The Lost Bladesman : สามก๊ก เทพเจ้ากวนอู – "แอกชั่นเยี่ยมแฝงแง่คิดจาก 3 ก๊กที่แปลกตากว่าที่เคย !"
“The Lost Bladesman” เป็นเรื่องราวที่แยกออกมาจาก 3 ก๊ก โดยเน้นไปที่ตัวละคร “กวนอู” โดยเฉพาะ และเป็นงานที่ทำเสนอออกมาได้ดีในแง่การนำเสนอเรื่องราวของตัวละครเอกตัวนี้ แม้หนังจะไม่ได้มาพร้อมความอลังการงานสร้างอย่าง ‘3 ก๊ก (Red Cliff)’ ฉบับ 2 ภาคของผู้กำกับ จอห์น วู แต่ด้วยฉากแอกชั่นดีๆด้วยง้าวของ ‘ดอนนี่ เยน’ ที่ถือว่าจะหาการต่อสู้ด้วยอาวุธชนิดนี้บนจอใหญ่ปัจจุบันนี้แทบจะยากทีเดียว แต่ในเรื่องนี้ถือว่ามีให้ชมชนิดเต็มที่และเยี่ยมจริงๆ แม้เนื้อหาจะมีการดัดแปลงไปบ้าง (หลักๆก็คือการตีความตัวละคร ‘กวนอู’ ด้วยภาพลักษณ์คนปกติ ไม่ได้หน้าแดง ตัวใหญ่ น่าเกรงขามอย่างที่คุ้นตา) แต่ถือว่าเป็นงานที่น่าพอใจในระดับหนึ่งทีเดียว
เรื่องราวในหนังของสามก๊กฉบับนี้คือ ในช่วงที่ “โจโฉ” เจ้าเมืองแห่งวุยก๊กเป็นผู้กุมอำนาจเหนือจักรพรรดิ กองทัพของเขาลอบโจมตี “เล่าปี่” เจ้าเมืองจ๊กก๊กระหว่างการเดินทางข้ามเมือง “กวนอู” พี่น้องร่วมสาบานของ เล่าปี่ และแม่ทัพใหญ่แห่งจ๊กก๊ก เข้ามาขัดขวางไว้จนถูกจับตัวไปพร้อมกับ “ชีหลาน” นางสนมคนโปรดของ เล่าปี่ (ศึกครั้งนี้ทำให้ 3 พี่น้องร่วมสาบานต้องพลัดพรากจากกันไปคนละทิศ)
โดย โจโฉ รับรองความปลอดภัยและให้การต้อนรับ กวนอู เป็นอย่างดี พร้อมยังชักชวนให้เขาแปรพักตร์มาอยู่กับวุยก๊ก แต่ กวนอู ผู้ซื่อสัตย์เริ่มเกิดความขัดแย้งในใจ เพราะ โจโฉ เลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันเขาไม่อยากผิดคำสาบานที่ให้ไว้กับ เล่าปี่ โดยหลังจากที่เขานำทัพให้ โจโฉ จนได้รับชัยชนะหลายครั้ง ในที่สุด กวนอู ก็ตัดสินใจพา ชีหลาน กลับไปหา เล่าปี่ ถึงแม้ โจโฉ จะรู้สึกไม่พอใจ แต่เขาก็ยอมรับและยอมปล่อยตัว กวนอู กลับไป และนี่คือที่มาของการเดินทาง 1,000 ลี้ “ฝ่า 5 ด่าน สังหาร 6 ขุนพล” ที่ลือเลืองมาถึงทุกวันนี้
ฉากที่ดีและเยี่ยมนอกจากฉากแอกชั่นในเรื่องคือแทบจะทุกฉากของตัวละคร “โจโฉ” ที่รับบทโดยนักแสดง ‘เจียงเหวิน’ ที่ต้องชมทั้งนักแสดงและผู้กำกับที่นำเสนอได้อย่างน่าติดตามและชวนคิดไปพร้อมๆกัน
ฉากที่ชอบมากที่สุดคือฉากที่กวนอู ถูกเรียกไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิตามที่โจโฉต้องการเพื่อให้องค์จักรพรรดิประทานยศฐาบรรดาศักดิ์ให้แก่กวนอูเพื่ออยากให้กวนอูมาอยู่ฝ่ายตน แต่กวนอูปฏิเสธทุกสิ่งที่องค์จักรพรรดิประทานให้ พรางสงสัยว่าในขณะที่ข้าทาศบริวารในท้องพระโรงฯกลับคุกเข่ากันทุกคน หากเว้นที่ โจโฉ เท่านั้นที่ยืนต่อหน้าพระพักตร์ได้ นั่นทำให้องค์จักรพรรดิกล่าวว่าช่วงศึกสงครามเรื่องพิธีต่างๆควรยกเว้นได้ และสั่งให้ทุกคนในท้องพระโรงฯ ลุกขึ้น แต่กลับไม่มีใครกล้าลุก แม้องค์จักรพรรดิจะสั่งกี่ครั้งก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนโจโฉกล่าวออกมาคำเดียวว่า ‘ลุก’ ทุกคนถึงกล้าที่จะลุกขึ้นมา ฉากนี้บ่งบอกชัดเจนเลยว่าโจโฉมีอำนาจเหนือจักรพรรดิ
และฉากที่ถือว่าเป็นการนำเสนอบทสนทนาที่คมคายได้ดีก็คือ ฉากการสนทนาระหว่าง “โจโฉ” กับ “นักบวช” ช่วงกลางเรื่อง เกี่ยวกับเรื่องสภาวะบ้านเมืองยามศึกสงครามที่ยังไม่มีท่าทีจะยุติ
โจโฉ : “ภายนอกเมืองนั้นท่านว่ามันเป็นแดนนรก หรือ สวรรค์กันหรือ ?”
นักบวช : “ทุกอย่างจะเป็น สวรรค์หรือนรก นั้นอยู่ที่ท่านเลือกจะมองมุมไหนต่างหาก”
โจโฉ : “ข้าแค่อยากให้ทั้งแผ่นดินนี้เป็นแต่แดนสวรรค์ ฤาข้าจะเกิดมาผิดยุค”
นักบวช : “ความปรารถนาที่มีมากจนเกินไป มีแต่จะนำมาซึ่งนรกในใจที่ท่านสร้างขึ้นเอง”
ในส่วนของฉากแอกชั่น แน่นอนว่าทีเด็ดอยู่ที่การใช้ง้าวในการต่อสู้ซึ่งในเรื่องนี้นำเสนอการใช้อาวุธขนาดใหญ่นี้ได้อย่างน่าติ่นตาจริงๆครับ โดยเฉพาะฉากการต่อสู้ในที่ทางเดินแคบๆช่วงกลางเรื่องที่มาพร้อมท่าถือง้าวของเทพเจ้ากวนอูที่คุ้นตา และ ดูดีจนน่าเหลือเชื่อเมื่อปรากฎบนด้วยภาพลักษณ์กวนอูแบบใหม่นี้
โดยรวมแล้วนี่เป็นภาคแยกของตัวละครจาก 3 ก๊ก ที่ในแง่ภาพยนตร์แล้วถือว่าน่าพอใจ และ ฉากแอกชั่นก็อยู่ในระดับที่เยี่ยมมากๆ หากใครไม่ยึดติดกับฉบับหนังสือมากจนเกินไปคิดว่านี่คือความบันเทิงแฝงแง่คิดที่ดีอีกเรื่องเลยทีเดียว
Create Date : 23 กรกฎาคม 2554 |
|
10 comments |
Last Update : 23 กรกฎาคม 2554 18:29:36 น. |
Counter : 3629 Pageviews. |
|
|
|
click for more cards send this card through mail