ยกฐานะ ศอ.บต. เขตพิเศษดับไฟใต้

เขตปกครองพิเศษจังหวัดชายแดนใต้ เป็นความผาสุกที่ทำได้ เหมือน...กรุงเทพฯกับพัทยา

     พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากดูกันจริงๆ การจัดการปกครองโดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นั่นคือ รูปแบบที่นำไปสู่ความเป็นพิเศษ

“พัฒนาการ ศอ.บต. ถึงวันนี้ จุดสุดท้ายคงจะถึงเป้าหมายปลายทาง... ความผาสุกก็จะเกิดขึ้น”

     ผศ.ดร.วรวิทย์ บารู กล่าวในงานสัมมนา “การปกครองท้องถิ่นพิเศษจังหวัดชายแดนใต้” อาคารประชาธิปก-รำไพพรรณี จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย

อย่างไรก็ตาม...ไม่ว่า กระบวนการการเมืองการปกครองจะเป็นรูปแบบใด สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะละเลยไม่ได้ ระบบการเมือง นักการเมือง จะต้องเน้นที่คุณธรรม ไม่คดโกง

ฉากหลัง...จังหวัดชายแดนใต้ มีปัญหาทั้งระบบเศรษฐกิจ การเมือง สังคม

“การมอบอำนาจให้ผู้ใช้อำนาจ ผู้ที่ใช้อำนาจก็ใช้ในลักษณะหนึ่ง... จะเห็นว่าไม่ตรงกับความประสงค์ของประชาชน”

อาจารย์วรวิทย์เพิ่งไปเยือนรัฐกลันตัน หยิบหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งโชว์ให้ดู ชี้ไปที่ภาพใหญ่ “พระกับผู้นำศาสนาอิสลาม ยืนทำกิจกรรมเคียงบ่าเคียงไหล่กันใกล้ชิด”

“นี่คือสิ่งที่จะตอบเป้าหมาย” อาจารย์วรวิทย์ ว่า “ถามว่า...อธิปไตยของประเทศยังจะอยู่ไหม ถ้าเราหวาดผวา...เรากลัวต่อการเสียอธิปไตยของประเทศ....”
ภาพที่อยากให้รู้ แม้ว่าจะต่างศาสนา แต่ความร่วมมือ การพูดคุย...รู้เรื่องกันโดยสิ้นเชิง

     มุขมนตรีกลันตันให้สัมภาษณ์ว่า...“คนซึ่งมีความยึดมั่นใจทางศาสนา จะยึดมั่นในคำสอนของศาสนานั้นตลอดเวลา และแน่นอน...การภักดีของเขาเป็นการภักดีที่ไม่เบี่ยงเบน เปลี่ยนแปลง...”

ฉะนั้น...การที่คนอยู่ในศาสนาเป็นสิ่งที่ดี

     อาจารย์วรวิทย์ ชี้ให้ย้อนมาดูกระบวนการในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คุยไปคุยมา ในระบบการเมืองการปกครอง และกับสิ่งที่ ศอ.บต.ได้ทำมา ก็เป็นจริงอย่างนั้น

การที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการเขียนนโยบายความมั่นคง จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นเอง จะเป็นความสำเร็จสุดท้าย

“ถ้าประเทศนี้ ต้องการนำมาซึ่งความผาสุกของคนในชาติ ของอธิปไตยเหนือดินแดนสามจังหวัดชายแดนใต้ กับ พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งดูเหมือนจะลักลั่นในเรื่องการจัดลำดับผู้อยู่ใต้ใคร... เหนือใคร ก็คงจะลำบากที่จะไปถึงจุดนั้น”

คำตอบที่เฝ้าฝันกัน แต่ไม่ใช่ความฝัน คือ การจัดรูปแบบการปกครองเพื่อจะก้าวไปสู่การปกครองแบบพิเศษเพื่อสันติสุข มั่นคง ไม่กระทบต่ออธิปไตย ล้วนแต่เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับคนที่อยู่ในพื้นที่

“เห็นได้ชัดเจนในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งเกิดจากระบบคุณธรรม ประชาชนท้องถิ่นเริ่มเดินเข้าไปหา นายก อบจ. ผู้ซึ่งสลักไว้ด้วยอำนาจรัฐ ที่ได้รับการ แต่งตั้งจากส่วนกลาง...

     หาก อบจ.พัฒนาการไปสู่คนที่มีคุณธรรม ระบบที่มีคุณธรรมทั้งระบบ ผนวกกับนโยบายที่สอดคล้อง ไม่นานสิ่งเหล่านี้จะแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่แท้จริงของประชาชน”

อาจารย์วรวิทย์ บอกว่า การศึกษาจะสร้างคน สร้างสมอง สร้างปัญญา ผนวกกับการสร้างคุณธรรม ที่มาจากฐานรากความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่ จะเป็นตัวตั้งในการพัฒนาบ้านเมือง

     ข้อมูลที่ได้จากการลงพื้นที่วิจัย เรื่อง “อัตลักษณ์มาลายู” เด็กวัยรุ่นกลุ่มที่สุ่มเสี่ยงร่วมขบวนการก่อความไม่สงบ คุยให้ฟังถึงข้อเท็จจริง ว่ามีความต้องการระบบแบบไหน

“เด็กบอกว่า ทำไมเราต้องเดินตามที่ส่วนกลางกำหนด เพราะต้องใช้ระบบเงินมาสู้ ถ้าหากว่า...เราตกลงกันเองจากข้างล่าง บางทีการเลือกตั้งก็ไม่จำเป็น”

     สอดคล้องกับความเห็นผู้ใหญ่ ทั้ง อบต. นายกเทศมนตรีในพื้นที่ ที่ตั้งคำถามว่า... “เวลาจะทำโครงการใดโครงการหนึ่ง ทำไมเราต้องมาใช้กระบวนการ วิธีการที่ถูกกำหนดว่า...เราต้องมีเงิน และต้องใช้เงินกันมากมาย”
นี่คือ ระบบสมัชชาซูรอ เป็นเรื่องไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ยาก...ถ้าหากว่าเราได้รู้จัก

พรรคการเมืองในประเทศมาเลเซีย ทั้งพรรคฝ่ายค้าน พรรครัฐบาล ที่อยู่ในกระบวนการระบบประชาธิปไตยโดยตรง ก็ต้องมีระบบซูรอ...สถาปราชญ์

“ถ้าจะเดินตามรูปแบบการเล่นการเมืองตามระบบ คุณเป็นพรรค การเมืองที่นำนโยบาย แน่นอนว่าจะไม่พ้นระบบสภาซูรอ ระบบสภากุลามัตต์ เพราะสิ่งนี้จะเป็นผู้บอก คอยชี้ทิศทาง”

ปัจจัยปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เอ่ยถึง...ระบบการศึกษา วันนี้ก็พูดถึงเรื่องการศึกษาไม่มีคุณภาพ พูดเรื่องเด็กไม่ดี...เป็นแหล่ง เพาะความคิดที่อันตรายต่อแผ่นดิน เรียนจบไปแล้ว...ไม่มีงานทำ

ปัญหาการศึกษา ไม่ใช่สถานที่รองรับนักเรียนจำนวนหลายพันคน หรือต้องสร้างใหญ่โตโอ่อ่า แต่ระบบการศึกษาที่จะบอกว่า...ใช่ ไม่ใช่ ต้องตอบโจทย์การสานต่อในการดำรงตน ที่มีศาสนาร่วมอยู่ด้วย

“ผมเชื่อว่าโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาทุกวันนี้ เน้นวิชาการสามัญมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ และมีน้อยคนเรียนจริงๆ เมื่อจบ ม.6 ไปแล้ว...จะไปสอบเรียนเป็นนักวิชาการด้านศาสนาในต่างประเทศ”

ถาม...เด็กที่อยู่ในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม พื้นที่สามสี่จังหวัดชายแดนใต้ จะตอบทันทีว่า...คณะในใจของเขาไม่ได้อยู่ที่ต่างประเทศ แต่อยู่ที่ มอ.ปัตตานีบ้าง จุฬาฯบ้าง อยู่ที่เกษตรฯบ้าง

“มหาวิทยาลัยเหล่านี้ล้วนแต่อยู่ในเมืองไทย แต่ปัญหาใหญ่มีว่า...ระบบของเราที่จับอยู่อย่างนั้น ไม่สามารถที่ทำให้ความประสงค์ ของเด็กเหล่านี้ ก้าวไปสู่ฝันที่ต้องการได้”

ปัจจัยต่อมา...ระบบเศรษฐกิจ จนกระทั่งทุกวันนี้ เราก็ต้องเข้าใจว่าถูกผูกติดกับคำสอน ดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่ต้องห้าม จะทำอย่างไรกับระบบเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีฐานเชื่อมโยงกับหลักศาสนา ซึ่งเป็นเศรษฐกิจวิถีชุมชน

ที่กล่าวมา...ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเราให้พื้นที่กับวัฒนธรรมหนึ่ง แต่อีกวัฒนธรรมหนึ่งอยู่ไม่ได้ วัฒนธรรม...แม้จะมีความแตกต่างกันเพียงใด ต้องอยู่ร่วมกันได้

วัฒนธรรมหลัก วัฒนธรรมรอง วัฒนธรรมของชาติ ต้องกำหนดให้ชัดเจน

     สิ่งต่างๆเหล่านี้ที่มีอยู่แล้ว จากกระบวนการแก้ปัญหาของ ศอ.บต. นั่นคือสิ่งที่ไม่ต้องพูดถึงว่า...กระบวนการไม่พิเศษ หรือพิเศษ ทัศนะของอาจารย์วรวิทย์ ถ้าทำตรงนี้ให้เข้มแข็ง และมีกฎหมายรองรับ ก็ถือว่าก้าวผ่านปัญหาได้อีกขั้นหนึ่ง

โดยกระบวนการ โดยกฎหมาย...ดูเหมือนว่า ศอ.บต.จะเดินไปไม่ได้ เพราะอยู่ด้วยคำสั่งของสำนักนายกฯ ทางที่เหมาะน่าจะให้ ศอ.บต.ขึ้นตรงอยู่กับแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อให้เข้าถึง เข้าใจประชาชนได้อย่างจริงจัง และมั่นใจ

อาจารย์วรวิทย์ บอกอีกว่า ปัญหาเกิดจากการปกครอง ก็ต้องเอาการปกครองมาแก้ ปัญหาการปกครองก็ต้องให้นักปกครองไปแก้ ด้วยกระบวนการสันติวิธี

     สันติวิธี...ควรจะต้องมายืนอยู่ที่จุดเดียวกัน ต้องให้ความหมายอย่าง เดียวกันทุกฝ่าย ไม่ว่า...ความมั่นคง ปกครอง ตำรวจ ทหาร สันติวิธี...คืออะไร?

“ทฤษฎีสมานฉันท์มีอยู่ แต่ต้องให้ความหมายอย่างชัดเจน เพื่อให้ ประชาชนมั่นใจในกระบวนการรัฐ”

มาถึงจุดนี้ เชื่อมั่นว่า ศอ.บต. คือ ก้าวย่างของการจัดระบบ และนำไปสู่สันติวิธีโดยแท้จริง.


ขอขอบคุณ
ที่มา : สกู๊ปหน้า 1 ไทยรัฐ 16 กรกฎาคม 2551

Create Date : 16 กรกฎาคม 2551		0 comments
Last Update : 23 กรกฎาคม 2551 0:09:58 น.
Counter : 1064 Pageviews.
Share Tweet