมเข้าไปยังพื้นที่ยึดครองของข้าศึกครับ
ทร. เคยมียานใต้น้ำแบบใช้ไว้ใช้งานจำนวนหนึ่ง แต่คาดว่าน่าจะปลดประจำการไปแล้วครับ ซึ่งน่าชื่นชมที่ทร.เลือกที่จะเริ่มทำการวิจัยตั้งแต่ต้นและพยายามสร้างขึ้นใช้เองมากกว่าจัดหาเรือสำเร็จรูปจากต่างประเทศ
โครงการนี้จะพัฒนากลายเป็นเรือดำน้ำแบบที่ประเทศเพื่อนบ้านมีได้ไหม?
คำตอบสำหรับคำถามนี้คือ ยังไกลเกินฝันครับ เรือดำน้ำในลักษณะนั้นต้องมีเทคโนโลยีที่สูงกว่านี้หลายสิบเท่า
แต่การต่อยานใต้น้ำใช้เองในครั้งนี้ก็ไม่ใช่ไร้ความหมายครับ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าเราพยายามพึ่งตนเองในสิ่งที่เราทำได้และมีความสามารถ และก็ไม่ใช่มีประโยชนืด้านการทหารเท่านั้น เรายังสามารถนำไปใช้ในงานด้านพลเรือหลาย ๆ อย่าง ไล่ตั้งแต่การเป็นเรือท่องเที่ยวไปจนถึงเรือตรวจสภาพแท่นขุดเจาะน้ำมันและแก๊สในอ่าวไทย
นี่แหละครับคือเศรษฐกิจพอเพียง ......... ที่ไม่ได้พูดแต่ปาก แต่ทำจริง ๆ
และน่าชื่นชมที่ทร.เรามีโครงการจัดสร้างอาวุธใช้งานเองหลายโครงการ ถือว่าล้ำหน้าเหล่าทัพอื่นในด้านการพึ่งตนเอง เช่นการต่อเรือ ต.991 - ต.993, การต่อเรือสำรวจทางอุทกศาสตรืลำใหม่คือเรือหลวงพฤหัส, การต่อเรือปฏิบัติการพิเศษสำหรับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ, การต่อเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำใหม่, การพัฒนาโปรแกรมจำลองการรบ ฯลฯ และอีกหลาย ๆ งาน ซึ่งแต่ละอย่างนำไปใช้จริงแล้วในปัจจุบัน ถือเป็นตัวอย่างที่เหล่าทัพอื่นน่าจะปฏิบัติตามครับ
Create Date : 11 เมษายน 2551 |
Last Update : 11 เมษายน 2551 2:09:32 น. |
|
16 comments
|
Counter : 2884 Pageviews. |
|
|
|