Pirates of the Caribbean : On Stranger Tides "สิ่งสำคัญไม่ใช่จุดหมาย แต่อยู่ที่ระหว่างทาง !"
"Pirates of the Caribbean : On Stranger Tides" เป็นการกลับมาของภาคต่อที่ 4 ของหนังโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกภาพยนตร์ ซึ่งหนังมาพร้อมงานสร้างที่ยังคงความยิ่งใหญ่ไม่แพ้ภาคก่อนๆที่ผ่านมา รวมไปถึงเนื้อหาที่ยังคงเรื่องของการผจญภัยเหนือจินตนาการเช่นเคย แต่เรื่องของ อารมณ์ร่วม และ เสน่ห์ ของหนังบางอย่างกลับขาดไปจนรู้สึกได้เช่นกัน
อย่างแรกที่ถือเป็นเสน่ห์ของ Pirates of the Caribbean ตลอดมาคือ เหล่าตัวละคร อันหลากหลาย ที่มีลักษณะเด่น และ บุคลิกเฉพาะตัว ที่ชวนให้หลงใหล ที่นอกจาก Jack Sparrow แล้ว ก็ได้แก่ Will Turner และ Elizabeth Swann หรือจะเป็นในส่วนของเหล่าตัวประกอบทั้งหลายทั้งเหล่าสมุนโจรสลัดของ Barbossa (โดยเฉพาะสองคู่หูที่คนหนึ่งลูกกระตาชอบหลุดออกจากเบ้าบ่อยๆ) ทั้งหมดนี้คือตัวละครที่ไม่ได้อยู่ในตัวหนังภาคล่าสุดนี้ครับ และอาจจะเรียกได้ว่าภาคนี้เป็นการฉายเดี่ยวครั้งแรกแบบเต็มๆตัวของ ตัวละคร Jack Sparrow ก็คงจะไม่ผิด ตรงนี้จะมองในแง่ดีก็คือ ผู้ชมจะได้พบทุกแง่มุมของตัวละครสุดโปรดตัวนี้อย่างจุใจแน่นอน และหนังก็ใส่สถานะการณ์ทั้งรักๆใคร่ๆ และแอกชั่นชุดใหญ่ไว้รองรับครบครัน
แต่อีกด้านก็คือ แม้ภาคนี้จะมาพร้อมตัวละครใหม่ๆอย่าง Blackbeard ,นางเงือก หรือ ซอมบี้ก็ตาม แต่ตัวละครใหม่เหล่านี้ถ้าไม่นับนางเงือกแล้ว กลับไม่ค่อยน่าดึงดูดให้สนใจเทียบเท่ากับตัวละครเก่าๆอย่างภาคก่อนเลย และแน่นอนว่าเมื่อตัวละครอื่นขาดความน่าสนใจแล้ว ภาระในการดึงผู้ชมทั้งเรื่องก็ตกมาอยู่ที่ตัวละคร Jack Sparrow เต็มๆครับ และทำให้เรื่องความหลากหลายในตัวละครดูขาดหายไปครับ
นอกจากนี้แล้วในสิ่งที่เป็นเสน่ห์อีกอย่างของ Pirates of the Caribbean เรื่องของความเป็น แฟนตาซี แห่งการผจญภัยที่ดึงดูดผู้ชมให้มีอารมณ์ร่วมได้ในทุกภาค ไม่ว่าจะเป็นเหล่าลูกเรือโจรสลัดฆ่าไม่ตายด้วยคำสาปแห่งเหรียญ,เรือปีศาจ Flying Dutchman ที่คุมโดย Davy Jones กับตันเรือที่มาพร้อมภาพลักษณ์หนวดปลาหมึกสุดสะพรึง และ อสูรทะเลยักษ์ Kraken โดยในภาค On Stranger Tides นี้แม้จะคงความแฟนตาซีในการตามล่าหาน้ำพุแห่งความเยาว์วัย ฝ่าดงนางเงือก และป่าดงพงไพรมากมาย ซึ่งถ้าวัดกันภาคต่อภาคแล้ว "Pirates of the Caribbean : On Stranger Tides" ดูจะด้อยกว่าภาคก่อนๆครับ ไม่ใช่ว่าภาคนี้ไม่สนุก หรือ นำเสนอได้ไม่ดี แต่เพียงเพราะว่าภาคก่อนความแฟนตาซีเคยมีมากกว่านี้ครับ
รวมไปถึง ลูกเล่น ในฉากแอกชั่นต่างๆที่ส่วนตัวว่าหนังน่าจะทำออกมาได้ดีกว่านี้ อาทิ ฉากการต่อสู้แย่งชิงหีบใส่ถ้วยทำพิธีในเรือ (Juan Ponce de León) ที่จอดอยู่บนหน้าผา ระหว่าง Jack Sparrow และ Barbossa ที่ทั้งคู่ต้องพยายามรักษาสมดุลของเรือที่โครงเครงไปมาตามน้ำหนักของสิ่งของที่ถูกสลับที่ ซึ่งภาพที่ปรากฎบนจอกลับให้ความรู้สึกธรรมดาไปนิดครับ โดยเฉพาะการที่ฉากนี้ชวนให้นึกไปถึง ฉากการดวลกันตัวต่อตัวระหว่าง 2 กัปตันคู่นี้ในหนังภาคแรกด้วยแล้วแท้ๆ (ถ้าจำกันได้ มันคือ ฉากในช่วงท้ายภาคแรกที่เสริมความตระการตาและเติมเต็มจินตนาการสุดๆ เมื่อ Jack Sparrow และ Barbossa ดวลดาบกันไปและเมื่อโดนแสงจันทร์ที่ลอดมาตามช่องส่องเห็นภาพทั่งคู่เป็นกระดูกสลับกับร่างมนุษย์ปกติไปมานั่นเอง) ถ้าหนังดึงอารมณ์ขบขันและแอกชั่นมาผสมกันได้อย่างในภาคแรก ในฉากนี้ก็จะเป็นอะไรที่น่าสนุกมากขึ้นครับ
แต่ถึงอย่างนั้นหนังก็ยังมีจุดที่ถือว่าทำได้ดีที่สุดและน่าชื่นชมมากๆ ก็คือ การนำเสนอตัวละครนางเงือก โดยเฉพาะในฉากเปิดตัวที่ยอมรับเลยว่าภาพนางเงือกในตำนานเล่าไว้ว่าอย่างไร ภาพบนจอนอกจากสมจริงแล้วยังดึงอารมณ์ความน่าสะพรึง ,ลึกลับ และชวนหลงใหลของนางเงือกออกมาได้อย่าง ยอดเยี่ยม ครับ และส่วนตัวคิดว่านี่คือฉากเกี่ยวกับนางเงือกที่ดีที่สุดฉากหนึ่งในโลกภาพยนตร์เลยทีเดียว และยังเป็นฉากที่หนังนำเสนอได้ดีที่สุดในเรื่องอีกด้วย
(และหนังจะดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ถ้ามีการอธิบายตำนานว่าด้วยเรื่องนางเงือกที่เมื่อตกลงสู่พื้นแผ่นดินแล้วคลีบจะกลายเป็นขามนุษย์ในฉากหนึ่งระหว่างขนย้ายนางเงือกเพื่อไปทำพิธี ซึ่งตัวละครต่างๆดูไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เห็นเงือกมีขา และก็ไม่มีคำอธิบายให้ผู้ชมเข้าใจสะเล็กน้อยถึงเหตุการณ์ตรงนี้ รวมไปถึงการไม่มีบทสรุประหว่างเงือกสาว Syrena กับ Philip นักบุญหนุ่มจิตใจงามปรากฎในหนังภาคนี้แต่อย่างใด ว่าทั้งคู่รอดชีวิต หรือ ได้อยู่ด้วยกันหรือไม่)
ส่วนในฉากการค้นพบน้ำพุแห่งความเยาว์วัยซึ่งถือเป็นไคลแม็กซ์ของภาคนี้ก็ถือว่านำเสนอได้น่าตื่นตาดีครับ โดยเฉพาะการออกแบบทางเข้าของถ้ำ ตลอดจนภาพของสถานที่แห่งน้ำพุแห่งความเยาว์วัย ที่ให้อารมณ์ลึกลับและน่าตื่นตาพอสมควรครับ
นอกจากเหล่าตัวละครและเนื้อหาทั้งหลายแล้ว ดนตรีประกอบ ก็ถือว่าเป็น ตัวละคร ที่สำคัญที่สุดเช่นกันในหนังตระกูล Pirates of the Caribbean นี้ โดยภาคนี้ก็ยังได้ Hans Zimmer มารับผิดชอบงานส่วนนี้เช่นเคย ในหลายๆฉากของตัวละคร Jack Sparrow ที่กำลังต่อสู้หรือดิ้นรนหาทางออกแม้ภาพที่ปรากฎบนจอจะดูไม่หวือหวา แต่การที่ได้ดนตรีประกอบชั้นเยี่ยมมาช่วย ก็เสริมความยิ่งใหญ่ของฉากนั้นได้เพิ่มขึ้นมากเลยเลยทีเดียว
ด้านนักแสดงในเรื่อง Johnny Depp ยังคงเป็น Jack Sparrow ที่ไร้ที่ติและเป็นธรรมชาติเช่นเคย ส่วนรายของหน้าใหม่ประจำเรื่องอย่างสาว Penélope Cruz ในบท Angelica สาวผู้เป็นรักแรกของ Jack ก็ถือว่าเป็นบทที่เหมาะกับเธอมากๆครับในเรื่องนี้ นอกนั้นรายของ Geoffrey Rush, Ian McShane และ Kevin McNally ก็ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานครับ
จะมีที่เด่นอีก 2 รายก็คือ Sam Claflin ในบท Philip และ Astrid Berges-Frisbey ในบทเงือก Syrena ที่ดูโดดเด่นทุกครั้งที่ปรากฎบนจอครับ และที่ถือว่าขโมยซีนที่สุดในเรื่องคงเป็นใครไปไม่ได้กับสาว Gemma Ward ในบท Tamara นางเงือกตัวแรกที่ปรากฎบนจอ ด้วยภาพลักษณ์ที่สวยอันตรายสะกดสายตาอย่างที่สุด แม้จะเพียงฉากเดียว แต่รับรองเป็นฉากเดียวที่ลืมไม่ลงแน่ๆ
ด้านผู้กำกับ Rob Marshall ที่หันมากำกับหนังแอกชั่นฟอร์มยักษ์เป็นเรื่องแรก หลังจากทำงานดราม่าคุณภาพอย่าง Memoirs of a Geisha และ Chicago มาแล้ว งานนี้ถือว่าพี่แกสอบผ่านครับในฐานะผู้กำกับ เพราะโดยรวมหนังภาคนี้ก็ยังคงความอลังการอยู่ และมีจังหวะการนำเสนอที่ลงตัวดีครับ
โดยรวมแล้ว "Pirates of the Caribbean : On Stranger Tides" ส่วนตัวคิดว่าเหมือน เป็นภาคเสริมของ Pirates of the Caribbean สะมากกว่า และถือเป็นภาคที่ชอบน้อยสุดจากบรรดาทุกภาคที่ผ่าน แต่ถ้ามองในแง่การผจญภัยและการฉายเดี่ยวของ Jack Sparrow เพียงอย่างเดียวแล้ว ตัวหนังถือว่าทำได้ออกมาได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีระดับหนึ่งและ ยังคงมีมุกตลก ,บทสนทนาดีๆ และ ฉากแอกชั่นตื่นตา ที่ควรค่าแก่การชมอยู่ดี
ปล. หนังจบแล้ว อย่าเพิ่งลุกไปไหน เพราะหลัง End Credit มี "ฉากพิเศษ" แถมมาให้ชมเช่นเคย !
Create Date : 26 พฤษภาคม 2554 |
|
2 comments |
Last Update : 19 กรกฎาคม 2554 0:25:03 น. |
Counter : 4511 Pageviews. |
|
|
|