[วิเคราะห์ฉบับจัดเต็ม] Rise of the Planet of the Apes - "10 ข้อจากจุดเริ่มต้นวิบัติวานรยึดโลก ! ! "
[บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ]
1.ทุกอย่างล้วนสมบูรณ์แบบไร้ช่องโห่ว!
Rise of the Planet of the Apes ทำให้เราได้ตระหนักถึงบางสิ่งบนโลกที่มนุษย์ไม่ควรสวมบทเป็นพระเจ้าเปลี่ยน ในสิ่งที่ฝืนธรรมชาติ และนำเสนอความน่ากลัวของโลกที่ลิงกำลังจะเป็นเผ่าพันธ์หลักได้อย่างน่า สะพรึง และน่าทึ่งไปพร้อมๆกัน! โดยหนังมีการดำเนินเรื่องที่กระชับ,รวดเร็ว และ ใส่ใจในรายละเอียดด้านการปูพื้นฐานตัวละครได้อย่างดี โดยเฉพาะในส่วนของ ตัวละครเอกของเรื่องอย่าง Caesar ลิงตัวแรกของโลกจากฝีมือมนุษย์ที่พัฒนาไปไกลกว่าที่ใครจะคาดถึง
ควบคู่ไปกับในส่วนของ Will กับ Caroline ที่ร่วมกันดูแลลิงตัวนี้ไปพร้อมๆกับการที่ Will ยังคงทดลองตัวยาใหม่ๆให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่เพื่อมารักษาอาการของผู้เป็นพ่อ ที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ นอกจากนี้สิ่งที่หนังนำเสนอได้เยี่ยมที่สุดก็คงไม่พ้นการแสดงให้เห็นถึง พัฒนาการของ Caesar ตั้งแต่วัยเด็กจนโต ทั้งด้านสติปัญญา จนถึงเหตุการณ์บางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการด้านจิตใจจนเกิดเป็นการ พัฒนารอบด้านของสายพันธ์ที่ก้าวไปสู่คำว่าสมบูรณ์แบบ ผลที่ออกมาคืออารมณ์ของหนังที่ทรงพลังกับภาพยนตร์แห่งการจุดเกิดเนิดพิภร วานรที่ ยอดเยี่ยมและทรงพลัง ไร้ที่ติ
2. เมื่อมนุษย์อยากเป็นพระเจ้า
Will คือนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามคิดค้นตัวยาใหม่ๆเพื่อรักษาโรคในมนุษย์ที่ ปัจจุบันยังไม่มียาใดรักษาใด้ โดยมีการทดลองตัวยาต่างๆเหล่านั้นกับลิง เพื่อทดสอบปฎิกิริยาข้างเคียงต่างๆของยาก่อนที่จะมาใช้กับมนุษย์จริง ซึ่งเป้าหมายของเขาคือการพาให้มนุษย์สามารถก้าวข้ามโรคร้ายที่อยู่คู่กับเรา มานานให้จงได้ (โดยเฉพาะโรคของผู้เป็นพ่อ)
หลังจาก Caesar ลิงทดลองที่ได้รับมรดกทางพันธุกรรมไวรัส 112 จากแม่ที่ตายไปด้วยอุบัติเหตุซึ่งรอดชีวิตจากแล็ปด้วยความช่วยเหลือของ Will เขาเป็นคนนำ Caesar มาเลี้ยงและเฝ้าสังเกตพฤติกรรมอย่างลับๆที่บ้านตลอดหลายปีเพื่อศึกษาการ ทดลองต่อไป โดยเขาใช้ห้องใต้หลังคาที่เต็มไปด้วยของเล่นสำหรับเด็กเพื่อประเทืองสติ ปัญญามากมายในการเช็คระดับสติปัญญาของ Caesar และดูเหมือนมันเองก็สนุกไปกับสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่ได้ทำร่วมกับ Will ด้วยเช่นกัน และสิ่งหนึ่งที่มันทำเป็นประจำคือการยืนที่หน้าต่างทรงกลมของห้องใต้หลังคา พร้อมมองออกไปยังภายนอกบ้านด้วยนัยน์ตาสงสัยถึงภาพเด็กที่กำลังวิ่งเล่นกันริมข้างทาง หรือแม้แต่รถยนต์ที่แล่นผ่านไปมาบนถนนหน้าบ้านว่าภายนอกหน้าต่างบานนี้จะ เป็นเช่นไร
คำถามที่ค้างคาใจของ Caesar ได้รับการตอบสนองในฉากต่อมาเมื่อ Will และ Caroline นำมันไปยังป่าสนย่านชานเมืองเป็นครั้งแรก Caesar ได้กระโดดไต่ไปมาอย่างมีความสุขท่ามกลางป่าใหญ่ก่อนที่จะมาหยุดบนยอดต้นไม้ เพื่อมองไปยังภาพเมืองทั้งเมืองที่อยู่ตรงหน้า บัดนี้มันเริ่มแคลงใจแล้วว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่กว่าที่มันเคยคิดไว้แค่ไหน
ก่อนที่จะมาถึงฉากในช่วงกลางเรื่องเมื่อ Caesar ถูกนำตัวไปให้อยู่ในความดูแลของสถานดูแลลิงเล็กๆแห่งหนึ่งเนื่องจาก อุบัติเหตุบางอย่าง เมื่อไปถึงห้องโถงใหญ่ของที่นี่ซึ่งเป็นลานสำหรับลิงให้ได้วิ่งเล่นไต่ไปตาม ต้นไม้ใหญ่ และ ธารน้ำจำลองเล็กๆตรงกลางห้อง พร้อมภาพพระอาทิตย์และที่โล่งสุดลูกหูลูกตา ซึ่งทำให้ Caesar รู้สึกหายเศร้าใจได้ในระดับหนึ่ง ก่อนที่มันจะพบความจริงที่ว่าภาพท้องทุ่งแสนกว้างใหญ่เหล่านั้นเป็นเพียงภาพ วาดบนพนังห้องซึ่งทำให้นัยน์ตามันเต็มไปด้วยความเสียใจ และ ดูเหมือนความเศร้าในใจของมันจะถูกตอกย้ำให้ชัดเจนอีกครั้งเมื่อพบว่า Will จำเป็นต้องทิ้งมันไว้ยังที่แห่งนี้ นั่นหมายถึงมันจะไม่ได้กลับไป บ้าน ที่มันคุ้นเคยอีกแล้ว
หนึ่งในส่วนที่ดีที่สุดในเรื่องคือการนำเสนอผลลัพธ์จากไวรัส 112 ระหว่าง Charles พ่อของ Will ที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ กับ Caesar ควบ คู่กันได้อย่างอย่างชัดเจน โดยเฉพาะฉากเหตุการณ์บนโต๊ะอาหารระหว่างการทานข้าวของทั้งสาม ที่ตัวละคร Charles เริ่มแสดงอาการผลข้างเคียงของการที่ร่างกายต่อต้านไวรัสตัวนี้นั่นทำให้ อาการของเขากลับมาทรุดหนักลงกว่าเดิมกระทั่งลืมวิธีการจับช้อนให้ถูกด้าน ก่อนที่ Caesar จะสังเกตเห็นแล้วยื่นมือไปช่วยเขาในการจับช้อนให้ถูกต้อง
ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของ Will ทั้งสิ้น โดยที่เขาได้รู้สึกถึงอะไรบางอย่างกับเหตุการณ์ที่ปรากฏตรงหน้านี้เช่นเดียว กันกับผู้ชม ภาพมนุษย์ที่พัฒนาการเสื่อมถอยลงกับลิงที่มีพัฒนาการก้าวหน้าขึ้นจนผิดปกติ นี้เป็นภาพที่น่าหวั่นใจไม่น้อยที่หนังนำเสนอได้อย่างดี
5. ทุกเผ่าพันธุ์ล้วนมีกฎ
เมื่อ Caesar ย้ายเข้ามาอยู่ในสถานดูแลลิงแห่งนี้ ปัญหาแรกที่มันเจอคือการไม่สามารถปรับตัวเข้ากับลิงตัวอื่นๆได้เลย คล้ายๆเหตุการณ์เด็กนักเรียนที่ย้ายโรงเรียนมากลางคันก่อนที่จะพูดเจ้าถิ่น กลั่นแกล้งต่างๆนาน ซึ่งกับ Caesar ก็เช่นกัน เพราะนอกจากมันจะดูผิดปกติจากลิงตัวอื่นๆด้วยการใส่เสื้อผ้าคล้ายคนแล้ว มันยังดูนิ่งและสงบกว่าลิงตัวใดๆในที่แห่งนี้อีกด้วย นั่นทำให้มันถูกลิงเจ้าถิ่นที่เป็นหัวหน้าฝูงของที่นี่อัดจนแทบยืนไม่ไหวใน ครั้งแรกที่เจอกัน
ตัวละครเอกฝ่ายลิงอย่าง Caesar ที่ปรากฏในเรื่อง แท้จริงแล้วเกิดจากความพิถีพิถันจากทีมงานเทคนิกพิเศษชั้นเยี่ยมในการเนรมิตนักแสดง Andy Serkis ให้ กลายมมาเป็น CG ลิงที่สมจริงที่สุดบนจอภาพยนตร์ นอกจากนี้ในส่วนของงานโปรดักชั่นต่างๆ ตลอดจนฉากการปีนไต่ตามป่าสนต้นไม้ของบรรดาลิงในเรื่องก็ล้วนถูกนำเสนอได้ อย่างน่าตื่นตาตื่นใจโดยเฉพาะฉากฝูงวานรถล่มเมืองท้ายเรื่องที่เยี่ยมไม่แพ้ ส่วนของเนื้อหาเลยทีเดียว
8.ภายในภารกิจหลัก มีภารกิจย่อยเสริมอยู่
Rise of the Planet of the Apes เป็นภาคต้นของภาพยนตร์ชุด Planet of the Apes โดยเป็นการเล่าไปถึงจุดกำเนิดก่อนที่วานรจะครองโลกและฝ่ายมุนษย์ที่ไม่ได้ ล้มตายเพราะไวรัสก็ตกเป็นทาสคอยรับใช้ ซึ่งหนังก็มีการสอดแทรก จุดเชื่อมโยง เล็กๆ น้อยๆเหล่านี้ไว้ได้อย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอข่าวการส่งกระสวยอวกาศพร้อมนักบินไปนอกโลก จนถึงฉากพาดหัวข่าวบนหนังสือพิมพ์ว่ากระสวยลำนั้นหลงทางในอวกาศ ซึ่งกระสวยลำนี้จะเป็นตัวแปรสำคัญใน Planet of the Apes นั่นเอง
9.ยกระดับเผ่าพันธุ์ด้วยสติปัญญา
ประเด็น ไม่ฆ่า แต่ จองจำ ในฉากที่ฝูงของ Caesar พยายามแหกสถานดูแลลิงออกมา โดยสั่งห้ามบรรดาลิงทำร้ายหรือฆ่ามนุษย์แต่อย่างใด เนื่องจาก Caesar รู้ดีว่าบทลงโทษที่ดีไม่มีอะไรเยี่ยมไปกว่าการถูกของจำ เพราะการไร้ซึ่งอิสรภาพในชีวิตย่อมเป็นสิ่งที่ทรมานที่สุดด้านจิตใจ
9.5 ปัญญากับสัญชาตญาณที่ไม่สมดุล
หนึ่งในฉากของเรื่องเมื่อ Caesar เห็น Charles ที่ โรคอัลไซเมอร์กำเริบหนักจนออกไปมีเรื่องกับเพื่อนบ้าน ซึ่งหลังจากสับสนอยู่ชั่วครู่ มันเลือกที่จะวิ่งออกไปนอกตัวบ้านก่อนจะกระโจนเข้าทำร้ายเพื่อนบ้านรายนั้น อย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่ Charles จะเรียกชื่อมันออกมา สติของ Caesar จึงกลับมาอีกครั้ง พร้อมด้วยสายตาชาวบ้านระแวกนั้นที่มุงดูเหตุการณ์ด้วยความหวาดกลัว ซึ่งในฉากนี้ผู้ชมจะรู้สึกได้ว่าตัวละคร Caesar เริ่มรู้สึกถึงความสับสนในตัวเองเพราะเป็นครั้งแรกที่หนังแสดงให้เห็น สัญชาตญาณความดุร้ายตามธรรมชาติของมันออกมา แต่ด้วยความนึกคิดที่มากกว่าปกติทำให้มันเริ่มสงสัยในตัวเอง โดยเป็นการนำเสนอความผิดปกติของสัญชาตญาณกับสติปัญญาทอันสวนทางกันที่ชวนคิด พอสมควร
10. ปิดฉากปฐมบทวานรครองโลก!
โดยรวมแล้ว Rise of the Planet of the Apes ใช้ เวลากว่า 2 ชั่วโมงในการนำเสนอได้อย่างคุ้มค่าในทุกๆนาที และสร้างอารมณ์ร่วมแก่ผู้ชมไปพร้อมๆกับความหวั่นเกรงจากอันตรายที่อาจจะเกิด ขึ้นได้จริงๆ ถ้ามนุษย์ยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแต่ไร้ซึ่งความยับยั้งชั่งใจ ตลอดจนอยากเปลี่ยนแปลงธรรมชาติที่ไม่ควรเปลี่ยนผ่านทางการตัวละคร ลิง ใน เรื่อง ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อฉากสุดท้ายของเรื่องดำเนินมาถึง ภาพ Caesar ที่นำฝูงลิงขนาดใหญ่ถล่มเมืองฝ่ามายังป่าสนชานเมืองบนยอดต้นไม้นั้น แม้ Caesar จะบอกว่าป่าคือ บ้าน ของพวกเขา และภาพเมืองตรงหน้าจากมุมสูงนี้ก็เปรียบเหมือน บ้าน ของ Will หรืออีกนัยว่าเมืองคือบ้านของมนุษย์ ส่วนป่าเป็นบ้านของลิงนั่นเอง
กลัวรู้หมด อิๆ
ขอบคุณครับสำหรับรีวิว