sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
27 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
ตอนที่ 4 สัมผัสแรก



ใบหน้าสวยหวานที่ดูอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง นั่นเพราะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนักที่ผู้ชายเบื้องหน้าก้าวล้ำความเป็นส่วนตัวของเธอและเพื่อน

“กรุณาพาเพื่อนดิฉันไปที่ห้องพักของเราด้วยค่ะ”

รพิชาเน้นคำว่าเราชัดเจนจนคนที่มีความคิดบางอย่างอยู่ในใจ ยอมถอยให้ง่ายดายชายหนุ่มจ้องใบหน้านวลเนียนแววตาเอ็นดู ก่อนจะเดินนำพาคนที่นอนสลบสไลอยู่ในอ้อมแขนและหญิงสาวหน้าตากำลังเอาเรื่องมุ่งหน้าไปยังห้องพักที่อยู่ด้านบน

เมื่อถึงห้องพักชายหนุ่มหยุดเท้าเบี่ยงกายไปอีกด้านเพื่อรอคุณหมอสาวเปิดประตูให้ก่อนจะแทรกกายเข้าไปด้านใน จีรัณค่อยๆ วางร่างบอบบางของนางแบบสาวลงบนเตียงอย่างเบามือ เมื่อเห็นว่าหมดหน้าที่ชายหนุ่มจึงถอยออกและหันไปขอโทษคุณหมอคนสวยที่ยืนหน้าตาเรียบเฉยอยู่อีกฝั่ง

“ผมขอโทษหากทำให้คุณหมอไม่พอใจ”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

ปากบอกไม่เป็นไรแต่น้ำเสียงกลับแสดงชัดเจนว่าไม่ใคร่พอใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มปฏิบัติซักเท่าใด

“ผมขอโทษที่ใช้ความรู้สึกของตัวเองตัดสิน และเจ้ากี้เจ้าการในเรื่องความเป็นส่วนตัวของคุณหมอ”

“ดิฉันทราบค่ะว่าคุณหวังดีขอบคุณนะคะสำหรับความกรุณา”

พอได้ยินน้ำเสียงของอีกคนสำนึกจนรู้สึกว่าตัวเองแสดงอารมณ์ขุ่นเคืองเกิน เหตุ คุณหมอคนสวยจึงผุดรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาหวังให้ชายหนุ่มร่างสูงท่าทางสุภาพรู้สึกดีขึ้น

“ยินดีที่ได้รับใช้ครับ”

ชายหนุ่มโค้งศีรษะน้อยๆ แต่ก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกจากห้อง ร่างสูงใหญ่ชะงักขาแล้วหันไปยิ้มสีหน้าเก้อๆ

“เอ่อ...ผมลืมแนะนำตัวไปผมชื่อจีรัณเรียกสั้นๆ ว่าจีสก็ได้นะครับ ผมพักอยู่ที่ห้องฝั่งตรงข้ามถัดจากห้องคุณไปอีกสองห้อง ถ้ามีอะไรคุณใช้โทรศัพท์ตรงนั้นต่อหาผมได้ตลอดเวลา ส่วนหมายเลขภายในจะอยู่ในสมุดเล่มนั้นนะครับ”

“ดิฉันแพทย์หญิงรพิชาหรือจะเรียกพิณเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณหมอรพิชา คุณคงไม่ว่าอะไรหากต่อไปผมจะเรียกคุณว่าหมอพิณ”

“ยินดีค่ะ”

“เดินทางมาเหนื่อยๆ ผมว่าคุณหมอพักผ่อนดีกว่านะครับ ส่วนรายละเอียดเรื่องงานผมจะแจ้งให้ทราบในวันพรุ่งนี้”

“ขอบคุณมากนะคะที่คุณให้ความสะดวก และยังเป็นธุระมาส่งเพื่อนของดิฉันด้วย”

คุณหมอสาวได้แต่ยิ้มจืดๆ เมื่อปรายตาไปทางเพื่อนแล้วเห็นคุณนางแบบคนสวยนอนหลับคร่อกๆ จนไม่รู้ฟ้ารู้ดินอยู่บนเตียง

“ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรของเวสารัชครับ หวังว่าคุณหมอจะมีความสุขและประทับใจในยามอยู่ที่นี่ เวลาอาหารเย็นของบ้านเราจะเริ่มประมาณหกโมงครึ่งยังไงผมจะให้แม่บ้านมาเชิญอีกที ขอตัวก่อนนะครับ”

“ค่ะ”

จีรัณเดินตรงไปยังประตูชายหนุ่มปรายตามองร่างเพรียวระหงที่หลับพริ้มอยู่บนเตียงแววตาเสียดาย น่าแปลกที่เขารู้สึกใจเต้นระทึกจนจับจังหวะไม่ได้ในยามสัมผัสกับเนื้อผิวนุ่มเนียนของหญิงสาว เรือนร่างที่ดูร้อนแรงของเธอช่างเย้ายวนใจนัก เสียงบานประตูที่งับลงเบาๆ สร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้กับรพิชาไม่น้อย แต่กับอีกคนที่ย่างเดินออกไปกลับรู้สึกสับสนระคนโหยหา

คุณหมอสาวจ้องบานประตูที่ปิดสนิทตาเขม็ง ริมฝีปากบางกระชับเม้มเล็กน้อยคล้ายกำลังใช้ความคิด ถ้าจำไม่ผิดเธอคิดว่าเธอเคยเจอผู้ชายที่เพิ่งเดินออกไป แต่ทำไมอีตานั่นทำท่าเหมือนไม่รู้จักไม่เคยพบ และที่สำคัญเธอสาบานได้ว่าเขาพยายามใช้อำนาจทางจิตเข้าควบคุมสัมปชัญญะของเธอ
ผู้ชายคนนี้เป็นใครและต้องการสะกดจิตเธอเพื่ออะไร

ดวงตาคู่สวยกราดมองไปรอบๆ ห้องก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ที่ร่างเพรียวระหงของเพื่อนสนิทที่หลับเป็นตายอยู่บนเตียงแล้วส่ายหน้าไปมา

ถึงแม้ความอึดอัดรอบๆ กายจะคลายลง แต่ความกังขาเกี่ยวกับบุรุษที่เพิ่งจากไปยังไม่คลายซักเท่าใดนัก เมื่อทำอะไรไม่ได้เธอจึงเดินเข้าไปใช้มือบีบจมูกของเพื่อนด้วยความมันเขี้ยวระคนหมั่นไส้ รพิชาย่นจมูกปรายตามองอีกคนสีหน้าเซ็งๆ เพราะไม่ว่าจะแกล้งวีนายังไงแม่เพื่อนตัวดีก็ไม่มีท่าทีขานรับหรือขยับร่างกายแต่อย่างใด

“ยัยนานะยัยนาน่าหยิกน่าตีจริงๆ คนอะไรขี้เซาไม่ดูเวลาและสถานที่เอาเสียเลย อยากจะรู้จริงๆ ว่าถ้าวันนี้ถูกอีตานั่นทำมิดีมิร้ายเธอจะรู้อะไรมั้ยเนี่ย”
หญิงสาวพึมพำน้ำเสียงเอือมระอา ไอ้อาการขี้เซาของวีณาเธอก็พอรู้มาบ้างแต่ก็ไม่เคยเห็นและรู้มาก่อนว่าจะเป็นเอามากขนาดถูกอุ้มเป็นนานสองนานยังไม่รู้สึก เมื่อไม่รู้จะทำอะไรคุณหมอคนสวยจึงเปิดกระเป๋าแล้วเริ่มจัดข้าวของเครื่องใช้ที่นำติดตัวมา พอจัดวางทุกอย่างจนเข้าที่จึงหยิบผ้าขนหนูเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

***************

สี่สิบนาทีไม่ขาดไม่เกินรพิชาเดินออกจากห้องน้ำดวงหน้าที่ดูอ่อนเพลียในคราแรกเปลี่ยนเป็นกระปรี้กระเปร่าเมื่อร่างกายได้รับความสดชื่นจากสายน้ำอันเย็นฉ่ำ หญิงสาวเดินตรงไปยังโต๊ะไม้ขัดเงาอย่างดีที่อยู่อีกด้าน ขณะใช้มือข้างหนึ่งยีผมที่เปียกชื้นจนหมาดแล้วสยายผมที่ยีลวกๆ แผ่เต็มแผ่นหลัง

“ป่านนี้ยังไม่มีทีท่าจะตื่น ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนกัน”

พอหันไปเห็นอีกคนกำลังดำดิ่งอย่างเป็นสุขอยู่ในห้วงนิทรารพิชาก็อดไม่ได้ที่จะบ่นงึมงำไปตามเรื่องตามราว ดวงตาคู่สวยเหลือบไปมองนาฬิกาไม้เรือนใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนัง เมื่อเห็นว่าเข็มสั้นเดินล่วงจะเข้าเลขห้าและเข็มยาวใกล้แตะเลขสิบเอ็ดจึงตัดสินใจเดินไปเขย่าร่างนางแบบสาวอย่างเอาจริงเอาจัง

“นา..นา...ตื่นได้แล้ว”

“อืม...”

ริมฝีปากสีสดเผยอขึ้นขานรับแต่ไม่ยอมลืมตาหรือทำอะไรมากไปกว่านั้น

“จะนอนไปถึงไหนมันจะห้าโมงเย็นแล้วนะ คุณยายบอกว่าถ้าเรานอนช่วงเวลานี้จิตของเรามันจะไม่อยู่กับร่องกับรอย โบราณเขาเรียกว่านอนทับตะวันไม่รู้เหรอ”

คุณหมอสาวอธิบายเสียยืดยาว แต่พอเห็นท่าทีของแม่เพื่อนตัวดีไม่เออออหรือทำอะไรมือเรียวจึงฟาดลงบนแขนของคนที่นอนไม่รู้ร้อนรู้หนาวด้วยความหมั่นไส้ เสียงฝ่ามือที่ฟาดลงบนแขนดังเพี๊ยะจนคนที่งอแงถึงกับสะดุ้งสุดตัวพร้อมๆ กับแหกปากร้องออกมาจนคนที่ลงไม้ลงมือถึงกับสะดุ้งตาม

“โอ๊ย....พิณมาตีเราไมเนี่ย”

วีนาลุกขึ้นถลึงตาใส่เพื่อนแล้วล้มตัวนอนลงไปใหม่

“ร้องเบาๆ ก็ได้ตกใจหมด ช่วงแดดผีตากผ้าอ้อมแบบนี้โบราณเค้าไม่ให้นอนไม่รู้รึไงลุกเดี๋ยวนี้นะ”

“คุณหมอขา...ผีมันจะมาตากผ้าอ้อมก็ช่างมันเถอะเราจะนอนทับตะวันจะทับแดดก็ปล่อยๆ ให้เราทับๆ ไปเถอะเราง่วงจริงๆ”

นางแบบสาวขอร้องน้ำเสียงงัวเงียไม่หาย

“นี่แม่คุณใจคอจะนอนทับตะวันจริงๆ เหรอตื่นขึ้นมาเวลากลับหน้ากลับหลังก็อย่ามาหาว่าพิณไม่เตือนก็แล้วกัน”

“เมื่อคืนเรากลับดึกพิณก็รู้ขอนอนอีกห้านาทีได้เปล่า มันเพลี๊ยเพลีย”

วีนาหรี่ตาข้างหนึ่งขึ้นมองเพื่อนแล้วยิ้มหวานหยดย้อยหวังให้อีกคนเห็นอกเห็นใจกับความง่วงงุนที่สุมอยู่บนเปลือกตาจนทำให้เปลือกตาหนักตื้อซะจนลืมขึ้นยากเย็น

“ไปอาบน้ำสิราดน้ำลงไปรับรองสดชื่นจนลืมง่วง”

“ไม่เอาเราอยากนอน วันนี้พิณไม่ไปทำงานรึไง”

“เรามาทำงานที่นี่ไงจะให้ไปไหนอีกล่ะ”

“หา!!...ทำงานอะไร? ที่ไหน?”

รพิชามองหน้าเพื่อนแล้วพ่นลมหายใจออกมา ดูเหมือนเธอจะห้ามวีนาไม่ให้นอนทับตะวันช้าไปเพราะดูท่าแม่เพื่อนตัวดีจะหลงหน้าหลงหลังจนน่าห่วง
“อ้าวตอนนี้เราอยู่ที่วังน้ำเขียวไง เป็นอะไรเนี่ย”

“หืม!...พิณว่าอะไรนะ!!”

พอได้ยินคนที่ทำท่างัวเงียมาสักพักถึงกับลุกพรวดจนหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
“จะตกใจอะไรนักหนา ดูทำหน้าเข้าสิยังกับเจ๊กตื่นไฟแน่ะ”

รพิชาใช้มือจิ้มลงบนหน้าผากของเพื่อนแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

“ไม่ให้ตกใจได้ยังไง ตายแล้วเรามาถึงบ้านคนไข้โรคจิตของพิณแล้วเหรอ แย่แล้วๆ ว๊าย!! แล้วใครเป็นคนพาเราขึ้นมาที่นี่”

พอสติกลับมานางแบบจอมวิตกก็เริ่มคิดได้ทีละอย่าง

“แล้วคิดว่าใครเป็นคนพามาล่ะ”

คุณหมอสาวเลิกคิ้วน้อยๆ เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนสนิทเริ่มซีดเซียว

“...พิณอย่าบอกนะว่าเป็นคนแบกเราขึ้นมา”

“เราไม่ใช่ผู้ชายร่างล่ำนะให้แบกนาขึ้นมามีหวังหลังเดาะพอดี”

“ไม่จริงๆ พิณคงไม่ปล่อยให้ผู้ชายแปลกหน้าแบกเราขึ้นมาบนนี้ใช่มั้ย...”

วีนาเขย่าแขนกลมกลึงของเพื่อนหวังไว้นักหนาว่าคำตอบคงไม่เลวร้ายอย่างที่กำลังวิตก

“โถ...ใครจะไปยอมล่ะจ๊ะ” พอคุณหมอสาวยืนยันเสียงพ่นลมหายใจดังๆ ก็ตามมาติดๆ แต่ก่อนที่นางแบบชื่อดังจะทันหายใจได้ทั่วท้องเสียงใสๆ ของรพิชาก็แทรกขึ้นมาอีกครั้ง “แต่ถ้าพ่อหนุ่มกล้ามใหญ่ไม่สนใจฟังคำทัดทานช้อนอุ้มคุณนางแบบคนสวยขึ้นอกแล้วพาเดินดุ่มๆ เข้าห้องเราก็หมดปัญญาที่จะขัดขวาง ส่วนคุณนางแบบก็แอบอิงเสียจนไม่สนฟ้าสนดินแล้วดิฉันจะทำอะไรได้”

ถึงแม้น้ำเสียงของคนบอกเล่าจะฟังดูหมั่นไส้แกมประชดแต่หากฟังดีๆ กลับเจือไปด้วยความขบขัน

“โอย...จะเป็นลมพิณนะพิณทำไมถึงไม่ปลุกเรา”

นางแบบสาวยกมือขึ้นกุมขมับแล้วทำท่าคอพับคออ่อน

“ไม่อยากจะซ้ำเติมให้ปวดใจ เราทั้งเรียกทั้งเขย่าแต่ไม่เห็นนาจะสนใจตื่นขึ้นมารับรู้”

“ละ..แล้ว..ใครพาเราขึ้นมา”

วีนาสลัดอาการงัวเงียให้หายไปจนไม่หลงเหลือ เมื่อมีโจทย์ใหม่ทำให้จิตวิตกได้มากกว่าเดิมจนเริ่มอยู่ไม่สุข

“อาการวิตกจริตจนเกินระดับความพอดีแบบนี้เห็นทีคงต้องไปคุยกับจิตแพทย์ให้เป็นจริงเป็นจังแล้วล่ะ ขืนวางเฉยอาการที่เป็นอาจจะเข้าขั้นจิตตกจนเกิดภาพหลอน ถ้าเข้าไปอยู่ขั้นนั้นเห็นทีจะบำบัดยากเอาการ”

รพิชาแนะนำพร้อมกับเสียงหัวเราะคิดคักตลอดเวลา

“ยัยหมอโรคจิต! ทำไมเป็นคนแบบนี้เฮอะเพื่อเครียดจนหน้าเขียวหน้าม่วงแทนที่จะปลอบใจดันมาหาว่าวิตกจริตจนเกินระดับปกติไม่คุยด้วยแล้วไปอาบน้ำดีกว่า ไม่รู้ผิวหนังจะเป็นผื่นหรือเปล่าที่ถูกผู้ชายแปลกหน้ามาโดนเนื้อโดนตัว”

นางแบบสาวผุดลุกขึ้นเดินดุ่มๆ ตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า พอบานประตูตู้เปิดออกคิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากันขณะหันไปทางคุณหมอคนสวยด้วยแววตายียวนกวนอารมณ์

“พิณจัดของให้เราเหรอ ช่างเป็นผีบ้านผีเรือนที่น่านับถือจริงๆ “

“ว่าเราเป็นผีบ้านผีเรือนเชียวเหรอยัยนางแบบจอมขี้เซา คอยดูเถอะวันไหนมีรายการโทรทัศน์มาติดต่อเชิญเราให้ไปเป็นแขกรับเชิญ เราจะเผาชนิดนั่งยางจนไม่เหลือกระดูกเลย”

“ชิ..ได้ทีขี่แพะไล่กันจังยัยหมอโรคจิต!”

วีณาหยิบผ้าเช็ดตัวที่พับวางอยู่ในตู้แล้วหันไปย่นจมูกใส่เพื่อนก่อนจะเดินสะบัดก้นผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ

******************

สองสาวใช้เวลาอยู่ในห้องพักคุยนั่นคุยนี่อีกชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาบอกว่าใกล้หกโมงเย็นทั้งสองจึงชวนกันลงไปข้างล่างเพื่อรับประทานอาหารและสร้างความคุ้นเคยกับเจ้าบ้าน

หญิงสาวรูปร่างเพรียวระหงเดินขนาบมากับหญิงสาวอีกคนที่รูปร่างบอบบางหากเต็มแน่นสมวัยสาว ช่างเป็นภาพที่งดงามจนทำให้คนที่กำลังนั่งทำตัวสบายๆ อยู่บนโซฟาตัวหรูถึงกับนิ่งงัน และหยุดสายตาอยู่ที่ใบหน้าสวยงามของสองสาวที่กำลังเดินลงบันไดมา

จีรัณมองร่างเพรียวระหงของนางแบบสาวด้วยประกายตาที่คนถูกมองถึงกับเลือดวิ่งกันให้พล่านจนวูบวาบไปถึงปลายเท้า ใบหน้าสวยคมหากประกายตาดุดันปรับเปลี่ยนเป็นประหม่าจนรู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบกายกำลังบีบอัดเธอเข้าไปอยู่ในกล่องแคบๆ

“พิณผู้ชายคนนั้นนี่”

วีณาหันไปกระซิบพร้อมกับส่งสายตาไม่ไว้วางใจไปยังชายหนุ่มหน้าตาแจ่มใสที่ยิ้มละไมอยู่ตรงหน้า

“ก็ใช่เขาชื่อจีรัณเป็นนายจ้างของเรา”

“อุ๊ยตายว๊ายกรี๊ด เชื่อเลยว่าอีตานี่โรคจิตจริงๆ มิน่าเค้าถึงมองพิณเอาเป็นเอาตายแบบนั้น ที่แท้ก็สื่อกันได้นี่เองว่าหมอรักษาคนไม่ให้ข้ามพรมแดนว่าเป็นไผ”

“ไปหาว่าเค้า”

“อ้าวก็มันเรื่องจริงนี่วันที่อยู่ในร้านอีตานั่นจ้องพิณยังกับจะลากพิณออกไปด้วยอย่างนั้นแหละ หน้าตาฝรั่งจ๋าแบบนี้เห็นทีคงวางใจไม่ได้แล้วล่ะ”

แต่ก่อนที่สองสาวจะเล็งจนเป้าหมายพรุนยับเสียงทุ้มของผู้ถูกกล่าวหาก็เอ่ยทักทายขึ้นทันทีเมื่อหญิงสาวทั้งสองเดินถึงเชิงบันได

“สวัสดีครับคุณหมอ...ผมกำลังจะบอกเด็กให้ไปตามคุณหมอกับเพื่อนมาทานข้าวพอดีเลย”

จีรัณจ้องนางแบบสาวแววตาวิบวับทำยังกับว่าเพิ่งค้นพบอัญมณีที่งดงาม จนอยากครอบครองเป็นเจ้าของ

“ดิฉันเห็นว่าใกล้เวลาเลยคิดว่าน่าจะลงมาเองคนอื่นจะได้ไม่ต้องลำบากไปเชิญ”

“เป็นคนตรงเวลาดีจังนะครับ กว่าแม่บ้านจะจัดโต๊ะเสร็จก็คงอีกสิบนาทีผมว่าเรามาทำความคุ้ยเคยกันไว้ก่อนดีกว่าใช่ไหมครับคุณวีนา”

จีรัณจ้องดวงหน้าผุดผ่องของนางแบบสาวแล้วเปล่งประกายความต้องการอันร้อนแรงจนคนถูกจ้องรู้สึกประหม่า

วีณาหันไปมองเพื่อนแววตาหวั่นๆ ถึงแม้เธอจะบอกตัวเองให้นิ่งและไม่ประหม่า แต่เอาเข้าจริงๆ ในความรู้สึกเธอกลับวูบวาบเหมือนฝ่ามือร้อนรุมของอีกฝ่ายกำลังลูบไล้ไปตามเนื้อผิว ความร้อนรุ่มสุมกายอยู่เพียงเสี้ยวนาทีเพราะเมื่อเห็นประกายตาจากดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลคู่นั้น

แม้คนที่กำลังจ้องเธอจะดูเป็นมิตรแต่หากจ้องนานๆ กลับให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกดังสายน้ำที่นิ่งสงบหากลึกล้ำจนยากจะหยั่งถึง

หัวใจดวงน้อยกระหน่ำเต้นจนเสียงดังลั่นอก ยิ่งสบตาร่างกายเธอก็แทบหลอมละลายไปกับความเร่าร้อนที่เปล่งออกมาจากดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลคู่นั้น ร่างกายของเธอเหมือนคุ้นเคยกับไอร้อนอันประหลาดจากอกแกร่งกำยำจนเนื้อตัวที่แข็งขืนอ่อนยวบคล้ายขี้ผึ้งถูกความร้อนแผดเผาจนอ่อนระทวยไม่คงสภาพ อนุภาพของดวงตาคู่นั้นช่างน่าหวาดหวั่นนัก....






Create Date : 27 มกราคม 2553
Last Update : 27 มกราคม 2553 14:23:53 น. 3 comments
Counter : 414 Pageviews.

 


โดย: ผมชอบกินข้าวมันไก่ วันที่: 27 มกราคม 2553 เวลา:14:55:15 น.  

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!


โดย: da IP: 203.144.144.165 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:39:44 น.  

 
จีรัณ..ตาคมน่าดู...


โดย: huang IP: 114.128.142.138 วันที่: 8 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:41:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.