Group Blog
 
 
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
30 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
บทความ: ตอบคำถามเขาพระวิหาร “ใช่-ไม่ใช่” ของไทยแล้วใครได้ประโยชน์

ชื่อบทความเดิม: กรณีปราสาทพระวิหาร: คำถามและคำตอบ

โดย ศรี ดาวเหนือ
30 มิถุนายน 2551



     ความเกลียดชังระหว่างชนชาติ คล้ายกับเชื้อไฟ เมื่อจุดขึ้นแล้ว ขอเพียงลมพัดแรง เชื้อไฟน้อยๆ ก็อาจลามทุ่งได้ ในประวัติศาสตร์โลก มีตัวอย่างมากหลาย ที่แสดงว่า การปลุกปั่นความคลั่งชาติ ได้นำไปสู่สงครามและการทำลายล้างเพื่อนมนุษย์ เกินกว่าคณานับ การที่พันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัตย์และบรรดาพลังอนุรักษ์นิยมในสังคมไทย กล่าวหารัฐบาลสมัครว่าทำให้ไทยเสียดินแดน เสียอธิปไตย

กรณีคณะรัฐมนตรีมีมติสนับสนุน คำขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของประเทศกัมพูชา หวังใช้เรื่องนี้เป็นขีปนาวุธทางการเมืองเพื่อทำลายล้างรัฐบาลสมัคร จึงเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากขีปนาวุธทางการเมืองนี้ เมื่อปล่อยออกไปแล้ว ยากที่ใครจะควบคุมได้ ทั้งไม่มีใครรู้ว่า อานุภาพในการทำลายล้างและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศชาติและประชาชนไทยนั้นแค่ไหนเพียงใด

เพื่อตอบโต้การปลุกปั่นของพันธมิตร จึงควรต้องสะสางกรณีปราสาทพระวิหาร ให้สาธารณชนเข้าใจอย่างชัดเจน ซึ่งได้สรุปเป็นคำถามและคำตอบ ดังนี้

1.คำถาม ปราสาทพระวิหารและที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งปราสาทเป็นของใคร ?

คำตอบ ปัจจุบันเป็นของประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ตาม คำพิพากษาของศาลโลก เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505(คศ. 1962) ที่ว่า “ศาลนี้ โดยคะแนน 9 ต่อ 3 เห็นว่า ปราสาทพระวิหาร ตั้งอยู่บนดินแดน ที่อยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของประเทศกัมพูชา” (THE COURT,By nine votes to three,FINDS THAT THE TEMPLE OF PREAH VIHEAR IS SITUATED IN TERRITORY UNDER THE SOVEREIGNTY OF CAMBODIA.) ซึ่งประเทศไทยโดยคณะรัฐมนตรีในยุคนั้น ได้ลงมติและประกาศว่า ไทยยอมรับคำพิพากษาของศาลโลก ตามพันธกรณีในฐานะที่เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ

     แม้ว่าไทยได้ประท้วงและสงวนสิทธิ ที่จะขอให้ทบทวนแก้ไขคำพิพากษาดังกล่าวไว้ ซึ่งตามธรรมนูญศาลโลก ข้อ 61 สามารถทำได้ภายในเวลา 10 ปีนับจากวันที่ศาลโลกมีคำพิพากษา แต่ที่ผ่านมา ไทยไม่เคยยื่นคำร้องขอให้ทบทวนหรือโต้แย้งคำพิพากษาดังกล่าวอย่างเป็นทางการเลย คงเหลือสิทธิตามข้อ 60 ในการยื่นคำร้อง ขอให้ศาลแปลความหมายหรืออธิบายคำพิพากษา ในกรณีที่มีข้อความใดในคำพิพากษาไม่ชัดเจน ซึ่งไม่มีอายุความ แต่ไทยก็ไม่เคยยื่นคำร้องที่ว่าเช่นเดียวกัน

ที่ผ่านมา พันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัติย์และบรรดาคนที่ประกาศยืนกรานสงวนสิทธิ ไปอยู่เสียที่ไหน? เคยทำอะไรบ้าง? ทำไมจึงเงียบกริบ? การไม่ยอมรับและการสงวนสิทธิที่ว่า จึงเป็นเพียงแค่การสักแต่พูด แต่ไม่มีการใช้สิทธิอะไร ถึงวันนี้ เวลาล่วงมา 46 ปีเศษแล้ว พันธมิตรฯและพรรคประชาธิปัติย์ ก็ยังยืนกรานที่จะสงวนสิทธิต่อไป แต่การดื้อด้านไม่ยอมรับ จะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ นอกจาการแสดงความป่าเถื่อนให้ชาวโลกเห็น

     ที่พันธมิตรฯและพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ไทยได้ยืนยันยึดถือแนวสันปันน้ำบนทิวเขาพนมดงรัก เป็นเส้นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชามาโดยตลอด ซึ่งถ้าหากใช้แนวสันปันน้ำที่ว่า ปราสาทพระวิหาร ก็จะอยู่ในดินแดนไทย เรื่องนี้ เป็นเหตุผลเก่าที่ศาลโลกได้วินิจฉัยในคำพิพากษาไปแล้วว่า แนวสันปันน้ำที่ว่า ไม่เกี่ยวกับกรณีปราสาทพระวิหาร เพราะเรื่องปราสาทพระวิหาร ต้องถือตามสนธิสัญญาเขตแดนระหว่างสยามกับฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พศ.2450 (กรุณาดูรายละเอียด อ้างอิงในคำตอบข้อ 3) ทั้งไทยก็ไม่เคยยกเรื่องแนวสันปันน้ำ ขึ้นมาโต้แย้งต่อกัมพูชาในตลอดเวลา 46 ปีที่ผ่านมา การยกเรื่องแนวสันปันน้ำมาพูดอีกในเวลานี้ จึงเป็นการแสดงนิสัยพาลแบบเด็กๆ ทำนองไก่แพ้ แต่คนไม่แพ้

ที่พันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า กัมพูชาชนะคดีและได้ไปเฉพาะซากตัวปราสาท ไม่รวมถึงดินแดนซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทและที่ดินบริเวณปราสาท ก็เป็นการบิดเบือนและตะแบงตีความ คำพิพากษาศาลโลกตามอำเภอใจแบบคนเจ้าเล่ห์สับปลับ กรุณาย้อนกลับไปอ่านคำพิพากษาศาลโลก ตามที่ได้อ้างอิงข้างต้นสักหลายเที่ยว คนที่มีใจสัตย์ซื่อและเป็นธรรม ไม่มีทางที่จะเข้าใจว่าคำพิพากษามีผลเฉพาะต่อซากปราสาท ไม่รวมดินแดนที่ตั้งของปราสาทได้เลย

2. คำถาม ใครเป็นผู้สร้างและเป็นเจ้าของปราสาทพระวิหารมาตั้งแต่แรก?

คำตอบ ปราสาทพระวิหาร เริ่มสร้างเมื่อต้นศตวรรษที่ 9 สืบเนื่องมาถึงสมัยพระเจ้าสุริยะวรมันที่ 1 (คศ.1002–1050) และเสร็จในสมัยพระเจ้าสุริยะวรมันที่ 2 (คศ.1113–1150) ซึ่งเป็นยุคที่จักรวรรดิเขมรรุ่งเรืองและเข้มแข็งเกรียงไกรมาก ก่อนสมัยสุโขทัย 300 ปี (กรุณาดูเอกสาร เรื่อง “ปราสาทเขาพระวิหาร-กรณีศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองกับลัทธิชาตินิยม ” ของชาญวิทย์ เกษตรศิริ หน้า 2 ประกอบ) กล่าวโดยสรุป บรรพบุรุษของชนชาติเขมร เป็นผู้สร้างและเป็นเจ้าของปราสาทพระวิหารมาตั้งแต่แรก



3. คำถาม ปราสาทพระวิหารเคยเป็นของไทยมาก่อน และเสียให้กัมพูชาตามคำพิพากษาศาลโลก ใช่หรือไม่?

ตอบ แต่ดั้งเดิม ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมรตามคำตอบข้อ 2 แต่ในยุคกรุงศรีอยุธยา เมื่อปีพ.ศ. 1974 (ค.ศ. 1431) ในรัชกาลสมเด็จเจ้าสามพระยา กองทัพของกรุงศรีอยุธยา ได้รบชนะอาณาจักรเขมร ยึดกรุงศรียโสธรปุระ (นครวัดนครธม) ซึ่งเป็นเมืองหลวง กัมพูชาต้อง “เสียกรุง” ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ละแวกอุดงมีชัยและพนมเปญตามลำดับ นับแต่นั้นพระตะบอง ศรีโสภณ เสียมเรียบรวมถึงปราสาทพระวิหาร ก็ถูกผนวกเข้ารวมเข้าเป็นดินแดนของสยาม

     ต่อมารัชกาลที่ 5 ได้ทรงลงนามกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส ทำสนธิสัญญาเขตแดนระหว่างฝรั่งเศสกับสยาม เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พศ.2450 (Franco-Siamese boundary treaty,23 March 1907) ทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนดินแดน โดยสยามยกเสียมเรียบ พระตะบอง ศรีโสภณและปราสาทพระวิหารให้กับฝรั่งเศส แลกกับจันทบุรี ตราด และด่านซ้าย (เลย) กลับคืนมา ดังนั้นเมื่อกัมพูชาได้รับเอกราช จึงอาศัยสนธิสัญญาดังกล่าวว่า ปราสาทเป็นของกัมพูชา (กรุณาดูเอกสาร เรื่อง “ปราสาทเขาพระวิหาร-กรณีศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองกับลัทธิชาตินิยม ” ของชาญวิทย์ เกษตรศิริและคำพิพากษาของศาลโลกที่อ้างถึงแล้วข้างต้น)

     กล่าวโดยสรุป ปราสาทพระวิหารเคยเป็นของไทย ตั้งแต่สมัยรัชกาลสมเด็จเจ้าสามพระยาแห่งกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากไทยชนะสงครามขยายดินแดนกับเขมร แต่ไทยโดยรัชกาลที่ 5 ได้คืนกลับแก่ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมของลาวและกัมพูชา ตามสนธิสัญญาดังกล่าวข้างต้น ถ้าจะว่าเป็นการเสียดินแดน ก็เสียไปตั้งแต่ พ.ศ.2450 แล้ว เพราะที่ศาลโลกตัดสินเรื่องปราสาทพระวิหาร ก็ตัดสินตามสนธิสัญญาเขตแดนระหว่างไทยกับฝรั่งเศสดังกล่าวนั่นเอง

4.คำถาม การที่กัมพูชานำประสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก มีผลกับเส้นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาหรือไม่ เพียงใด ?

ตอบ โดยผลของกฎหมายระหว่างประเทศ การที่กัมพูชาเสนอให้ปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนมรดกโลก ไม่เกี่ยวและไม่มีผลกระทบกับปัญหาข้อพิพาทเรื่องเขตแดน หรืออธิปไตยเหนือดินแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ทั้งนี้ เป็นไปตามสนธิสัญญาเรื่องมรดกโลกของยูเนสโก้ (UNESCO World Heritage Convention ) ข้อ 11 - 3 ที่ว่า

“การนำทรัพย์สินใด ขึ้นทะเบียนมรดกโลก จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากรัฐที่เกี่ยวข้อง การขึ้นทะเบียนมรดกโลกของทรัพย์สินที่ตั้งอยู่บนดินแดน อธิปไตยหรือเขตอำนาจซึ่งมีการอ้างสิทธิมากกว่าหนึ่งรัฐ ไม่ว่าในกรณีใดๆ จักไม่ผลกระทบต่อสิทธิใดๆ ของรัฐที่พิพาทกันนั้น” (The inclusion of a property in the World Heritage List requires the consent of the State concerned. The inclusion of a property situated in a territory, sovereignty or jurisdiction over which is claimed by more than one State shall in no way prejudice the rights of the parties to the dispute.)


     เปรียบเทียบให้ใกล้ตัวเข้ามา คล้ายกับการขึ้นทะเบียนบ้านมรว.คึกฤทธิ์ เป็นโบราณสถาน ย่อมไม่ส่งผลกระทบกับกรรมสิทธิ์ของบ้านหรือข้อพิพาทระหว่างทายาทใดๆ เรื่องบ้านนั้น (ถ้ามี) ดังนั้น ไม่ว่ากัมพูชาจะเสนอให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารด้วยแผนที่ใดๆ ก็ไม่เกี่ยวและไม่มีผลกระทบกับ เรื่องเขตแดนหรืออธิปไตยเหนือดินแดนหรือปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาที่มี

สำหรับการกำหนดเส้นเขตแดน ระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ถูกต้องและชัดเจนนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการร่วมปักปันเขตแดนไทยกัมพูชา (Mixed Border Delimitation Commission) ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากทั้งสองประเทศในการทำหน้าที่ ซึ่งไม่เกี่ยวกับ การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่อย่างใด

     การปลุกปั่นของพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์ที่ว่า การที่รัฐบาลสมัครสนับสนุนกัมพูชา ในการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ตามแผนที่แนบท้ายแถลงการณ์ร่วม ทำให้ไทยเสียดินแดนหรือเสียอำนาจอธิปไตยไปเท่านั้น เท่านี้ จึงเป็นการบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสีกันทางการเมือง โดยไม่มีมูลความจริงและไม่คำนึงถึงความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น

5.คำถาม ทำไมไทยไม่ยื่นคำขอร่วมกับกัมพูชา ในการนำปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ?

ตอบ ที่แล้วมา ไทยเคยยื่นข้อเสนอต่อกัมพูชา ที่จะร่วมกันยื่นคำขอต่อคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก้ ในการนำปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่กัมพูชาได้ยืนยันปฏิเสธมาโดยตลอด เหตุผลคือ เมื่อปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนดินแดนของกัมพูชา ตามที่ศาลโลกได้พิพากษาแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของกัมพูชา ในการยื่นคำขอนำปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยลำพัง ไทยไม่เกี่ยวข้อง ย่อมไม่มีสิทธิยื่นคำขอร่วมกับกัมพูชาได้ ถ้ามีการยินยอมให้ยื่นร่วม รัฐบาลกัมพูชาย่อมไม่อาจชี้แจงเหตุผลต่อประชาชนกัมพูชาได้

     การที่พันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ไทยยืนยัน ที่จะยื่นคำขอร่วมกับกัมพูชา จึงเป็นการเรียกร้องที่ไม่มีเหตุผลหรือใช้เหตุผลแบบคนพาลนักเลงโต ซึ่งรังแต่จะทำให้ไทยเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อนานาอารยประเทศ

6.คำถาม ถ้าปราสาทพระวิหารสามารถขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จะส่งผลดีหรือผลเสียต่อไทย อย่างไร?

คำตอบ เมื่อปราสาทพระวิหาร สามารถขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกได้สำเร็จ จะทำให้องค์การยูเนสโก้ จัดเจ้าหน้าที่และงบประมาณจำนวนมากในหลายสิบปีข้างหน้า เพื่อใช้ฟื้นฟูบูรณะและบำรุงรักษาปราสาทพระวิหาร และสภาพแวดล้อมให้สวยงาม ยั่งยืนและมีคุณค่าในฐานะเป็นมรดกโลกร่วมกันของมนุษยชาติ และจะมีการประชาสัมพันธ์ไปทั่วโลก ทำให้ปราสาทพระวิหาร กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่นเดียวกับนครวัด นครธมของกัมพูชา

     แต่ว่า โดยสภาพทางภูมิศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐานและโครงสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในปัจจุบัน การขึ้นไปเยี่ยมชมปราสาท ต้องขึ้นไปจากด้านฝั่งไทย เท่านั้น ไม่สามารถขึ้นไปจากด้านกัมพูชา เพราะหน้าผาสูงชัน ทั้งไม่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับนักท่องเที่ยวได้ แม้ว่าในอนาคต อาจมีโครงการสร้างกระเช้าลอยฟ้าขึ้นปราสาทจากด้านกัมพูชา ตามที่มีข่าว แต่การลงทุน ด้านโครงสร้างพื้นฐานและโครงสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น สนามบิน ถนน ไฟฟ้า ประปา โรงแรม ฯลฯ ในพื้นที่จังหวัดพระวิหาร คงต้องใช้เวลาอีกหลายปีหรือหลายสิบปี

     ดังนั้น ถ้าปราสาทพระวิหาร สามารถขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกได้ ย่อมส่งผลดีอย่างเอนกอนันต์ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ที่เกี่ยวข้องหรือสามารถใช้เป็นเส้นทางขึ้นสู่เขาพระวิหาร โดยไม่มีผลเสียใดๆ เลย การที่ไทยสนับสนุนให้กัมพูชา นำปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จึงไม่เพียงแต่จะเป็นผลดีมิตรภาพและความสัมพันธ์ฉันท์บ้านพี่เมืองน้องระหว่างไทยกับกัมพูชา เท่านั้น แต่ยังเป็นผลดีต่อผลประโยชน์ของไทยเองโดยตรงอีกด้วย

     การที่พันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์โหมปลุกปั่นสร้างความหวาดกลัวในสังคมไทยว่า ไทยจะเสียดินแดนหรือเสียอำนาจอธิปไตย โดยใช้กรณีปราสาทพระวิหารเป็นเครื่องมือ จึงเป็นการเล่นการเมืองแบบน้ำเน่าและสกปรก ซึ่งไม่ก่อผลดีใดๆ กับใครเลย และมีแต่จะสร้างความเสียหายต่อมิตรภาพและความสัมพันธ์ฉันท์บ้านพี่เมืองน้องระหว่างไทยกับกัมพูชาและต่อประโยชน์ของไทยเอง


การที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามคำฟ้องของตัวแทนพันธมิตรฯ ที่ให้ระงับมติคณะรัฐมนตรีที่สนับสนุนคำขอของกัมพูชา ก็ยิ่งทำให้ปัญหาและความเสียหายจากเรื่องนี้ลุกลามออกไป หวังเพียงว่า ในอนาคตประชาชนไทยจะได้จดจำและทวงถามความรับผิดชอบจากกลุ่มพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์เมื่อความเสียหายได้เกิดขึ้นจริงๆ แล้ว

ขอขอบคุณ
ที่มา :
ประชาไท

H O M E



Create Date : 30 มิถุนายน 2551
Last Update : 23 กรกฎาคม 2551 0:18:03 น. 10 comments
Counter : 1890 Pageviews.

 
ไทยไม่ได้ยอมรับการตัดสิน แค่เว้นวรรคไว้


โดย: ชนเผ่า IP: 118.172.174.116 วันที่: 2 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:53:40 น.  

 
แล้วทำไมต้องไปสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียน ตอนรัฐบาลนี้และหลังจาก คุณทักษิณไปกัมพูชา ?????????
..............
แล้วจะไม่ให้สงสัยได้ไง
แล้วจะให้ยอมได้ไง
....................................


โดย: แมงป่องบูพา IP: 58.137.133.20 วันที่: 2 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:02:31 น.  

 
มีเรื่องเร่งด่วนต้องทำมากมาย น้ำมันแพง ของแพง แต่รัฐบาลกลับเร่งที่จะเอาใจเขมร มีอะไรในก่อไผ่หรือป่าวทำไมต้องหมกเม็ด คนเขารู้ทันหมดแล้ว


โดย: คนเทศบาล IP: 117.47.34.240 วันที่: 3 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:51:17 น.  

 
ทั้งบล๊อคน่าอ่านครับ แต่มันมืดไปหน่อย
ขอบคุณครับ


โดย: อ๊บ IP: 84.59.13.23 วันที่: 5 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:58:15 น.  

 
ไช่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเราไม่ยอมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: ธนกร ท่าหิน IP: 117.47.195.217 วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:08:50 น.  

 
ศาลรัฐธรรมนูญเค้าตัดสินแล้ว ชัดเจนแล้ว มันเป็นเรื่องศักดิ์ศรีของชาติ รัฐบาลโง่กว่าคนเขมร และจงใจโง่น่าละอายอย่างที่สุด นพดลโกหกคนทั้งประเทศ ไปเซ็นที่ปารีสยกให้เขมรขึ้นมรดกโลกชาติเดียวก่อนหน้านั้นไทยขอขึ้นร่วมมันไม่ยอม ในเวทีโลกไทยอ่อนมากไม่เคยจำเป็นบทเรียน ชาติต้องมาก่อน นพดลควรได้รับการตัดหัว เสียบประจาน


โดย: ควายแท้ IP: 117.47.59.222 วันที่: 11 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:52:09 น.  

 
อยากให้บทความนี้ คนไทยได้อ่านจะได้เข้าใจอะไรมากขึ้น มันเป็นของๆเขาสิทธิ์ของเขาพวกเราส่วนใหญ่ก็รู้ดี46ปีมาแล้วที่เสียไปไม่เห็นมีใครเดือดร้อน อย่าเป็นเครื่องมือของปชป.ที่แพ้แล้วพาลกับไอ้
พวกพันธมิตรที่ไม่มีงานมีการทำเลยครับรักชาติภาษาอะไรเด็กๆมันยังไม่สนใจ ชุมนุมครั้งที่แล้วชาติได้อะไร ได้แต่ความล่มจม


โดย: badboy IP: 202.218.199.197 วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:08:02 น.  

 
ขอชมที่นำเสนอประวัติแนวขวางบ้าง ประวัติศาสตร์แนวตั้งมันมีมายาคติแฟงเร้น ครอบงำ ความคิด ผูกขาดความถูกต้องเอาไว้สูง เปิดใจรับฟังกันบ้างเถอะครับ...


โดย: TheOtherness วันที่: 30 สิงหาคม 2551 เวลา:2:09:31 น.  

 
ถุย.....นี่มันแค่ไอ้บทความขายชาติ เสียเวลาอ่าน


โดย: รักชาติ IP: 124.122.6.53 วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:17:11:56 น.  

 
ก็เป็นอีกมุมมองหนึ่ง แต่ถ้าว่าตามนี้แล้ว เราคงต้องยกประเทศนี้ให้เขมรไป เพราะเขาครอบครองมาก่อนตั้งแต่โบราณ ต้องบอก ลาว กับ ญวน ด้วยให้คืนให้เขมร


โดย: Sasap IP: 182.52.81.154 วันที่: 23 มิถุนายน 2554 เวลา:17:02:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.