Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
18 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
เที่ยว'ศรีเทพ' เสพบรรยากาศเมืองโบราณ


     วันนี้'ผู้จัดการท่องเที่ยว' ขอหลบปัญหาเรื่องมรดกโลกเจ้าปัญหาเขาพระวิหารที่ยังถกเถียงกันไม่จบสิ้นอันเกิดจากคนขายชาติเพียงไม่กี่คน ขอหลบจากปัญหาระหว่างคนกับโบราณสถานที่แก้ไม่ตกของมรดกโลกอยุธยา จนทำให้เกิดข่าวว่ามรดกโลกชิ้นนี้อาจจะถูกถอดถอน ขอหลบมาเที่ยวโบราณสถานที่กำลังจะถูกหมายมั่นปั้นมือเสนอชื่อให้เป็นมรดกโลกแห่งใหม่ในอนาคตอย่างที่ 'อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ' จ.เพชรบูรณ์ แทนดีกว่า


     เมืองโบราณศรีเทพนั้น ได้ปรากฏชื่อขึ้นครั้งแรกเมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้เสด็จไปตรวจราชการมณฑลเพชรบูรณ์ เนื่องจากพระองค์ทรงพบชื่อ 'ศรีเทพ' ในทำเนียบเก่าบอกรายชื่อหัวเมือง และสืบค้นจนสันนิษฐานได้ว่าศรีเทพเป็นชื่อเดิมของเมืองวิเชียรบุรี อีกทั้งยังทรงสำรวจพบโบราณวัตถุโบราณสถานต่างๆมากมายในแถบนี้ จึงทรงเป็นคนแรกที่เรียกเมืองโบราณแห่งนี้ว่า 'เมืองศรีเทพ'

     เมืองศรีเทพนั้นเป็นชุมชนโบราณขนาดใหญ่มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่พบนั้นแสดงให้เห็นว่าเมืองศรีเทพนั้นเป็นชุมชนที่มีพัฒนาการมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ติดต่อกันมาเป็นเวลายาวนาน ต่อเนื่องมาถึงสมัยทวารวดี สมัยลพบุรี หรือตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 เป็นต้นมา และถูกทิ้งร้างไปในที่สุดหลังพุทธศตวรรษที่ 18


     หากให้ฉันเล่าคงจะมีคนหลับไปเสียก่อน เพราะฉะนั้นเพื่อความเข้าใจในที่มาของเมืองศรีเทพ ก็ขอเชิญทุกคนเข้าไปเยี่ยมชมศูนย์บริการข้อมูลของอุทยานฯ กันก่อนดีกว่า ภายในนั้นก็จะมีข้อมูลของเมืองโบราณศรีเทพ ตั้งแต่แผนผังที่ตั้งและขอบเขต ทำให้ฉันรู้ว่าเมืองโบราณศรีเทพเป็นเมืองสองชั้น คือมีเมืองในและเมืองนอก เมืองในเป็นส่วนที่สำคัญของเมืองศรีเทพ มีโบราณสถานอยู่กว่า 70 แห่ง แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ขุดแต่ง มีสระน้ำสำคัญ และมีประตูเมืองตามแบบเมืองใหญ่ทั่วไป ส่วนเมืองนอกมีขนาดใหญ่กว่าเมืองใน มีโบราณสถานที่ค้นพบแล้วกว่า 60 แห่ง ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ขุดแต่งเช่นเดียวกัน

     อีกทั้งก็ยังมีโบราณวัตถุชิ้นสำคัญๆ ที่ขุดค้นพบมาจัดแสดงให้ชม เช่นสุริยเทพที่ขุดพบถึง 3 องค์ ท้าวกุเวร และมีภาพถ่ายเก่าๆระหว่างการขุดค้นที่เมืองศรีเทพ และล่าสุดหลังจากการปรับปรุง ทางศูนย์บริการฯก็ได้จัดทำห้องศิลาจารึก ซึ่งรวบรวมโบราณวัตถุประเภทจารึกที่ขุดค้นพบในเมืองศรีเทพ เช่นจารึกบนฐานประติมากรรม ซึ่งเป็นจารึกอักษรปัลลวะ ภาษาบาลี


     คราวนี้ก็ได้เวลาออกเดินชมโบราณสถานกันแล้ว ในหน้าฝนอย่างนี้ท้องฟ้าอาจไม่แจ่มใส มีฝนฟ้าในบางวัน หากวันไหนแดดออกอากาศสดใสก็ถือว่าโชคดีไป แต่หากมาวันที่ฝนตกก็คิดเสียว่าไม่ต้องเผชิญกับแดดร้อน สายฝนที่โปรยลงมาก็ถือซะว่าเป็นพัดลมไอน้ำเย็นชื่นใจดี

     สำหรับจุดแรก มาแวะกันก่อนที่ 'หลุมขุดค้นทางโบราณคดี' ที่สร้างเป็นอาคาร ภายในจัดแสดงให้เห็นถึงการขุดค้นทางโบราณคดีบริเวณเนินดินขนาดใหญ่ภายในเมืองศรีเทพ ซึ่งได้มีการขุดค้นเมื่อ พ.ศ.2531 และการขุดค้นนั้นก็ทำให้พบหลักฐานที่ทำให้เห็นถึงร่องรอยของชุมชนดั้งเดิมในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ นั่นก็คือโครงกระดูกมนุษย์ 5 โครง และข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกฝังอยู่ในดินลึกถึง 4 เมตร มีอายุราวๆ 2,000 ปีมาแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมืองศรีเทพนี้ได้มีการตั้งถิ่นฐานชุมชนมาตั้งแต่แรกเริ่ม ก่อนจะพัฒนามาเป็นสังคมเมืองที่รับอารยธรรมทวารวดีและเขมรโบราณในราวพุทธศตวรรษที่ 11-18 ก่อนที่เมืองศรีเทพจะถูกทิ้งร้างไปราวก่อนหรือต้นสมัยสุโขทัย อีกทั้งภายในหลุมขุดค้นนี้ยังพบโครงกระดูกช้างโบราณในสมัยหลังลงมาอยู่ในบริเวณเดียวกันอีกด้วย


     ออกจากหลุมขุดค้นมาชม 'ปรางค์ศรีเทพ' กันต่อ ปรางค์ศรีเทพนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบเขมร ตั้งอยู่บนฐานยกพื้นขนาดใหญ่ ตัวปรางค์ก่อด้วยอิฐ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลง หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ด้านหน้าองค์ปรางค์มีฐานของสิ่งก่อสร้างที่น่าจะเป็นบรรณาลัยอยู่สองหลัง สันนิษฐานว่าน่าจะใช้เป็นที่เก็บคัมภีร์ทางศาสนา โดยปรางค์ศรีเทพนี้น่าจะมีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16-17

     มาชมปรางค์อีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากปรางค์ศรีเทพนัก นั่นก็คือ 'ปรางค์สองพี่น้อง' มีลักษณะคล้ายปรางค์ศรีเทพตรงที่ก่อด้วยอิฐตั้งอยู่บนฐานศิลาแลง หันหน้าไปทางทิศตะวันตก แต่เป็นปรางค์สององค์ตั้งอยู่คู่กันโดยองค์หนึ่งขนาดใหญ่และสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ แต่อีกองค์หนึ่งซึ่งเป็นองค์เล็กกว่าได้หักพังไปจนเหลือให้เห็นเพียงแค่ฐานและซุ้มประตู


     สิ่งที่ไม่ควรพลาดชมที่ปรางค์สองพี่น้องนี้ก็คือที่บริเวณซุ้มประตูของปรางค์องค์น้อง ที่จากการขุดแต่งทางโบราณคดีได้พบทับหลังที่จำหลักเป็นรูปพระอิศวรอุ้มนางปารวตีประทับนั่งอยู่เหนือโคนนทิ มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 ส่วนในปรางค์องค์พี่นั้นพบแท่นสำหรับตั้งศิวะลึงค์ตั้งอยู่ ทั้งจากเรื่องราวบนทับหลังและโบราณวัตถุต่างๆที่พบบริเวณปรางค์สองพี่น้องนี้ทำให้สันนิษฐานได้ว่าเป็นโบราณสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย หรือนับถือพระศิวะเป็นใหญ่นั่นเอง

     มาถึงโบราณสถานที่ใหญ่ที่สุดในเขตเมืองในดูบ้าง ที่ 'โบราณสถานเขาคลังใน' ศาสนสถานในศาสนาพุทธที่ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางเมือง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นประมาณพุทธศตวรรษที่ 11-12 ที่เรียกว่าเขาก็เพราะมีขนาดใหญ่โตราวกับภูเขาลูกย่อมๆ แม้สิ่งก่อสร้างที่เหลืออยู่ในวันนี้จะมีเพียงฐานราก แต่ก็ยังเห็นถึงความใหญ่โต โดยฐานของเขาคลังในนั้นก่อด้วยศิลาแลง ผิวนอกฉาบปูน ทางด้านทิศตะวันออกมีบันไดทางขึ้นสู่ลานด้านบน ซึ่งมีร่องรอยว่าเคยมีสิ่งก่อสร้างอยู่ด้านบน อาจจะเป็นสถูปหรือวิหารก็สุดที่จะทราบได้เพราะไม่มีใครเคยเห็น แต่ที่ได้ชื่อว่าเขาคลังก็เพราะเชื่อกันว่าเป็นที่เก็บอาวุธและทรัพย์สมบัติจึงเรียกว่า 'เขาคลัง' นั่นเอง


     รายละเอียดที่น่าสนใจของเขาคลังในนั้นก็อยู่ที่บริเวณฐานด้านล่าง หากลองไปด้อมๆมองๆดูที่ฐานของโบราณสถานทางด้านทิศใต้และทิศตะวันตกก็จะเห็นว่า ผู้สร้างได้ทำภาพปูนปั้นนูนต่ำประดับเอาไว้โดยรอบ โดยภาพปูนปั้นนั้นทำเป็นรูปคนแคระกำลังแบกโบราณสถานอยู่ ซึ่งเป็นลักษณะทางศิลปะแบบทวารวดีเช่นเดียวกับเจดีย์วัดโขลง เมืองคูบัว จังหวัดราชบุรี คือมีประติมากรรมปูนปั้นรูปคนและสัตว์แสดงท่าค้ำยันฐานโบราณสถานเช่นเดียวกัน โดยคนแคระเหล่านี้ก็มีทั้งคนแคระที่มีศีรษะเป็นคน และมีศีรษะเป็นสัตว์ต่างๆ เช่น ช้าง ลิง สิงห์ เป็นต้น ถือเป็นสัญลักษณ์ของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพก็ว่าได้ ดังนั้นก็เลยถูกโจรแซะจากฐานขโมยออกไปจากอุทยาน เป็นข่าวเมื่อ 3-4 ปีก่อน แต่หลังจากนั้นไม่นานรูปปั้นคนแคระก็ได้กลับมาอยู่ที่เดิม โดยมีคนนำมาทิ้งไว้ที่วัดในจังหวัดลพบุรี ทางวัดจึงได้นำกลับมาคืนทางอุทยานฯเป็นที่เรียบร้อย

     อีกทั้งบริเวณด้านหน้าเขาคลังในก็มีธรรมจักรศิลา ศิลปะสมัยทวารวดีที่ขุดพบในสภาพที่หักหายไปเสียครึ่งหนึ่ง แต่ลวดลายรายละเอียดต่างๆ ยังอยู่ครบ ซึ่งถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเมืองศรีเทพเป็นเมืองโบราณในยุคทวารวดีซึ่งมีการนับถือศาสนาพุทธมาก่อน


     ทั้งหมดนี้ก็คือโบราณสถานที่จะได้ชมกันในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพในเขตเมืองใน แต่ในตอนนี้ทางอุทยานฯ ก็กำลังดำเนินการขุดค้นโบราณสถานแห่งใหม่ในเขตเมืองนอกเพิ่มเติม นั่นก็คือที่ 'โบราณสถานเขาคลังนอก' ที่ตั้งห่างจากเมืองโบราณศรีเทพออกไปทางทิศเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร โดยเขาคลังนอกนั้นก็มีลักษณะเดียวกับเขาคลังใน แต่มีขนาดใหญ่กว่า ก่อนนี้เขาคลังนอกเป็นเพียงเนินดินขนาดใหญ่ บริเวณตอนกลางบนยอดสุดมีหลุมที่เกิดจากการลักลอบขุดเป็นโพรงลงไป

     เมื่อขุดแต่งไปแล้วก็พบว่า เขาคลังนอกนั้นก็เป็นศาสนสถานในวัฒนธรรมทวารวดีที่มีความสำคัญเคียงคู่กันกับเขาคลังในที่ตั้งอยู่ภายในเมืองโบราณศรีเทพ แต่ที่โบราณสถานเขาคลังนอกนี้ยังพบซากเจดีย์ที่ก่อด้วยอิฐหลงเหลืออยู่ด้านบน ส่วนบริเวณฐานนั้นก็มีรูปแบบศิลปะสมัยทวารวดีอย่างชัดเจน และยังคงความสมบูรณ์อยู่มาก


     อีกทั้งยังมีการขุดแต่ง 'ปรางค์ฤาษี' ที่อยู่ห่างจากเมืองโบราณศรีเทพไปทางด้านทิศเหนือประมาณ 3 ก.ม. องค์เรือนธาตุยังค่อนข้างสมบูรณ์ สันนิษฐานว่าเป็นศาสนสถานสำคัญที่มีความสำคัญคู่กับปรางค์สองพี่น้อง และปรางค์ศรีเทพที่ในเมืองโบราณศรีเทพ

     อีกไม่นานการขุดแต่งก็คงจะเสร็จสิ้นลง และที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพนี้ก็จะมีโบราณสถานที่สำคัญเพิ่มขึ้น และเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่งเมืองโบราณศรีเทพ ให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจได้เข้าชมกัน แต่ในอนาคตจะได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกหรือไม่ก็ยังต้องดูกันต่อไป




     อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ตั้งอยู่ที่ ตำบลศรีเทพ อำเภอศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ เปิดให้เข้าชมทุกวันในเวลา 08.00-16.30 น. ค่าเข้าชมชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท รถยนต์นำเข้าอุทยาน คันละ 50 บาท สำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมเป็นหมู่คณะและต้องการติดต่อวิทยากรบรรยาย ติดต่อโดยตรงได้ที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ โทร.0-5679-1787

การเดินทาง จากจังหวัดสระบุรี ให้วิ่งมาตามทางหลวงหมายเลข 21 (สระบุรี-หล่มสัก) เมื่อถึงสี่แยกอำเภอศรีเทพแล้วให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2211 ไปอีกประมาณ 7 กิโลเมตรก็จะถึงอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ



ขอขอบคุณ
ที่มา :
ผู้จัดการออนไลน์ 30 กรกฎาคม 2551

H O M E




Create Date : 18 สิงหาคม 2551
Last Update : 18 สิงหาคม 2551 11:40:07 น. 6 comments
Counter : 3268 Pageviews.

 
ขอบคุณครับสำหรับความรู้
ว่าจะนอนและ
แวะมาอ่านครับ
หลับฝันดีนะครับ


โดย: boyblackcat วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:0:48:00 น.  

 


โดย: VELEZ วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:9:11:17 น.  

 
น่าไปเที่ยวนะคับ


โดย: chalawanman วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:12:02:50 น.  

 
อยากไปเพชรบูรณ์ ที่เที่ยวน่าสนใจเยอะค่ะ


โดย: เด็กน้อย ณ ดอยแง่ม วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:23:33:31 น.  

 
สถานท่น่าไปมาก


โดย: เด็กน้อยสดใส IP: 58.9.68.169 วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:18:02:10 น.  

 
Hello there, just became alert to your blog through Google, and found that it is truly informative. I’m going to watch out for brussels. I’ll appreciate if you continue this in future. A lot of people will be benefited from your writing. Cheers!
Mulberry Messenger bag //www.wooden-plantation-shutters-aylesbury-buckinghamshire.co.uk/


โดย: Mulberry Messenger bag IP: 94.23.252.21 วันที่: 4 สิงหาคม 2557 เวลา:4:42:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.