หลงทางในต่างประเทศ
หลงทางในต่างประเทศ
ตอนอยู่ไทยจะไปไหนมาไหนจะหนีบเพื่อนหรือลูกไปด้วยทุกที่ เพราะเป็นคนถ้าไปไหนเองคนเดียวมันไม่มั่นใจ ไม่ว่าจะไปตลาด หาหมอ ดูหนัง ไปช็อปปิ้ง ต้องหนีบใครไปด้วยทุกครั้ง
แต่พอได้สะมีต่างชาติ ตอนแรกนึกฝันไว้แบบสวยหรู ว่าสะมีต้องเดินจูงมือข้างกายเราไปทุกที่ พะนะ แต่พอเอาเข้าจริง มันบ้อใช่เลย สุดสวยเจอมากับตัวเด้อค่ะเด้อ
มาถึงช่วงอาทิตย์แรก ผัวยังอยู่ในช่วงลางาน เขาจะพาไปนู้นๆปนี่ สอนให้นั่งรถเมล์ว่าต้องเสียเงินต้องจ่ายเงินอย่างไร และจะกลับมาบ้านจะเข้าในเมืองต้องนั่งรถเมลสายไหน
โถ ..ตอนอยู่เมืองไทย ก็ไม่ใช่ลูกสาวผู้ดีห่รือมีชาติมีชื้อร่ำรวยไฮโซหรอก เป็นแค่ลูกครึ่ง จปล
จะไปไหนมาไหนแต่ละครั้งก็ไม่ยากไม่ลำบากเลยเพราะรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนที่สำคัญทุกคนพูดภาษาเดียวกับเรา
ก็หนีบมอไซด์คู่ใจ หรือถ้าไปไกลหน่อยก็เอาอีแก่เจ้าประจำ ที่ใกล้จะปลดประจำการขับไป
ไม่มี๊ไม่มี จะมานั่งรถมงรถเมล ถ้าไม่มีรถก็เรียก สกายแลป พะนะ ก็มันต่างจังหวัดนะคะนึกภาพต่างจังหวัดทางภาถอีสานนะคะ
พอสามีกลับไปทำงาน ตายห่า ต้องไปหาหมอฟันคนเดียว ต้องไปลงทะเบียนหาหมอ ต้องไปไหนมาไหยคนเดียว ตอนนั้นรู้สึกน้อยใจผัวมากที่ปล่อยให้สาวน้อยสุดสวยต้องมาผจญชะตากรรมคนเดียว ท่ามกลางผู้คนที่พูดคนละภาษา หัวทองทั้งนั้น ภาษาตรูตอนนั้นก็ชั้นเทพ(เทพโพธิงาม)ซะด้วย เอาวะตายเป็นตาย
สรุป ครั้งแรกแค่เดินเล่นแถวบ้าน ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้เพราะเพลินกัยการชมความงาม ของสิ่งปลูกสร้าง จนเหนื่อยอยากกลับบ้าน แต่ขอโทษ. โอเอ็มจี แล้วบ้านตรูมันอยู่ตรงไหน จะกลับบ้านยังไงล่ะแล้วบ้านเลขที่อะไร ตอนนี้เริ่มใจไม่ดี น้ำตาเริ่มคลอ
โชคดีว่าสามีให้มือถือและเมมเบอร์ฉุกเฉินของญาติแกไว้และของสามี ครั้งแรกโทรหาผัวก่อนเลย พอกดปุ๊บปรากฎว่าปิดเครื่อง ตายห่า แค่ทำงานทำไมต้องปิดมือถือด้วย นึกบ่นน้อยใจสารพัด แมร๊งเอาตรูมาหลง อยากกลับบ้านไม่อยู่มันแล้ว (มารู้ภายหลังว่าเวลาทำงานเขาไม่ให้ใข้มือถือให้เก็บในล็อคเกอร์เก็บของพะนะ)
แต่ตอนนั่นไม่รู้ความน้อยใจควาใกลัวมันประเดประดังเข้ามา มือสั่นงั้นงก เพราะหนาวและกลัว เลยโทรหาพี่ชายสามีโชคดีวันนี้เป็นวันหยุดของแก แกรับสายแล้วถามเราว่าเรา "อยู่ตรงไหน" สุดสวยตอบไปว่า "ไม่รู้ "พะนะ
ปลายสายใจเย็นมากถามกลับมาว่า "รอบๆตัวมีอะไร." สุดสวยตอบว่า. "มีแต่ตึกที่เหมือนกันไแหมด" พร้อมกับร้องไห้
ปลายสายเลยถามว่า. "แถวนั้นมีร้านค้าไหม" สุดสวยเลยสอดส่ายสายตาแล้วยอกว่า. "มีเทสโก" พี่ชายสะมีเลยบอกว่า. "โอเคไปยืนรอหน้าเทสโกเดี๋ยวฉันไปรับ"
สรุปวันนั้นได้กลับย้านอน่างปลอดภัย มันทำให้รู้ตัวว่า เราต้องรู้ว่าตัวเองอยู่บ้านเลขที่อะไร บ้านอยู่ตรงไหน ต้องรอบคอบ
จะไม่ให้หลงได้ยังไงบ้านฝรั่งมันปลูกสร้างเหมือนกันไปหมดแยกไม่ออกเลย(ตอนแรกๆแยกไม่ออกจริงๆ) ดีนะแค่เดินรอบๆบ้าน ไม่นั่งรถเมลไปหลงในเมืองอ่ะ ไม่งั่นมีฮาหนักกว่านี้
จบข่าว เดี๋ยววันหลังมาเล่าเรื่องใหม่ เช้านนี้ขอตัวไปอาบน้ำและ้ดินฝ่าหิมะลงเขาไปซื้อขนมปังในหมู่บ้านก่อนนะ
ป้าแก้ว ยูเค.
Create Date : 23 มกราคม 2558 |
Last Update : 23 มกราคม 2558 17:41:05 น. |
|
0 comments
|
Counter : 293 Pageviews. |
|
|