Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
9 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
3 ปราสาทโบราณ แนวแดนไทยกัมพูชา



     ชายแดนไทย-กัมพูชาลากเส้นตั้งแต่จังหวัดอุบลราชธานี เรื่อยไปจนถึงจังหวัดตราด ตลอดเส้นเขตแดนเต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และโบราณสถานเก่าแก่

โบราณสถานเหล่านั้น เป็นมรดกตกต่อมาจากขอมโบราณ

สิ่งเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองของบรรพชนในภาคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

     สมัยก่อนผู้คนไปมาหาสู่กันฉันเพื่อนร่วมแคว้น ต่อเมื่อจำเป็นต้องมีเส้นเขตแดน เพื่อแสดงให็เห็นถึงความเป็นอารยะ และความชัดเจนในพื้นที่ปกครอง จึงจำเป็นต้องขีดเส้นแบ่งแยกกัน

เส้นแบ่งที่ขีดเพื่อง่ายต่อการปกครอง แต่ก็ยากต่อการขจัดการปัญหาต่างๆที่ตามมาเหมือนเงาตามตัว

ใกล้ๆกับเส้นแบ่งระหว่างไทยกัมพูชามีโบราณสถานอย่างน้อย 3 แห่ง ในจำนวนนี้โบราณสถานที่กำลังมีปัญหา กำลังจะมีปัญหาและดูเหมือนจะหมดปัญหาไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะหมดไปอย่างเด็ดขาด

     โบราณสถานที่กำลังมีปัญหาอยู่คือ ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนเทือกเขาพนมดงรัก เขตอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ส่วนฝั่งกัมพูชาอยู่ในเขตพระวิหาร ชาวกัมพูชาเรียกว่า "เปรี๊ยะ-วิ-เฮีย" โบราณสถานนี้ ป้ญหาส่วนหนึ่งเนื่องมาจากไทยกัมพูชาใช้แผนที่คนละใบ

อาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม บอกว่า เป็นชนวนระเบิดที่ฝรั่งเศสทำไว้

     การทำแผนที่ตามหลักการแล้ว เป็นการทำร่วมกันระหว่างรัฐบาลสยามกับรัฐบาลฝรั่งเศสอินโดจีน แต่ในความเป็นจริง ฝรั่งเศสเป็นผู้จัดทำ จนกลายมาเป็นระเบิดเวลา ทำให้คนที่เคยร่วมกันมาแต่บรรพกาล ต้องระหองระแหงกันเรื่อยมา

การก่อสร้างปราสาทเขาพระวิหาร นักโบราณคดีสันนิษฐานตามรูปแบบศิลปะการก่อสร้าง ประกอบกับข้อความจากจารึกบอกว่า สร้างและต่อเติมกันมาหลายสมัย แต่ที่เด่นชัดคือ สมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 และรัชกาลต่อมาคือ พระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2

สองรัชกาลนี้ศิลปะที่ปรากฎจะเป็นแบบคลังและบาปวน

ต่อมาพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างปราสาทนครวัดได้มาซ่อมและเสริมอีกครั้ง ทรงโปรดให้ทิวากรบัณฑิต พราหมณ์รับใช้ประจำรัชกาล เปลี่ยนแปลงบันไดและทางเดินทั้งหมด

ปราสาทพระวิหารเมื่อสิ้นกษัตริย์ขอมยุคที่มีเมืองหลวงอยู่ยโศธรปุระ หรือ อาณาจักรพระนคร (ปัจจุบันอยู่ในเขตเสียมเรียบ)ถูกทอดทิ้งไป

     ต่อมาเมื่อเหตุการณ์ของโลกเปลี่ยนแปลง จนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ปราสาทพระวิหารอยู่ในความดูแลของไทย จนเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.2483 กรมศิลปากรของไทยได้ประกาศขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นโบราณสถานแห่งชาติ ตามพระราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 57 เท่ากับไทยประกาศครอบครองเขาพระวิหารอย่างเป็นทางการ

ช่วงอยู่ในอำนาจของไทย รัฐบาลไทยได้จ้างหลวงศรี นักพรตนุ่งขาว ห่มขาว โกนผม ขึ้นไปจำศีลภาวนา และเฝ้าปราสาทพระวิหาร โดยให้หลวงศรีได้รับเงินเดือนจากงบประมาณแผ่นดิน

ต่อมากัมพูชาประท้วง จนกระทั่งต้องไปตัดสินกันที่ศาลโลก

ปราสาทพระวิหารจึงตกเป็นของกัมพูชา

     แต่โบราณสถานที่ประกอบขึ้นเป็นกลุ่มปราสาทพระวิหารนั้น ส่วนใหญ่อยู่ในเขตของไทย เช่น สระตราว ปราสาทโดนตวล และสถูปคู่ เป็นต้น

กรณีกลุ่มโบราณสถานประกอบของปราสาทพระวิหาร ส่วนใหญ่อยู่ในเขตแดนของไทยนี้ เป็นประเด็นที่น่าสังเกตว่า การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชานั้น น่าจะเป็นเรื่องยากอยู่ไม่น้อย เพราะองค์ประกอบไม่สมบูรณ์

ปราสาทที่ดูเหมือนว่าสิ้นปัญหาไปแล้ว คือ ปราสาทสดกก็อกธม



ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 9 ตำบลโคกสูง กิ่งอำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ฝั่งกัมพูชาอยู่ลึกเข้าไปอีกประมาณ 1.5กม. เป็นรอยต่อระหว่างชายแดนไทยกับเขตบันเตียเมียนเจยของกัมพูชา

เพราะเส้นเขตแดนห่างกันพองาม จึงทำให้ปัญหาเรื่องเขตแดนจบสิ้นไป กรมศิลปากรได้เข้าไปบูรณะปราสาทและบริเวณรอบๆใหม่จนเกือบเสร็จสิ้นแล้ว

นามเดิมของปราสาทนี้คือ ภัทรนิเกตนะ ปรากฎอยู่ในจารึกสดก็อกธม ซึ่งจารเมื่อพ.ศ.1595 ในรัชสมัยพระบาทอุทัยทิตยวรมันที่ 2

     เนื้อหาของศิลาจารึกหลักนี้ทำให้โลกรู้ว่า ประวัติศาสตร์ของขอมโบราณเป็นอย่างไร เพราะเป็นศิลาจารึกหลักเดียวที่ระบุอย่างชัดเจนเรื่องพระมหากษัตริย์ขอมโบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมัยพระนคร

ข้อความเริ่มจาก พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 เสด็จกลับจากชวา มาครองเมืองอินทรปุระ มีแสดงอัญศิวไกวัลยะเป็นมหาราชครู ทรงย้ายเมืองไปที่อินทรปุระ และย้ายมาเมืองหริหราลัย และอมเรนทรปุระ ก่อนที่จะมาอยู่ที่มเหนทรบรรพต หรือ พนมกุเลน

บนมเหนทรบรรพตนี้เองที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 สถาปนาเทวราชา ประกาศไม่ขึ้นต่อชวา และประกอบพิธีให้กัมพุชเทศ หรือกัมพูชามีจักรพรรดิเพียงพระองค์เดียว

เหตุการณ์ที่จารึกสดกก็อกธมเล่านั้น รวมเวลากว่า 250 ปี

ปราสาทที่ยังรอปัญหาระเบิดอยู่คือ ปราสาทตาเมือนธม

     ตั้งอยู่ในเขตบ้านหนองคันนา ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ฝั่งตรงข้ามเป็นเขตหมู่บ้านไพรเวงและบ้านกู่ ตำบลโคกมอญ อำเภอเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา

ช่วงวันสงกรานต์ทุกๆปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยจะเปิดโอกาสทองให้ชาวกัมพูชาเข้ามาเยี่ยมชมได้อย่างเสรี องค์ปราสาทตาเมือนธมก่อนหน้านี้ กรมศิลปากรเข้าไปบูรณะ แต่ถูกกัมพูชาประท้วงจึงต้องชะลอไว้ อาจต้องรอให้ปักปันเขตแดนเสร็จสิ้นก่อน ถึงจะบูรณะต่อได้

     ใกล้ปราสาทตาเมือนธม มีหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา 22 และ 22B ส่วนหลักที่ 23,24,25 และ 26 เมื่อก่อนมีอยู่ แต่เดี๋ยวนี้หายไปแล้ว สาเหตุที่หลักเขตแดนหายไป ต่างฝ่ายต่างโทษซึ่งกันและกัน

กลุ่มปราสาทตาเมือนธม มีบ้านมีไฟ ตาเมือนโตจ และสะพานขอม

บ้านมีไฟ และตาเมืองโตจอยู่ในเขตแดนไทยชัดเจนแล้ว แต่ตัวปราสาทตาเมือนธม ที่ไทยบอกว่าอยู่ฝั่งไทย แต่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ยอม

     ปราสาทตาเมือนธมเป็นโบราณสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ศิลปะขอมสมัยบาปวนอายุพุทธศตวรรษที่ 16 ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 17 ประกอบด้วยปราสาทประธานหันหน้าไปทางทิศใต้ ปราสาทบริวาร 2 องค์ บรรณาลัย 2 หลัง ระเบียงคด และสระน้ำด้านข้าง

ลวดลายประดับปราสาทถูกทำลายไปมาก อย่างทวารบาล เหลือแต่ท่อนล่าง นางอัปสราถูกมือร้ายแกะออกไป โคหมอบในปราสาทประธานถูกเซาะด้านบนไป เหลือไว้เพียงฐาน

ปราสาททั้ง 3 เป็นมรดกมาจากบรรพชน สร้างไว้ให้อนุชนเรียนรู้และภูมิใจ แต่เมื่อนักล่าอาณานิคมมาขีดเส้นให้ จะด้วยจงใจ หรือไม่จงใจให้เกิดปัญหาก็ตาม

คงเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องหาทางออกร่วมกัน


ขอขอบคุณ
ที่มา :
สกู๊ป ่ข่าว 1 นสพ.ไทยรัฐ วันที่ 8 กรกฎาคม 2551 ศรีศักร


H O M E




Create Date : 09 กรกฎาคม 2551
Last Update : 23 กรกฎาคม 2551 0:13:13 น. 1 comments
Counter : 1738 Pageviews.

 
ดิฉันมีข้อสังสัยว่า ถ้าบ้านเป็นของอีกคนนึง แต่ตั้งอยู่บ้านเนื้อที่ของอีกคนนึง ดังนั้น ตามกฎหมายแล้วเจ้าของบ้านคือเจ้าของที่ดินหรือเปล่าค่ะ? ในเมื่อตัวปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา แต่ที่ดินนอกเหนือตัวปราสาทเป็นของไทย แล้วทำไมตัวปราสาทไม่ถือว่าเป็นของไทยด้วยค่ะ?


โดย: ปียาภรณ์ IP: 114.128.48.121 วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:12:08:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.