sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
25 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
ตอนที่ 12 สานสายใยสู่สัมพันธภาพ



จีรัชญ์เริ่มเปิดใจยอมรับหญิงสาวตรงหน้ามากขึ้นจนทำให้บรรยากาศของการสนทนามีความรื่นรมย์ และยังกรุ่นไปด้วยเสียงหัวเราะของเขาและเธอดังขึ้นเป็นระยะๆ

รพิชานั่งฟังคำบอกเล่าเกี่ยวกับดอกไม้ชนิดต่างๆ อย่างเพลิดเพลิน ในยามที่สายลมอ่อนๆ พัดผ่านหญิงสาวมักจะเผลอตัวสูดรับเอาความสดชื่นของธรรมชาติเข้าปอดจนอีกคนได้แต่อมยิ้มด้วยความเอ็นดู

“คุณคงอยู่แต่ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ล่ะซี”

“ใช่ค่ะ กรุงเทพฯ เป็นอะไรที่วุ่นวายที่สุดในโลก วันๆ ผู้คนที่อยู่รอบๆ ตัวต่างเร่งรีบที่จะดำเนินชีวิตแย่งกันกินแย่งกันใช้แย่งแม้แต่อากาศที่ใช้หายใจ หมอกควันจากมลพิษก็เยอะเสียจนนับวันกรุงเทพฯ จะร้อนอบอ้าวขึ้นทุกที บรรยากาศย่ำแย่แบบนี้คนก็ยิ่งเครียด”

คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่วุ่นวายมาตลอดพ่นลมหายใจออกมาแล้วพิงหลังกับเก้าอี้หวายตัวหรู

“ผมไม่ชอบกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ถ้ามีธุระก็จะเข้าไปแค่แปบๆ แล้วก็รีบกลับ”
“ถึงกรุงเทพฯ จะแออัดและวุ่นวายแต่ต้องยอมรับนะคะว่าเมืองหลวงที่ไหนก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น เมื่อความเจริญแทรกเข้ามีอิทธิพลกับเมือง มันก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงกับภาวะย่ำแย่ในด้านต่างๆ ที่ตามมา”

“ถ้าคุณเบื่อกรุงเทพฯ ก็แวะมารับอากาศบริสุทธิ์ที่นี่บ่อยๆ ซีครับ”

จีรัชญ์แนะนำน้ำเสียงกระตือรือร้น

“งานของพิณบอกตรงๆ ค่ะว่าหาเวลาพักผ่อนยากเหลือเกิน”

หญิงสาวนิ่วหน้าอย่างเบื่อหน่าย

“แต่คุณก็ควรหาเวลาพักผ่อนบ้างขืนตะบี้ตะบันอยู่กับงานผลสุดท้ายคุณอาจจะเสียช่วงเวลาดีๆ ของชีวิตไป อีกอย่างงานของคุณต้องอยู่กับความตึงเครียดของคนอื่นถ้าไม่ปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อนเผลอๆ อาจจะกลายไปเป็นคนไข้เสียเอง”

จีรัชญ์แนะนำพร้อมๆ กับหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อนึกภาพคุณหมอคนสวยกลายไปเป็นคนไข้

“บางครั้งก็คิดนะคะว่าทำไมต้องเลือกทำอาชีพนี้ วันหยุดก็ไม่ได้ตายตัวอย่างอาชีพอื่นเขา ยิ่งวันไหนอยู่เวรแล้วเกิดมีคนไข้ฉุกเฉินบอกตรงๆ เลยค่ะว่าอยากนอนหลับซักสามอาทิตย์”

“ฟังแล้วเหนื่อยแทนจริงๆ”

“ถามว่าเหนื่อยไหมมันก็เหนื่อยแต่ถ้าเห็นคนไข้หายและสามารถมีชีวิตที่เป็นปกติได้ ก็หายเหนื่อยแล้วล่ะค่ะ”

จีรัชญ์ยิ้มเมื่อเห็นผิวแก้มของหญิงสาวมีสีระเรื่อส่วนประกายตาก็ฉายชัดว่ากำลังชื่นบาน เหมือนเธอมีความสุขกับสิ่งที่กำลังบอกเล่า

“ผมหวังว่าอาการป่วยของผมคงไม่ทำให้คุณเหนื่อยจนทิ้งผมไปกลางคันนะครับ”

“ถ้าคุณป่วยจริงๆ ดิฉันสัญญาค่ะว่าจะทุ่มเทกำลังและความรู้ที่มีเข้าบำบัดรักษาจนคุณหายและมีชีวิตที่เป็นปกติให้ได้”

หญิงสาวให้คำมั่นน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะช้อนตามองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เปลี่ยนจากดุดันเป็นอ่อนโยนจนเธอรู้สึกเบาใจไปอีกโข เมื่อเห็นว่าคู่สนทนาไม่ได้พูดอะไรต่อเธอจึงหันไปชะเง้อมองหาเพื่อนสนิทที่เงียบหายไปพักใหญ่ด้วยสีหน้าที่ไม่ใคร่สบายใจนัก

รพิชาก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วนิ่วหน้าอย่างกังวลเมื่อเห็นว่าวีนาออกไปวิ่งจะครบชั่วโมงในอีกไม่ถึงสิบห้านาที ถึงแม้เธอจะรู้สึกห่วงเพื่อนแต่ก็ไม่ถนัดนักหากจะออกไปวิ่งเหย็งๆ อยู่บนถนนแบบนั้น....

จีรัชญ์จ้องใบหน้านวลเนียนเบื้องหน้าแล้วนิ่งคิดชายหนุ่มฉายความกังวลออกมาทางแววตาเพียงชั่วแวบ...ก่อนจะปรับให้เป็นนิ่งเฉยเพราะเกรงอีกฝ่ายจะรับรู้...

หญิงสาวกราดตามองไปรอบๆ แล้วยิ้มออกมาเมื่อเห็นวีนากำลังวิ่งเหยาะๆ เคียงคู่มากับจีรัณ พอวิ่งเลยทางโค้งนางแบบสาวจึงโบกมือทักแล้ววิ่งตรงดิ่งมาที่เธอ

“สวัสดีครับคุณหมอ”

จีรัณทักทายเมื่อวิ่งมาหยุดอยู่ใกล้ๆ

“สวัสดีค่ะ ไม่คิดว่าคุณจีรัณก็ชอบวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าๆ เหมือนกัน”
รพิชายิ้มทักพร้อมกับปรายตาไปทางเพื่อนสนิทที่กำลังยืนแก้มแดงปลั่งอยู่ข้างๆ

“ปกติผมก็ออกวิ่งทุกๆ เช้าแต่เช้านี้ถือว่าเป็นโอกาสที่พิเศษจริงๆ ที่คุณวีนาให้เกียรติออกไปวิ่งเป็นเพื่อน”

จีรัณตอบออกไปหน้าตาเฉยจนนางแบบสาวถึงกับหน้าเหวอเมื่อถูกคนข้างกายลากเอาเธอเข้าไปในวิถีชีวิตของตัวเองโดยไม่บอกกล่าวไว้ล่วงหน้า หนำซ้ำคำพูดของอีตานั่นยังบอกกรายๆ ว่าเธอเต็มอกเต็มใจที่จะไปออกกำลังกายพร้อมกับเขา

“คุณวีนาไปวิ่งเป็นเพื่อนหรือว่าพี่วิ่งตามเธอไปกันแน่”

พอเห็นสีหน้ายุ่งเหยิงของนางแบบสาวจีรัชญ์ที่พอจะเดาเหตุการณ์ออกมารางๆ จึงชิงพูดดักคอพี่ชายแล้วเอ่ยทักทายหญิงสาว

“สวัสดีครับคุณวีนา”

“สวัสดีค่ะจริงๆ ต้องเรียกว่าต่างคนต่างวิ่งแล้วไปพบกันโดยบังเอิญมากกว่าค่ะ”

“อ๋อครับ...ผมก็อย่างว่าอย่างนั้นแหละ เพราะถนนมีอยู่เส้นเดียวออกไปวิ่งก็ต้องบังเอิญเจอกันอยู่ดี ใช่ไหมพี่จีส”

จีรัชญ์เลิกคิ้วแล้วหรี่ตามองพี่ชายอย่างรู้ทัน จีรัณได้แต่ยิ้มเก้อๆ เมื่อเห็นสีหน้ากวนอารมณ์ของน้องชาย


***************

หลังจากขอตัวขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า เกือบสามสิบนาทีจีรัณกลับลงมาด้านล่างในชุดลำลองแบบสบายๆ แล้วเดินออกไปสมทบกับจีรัชญ์ที่ยังนั่งสนทนาอยู่กับคุณหมอ ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นคนทั้งคู่พูดคุยกันอย่างสนิทสนมจนน่าดีใจ

“คุณหมอทานอะไรหรือยังครับ”

จีรัณถามขึ้น

“ยังค่ะ ดิฉันรอทานพร้อมเพื่อน”

“จะแปดโมงแล้วนะครับผมว่าเชิญที่ห้องอาหารเลยดีกว่า รัชญ์แกปล่อยให้คุณหมอนั่งแขวนท้องแบบนี้ได้ยังไงแย่จริงๆ “

จีรัณหันไปต่อว่าน้องชายน้ำเสียงตำหนิ

“อย่าไปตำหนิคุณจีรัชญ์เลยดิฉันเห็นว่ายังเช้าไปที่จะทานอาหาร อยู่ที่นี่เราไม่ต้องเร่งรีบไปไหนทานตอนไหนก็ได้ อีกอย่างดิฉันอยากรอทานพร้อมเพื่อนก็เลยไม่รีบค่ะ”

“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะแต่เจ้ารัชญ์มันก็น่าจะให้แม่บ้านหาน้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มมาบริการบ้าง”

จีรัณยังไม่วายหาช่องโหว่อัดน้องชายแก้หน้าให้ตัวเองที่ถูกดักคอ

“เออนั่นสิครับ มัวแต่คุยเพลินจนลืมนึกไปเลย ต้องขอโทษคุณหมอจริงๆ ที่ละเลยไม่ได้จัดเตรียมเครื่องดื่มมาให้”

จีรัชญ์ยิ้มแหยๆ เมื่อคิดได้ว่าตัวเองทำตัวแย่อย่างที่ถูกตำหนิจริงๆ

“คงจะโม้จนน้ำลายแตกฟองล่ะสิถึงได้คอชุ่มจนลืมนึกถึงคนอื่น”

จีรัณยังแขวะน้องชายไม่เลิก

“ปกติก็ไม่เห็นจะขี้บ่น วันนี้วิ่งแล้วขาพลิกหรือไงพี่จีส อาการบ่นเป็นสาวใหญ่ถึงได้สำแดงเดชขนาดนี้”

“มีน้องทำตัวแย่ๆ มันก็ต้องบ่นเยอะเป็นธรรมดา ชบา!”

จีรัณจ้องหน้าน้องชายยิ้มๆ แล้วหันไปตะโกนเรียกหาสาวใช้

“ค่ะคุณท่าน”

พอสิ้นเสียงเรียกเด็กสาวคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา โดยมีหญิงกลางคนร่างโปร่งบางเดินตามหลังมาติดๆ

“คุณท่านจะรับอาหารเช้าเลยมั้ยคะ”

เด็กสาวเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วน้อมตัวลงสอบถามผู้เป็นนายด้วยท่าทางนอบน้อมจนรพิชารู้สึกเกร็งแทน

“จัดโต๊ะหรือยัง”

จีรัณถามน้ำเสียงเรียบๆ

“อาหารป้าอังเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะแต่ยังไม่เอาขึ้นโต๊ะ”

“งั้นก็ไปจัดเตรียมขึ้นโต๊ะได้แล้วไป”

“ค่ะคุณท่าน”

เด็กสาวค้อมตัวรับคำสั่งแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน

“คุณหมอจะรับเป็นชา นมสด หรือกาแฟก่อนมั้ยคะอีฉันจะได้จัดให้”

หญิงกลางคนเอ่ยถามน้ำเสียงฟังดูเป็นมิตรจนคุณหมอสาวรู้สึกใจชื้นขึ้นอีกเป็นกอง เมื่อเห็นว่าภายในบ้านนอกจากมีชายหนุ่มทั้งสองแล้วยังมีคนอื่นๆ อาศัยอยู่ด้วย

“คงไม่ดีกว่าค่ะ พิณติดทานข้าวเช้ามากกว่าพวกเครื่องดื่ม ขอเป็นข้าวต้มหรือไม่ก็พวกอาหารจานเดียวดีกว่าแต่คงอีกซักพักนะคะตอนนี้ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่อีกอย่างพิณจะรอทานพร้อมเพื่อนน่ะค่ะ”

“วันนี้อีฉันทำข้าวต้มหมูบะช่อพอดี ถ้าคุณหมอจะรับตอนไหนก็บอกนะคะอีฉันจะได้เตรียมให้ แล้วคุณท่านล่ะคะจะรับเลยมั้ย”

หญิงกลางคนรายงานน้ำเสียงฉะฉานพร้อมกับหันไปถามผู้เป็นนาย

“ผมจะรอทานพร้อมกับคุณหมอ” จีรัชญ์ตอบสั้นๆ

“อีกเดี๋ยวคุณวีนาคงลงมาป้าอังไปจัดโต๊ะเลยก็ได้”

จีรัณก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วหันไปบอกแม่บ้าน

“ค่ะคุณท่าน”

แม่บ้านกลางคนพยักหน้าน้อยๆ แล้วถอยหลังหมุนตัวเดินกลับเข้าไปด้านใน

“รัชญ์วันนี้งานเยอะมั้ย”

จีรัณถามขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปนั่งตรงเก้าอี้หวายตัวที่ว่าง

“วันนี้พอว่างพี่มีอะไรหรือเปล่า”

“ถ้าพอว่างพี่ว่าเราพาคุณหมอกับคุณวีนาไปนั่งรถเล่นชมไร่กันดีกว่า คุณหมอว่าไงครับสนใจมั้ย”

จีรัณเสนอไอเดียก่อนจะหันไปถามหญิงสาวที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ

“คงต้องรอถามนาก่อนค่ะ เผื่อคุณเธอไม่อยากออกไปเจอแดดเจอลม”

จีรัชญ์อมยิ้มน้อยๆ เมื่อได้ยินคำตอบจากหญิงสาวตรงหน้า ดูท่างานนี้หากเขาริอ่านจีบคุณหมอคนสวย เห็นทีคงต้องหาทางตีสนิทและสร้างความไว้วางใจกับเพื่อนสนิทของเธอเสียแล้วกระมัง...พอคิดถึงสัมพันธภาพที่กำลังก่อเกิดขึ้นในใจใบหน้าแจ่มใสของจีรัชญ์ก็พลันหม่นลงจนเกิดความกังวลฉายชัดออกมาทางสีหน้าและแววตา...

จีรัณเหลือบตามองหน้าน้องชายพอเห็นแววกังวลฉายออกมาจากสีหน้าคมเข้มคนเป็นพี่ก็พอเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร...ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลเหลือบไปมองใบหน้านวลเนียนของรพิชาสลับกับมองหน้าน้องชายแล้วพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ...

จากสีหน้าของจีรัชญ์ถึงจะดูสับสนระคนยุ่งยากใจแต่ประกายตากลับเต้นระริกเหมือนกำลังพึงพอใจหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม...
รพิชายิ้มเจื่อนๆ เมื่อเริ่มรู้สึกอึดอัดกับความเงียบงันและประกายตาแปลกๆ ของสองหนุ่มที่กำลังพร้อมใจเพ่งมาที่เธอ...

ยัยนายะยัยนาจะแต่งองค์ทรงเครื่องไปถึงไหน...โอย....มานั่งอยู่กับคนที่ยังสันนิษฐานไม่ได้ว่ากำลังมีสภาพจิตที่เป็นปกติหรือผิดปกติ...แถมไม่พอยังต้องมากังวลอีกว่าผู้ชายอีกคนที่ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัยจะเป็นคนที่สร้างเรื่องหรือไม่ ยิ่งคิดรพิชาก็ยิ่งกังวลจนจิตใจเริ่มกระสับกระส่าย

“คุณวีนาเดินมานั่นแล้วเดี๋ยวผมจะลองชวนเธอดู”

จีรัณยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นนางแบบร่างเพรียวเดินหน้าตาแช่มชื่นมาแต่ไกล ชายหนุ่มจ้องเรือนร่างของอีกคนแววตากรุ้มกริ่ม...ถึงแม้เสื้อผ้าที่วีนาสวมใส่จะเป็นเพียงกางเกงยีนแนบเนื้อและเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนพิมพ์ลายดอกไม้เล็กๆ ตรงหน้าอกแต่เธอก็ดูดีจนเขาอดที่ชื่นชมไม่ได้

พอเห็นเพื่อนรักเดินนวยนาดออกมารพิชาที่กำลังหวาดหวั่นกับความเงียบงันก็เริ่มใจชื้นขึ้นมา หญิงสาวจ้องหน้าเพื่อนแววตาชื่นมื่นจนวีนาอมยิ้มน้อยๆ เพราะนึกขบขันสีหน้าของเพื่อนสนิทว่าทำไมถึงต้องทำหน้าดีใจขนาดนั้น

“ลงมาซะทีนึกว่าจะต้องให้จุดประทัดเรียกซะอีก”

รพิชาปรายตามองเพื่อนสีหน้าแช่มชื่นขึ้น

“ก็แหมเราก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานพิณยังไม่ชินอีกเหรอ ขอโทษนะคะที่ลงมาช้า”

นางแบบสาวตอบหน้าระรื่นก่อนจะหันไปส่งยิ้มหวานหยดให้กับอีสองหนุ่มเมื่อรู้ว่าตัวเองลงมาช้ากว่าใคร

“ไม่เป็นไรครับวันนี้ผมไม่ได้เร่งรีบอะไร”

จีรัชญ์บอกยิ้มๆ

“เชิญคุณหมอกับคุณวีนาที่ห้องอาหารเลยดีกว่าครับทานข้าวไปคุยเรื่องโปรแกรมระหว่างวันไปผมว่าเข้าท่าดี”

จีรัณที่จ้องหาจังหวะงามๆ ให้กับตัวเองรีบเจาะหนทางอันราบรื่นให้กับตัวเอง และถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคิดวันนี้เส้นทางดีๆ อาจจะเปิดกว้างให้กับชายหนุ่มอีกคน...หากเป็นเช่นนั้นความหวังบางอย่างที่เขาหวังอยากให้เป็นคงเห็นผลเร็วกว่าที่คิด...

ชายหนุ่มนึกกระหยิ่มอยู่ในใจเมื่อเห็นท่าทางของน้องชายดูอ่อนลง...ลองจีรัชญ์เปิดใจยอมสานสัมพันธ์กับคุณหมอเห็นทีสัมพันธภาพครั้งนี้คงทำให้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไม่มากก็น้อยล่ะงานนี้....





Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2553 17:19:44 น. 1 comments
Counter : 374 Pageviews.

 
สลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ลึกลับ ชวนน่าติดตาม ...แล้วสองพี่น้อง ตกลงใครผิดปกติกันแน่ ....โปรดติดตามตอนต่อไป


โดย: ต่างแดน IP: 80.214.254.87 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:3:38:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.