การซ้อมพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพพระพี่นาง วันนี้
วันนี้ได้มีโอกาสไปชมการซ้อมพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งวันนี้เป็นการซ้อมใหญ่ครับ ถือว่าโชคดีที่ได้เห็นริ้วขบวนใกล้ ๆ และได้ชมพระบารมีของสมเด็จพระเทพฯ ด้วย ..... วันนี้เลยถือโอกาสถ่ายภาพมาสักหน่อย ....... ภาพค่อนข้างใหญ่ ถ้าโหลดช้าก็ต้องขออภัยด้วยนะครับผม ^ ^
วันนี้ตั้งใจว่าจะโผล่หัวไปตั้งแต่เช้า ๆ ๆ ๆ ครับ ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 4 แต่ดันตื่นอีกทีตี 5 กว่า ออกจากบ้านซะ 6 โมง ไปถึงก็ค่อนข้างช้าไปหน่อยแล้วล่ะครับ คนเริ่มจองที่กันเยอะแล้ว
ผมก็อาศัยจังหวะและความสามารถเฉพาะตัวหาทางลงจนได้ ^ ^ ..... มาลงตรงแถว ๆ หน้าศาลหลักเมืองนี่แหละครับ มุมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลยเนอะ ^ ^
วันนี้น่าเสียดายจริง ๆ ที่ผู้ร่วมพิธีไม่ได้แต่งเครื่องแบบเต็มที่เหมือนวันจริงครับ เห็นข่าวบอกว่าเพราะ พล.อ. อนุพงษ์ กลัวว่าฝนจะตกแล้วเสื้อผ้าจะเสียซ่อมไม่ทันวันจริง แต่วันนี้แดดดีและฟ้าใสมาก ๆ ครับ น่าเสียดาย ^ ^"
เริ่มกันด้วยวงดุริยางค์ทหารบกครับ เดินนำหน้าคล้ายวันสวนสนามวันราชวัลลภ
โดยจะมีนายทหารยืนเรียงรายอยู่สองข้างทางครับ ท่านี้เขาเรียกว่าท่าวันทยาวุธ เป็นท่าทำความเคารพเมื่อมีปืนอยู่กับตัวครับ ปกติแล้วการยืนประกอบปืนจะจับปืนชิดขาขวาโดยมือขวาจะจับที่ปลายกระบอกปืน พอผู้บังคับบัญชาสั่งทำวันยาวุธ ทหารจะใช้มือขวายกปืนขึ้นมาพร้อมตบมือซ้ายแรง ๆ ไปที่ปืนและสะบัดมือขวาลงมาตรงพานท้ายปืนโดยมือขวาจะเหยียดออกแนบไปกับพานท้ายปืนครับ แต่ภาพนี้พี่คนนี้ลักไก่นิดหน่อยเนื่องจากทำท่าวันทยาวุธมาไม่ต่ำกว่า 10 นาทีแล้ว และปืนมันก็ไม่ใช่จะเบา ๆ ครับ ^ ^
สำหรับเครื่องแต่งกายก็มีรายละเอียดเช่นกันครับ กระเป๋าที่เห็นอยู่นี่เราเรียกว่ากระเป๋าคันชีพครับ คำนี้เพี้ยนมาจากคำว่า Gun Chief ซึ่งก็คือกระเป๋าสำหรับใส่กระสุนของทหารนั่นเองครับ กระเป๋าคันชีพจะติดกับสายคันชีพที่คาดเฉียงตัวลงมานี่เองครับ และก็จะมีเข็มขัดหนังอีกเช่นกันครับ การแต่งกายในรูปนี้คล้าย ๆ กับการแต่งครึ่งยศแต่ไม่ใช่การแต่งครึ่งยศนะครับ เพราะการแต่งครึ่งยศจะต้องใส่เสื้อคอปิดสีขาว กางเกงแถบ และหมวกหน้าตาโบราณ ๆ สีขาว (หมวกยอด) แต่ที่เอามาแต่งกับชุดเขียวตอนนี้ก็คือเพื่อให้ทหารคุ้นเคยกับเครื่องแบบเพราะวันจริงต้องแต่งชุดเต็มยศครับ
ซึ่งเมื่อใส่ชุดเต็มยศจะต้องมีหมวกรูปเห็ดนี่ใส่ด้วยครับ หมวกนี่เราเรียกว่าหมวกยอดซึ่งหมวกนี้จะถูกคลุมด้วยพู่สีเป็นสี ๆ พวกนี้แหละครับ พู่นี่ทำมาจากขนจามรีเลยนะครับ นำเข้ามาจากแถว ๆ เนปาล ทิเปต อะไรแถวนั้นครับผม ^ ^
แต่ละหน่วยในกองทัพหรือต่างเหล่าทัพก็จะมีสีต่างกันไปครับ อย่างอันนี้ของกองทัพอากาศ สีฟ้าสดใสครับ หน่วยอื่นในกองทัพบกก็จะมีตั้งแต่สีดำ สีเหลือง สีเขียว สีชมพู หลากสีมากครับผม เวลาทหารใส่ชุดนี้เข้าแถวจะดูสวยงามมากครับ ^ ^
แต่สำหรับทหารเรือนั้นจะแตกต่างไปเลยครับ เพราะว่าเขาจะไม่ใส่หมวกยอดเหมือนทหารหน่วยอื่น แต่จะใส่หมวกทรงหม้อตาลแทนครับ เพราะแต่ก่อนทหารเรือไทยซึ่งก็ได้รับอิทธิพลมาจากอังกฤษอีกนั่นแหละเขาจะใส่หมวกอุสเรนกันครับ หมวกนี้มันคล้าย ๆ กับหมวกนายทหารเรือแบบที่เราดูหนังฝรั่งที่เป็นยุคเก่า ๆ แถว ๆ ยุคโคลัมบัสนั่นแหละครับ แต่ไป ๆ มา ๆ พอมาใช้กับเราแล้วเวลานายทหารทำท่าวันทยาวุธ ดาบปลายปืนมันมักจะไปจิ้มหมวกเข้า รัชกาลที่ 5 ท่านจึงให้เปลี่ยนเป็นหมวกทรงหม้อตาลแทน ซึ่งทำไมต้องเป็นทรงหม้อตาลแทนที่จะเป็นหมวกยอดติดพู่นี่ผมก็ไม่ทราบอีกนั่นแหละครับ อาจจะเป็นเพราะว่าบนเรือมันลมแรง พู่อาจจะปลิวหรือมันอาจจะต้านลมจนทำให้หมวกหล่นจากหัวได้ อาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ครับ ผมเดาเอา ^ ^
ชุดเต็มยศสำหรับทหารรักษาพระองค์นั้นจะคล้าย ๆ ชุดทหารอังกฤษที่ยืนอยู่ที่วังบัคกิ้งแฮมครับ ถ้ายังนึกไม่ออกลองไปซื้อคุ๊กกี๊อิมพีเรียลกินดูจะต้องร้องอ๋อแน่นอน ผมเดาเอาเองว่าไทยน่าจะได้รับอิทธิพลของชุดนี้จากอังกฤษ เพราะในช่วงต้นของการสร้างกองทัพไทยสมัยใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้นท่านทรงว่าจ้างนายทหารอังกฤษเข้ามาฝึกให้ครับ แบบแผนอะไรเลยคล้าย ๆ กับอังกฤษ เหมือนยศทหารของไทยเมื่อเขียนเป็นภาษาอังกฤษก็จะเขียนตามแบบของกองทัพอังกฤษครับ ^ ^
ผมไปยืนรอตั้งแต่เกือบ ๆ 7 โมงจนเมื่อราว 9 โมงริ้วขบวนจึงเคลื่อนมาตรงที่ผมยืนครับ รอจนเหนื่อยเลย เพราะว่าผู้ร่วมขบวนจะเดินในท่าเดินเปลี่ยนสูงครับ คือการเดินที่จะก้าวเท้าให้ฝ่าเท้าแนบกับพื้นให้มากที่สุด ซึ่งจะทำให้การเดินค่อนข้างช้าแต่สง่างามครับ ^ ^
ถือว่าเล่าให้ฟังเป็นเกร็ดความรู้แล้วกันนะครับผม ชดเชยกับรูปที่ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่เพราะมุมมันไม่ดี แหะ ๆ ^ ^
พระราชยานองค์เล็กมาแล้วครับ .... แหะ ๆพ้นจากเรื่องทหารไปผมก็ไม่มีความรู้แล้วล่ะครับ เลยอธิบายอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ^ ^"
แต่แสงยามเช้าวันนี้เมื่อส่องลงไปยังพระราชยานองค์นี้เลยทำให้เกิดสีทองเป็นประกายสวยงามมากเลยครับ
ว่าแต่คนนี้ใครครับเนี๊ย หน้าคุ้น ๆ นะครับ 555+
และพระราชยานองค์ใหญ่ที่บรรทุกพระโกศก็เคลื่อนเข้ามาครับ
พระราชยานค่อย ๆ เคลื่อนผ่านไปครับ .... ภาพนี้คือสภาพของผมซึ่งรอชมอยู่ เพราะมาช้ากว่าเขาเลยมีคนบัง จะถ่ายแต่จะทีถ้าไม่ชูกล้องเหนือหัวแล้วภาวนาว่าถ่ายติดทีเถอะก็ต้องเอียงตัวหลบพี่สองคนนี้ให้พ้นครับ .... พี่เค้าอ้วนด้วยอ่ะ บังมิดเลย T_T
แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ครั้งหนึ่งในชีวิต ได้มีโอกาสมาเห็นแม้ว่าจะเป็นการซ้อมก็ตาม อีกทั้งยังได้เฝ้าสมเด็จพระเทพฯอยู่ไกล ๆ พร้อมกับทุกคนด้วย ผมไม่อยากเห็นบ่อยหรอกครับงานแบบนี้ แต่วันนี้อย่างน้อยก็ถือเป็นโชคดีของตัวเองครับ ^ ^
สำหรับวันนี้ก็จบเพียงเท่านี้ครับ มีอะไรผิดพลาดไปก็ต้องขออภัยด้วยนะครับผม ขอบคุณมากครับ ^ ^
Create Date : 02 พฤศจิกายน 2551 |
|
32 comments |
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2551 8:29:02 น. |
Counter : 7530 Pageviews. |
|
|
|