sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
16 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
ตอนที่ 1 ตัวเลือก



คำโปรย...........คนหนึ่งคนแต่มีสองเงา.... หนึ่งเงาอ่อนหวานงามสง่าดังเทพบุตร... หากแต่อีกเงานั้นเล่าโหดร้ายเปรียบได้ดังซาตาน.....เมื่อเธอต้องพัวพัน...เงาไหนนั้นจะควรได้ครอบครอง......




ผู้ชายหน้าตาสดใส ดวงหน้ากระจ่าง ในชุดสูทสีดำที่นั่งเงียบขรึมอยู่โต๊ะฝั่งตรงข้ามทำให้ รพิชา สันหลังเย็นวาบ หญิงสาวก้มหน้าลงหลบสายตาที่กำลังฉายวาบอย่างร้อนรน มือเรียวค่อยๆ เอื้อมไปหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบเพื่อผ่อนคลายความร้อนรุ่มให้บางเบา

ใบหน้างามกวาดตาไปรอบๆ เหมือนกำลังมองหาใครซักคนด้วยอารมณ์หวาดหวั่นกับดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลคู่นั้น ถึงแม้โต๊ะของชายแปลกหน้าจะอยู่ห่างจากโต๊ะของเธอเกือบห้าเมตรแต่ทำไมเธอถึงรู้สึกร้อนรุ่มเหมือนถูกสุมด้วยไอร้อนของเปลวเพลิงในยามชายคนนั้นจ้องมองมา

“พิณเป็นอะไรทำไมหน้าซีดตัวสั่นแบบนั้นล่ะ ไม่สบายหรือเปล่า”

เสียงใสๆ ของคนที่เพิ่งเข้ามาช่วยคลายความอึดอัดที่กำลังทะยานขึ้นทุกขณะให้จางลง

“ปะ..ปะ...เปล่าจ๊ะนาทำไมเพิ่งมา”

“รถมันติดน่ะสิถามได้ พิณมานานแล้วเหรอ?”

บอกอย่างเบื่อหน่ายกับสภาพการจราจรบนท้องถนนที่เธอเพิ่งฝ่าฟันมาสดๆ ร้อนๆ

“ก็ซักพักแล้วล่ะวันนี้คนไข้ไม่เยอะเลยออกมาได้เร็วหน่อย”

“ภาวนาเลยย่ะ ว่าขออย่าให้คนไข้ของพิณเยอะเลย สงสารประเทศชาติ”
กุมมือระดับอกกรอกตาไปมา

“ดูทำเข้า” ยิ้มขันกับท่าทางของเพื่อน

“ก็ลองคิดดูสิว่าถ้าคนไข้ของพิณมีจนล้นโรงพยาบาล หมอโรคจิตอย่างพิณจะต้องทำงานหนักขนาดไหน ถ้าคนไข้เพิ่มขึ้นมันก็ต้องแสดงว่าคนกำลังมีสุขภาพจิตที่ย่ำแย่....ที่แน่ๆ ตอนนี้เราคนหนึ่งล่ะที่กำลังจะเป็นโรคประสาทตายเพราะไอ้อาการจิตหลอนกับช่วงเวลาเร่งด่วนในยามเดินทาง” วีนาบ่นยืดยาว

“เขาเรียกจิตแพทย์ย่ะ เรียกแบบนั้นคนอื่นมาได้ยินคงคิดไปไกล”

“พิณสั่งอะไรหรือยังหิวจนไส้กิ่วแล้วเนี่ย”

ลูบท้องประกอบคำถาม

“สั่งไปสองสามอย่างอีกเดี๋ยวคงมา นาจะสั่งอะไรเพิ่มอีกไหมเผื่ออาหารที่สั่งไม่ถูกใจ”

“อะไรก็เอามาเถอะแค่สองสามอย่างก็พอ เราเป็นนางแบบนะยะกินเข้าไปมากๆ ได้วิ่งเข้าฟิตเนสจนลิ้นห้อย”

เบ้หน้าเมื่อนึกถึงช่วงเวลารีดน้ำหนัก

“ผอมจนจะเป็นไม้เสียบผีอยู่แล้ว ดูกระดูกสิโผล่จนจะทิ่มมืออยู่แล้วยังจะกลัวอ้วนอีก”

ปากว่ามือก็จิ้มไปที่แขนของเพื่อนอย่างหมั่นไส้

“ไม่กลัวได้ยังไงความอ้วนกับอาชีพเรามันเป็นศัตรูกัน ห้ามกล้ำกรายเข้ามาใกล้เป็นอันขาดไม่งั้นมันอาจจะทำให้เพื่อนตกกระป๋อง”

“แบบนี้สงสัยต้องแวะไปคุยกับพิณที่โรงพยาบาลแล้วล่ะ อาการวิตกจริตจนเกินระดับความพอดีแบบนี้ชักน่าเป็นห่วงแล้วเนี่ย”

“พิณจะบ้าเหรอเรายังไม่เป็นโรคจิตนะ คนไข้มันน้อยมากหรือไงถึงจะกวาดเพื่อนไปเป็นคนไข้”

วีนาโวยวายน้ำเสียงไม่จริงจังนัก

“เราก็แค่เป็นห่วงเพราะจากสภาพศพของนา ดูยังไงมันก็ยังไม่ขึ้นอืดจะกลัวอะไรนักหนา ผอมกระหร่องแบบนี้กินข้าวสามกระสอบยังนึกเลยว่ามันจะทำให้มีเนื้อมีหนังขึ้นมามั้ย”

“เว่อร์ไปแล้วแม่หมอโรคจิต เราไปห้องน้ำก่อนนะเดี๋ยวมา”

ลุกขึ้นเดินเลี่ยงไปอีกทาง

พอปราการที่มีลุกออกไปความอึดอัดก็กลับเข้ามาอีกครั้ง เมื่อชายหนุ่มแปลกหน้ายังคงจ้องมาที่เธอและจ้องอยู่อย่างนั้น

เกือบชั่วโมงที่รพิชาต้องทนฝืนกับความอึดอันที่เธอก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนั้น พออิ่มหญิงสาวรวบช้อนยกน้ำขึ้นจิบนั่งเท้าคางแล้วยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นเพื่อนสาวคนสวยกำลังเขี่ยอาหารประเภทเนื้อสัตว์ออกจากจานอย่างรังเกียจ

“เนื้อสัตว์กินบ้างก็ดี กินแค่พอเหมาะไม่ทำให้อ้วนหรอก”

“ชิ้นนึงมีตั้งหลายแคลอลี่ไม่เสี่ยงหรอก”

“ถ้างั้นก็ไปหาหญ้ากินซะไป”

“ยัยหมอพิณหมดคำแนะนำดีๆ แล้วหรือไงกระเพาะเราไม่ได้มีโปโตซัวนะยะที่จะใช้ย่อยพวกหญ้าพวกฟางได้”

“อ้าวก็เห็นกินแต่พืชใบเขียวจนเริ่มเห็นตัวเขียวๆ เป็นเจ้าหนอนชีเม่โจดายแล้วนะ”

“บ้า...นี่แน่ะยัยหมอโรคจิตมาหาว่าเราเป็นหนอนชาเขียวเหรอ”

วีนาตีมือเพื่อนดังเพียะ! แล้วหัวเราะคิกคักออกมา

“อ้าวก็เห็นกินแต่พวกสารคลอโรฟิลล์ กินจนตัวเขียวไปหมดแล้วนั่นไม่เห็นเรอะ”

“เป็นหมอยังไงถึงไม่รู้ว่าพวกคลอโรฟิลล์มันมีประโยชน์ต่อร่างกาย”

“ใช่อยู่ที่คลอโรฟิลล์ช่วยในการกระตุ้นการเจริญเติบโตทั้งช่วยซ่อมแซมส่วนของเนื้อเยื่อในร่างกาย และช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง แต่ก็ต้องหัดกินอาหารประเภทอื่นบ้าง นาไม่ใช่ต้นไม้ไม่จำเป็นต้องใช้คลอโรฟิลล์ในการสังเคราะห์แสงหรอก”

คนเป็นหมออธิบายเสียยืดยาวจนคนฟังกางมือห้ามแทบไม่ทัน

“พอๆ ถ้าเรากินหมูชิ้นนี้พิณจะเลิกบ่นมั้ย”

วีนาจิ้มเนื้อหมูบนจานเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ประชดเสียให้เข็ด

“ข้างๆ มีห้องฟิตเนสกินเสร็จก็ไปวิ่งสิ”

คุณหมอคนสวยประชดกลับบ้าง

“อิ่มก่อนแล้วกวนเพื่อนเหรอ”

นางแบบสาวรวบช้อนเมื่อข้าวคำสุดท้ายถูกเก็บเรียบลงกระเพาะ

“เปล่าแค่เป็นห่วง วันนี้นึกยังไงถึงสละคิวมาทานข้าวกับเราได้ล่ะ”

“วันนี้รับแค่งานเดียวเลยว่าง คิดตังค์เลยนะ”

ถามพลางกวักมือเรียกบริกรแล้วทำมือเป็นสัญญาณบอก

“อือ...ถ้างั้นวันนี้ก็ว่างสิ”

เลิกคิ้วถามสีหน้าดีใจ

“ถือว่าเป็นโบนัสให้พิณในรอบสองเดือนก็แล้วกัน”

“เราอยากดูหนังซักเรื่องไปกันไหม นานแล้วนะที่เราไม่ได้ไปดูหนังด้วยกัน”

“ก็ได้สำหรับเพื่อนรักนามีเวลาให้เสมอจ้า”

“พูดไม่อายปากเลยนะ นาเนี่ยนะมีเวลาให้เรา ทุกวันนี้รู้สึกเหมือนอยู่บ้านคนเดียวแล้วรู้ไหม ห้องนาหยากไย่มันเกาะจนหนาเตอะแล้วไม่รู้เหรอ” ไม่วายประชด

“ช่วงนี้เรารับงานออกต่างจังหวัด จะบ่นทำไมนักหนาทำยังกับตัวเองมีเวลาว่างอย่างนั้นแหละ ถามจริงๆ เถอะพิณวันๆ อยู่แต่กับคนบ้าพิณเคยตรวจสุขภาพจิตตัวเองหรือเปล่าว่าใกล้ข้ามพรมแดนหรือยัง เดี๋ยวนี้ชักบ่นเก่งขึ้นทุกวันแล้วนะ”

“ช่วงนี้กินยาระงับประสาทอยู่คงไม่ข้ามพรมแดนง่ายๆ หรอก”

บอกยิ้มๆ

“อาชีพอื่นมีเยอะแยะทำไมถึงอยากเป็นจิตแพทย์นักฮึ วันๆ อยู่แต่กับคนบ้าและพวกจิตตกระวังเถอะมันจะกลืนไปกับเขา”

บ่นขณะล้วงมือลงกระเป๋าหยิบธนบัตรขึ้นมาวางลงบนถาดเล็กๆ เมื่อบริกรยื่นรายการค่าอาหารให้

“เราจ่ายเอง”

กางมือปรามพลางกวักบริกรให้เดินไปทางเธอ

“มื้อนี้เราจ่ายเองพิณห้ามควัก”

จิกตาปรามเพื่อนสีหน้าจริงจัง

“นาก็เป็นแบบนี้ ปล่อยให้เราจ่ายบ้างสิแย่งจ่ายทุกครั้งแบบนี้เงินได้ท่วมบ้านกันพอดี”

บ่นไปตามเรื่องตามราว

“แค่นี้เล็กน้อยน่าเราเป็นเพื่อนกันอีกอย่างเราก็อาศัยอยู่บ้านพิณมาตั้งแต่เข้ามหาลัยจนเลยมาถึงป่านนี้ พิณก็ไม่เห็นเก็บค่าเช่าเราซักบาท”

“ใครว่าอาศัยเขาเรียกมาอยู่เป็นเพื่อนต่างหาก อีกอย่างคุณพ่อคุณแม่ท่านก็ย้ายไปสิงคโปร์กันหมดถ้านาไม่ช่วยคุยให้ป่านนี้เราก็คงไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก เราเป็นครอบครัวเดียวกันอย่าคิดเป็นอื่นสิ”

รพิชาบอกน้ำเสียงจริงจังจนนางแบบสาวคนสวยหัวเราะขบขันกับสีหน้าเจื่อนลงของเพื่อนสนิท

“จิตตกใหญ่แล้วนะ พูดแบบนี้กลัวเราทิ้งเหรอ อาการแบบนี้สงสัยต้องพาไปตรวจสุขภาพจิต”

หรี่ตากระเซ้าเย้าแหย่เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนสนิทดูโศกสลด

“ไม่กลัวได้ไงเราติดนายังกับตังเม ถ้านาย้ายไปอยู่ที่อื่นเราคงเหงา”

“ทำเป็นเศร้าพิณก็รู้ว่าเราไม่ทิ้งพิณไปไหนหรอก ทั่วกรุงเทพฯ เราก็มีพิณเป็นเพื่อนรักอยู่คนเดียวใครจะกล้าทิ้งลงล่ะยะ แต่ถ้าพิณมีแฟนก็ไม่แน่นะคนที่ถูกทิ้งอาจจะเป็นเรา ปะไปกันเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันดูหนัง”

ในจังหวะที่หมุนตัวกลับนางแบบสาวก็ถึงกับสะดุดกึกกับดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลคู่หนึ่งที่กำลังจ้องผ่านเธอไปยังเพื่อนสาวชนิดไม่วางตาจนเธออดไม่ได้ที่จะจ้องกลับแล้วขยับปากถามคนที่กำลังเสียมารยาทว่า.... มองอะไรเหรอพ่อคุณ.....

พอเจอสายตาพิฆาตจากนางแบบคนสวยชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมเข้มคล้ายชาวตะวันตกจึงยิ้มพลางโค้งศีรษะเชิงขอโทษขอโพยที่เสียมารยาทจ้องหญิงสาวอีกคน

“พวกฝรั่งก็แบบนี้เห็นผู้หญิงไทยสวยๆ หวานๆ เข้าหน่อยทำเป็นจ้องตาถลนคงคิดล่ะสิว่าใครๆ ก็อยากมีแฟนเป็นพวกหัวแดง”

ขณะเดินผ่านโต๊ะของชายแปลกหน้านางแบบคนดังจึงเหน็บด้วยระดับเสียงที่ดังพอให้คนเสียมารยาทได้ยิน เพราะคิดว่าอย่างไรเสียผู้ชายต่างชาติหน้าตาดีแต่มารยาทแย่คงฟังไม่เข้าใจ

“นาไม่เอาน่า”

ปรามเพื่อนหันไปยิ้มน้อยๆ ให้กับชายแปลกหน้าอย่างขอลุแก่โทษ แล้วรีบลากเพื่อนให้ออกไปจากบริเวณก่อนที่พ่อหนุ่มรูปหล่อชะตาขาดจะเจอนางแบบสาวเจริญพรอีกหลายบท

ชายหนุ่มมองตามเรือนร่างสมส่วนและใบหน้างดงามสะดุดตาที่กำลังย่างก้าวออกจากร้านไปด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ และยังคงเฝ้ามองอยู่อย่างนั้นจนหญิงสาวเดินลับหายไป

“เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก”

ชายกลางคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้น

“ใช่สวยมาก ผมต้องการเธอ คุณอาผมให้เวลาสามวันพาเธอไปกับเราให้ได้ บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจช่วยเราได้”

“ทำไมถึงคิดว่าเธอจะช่วยเราได้ล่ะจีรัณ”

“ลืมไปแล้วเหรอว่าผมจ้องเธอมาเป็นชั่วโมงๆ เธอต้านอำนาจของผมได้ ถึงจะกลัวแต่เธอยังสามารถคุมสติได้อย่างน่าทึ่ง น้อยคนนักที่จะมีจิตใจเข้มแข็งแบบนี้”

บอกอย่างมีความหวัง

“ได้อีกสามวันอาจะพาเธอกลับไป”

*****************************

“พิณดูสิไอ้โรคจิตนั่นมันยังมองตามอยู่แน่ะ” วีนายังโวยไม่เลิก

“ช่างเขาเถอะน่าพิณไม่ได้สึกหรออะไร”

พยามยามพูดให้เพื่อนคลายความขัดเคือง

“พิณก็เป็นแบบนี้ใจดีอยู่ร่ำไป คนบางประเภทเราไม่จำเป็นต้องดีด้วยหรอก น่าตีจริงๆ เห็นอีตานั่นมันจ้องเอาๆ แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกนั่งหงอให้มันจ้องอยู่ได้ ผู้ชายคนนั้นก็กระไรจ้องยังกับพวกตันหากลับแน่ะ เราไม่เอานิ้วจิ้มตาก็นับว่าเป็นบุญนักหนา” ทำท่าฮึดฮัดขัดใจ

“เขาอาจไม่ได้มองพิณก็ได้”

“ถ้าไม่มองเขาจะโค้งหัวขอโทษแบบนั้นเหรอ เราเห็นพิณสั่นๆ ตั้งแต่ตอนเข้ามาพิณสั่นเพราะสายตาอีตานั่นใช่ไหม?” ถามคาดคั้น

รพิชาที่หมดหนทางหลีกเลี่ยงพยักหน้าน้อยๆ เชิงยอมรับ

“นั่นประไรเป็นนาไม่ได้แม่จะจิกขึ้นมางับหัวซะให้เข็ด”

ทำท่าจับลมจับอากาศอย่างมีอารมณ์

“ใจเย็นๆ สิคุณนางแบบมายืนจับลมอยู่ในที่สาธารณะแบบนี้ระวังเถอะปาปารัชซี่จะเอาภาพไปลงว่าเป็นบ้า”

หัวเราะกับท่าทางของเพื่อนแล้วเตือนอย่างขันๆ

“เราอยู่ของเราดีๆ เขาจะมานั่งเทียนเขียนไปแบบนั้นได้ยังไง”

“อ้าวก็มายืนจับลมอยู่ข้างๆ จิตแพทย์มันคงบอกเป็นอย่างอื่นได้หรอกนะ”

“เออนั่นสิพิณก็ออกจะเป็นหมอโรคจิตที่โด่งดังใช่ย่อย พิณจอดรถไว้ไหนล่ะ”

ถามพลางสอดส่ายสายตามองหายานพาหนะของอีกคน

“เราจอดรถไว้ที่โรงพยาบาลแล้วนั่งแท็กซี่มาคิดว่านาคงจะขับรถมาเอง”

“วันนี้เราให้เจ๊แจ๋วแหววมาส่ง แต่ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยเดี๋ยวนั่งแท็กซี่ไปก็ได้”

นางแบบสาวยักไหล่เหมือนไม่เดือดร้อนอะไรนัก

“แต่ร้านนี้มันอยู่ในซอยกว่าจะมีแท็กซี่ผ่านมาซักคันมีหวังรอจนขาแข็ง แย่จังเราผิดเองแหละที่ไม่ได้ถามนาก่อน”

“อย่าคิดว่าเป็นความผิดของตัวเองสิเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง เอางี้เดี๋ยวเราเข้าไปบอกเด็กช่วยโทรเรียกแท็กซี่ให้ดีกว่า พิณนั่งรอตรงชิงช้านั่นก่อนก็แล้วกัน ถ้าหาแท็กซี่ไม่ได้เดี๋ยวให้เจ๊แจ๋วแหววย้อนกลับมารับก็ได้”

ชี้มือบอกแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง

รพิชาเดินไปนั่งตรงชิงช้าไม้ที่ทางร้านจัดวางอยู่ข้างๆ สวนหญิงสาวจ้องไปที่ประตูแล้วเฝ้ารอก่อนจะเบนสายตาหันไปมองรอบๆ

หญิงสาวก้มมองยอดหญ้านุ่มนิ่มใต้ฝ่าเท้าแล้วชะเง้อคอไปหน้าร้านหวังให้มีรถแท็กซี่ซักคันหลงเข้ามาส่งผู้โดยสาร

"ผมต้องขออภัยที่จ้องคุณเหมือนคนไร้มารยาทแบบนั้น"

เสียงทุ้มนุ่มของใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเบาๆ

รพิชาสะดุ้งหันขวับไปทางต้นเสียง พอเห็นรอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของคนเบื้องหน้า... หญิงสาวก็อดที่จะจ้องและชื่นชมไม่ได้...รอยยิ้มนั่นงดงามกระจ่างจ้าเหมือนแสงตะวันกำลังฉายส่องลอดผ่านหมู่เมฆก้อนใหญ่ที่หม่นมัว.... ผู้ชายคนนี้รอบกายมีแต่ความอบอุ่น.....ถึงจะรู้สึกดีกับรัศมีบางอย่างที่เปล่งออกมาจากคนเบื้องหน้าแต่น่าแปลกที่ในดวงตาคู่นั้นกลับทรงพลังจนเธอหวั่นไหว

หญิงสาวจ้องหน้าคนมาใหม่สีหน้าหวาดหวั่นแต่ก็ยังฝืนร่างกายให้นิ่งสงบ ชายหนุ่มฉายรอยยิ้มอ่อนโยนหวังลดอาการตื่นตระหนกของเธอให้เบาลง รพิชาหันไปทางประตูทางเข้าร้านเพราะเริ่มไม่วางใจกับชายแปลกหน้า

“คุณรอเพื่อนอยู่เหรอ?”

“ค่ะ”

“ผมขอโทษจริงๆ ที่เสียมารยาท”

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาบ่งบอกว่ารู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ

“ไม่เป็นไรค่ะบางทีคุณอาจจะคุ้นหน้าดิฉัน”

เสมองไปทางอื่น

“มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ผมเหมือนเคยพบคุณมาก่อน”

“เป็นเรื่องปกติค่ะเพราะใครๆ มักจะพูดกันเสมอว่าดิฉันหน้าโหล ความบังเอิญเกิดขึ้นได้เสมอค่ะ”

บอกแล้วยิ้มน้อยๆ กับมุขเดิมๆ ของพวกผู้ชายที่พยายามหาข้ออ้างมาพูดคุยกับเธอ

“แต่ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณจริงๆ นะครับ”

“ก็อาจจะเป็นคนที่หน้าคล้ายกัน เพราะดิฉันไม่เคยพบคุณมาก่อน ขอโทษด้วยนะคะเพื่อนมาพอดีขอตัวค่ะ”

รพิชาลุกขึ้นโค้งศีรษะเล็กน้อยเชิงขอตัวแล้วเดินเลี่ยงไปหาเพื่อนที่เดินส่งยิ้มมาแต่ไกล นางแบบสาวหุบรอยยิ้มพิมพ์ใจแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่าไอ้หนุ่มโรคจิตยังอุตส่าห์ตามราวีเพื่อนไม่เลิก

“นาติดต่อแท็กซี่ได้ไหม?”

รีบถามเมื่อเห็นอาการของเพื่อนดูจะเอาเรื่องกับอีกคนเสียให้ได้

“ได้จ๊ะ อีตานั่นมันตามมาคุกคามพิณใช่มั้ย”

ถามพลางจ้องหน้าผู้ชายไร้มารยาทตาเขม็ง

“เปล่าเขาแค่ออกมาขอโทษที่เสียมารยาท”

บอกหวังลดอารมณ์เดือดเล็กๆ ของเพื่อนให้คลายลง

“แน่นะไม่ใช่ไอ้โรคจิตนั่นมันตามมาขอเบอร์ล่ะ”

“จริงๆ จ้าเราไปนั่งรอแท็กซี่ตรงโน้นกันดีกว่า”

บอกแล้วดึงแกมลากเพื่อนเดินไปอีกทาง

จีรัณมองตามร่างบอบบางที่กำลังเดินลัดเลาะออกไปนั่งตรงชิงช้าไม้อีกตัวอย่างใส่ใจ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลหรี่ตามองหญิงสาวรูปร่างเพรียวระหงในชุดแซกผ้าเนื้อดีสีเลือดหมูที่ท่าทางดุเด็ดเผ็ดจี๊ดแววตาเป็นประกาย อีกคนยามจ้องเธอหวาดหวั่นแต่เก็บงันจนนิ่งเฉย หากอีกคนกลับร้องแรงจนพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ

ใครๆ ต่างพูดไว้ว่าน้ำกับไฟเข้ากันได้ยากยิ่ง แต่ในวันนี้สัจธรรมกลับทำให้เห็นได้ชัดเจน หากหนึ่งเป็นไฟที่พร้อมเผาผลาญแต่เมื่ออยู่ใกล้สายน้ำเปลวไฟที่ร้อนระอุย่อมนิ่งสงบ....








Create Date : 16 ตุลาคม 2552
Last Update : 22 มกราคม 2553 15:00:01 น. 4 comments
Counter : 518 Pageviews.

 
ผ่านมาพอดี ยังไม่อ่านค่ะ เพราะรออ่านเรื่อนรักฯก่อน
มาลงชื่อไว้เฉยๆก่อนค่ะ


โดย: karaked IP: 68.105.5.210 วันที่: 16 ตุลาคม 2552 เวลา:13:20:31 น.  

 
อ่านแล้ว หนุกๆ
รีบๆมาอัพนะจ๊ะ


โดย: โอไฮย IP: 114.128.180.60 วันที่: 16 ตุลาคม 2552 เวลา:14:58:18 น.  

 
ว้าวๆ เรื่องใหม่มาแล้ว มาตามอ่านค่ะ

น่าสนใจดี รออ่านตอนต่อไปนะคะ


โดย: มังกรเขียวหัวยุ่ง (cruduslife ) วันที่: 16 ตุลาคม 2552 เวลา:21:02:49 น.  

 
เค้าจ้องอะไรของเค้าเนี่ย อิอิ


โดย: nan (*-*-MeMoRy PolaRiS-*-* ) วันที่: 23 มีนาคม 2553 เวลา:15:49:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.