"โตโยต้า" ฟันธงตลาดรถยนต์ปีཱི สร้างสถิติใหม่แน่ ค่ายรถระดมสรรพกำลังดันยอดขายทั้งปีทะลุ 1,200,000 คัน ระบุครึ่งปีแรกเฉพาะโตโยต้ากวาดไปแล้วเฉียด 2.5 แสน ครึ่งปีหลังส่งโปรดักต์ใหม่ถล่มตลาด มั่นใจฉลอง 50 ปี ด้วยยอดขาย 4.8 แสนคัน
นายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยสถิติการจำหน่ายรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2555 มีปริมาณการขาย 606,523 คัน เพิ่มขึ้น 40.4% พร้อมปรับประมาณการตลาดรถยนต์ไทยปี 2555 เป็น 1,200,000 คัน เพิ่มขึ้น 51.1%
"ตลาดรถยนต์ครึ่งแรกสร้างสถิติใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยยอดขาย 606,523 คัน โตกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้โตโยต้ามียอดขายในประเทศ 241,245 คัน สำหรับความต้องการของตลาดรถยนต์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ ประกอบกับกำลังการผลิตที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติและเริ่มเพิ่มขึ้น" นายทานาดะกล่าว
สำหรับสถิติการขายรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2555 มีปริมาณการขายรวม 606,523 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 257,510 คัน โตขึ้น 33.1% รถเพื่อการพาณิชย์ 349,013 คัน เติบโต 46.3% รถกระบะ 1 ตัน รวมรถกระบะดัดแปลง 305,293 คัน เติบโต 49.0%
"โตโยต้าขายครึ่งปีแรก 241,245 คัน โต 54.3% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 105,485 คัน รถเพื่อการพาณิชย์ 135,760 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 38.9%
ขณะที่การส่งออกในครึ่งปีแรก โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปทั้งสิ้น 204,554 คัน เพิ่มขึ้น 50.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่า 92,074 ล้านบาท ส่งออกชิ้นส่วนมูลค่า 31,306 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการส่งออกที่นำรายได้กลับสู่ประเทศเป็นเงิน 123,380 ล้านบาท"
นายทานาดะกล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มของตลาดรถยนต์ครึ่งหลังของปี 2555 น่าจะมียอดขายรวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 1,200,000 คัน ซึ่งจะเป็นสถิติยอดขายสูงสุดของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย แบ่งเป็นตลาดรถยนต์นั่ง 553,900 คัน และรถเพื่อการพาณิชย์ 646,100 คัน
"สำหรับโตโยต้าในปี 2555 นี้ เราตั้งเป้าหมายการขาย 480,000 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 182,100 คัน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 297,900 คัน ในจำนวนนี้จะเป็นรถกระบะขนาด 1 ตัน 244,100 คัน
ด้านการส่งออกของโตโยต้าปีนี้ คาดว่าจะมีการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปประมาณ 405,000 คัน เพิ่มขึ้น 61% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 177,000 ล้านบาท ส่งออกชิ้นส่วนมูลค่า 65,700 ล้านบาท รวมมูลค่าการส่งออกทั้งหมดถึง 242,700 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมียอดค้างส่งมอบลูกค้าทุกรุ่นเฉลี่ย 3-4 เดือน แต่เฉพาะรุ่นฟอร์จูนเนอร์จะอยู่ที่ 5-6 เดือน ทั้งนี้ตั้งแต่หลังจากเดือน ก.ค.นี้ บริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อทยอยส่งมอบให้ลูกค้าได้
เร็วขึ้น คาดว่าภายในปลายปีนี้จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ หรือมียอดค้างส่งมอบ 1 - 1 เดือนครึ่ง เพราะโรงงานเกตเวย์ 2 จะเดินสายการผลิตเร็ว ๆ นี้พร้อมทั้งการกลับมาผลิตอีกครั้งของโรงงาน TAW (ไทย ออโต้ เวิร์ก) ซึ่งทั้ง 2 โรงงานได้ใช้เงินลงทุนรวม 8,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยอดการผลิตรถยนต์ของบริษัทในปีนี้ จะอยู่ที่ 865,000 คัน สูงที่สุดเท่าที่เคยดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมา และเพิ่มขึ้น 350,000 คัน จากเมื่อปีที่แล้วผลิตได้ 515,000 คัน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ เมื่อปลายปีที่แล้ว
"เราไม่ไปไหนอยู่แล้ว จะทำงานหนักขึ้นเพื่อขอบคุณและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าและสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนตุลาคมนี้ โตโยต้าจะดำเนินงานในประเทศไทยครบ 50 ปี โตโยต้าขอมอบความสุขพร้อมสร้างรอยยิ้มให้คนไทยผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ได้เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว เช่น อีโคโชว์รูม และถนนแห่งรอยยิ้ม โครงการเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ดังปณิธานครบรอบ 50 ปีของเราที่จะร่วมทางตลอดมา เคียงข้างตลอดไป" นายทานาดะกล่าวในที่สุด