หมึกสีดำของไผ่สีทอง
ความโศกทั้งหลาย ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้มีจิตมั่นคง ไม่ประมาท เป็นมุนี ศึกษาในทางปฏิบัติถึงมโนปฏิบัติ เป็นผู้คงที่ ระงับแล้ว มีสติทุกเมื่อ,, การไม่ทําบาปทั้งปวงหนึ่ง การยังกุศลให้ถึงพร้อมหนึง การชําระจิตใจของตนให้ผ่องแผ้วหนึ่ง นี่แลเป้นคําสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
22 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
อานิสงส์ของทาน





อานิสงส์ของทาน




การให้ทานนี้อย่าลืมนะว่า ถ้าใจยังไม่หนักแน่นพอ คนที่เรายังไม่ชอบใจอย่าเพิ่งให้ ให้แต่คนที่เรารักหรือคนที่เราไม่เกลียด ต่อไปถ้ากำลังใจสูงขึ้น จิตสบายมีอุเบกขาดี มีเมตตาบารมีสูง ก็ให้ไม่เลือก ให้เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ คือกิเลสของเรา กำลังใจในการให้ทานน่ะเป็นจาคานุสสติ ก่อนที่จะคิดให้เป็นจาคานุสสติ อันนี้อนุสสติอย่างใดอย่างหนึ่งถ้ามีประจำใจแล้วมันก็ตกนรกไม่ได้



จะยกตัวอย่างมันก็ยาวเกินไป จะขอพูดถึงอานิสงส์การให้ทาน ที่สมเด็จพระพิชิตมารทรงตรัสว่า สมัยพระพุทธกัสสปท่านเทศน์อยางนี้ ท่านบอกว่า



บุคคลใดให้ทานด้วยตนเอง แต่ไม่ชักชวนคนอื่น ตายจากชาตินี้ไปแล้วไปเกิดใหม่ จะมีทรัพย์สมบัติมาก จะเป็นคนร่ำรวย เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี แต่ว่าขาดเพื่อน ขาดคนเป็นที่รัก มันก็โดดเดี่ยวแย่เหมือนกัน



บุคคลใดดีแต่ชักชวนบุคคลอื่น แต่ว่าตนเองไม่ให้ทาน ท่านบอกว่า ตายจากชาตินี้ไปแล้วไปเกิดชาติใหม่ มีพรรคพวกมากแต่ยากจน



บุคคลใดให้ทานด้วยตนเอง แล้วก็ชักชวนบุคคลอื่นด้วย ตายจากชาตินี้ไปเกิดใหม่จะเป็นคนร่ำรวยมากด้วย แล้วก็จะมีเพื่อนมีบริวารมีมิตรสหายมาก นี่เรียกว่ามีความสุข



บุคคลใดไม่ให้ทานด้วยตนเอง ไม่ชักชวนบุคคลอื่นด้วย ตายจากชาตินี้ไปเกิดใหม่ จะไม่มีทรัพย์สมบัติ เป็นคนยากจนเข็ญใจ เป็นยาจกขอทาน แล้วขอก็ไม่ค่อยจะได้ ไม่มีใครเขาอยากจะให้ มีแต่คนรังเกียจ



การให้ทานที่ก่อนจะนิพพานน่ะ เราจะต้องมีความสุขในทรัพย์สมบัติก่อน จะไปคิดว่าการให้ทานเป็นการกำจัดโลภะความโลภ หรือมีผลอันน้อยแค่กามาวจรอันนี้ไม่ถูก ถ้าเราจะไปนิพพาน ถ้าเราลำบากมันไปยาก ใจไม่สบาย จะเล่านิทานสักเรื่องหนึ่งเอาไหม มันจะชักช้าก็ช้า จะจบเมื่อไรก็ช่าง ก็เล่าสู่กันฟัง



ในสมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมีพระชนม์อยู่ มีคนหนึ่งเขามาเกิด แต่คนคนนี้น่ะในชาติก่อน ๆ เวลาบำเพ็ญบารมี ตัดทานบารมีออกจากใจ แต่ความจริงเขาก็ไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติของใคร เขามีจาคานุสสติกรรมฐานเป็นปกติ ได้จาคานุสสติกรรมฐาน ตัวนี้เขาไม่ได้ให้ แต่จิตเขาละความโลภ คือละความอยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่นที่ใครไม่ให้เขาโดยชอบธรรมน่ะ เขาไม่เอา เขาไม่อยากได้ แต่ว่าเขาไม่ให้ทาน ที่ว่า “ทานัง สัคคโส ปาณัง” ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “ทานเป็นบันไดให้ไปเกิดบนสวรรค์” เขาบอกว่ามันต่ำไป เอาบุญที่เป็นปรมัตถบารมีดีกว่า คือ

1. มีศีลบริสุทธิ์

2. สมาธิตั้งมั่นก็ระงับนิวรณ์

3. มีปัญญาแจ่มใสเพื่อตัดกิเลส



ก็เป็นการบังเอิญว่า ชาตินั้นเขายังไม่ได้เป็นพระอริยเจ้า ก็ต้องตายจากความเป็นคน ไปเกิดเป็นเทวดา ก็สงสัยอาจจะเป็นเทวดาคนจนก็ได้ ทิพยสมบัติอาจจะสู้ชาวบ้านเขาไม่ได้ ทีนี้ก็กลับมาเกิดใหม่ มาเกิดเป็นลูกหญิงแพศยา เป็นโสเภณี โสเภณีเวลานั้นถือว่าเป็นตระกูล เป็นอาชีพ ๆ หนึ่ง สังคมหรือสมาคมหนึ่ง แต่ว่าโสเภณีน่ะเขาต้องการเฉพาะลูกผู้หญิง เขาไม่เหยียดหยามเหมือนสมัยนี้ว่า โสเภณีเลว ไม่ใช่อย่างนั้น เขาถือว่าโสเภณีก็เป็นตระกูลหนึ่งที่มีศักดิ์ศรี พอออกมาเป็นลูกผู้ชายเขาไม่ต้องการ เขาก็เลยไปหมกป่าไว้ ทิ้งปล่อยให้ตาย ก็สืบตระกูลเป็นโสเภณีไม่ได้



เวลานั้นโสเภณีผู้ชายยังไม่มี ถ้าบังเอิญมีโสเภณีผู้ชายอย่างสมัยนี้ บางประเทศก็จะหากินคล่องเหมือนกัน เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของบุคคลแต่ละคน ก็รวมความว่าเขาเกิดมาไม่มีความสุข ถูกปล่อยแต่เขาก็ไม่ตาย เขาไม่ตายเพราะอะไร เพราะว่ามีบุญรักษา เขาจะเป็นอรหันต์ในชาตินี้ เขาถูกหมกอยู่อย่างนั้นไม่ตาย ถูกแวดล้อมไปด้วยสัตว์รักษาไว้ จนกระทั่งเป็นหนุ่ม เดินไปเดินมา เดินเที่ยวไปก็ไม่มีอะไรกิน แต่บุญรักษาเติบโตขึ้นมาได้โดยไม่ต้องกินอาหาร



ต่อมาวันหนึ่งเดินเข้าไปชายป่า เห็นคนเขาเอาอะไรมาฝังไว้ เป็นลูกเขาออกเอารกมาฝัง ก็แอบดู พอเขาไปแล้วก็ย่องเข้าไปขุด เห็นรกเด็กเลยนำรกมากิน ในชีวิตเขาได้กินเท่านั้นอย่างเดียว นี่การขาดทานบารมี หลังจากนั้นก็เดินไปเดินมา เห็นพระท่านมีความสุขเลยขอบวช พระอุปัชฌาย์ก็ให้บวช



ในเมื่อบวชแล้ว เวลาบิณฑบาตรตอนเช้า พระใหม่ก็ต้องเดินข้างหลังตามระเบียบ เพราะเดินตามอาวุโส ชาวบ้านใส่บาตรจากหน้า พอจะถึงองค์หลังข้าวหมดพอดี นี่อานิสงส์ของการไม่ให้ทาน ท่านก็เดือดร้อนไม่ได้กินข้าว อุปัชฌาย์ต้องแบ่งให้ ถึงอุปัชฌาย์จะแบ่งให้ หาเองไม่ได้ ใจก็ไม่สบาย



วันที่สอง ท่านอุปัชฌาย์บอกว่า “วานนี้เขาใส่หน้าไม่ถึงหลัง วันนี้คุณเดินข้างหน้า ทุกคนใส่จะต้องถึงคุณ” แต่ความจริงพระอุปัชฌาย์เป็นพระอรหันต์ อย่างต่ำก็ต้องเป็นวิชชาสามหรืออภิญญาหกแน่ เพราะรู้เรื่องในใจดี รู้กฎของกรรมดี ท่านต้องการพิสูจน์ผลว่าคนไม่ให้ทานนั้นมันมีผลเป็นอย่างไร



วันที่สอง ชาวบ้านบอกว่า “วานนี้เราใส่หน้าไม่ถึงหลัง วันนี้รวมกันใส่จากหลังมาหาหน้า” พอจะถึงองค์หน้าข้าวหมดพอดี แต่ความจริงเขาตั้งใจจะให้ถึง แต่กฎของกรรมมันบันดาลให้ตักข้าวหมด



วันที่สาม พระอุปัชฌาย์บอกว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณยืนกลางเขาจะใส่ทางไหนมันพอทั้งนั้น” เป็นอันว่าท่านยืนกลาง



วันที่สาม ชาวบ้านบอกว่า “วันต้นใส่หน้าไม่ถึงหลัง วันที่สองใส่หลังไม่ถึงหน้า วันนี้เราแบ่งเป็นสองพวก ใส่จากข้างหน้ามาหนึ่งพวก ใส่จากข้างหลังมาหนึ่งพวก” เขาก็ทำตามนั้น ปรากฎว่าทั้งสองพวกพอจะถึงองค์กลางข้าวหมดพอดี



วันที่สี่ พระอุปัชฌาย์บอกว่า “ยืนรองฉัน มันใส่แบบไหนถึงทั้งนั้น” ในวันต่อมา เขาใส่บาตรพระตามระเบียบ ใส่บาตรที่ 1 เขาไม่เห็นบาตรที่ 2 ไปใส่บาตรที่ 3 พอวันต่อมาพระอุปัชฌาย์บอกว่า “คุณยืนรองฉัน” ท่านเอามือจับบาตรไว้ เขาจึงเห็นบาตรของท่าน



นี่การให้ทานถ้าบารมีไม่เต็มจริง ๆ ถ้าไปโดนเข้าแบบนี้ เราจะถูกความหิวทรมานขนาดไหน แต่นั่นบังเอิญเป็นบารมีของท่านเต็มจะได้เป็นพระอรหันต์ ยังต้องถูกทรมานจิตใจแบบนั้น เห็นโทษเห็นทุกข์แห่งการเกิด พระอุปัชฌาย์แนะนำไม่นานนักท่านก็เป็นพระอรหันต์ เมื่อเป็นพระอรหันต์แล้วชาวบ้านก็เห็นบาตร เพราะเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว



นี่การให้ทานน่ะมีความสำคัญอย่างนี้นะ จงอย่าคิดว่าเราต้องการเฉพาะพระนิพพาน เราไม่ให้ทาน เราเอาเฉพาะศีลภาวนา อันนี้ไม่ได้ ท้องไม่อิ่มนี่มันภาวนาไม่ไหว มันจะตายเอา ดีไม่ดีมันเป็นโจร



การให้ทานของบรรดาท่านพุทธบริษัท เราจะต้องให้ ถ้าบุญบารมีของเรายังไม่เต็มเพียงใด เราก็เอาละ เราจะต้องใช้ต้องกิน แต่ถ้าบุญบารมีเต็ม เราก็จะมีความอุดมสมบูรณ์ อย่างตัวอย่างท่านพระสิวลี



ท่านพระสิวลีนี้ ชาติหนึ่งเป็นชาวป่า วันนั้นเป็นวันที่องค์สมเด็จพระสมัมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระพุทธกัสสป เทศน์บอกว่า



คนใดให้ทานด้วยตนเอง เมื่อตายไปชาติหน้า จะมีโภคสมบัติมากแต่ไม่มีบริวารสมบัติ (ตามที่เล่ามาแล้ว)

บุคคลใดชักชวนบุคคลอื่น แต่ไม่ให้ทานเอง จะมีพวกมากแต่ว่ายากจน

ให้ทานเองด้วย ชวนบุคคลอื่นด้วย เกิดไปชาติหน้าเป็นคนรวยด้วย มีพวกมากด้วย

แล้วก็ ไม่ให้ทานด้วยตนเองด้วย ไม่ชักชวนชาวบ้านด้วย เกิดเป็นคนยากจนไม่มีคนคบหาสมาคม ขอทานก็ยาก



ชาวบ้านจึงตั้งใจถวายทานกันอย่างหนัก มีทุกอย่าง แต่มันขาดน้ำผึ้งสด หาเท่าไรก็ไม่ได้ ตั้งคนไว้ที่ประตูเมือง 4 ประตู ให้เงินไว้ 1,000 กหาปณะ (เท่ากับ 4,000 บาทสมัยนี้) บอกว่า “ถ้าใครเอาน้ำผึ้งสดมา นำรวงผึ้งสดมาจะซื้อ จาก 1 กหาปณะ ไปจนถึง 1,000 กหาปณะ”



พอดีท่านสิวลีเป็นชาวป่า ท่านจะมาหาเพื่อนในเมือง ไม่มีอะไรติดมือมาก็เลยเอาผึ้งมารวมงหนึ่ง พอพวกนั้นเห็นเข้าก็ขอซื้อตั้งแต่ 1 กหาปณะ ถึง 1,000 กหาปณะ



ท่านบอกว่า “ฉันจะเอาไปให้เพื่อน” ก็สงสัยว่า ผึ้งรวงนี้จริง ๆ ราคาไม่ถึง 1 กหาปณะ แต่เจ้าคนนี้ให้มาก ๆ คงจะสติไม่ดีหรืออาจจะมีเหตุใดเหตุหนึ่งเกิดขึ้น มีความจำเป็น จึงถามว่า



“ทำไมพวกท่นสติไม่ดีรึ ไอ้ผึ้งรวงหนึ่งราคาตั้ง 1,000 กหาปณะ ใครเขาซื้อขายกัน ราคามันไม่ถึง 1 กหาปณะ”



เขาก็บอกว่า “พวกเราจะทำบุญ แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีหมด มันขาดอยู่น้ำผึ้งสดอย่างเดียว เราต้องการมีทุกอย่าง”



ท่านก็บอกว่า “ถ้าซื้อไม่ขาย แต่จะเอาไปให้เพื่อน แต่ว่าท่านจะให้ฉันร่วมบุญด้วย ฉันให้”



ท่านสิวลีก็ให้เป็นการปิดรายการครบถ้วนพอดี เขาขาดอย่างนั้น ท่านปิดพอดี มันก็ปิดให้เต็ม



หลังจากชาตินั้นมาแล้ว ท่านมาพบองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว เกิดในชาตินี้มาเกิดในชาติหลังนี่เขาบอกว่า ท่านพระสิวลีนี่ไม่เคยมีโรคเลย โรคภัยไข้เจ็บไม่เคยมี เป็นพระที่มีลาภจริง ๆ จะไปไหนก็ตาม คนก็ดี เทวดาก็ดี ปรารภพระสิวลี ถ้าพระสิวลีไปด้วย ไม่มีคำว่าอด จะมีความอุดมสมบูรณ์ แม้แต่เดินเข้าไปในป่าที่ไม่มีบ้าน



ในสมัยที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารจะเข้าไปเยี่ยมพระเรวัติในป่าสะแก ที่ว่าเป็นน้องพระสารีบุตร อายุ 7 ปี เป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ เวลาเดินเข้าไป ตอนจะไปเจอะถึงทางสองแพร่ง พระพุทธเจ้าจึงได้ถามพระอานนท์ว่า “อานนท์ ทางไปหาพระเรวัตไปทางไหน” ความจริงท่านทราบ พระอานนท์บอกว่า “ถ้าไปทางอ้อมทางนี้เดินทาง 60 โยชน์ มีบ้านบิณฑบาตรตลอด ทางนี้เป็นทางตรง เดินไป 30 โยชน์ ไม่มีบ้านใส่บาตร”



สมเด็จพระบรมโลกนาถจึงตรัสถามว่า “สิวลีมาหรือเปล่า” แต่ความจริงท่านก็รู้ว่ามา แต่ต้องการจะประกาศความดี



พระอานนท์ก็กราบทูลว่า “มาพระพุทธเจ้าข้า”



พอพระพุทธเจ้าตัดสินใจว่าจะไปทางตรงบรรดารุกขเทวดาและอากาศเทวดาทั้งหลาย ต่างคนต่างปรารภว่าเวลานี้หลวงพ่อสิวลีของเรามา ความจริงพระโมคคัลลาน์พระสารีบุตรก็ไป พระพุทธเจ้าเสด็จด้วย แต่เทวดาไม่ได้ปรารภถึงเลย ปรารภเฉพาะท่านพระสิวลี จึงเนรมิตเรือนแก้ว กุฏิเป็นที่พัก วัดเป็นที่พัก สำหรับพระ 500 รูป เป็นเรือนแก้วไว้แต่ละโยชน์ ๆ 1 โยชน์มี 1 วัด สร้าง 30 วัด เป็น 30 โยชน์



เมื่อพระพุทธเจ้าไปถึงวัดต่าง ๆ เขาก็แสดงตนเป็นคนธรรมดา พระพุทธเจ้าท่านรู้ นิมนต์พักวัดท่านก็พัก ตอนเช้าท่านนำอาหารการบริโภคเนรมิตจากจิตใจของเทวดา ไม่ต้องหุง ถวายพระอิ่มหนำสำราญ แต่การที่เขาถวายน่ะเขาปรารภพระสิวลีว่า “เราจะนำอาหารไปถวายหลวงพ่อสิวลีของเรา” เป็นอย่างนี้จนกระทั่งถึงสำนักของพระเรวัต



นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณร และญาติโยมพุทธบริษัท ท่านพระสิวลีให้ทานด้วยรวงผึ้งรังเดียวปิดรายการแต่ชาติหลัง ท่านมีความอุดมสมบูรณ์ คนที่มีความอุดมสมบูรณ์จะปฏิบัติธรรมมันก็ดี ทำอะไรก็ดีทุกอย่าง มีการคล่องตัว รวมความว่า มีความปรารถนาสมหวัง แม้แต่จิตใจคนบางประเภทก็ซื้อได้ แต่บางประเภทเราก็ซื้อใจเขาไม่ได้นะเงินน่ะ แต่บางประเภทเวลานี้ฟุ่มเฟือยมาก การซื้อก็ซื้อด้วยเงินสะดวก อันนี้มีประโยชน์มาก ฉะนั้น ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทหรือเพื่อนภิกษุสามเณร จงสนใจในการให้ทานให้มาก เพราะว่าการให้ทานนี่ไม่ใช่จะหวังเฉพาะการร่ำรวยอย่างเดียว การให้ทานเป็นปัจจัยของความสุข ทั้งโลกนี้และโลกหน้า



การให้ทานนี่ขอพูดถึงอานิสงส์ของการให้ทานสักนิดหนึ่ง คืออานิสงส์ของทานในชาติปัจจุบัน เราจะเห็นได้ชัด ๆ จริง ๆ นั่นก็คือว่า ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของบุคคลผู้รับ คือว่าคนผู้ให้มีโอกาสชื่นใจว่า เราได้ให้ทาน แต่ว่าบางคนน่ะ บางพวก จอมอกตัญญูไม่รู้คุณคนนี่เยอะเหมือนกันนะ อย่าลืมว่าผมโดนมาแล้ว โดนมาตลอดชีวิต ให้แล้วมันก็กัด แต่ผมก็ไม่ได้ผูกใจเจ็บ ผมถือว่าเป็นความชั่วของเขา ผมไม่ยอมชั่วด้วย ไอ้ผมนั้นก็เลวอยู่แล้ว ถ้าจะไปโกรธเขาเข้ามันจะเลวมากขึ้น มันจะแบกไม่ไหว เอาแค่ความเลวที่มีอยู่ มันก็เดินตุปัดตุเป๋ไปแล้ว เวลานี้ผมเดินตุปัดตุเป๋ไม่ตรงทาง หนักความชั่ว ความชั่วมีเยอะมหาศาล แต่ว่าพวกนั้นเขากลั่นเขาแกล้ง เขากินอิ่มเข้าไปแล้วเขาคิดจะฆ่าผม คิดจะไล่ผม เขาชุมนุมกันเยอะแยะ เวลาที่พูดอยู่นี่ก็ยังมีร้องเรียนไปที่ไหน ๆ ไปลงหนังสือพิมพ์ด่าบ้าง ฟ้องไปทุกระดับ จนกระทั่งสำนักนายก เขาหาว่าคนของผมโหดร้าย แต่ผมไม่เคยแตะต้องอะไรเขาเลย แต่พวกนี้เป็นอย่างไร ได้ประโยชน์มากเลย คิดว่าถ้าผมไปเสียแล้วเขาจะได้ประโยชน์จากผม หมายความว่าคนจะมาหาเขา เขาจะร่ำรวยเขานึกว่าผมรวย ก่อสร้างต่างๆ

นา ๆ ญาติโยมท่านให้สร้าง ญาติโยมท่านให้เก็บ แต่จริง ๆ การก่อสร้างนี่เหน็ดเหนื่อยหนักใจหนักกาย แต่เพื่อความดีของญาติโยม ผมไม่เหนื่อย ไม่หนัก ผมปลื้มใจ เพราะญาติโยมทำความดี ทุกคนเขาจะพ้นทุกข์กัน ฉะนั้น เราจะกักให้เขาอยู่ในแดนความทุกข์ยังไง ต้องสนองสนับสนุนตามที่พระพุทธเจ้าสนับสนุนแบบไหน เราทำกันแบบนั้น



นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทุกท่าน ต้องจำไว้ว่า การให้ทานน่ะมันก็มีการสะดุดแบบนี้ แต่เราจงอย่าคิด คิดอย่างเดียวว่าจิตใจของเราเป็นสุข สุขเพราะการเกื้อกูลแก่เพื่อน ในเมื่อเราให้เขา ถ้ามีคนรัก ไอ้คนรักเรามาก ๆ ก็มี ไม่ใช่เลว คนเลวมันน้อยกว่าคนดี ให้ทานแก่บุคคลที่รู้คุณคนนี่มี แต่เราอย่าไปคิด คิดอย่างเดียวให้ทานเพื่อเป็นการสงเคราะห์ เรามีน้อยเราให้น้อย เรามีมากเราให้มาก ให้พอควรอย่าให้เกินพอดี อย่าให้เบียดเบียนตนเอง อย่าให้ถึงกับตัวมีทุกข์ ผลแห่งการให้ทานจริง ๆ มันก็มีประโยชน์ใหญ่ ไปที่ไหนมีแต่คนรู้จัก ความจริงเราไม่รู้จัก จำเขาไม่ได้หรอก จำเขาไม่ได้จริง ๆ อย่างพวกท่านก็เคยไปกับผม ไปถึงญาติโยมก็มาหากัน ไปถึงก็หลวงพ่อ หลวงปู่ หลวงน้า ผมมองหน้าผมจำไม่ได้ แต่ว่าท่านมาด้วยความดี ผมปลื้มใจ ผมก็ดีใจ บางคราวท่านมากันมากในที่บางแห่ง จนกระทั่งผมฉันข้าวไม่ได้ ฉันข้าวไม่ได้ไม่ใช่ญาติโยมจะมากวนใจผมหรอก ผมปลื้มใจในความดีของญาติโยม



นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลาย การให้ทานน่ะ ชาติปัจจุบันเราก็มีความสุขมาก ทั้งนี้เพราะอะไร มีคนเขาสนใจเรามาก ประคับประคองเรามาก ป้องกันอันตรายให้ แต่อันตรายถ้ามันจะเกิดจากกฎของกรรม ก็อย่าไปโทษว่าทานไม่ช่วยนะ คิดไว้เสมอว่า กรรมที่เราทำไว้ในชาติก่อนมันตามมาเล่นงานเรายังไงก็ช่างมัน ชาตินี้ทำหนีมันไปให้ได้ อันดับแรกเอาทานบารมีเข้าชนกับมันก่อน เป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้เราพอมีความสุข คนที่เขาดีมีความกตัญญูรู้คุณ เขาก็ให้การประคบประหงมเรา ให้ความสนิทสนมกับเรา เป็นที่รักของเรา เราก็ชื่นใจในความสุข เว้นไว้แต่คนจังไรที่มีความอกตัญญูไม่รู้คุณ เขามีความทุกข์ปล่อยให้เขาทุกข์ไปฝ่ายเดียว เราอย่าทุกข์กับเขา ถ้ากำลังใจของเราอย่างนี้ก็ถือว่าเป็นทานที่มีกำลังยิ่งใหญ่ ชาตินี้มีความสุข ชาติหน้าจะยิ่งสุขยิ่งไปกว่านี้ ถ้าบังเอิญบารมีของเรายังไม่ถึงที่สุดในชาตินี้ ก็อาจจะไปตกในชาติหน้าอย่างท่านเมณฑกเศรษฐี กับคณะก็ได้


*****************
(คัดลอกมาจากหนังสือธัมมวิโมกข์ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ฉบับที่ 52 เรื่องบารมี 10)

ที่มา www.kaskaew.com

ทำนองเพลง ลาวม่านแก้ว



Create Date : 22 สิงหาคม 2552
Last Update : 22 สิงหาคม 2552 21:02:06 น. 64 comments
Counter : 667 Pageviews.

 
อัพบล๊อกแล้วเหรอค่ะ....เดี๋ยวอ่านนะ


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:21:04:41 น.  

 
กำลังอ่านอยู่เลย....จะให้นอนแล้วเหรอค่ะ
เดี๋ยวอ่านใ้ห้จบก่อนนะ


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:21:39:23 น.  

 
แวะมาราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณไผ่สีทอง
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

วันนี้ไปทำภาระกิจเกี่ยวกับศาสนาทั้งวันเลยค่ะเพิ่งถึงบ้านค่ะท่าน
เลยแวะทักทายกันดึกเลย


เหรอค่ะท่าน..

การให้ทาน ถ้าใจยังไม่หนักแน่นพอ
คนที่เรายังไม่ชอบใจอย่าเพิ่งให้
ให้แต่คนที่เรารักหรือคนที่เราไม่เกลียด

สำหรับคุณแคทบางครั้งก็อยากมีจิตใจที่..ไม่หนักแน่นพอค่ะท่าน
แต่บางครั้งรู้สึกสงสารเห็นใจในคนที่รู้สึกไม่ดีกับเราค่ะท่าน
เลยทำให้คุณแคท..มีการให้ทานกับบุคคลที่ไม่รักหรือเกลืยด
แบบไม่ใส่ใจค่ะท่าน

การที่คนเราทำอะไร..ย่อมรู้อยู่แก่ใจตัวเองเสมอ
ไม่ต้องหาคำบรรยายแก้ตัวหรือหลอกลวงกัน

วันนี้เราไม่รู้ในสิ่งที่เขาแสดงแต่ใจเขารู้..
เมื่อเราไม่ใส่ใจไม่ทุกข์ร้อน..แน่นอน
ใจเขาเองย่อมทุกข์ร้อน

คุรแคทคิดแบบนี้นะค่ะ
ช่วงนี้ปลงกับหลายสิ่งหลายอย่างมากเลยค่ะ
เพราะเราเจอะเจอ..กับสิ่งที่เราไม่เคยคิดมากมัง
กับการให้ที่ไม่หวังผล..แต่เสียความรู้สึก

เลยปล่อยวางค่ะท่าน
ถ้าเราให้ด้วยจิตใจที่มีกำลังใจที่สูง
เราย่อมไม่ทุกข์ในสิ่งที่เราให้กับคนที่ไม่รักเรา
ใช่ไหมค่ะท่าน



ใช่เลยค่ะท่านดังคำที่ท่านเขียนไว้เลย
..คุณแคทได้รับแบบนี้ละ

สุขเพราะการเกื้อกูลแก่เพื่อน ในเมื่อเราให้เขา
ถ้ามีคนรัก ไอ้คนรักเรามาก ๆ ก็มี
ไม่ใช่เลว คนเลวมันน้อยกว่าคนดี
ให้ทานแก่บุคคลที่รู้คุณคนนี่มี

แต่เราอย่าไปคิด คิดอย่างเดียวให้ทาน
เพื่อเป็นการสงเคราะห์ เรามีน้อยเราให้น้อย
เรามีมากเราให้มาก ให้พอควรอย่าให้เกินพอดี

อย่าให้เบียดเบียนตนเอง อย่าให้ถึงกับตัวมีทุกข์
ผลแห่งการให้ทานจริง ๆ มันก็มีประโยชน์ใหญ่
ไปที่ไหนมีแต่คนรู้จัก ความจริงเราไม่รู้จัก

อนุโมทนา..ในสิ่งดีดีที่นำเสนอเพื่อจิตใจเพื่อนมนุษย์ค่ะท่าน

แคทรียา




โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:21:46:43 น.  

 
อนุโมทนาบุญด้วยคะ..

ส่วนมากเลิฟจะได้ทำทานกะขอทานคะ
ทานอย่างอื่นไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำ
อย่างนี้ พอใช้ได้มั้ยคะ

ฝันหวานคะพี่ไผ่..


โดย: อาลีอา วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:21:59:57 น.  

 
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า แม้วัตถุทานจะบริสุทธิ์ เจตนาในการทำทานจะบริสุทธิ์ดี จะทำให้ท่านนั้นมีผลมากหรือน้อย ย่อมขึ้นอยูี่กับเนื้อนาบุญเป็นลำดับต่อไปนี้ คือ

1. ทำทานแด่สัตว์เดรัจฉาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแด่มนุษย์ แม้จะเป็นมนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมเลยก็ตาม ทั้งนี้เพราะสัตว์ย่อมมีบุญวาสนาบารมีน้อยกว่ามนุษย์ และสัตว์ไม่ใช่เนื้อนาบุญที่ดี

2. ให้ทานแด่มนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมวินัย แม้จะให้มากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าว แก่ผู็ที่มีศีล 5 แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

3. ให้ทานแด่ผู้มีศีล 5 แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแด่ผู้มีศีล 8 แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

4. ให้ทานแด่ผู้ที่มีศีล 8 แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแด่ผู้ที่มีศีล 10 คือ สามเณรในพระพุทธศาสนา แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม

5. ถวายทานแด่สามเณรซึ่งมีศีล 10 แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแด่พระสมมติสงฆ์ ซึ่งมีศีลปาฏิโมกข์สังวร 227 ข้อ

6. ถวายทานแด่พระสมมติสงฆ์ แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่า การถวายทานแด่พระโสดาบัน แม้จะได้ถวายทานดังกล่าว แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม

7. ถวายทานแด่พระโสดาบัน แม้จะมากถึง 100 ครั้งก็ยังได้บุญน้อยกว่า การถวายทานดังกล่าวแด่พระสกิทาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม

8. ถวายทานแด่พระสกิทาคามี แม้จะมากถึง 100 ครั้งก็ยังได้บุญน้อยกว่า การถวายทานดังกล่าวแด่พระอนาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม

9. ถวายทานแด่พระอนาคามี แม้จะมากถึง 100 ครั้งก็ยังได้บุญน้อยกว่า การถวายทานดังกล่าวแด่พระอรหันต์ แม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม

10. ถวายทานแด่พระอรหันต์ แม้จะมากถึง 100 ครั้งก็ยังได้บุญน้อยกว่า การถวายทานดังกล่าวแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม

11. ถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะมากถึง 100 ครั้งก็ยังได้บุญน้อยกว่า การถวายทานดังกล่าวแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม

12. ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะมากถึง 100 ครั้งก็ยังได้บุญน้อยกว่า การถวายสังฆทานที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะถวายสังฆทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม

13. การถวายสังฆทานที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่า การถวายวิหารทาน แม้จะได้กระทำแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม วิหารทานได้แก่การสร้างหรือร่วมสร้างโบสถ์ ศาลาการเปรียญ ศาลาโรงธรรม ศาลาท่าน้ำ ศาลาที่พักอาศัยคนเดินทางอันเป็นสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ ร่วมกัน
อนึ่ง การสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์หรือสิ่งที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่ว มกัน แม้จะไม่เกี่ยวเนื่องกับกิจในพระพุทธศาสนา เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน บ่อน้ำ แท็งก์น้ำ ศาลา ป้ายรถยนต์โดยสารประจำทาง สุสาน เมรุเผาศพ ก็ได้บุญมากในทำนองเดียวกัน

14. การถวายวิหารทาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง (100 หลัง) ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ธรรมทาน แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม การให้ธรรมทาน ก็คือ การเทศน์ การสอนธรรมะแก่ผู้อื่นที่ยังไม่รู้ ให้ได้รู้ ที่รู้อยู่แล้วให้รู้ยิ่ง ๆ ขึ้น ให้ได้เข้าใจในมรรคผลนิพพาน ให้ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฐิ ได้กลับใจเป็นสัมมาทิฐิ ชักจูงผู้คนให้เข้าปฏิบัติธรรม รวมตลอดถึงการพิมพ์ การแจกหนังสือธรรมะ

15. การให้ธรรมทาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ "อภัยทาน" แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม การให้อภัยทาน ก็คือ การไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร ไม่พยาบาท คิดร้ายผู้อื่นแม้แต่ศัตรู ซึ่งได้บุญกุศลแรงและสูงมากในฝ่ายทาน เพราะเป็นการบำเพ็ญเพียร เพื่อละ "โทสกิเลส" และเป็นการเจริญ "เมตตาพรหมวิหารธรรม" อันเป็นพรหมวิหารข้อหนึ่ง ในพรหมวิหาร 4 ให้เกิดขึ้น อันพรหมวิหาร 4 นั้น เป็นคุณธรรมที่เป็นองค์ธรรมของโยคี บุคคลที่บำเพ็ญญาณและวิปัสสนาผู้ที่ทรงพรหมวิหาร 4 ได้ย่อมเป็นผู้ทรงฌาณ ซึ่งเมื่อเมตตาพรหมวิหารธรรมได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อใด ก็ย่อมละเสียได ้ซึ่ง "พยาบาท" ผู้นั้นจึงจะสามารถให้อภัยทานได้ การให้อภัยทานจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และยากเย็น จึงจัดเป็นทานที่สูงกว่าการให้ทานทั้งปวง
อย่างไรก็ดี การให้อภัยทาน แม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้ทานอื่น ๆ ทั้งหมด ผลบุญนั้นก็ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า "ฝ่ายศีล" เพราะเป็นการบำเพ็ญบารมีคนละขั้นต่างกัน กล่าวคือ หากผู้ที่ให้ทานนั้นเป็นคนมีศีล มีธรรม อานิสงฆ์แห่งทานนั้นก็จะทวีคูณยิ่งๆขึ้นไป
..


โดย: หมึกสีดำ วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:22:07:06 น.  

 
มารายงานตัวค่ะพี่ไผ่


ไอศกรีมของพี่ไผ่น่าทานจังเลยค่ะ สงสัยพรุ่งนี้หนูต้องไปทานเซเวนเซนแล้วอะคะ อยากทานจังเลยค่ะ


หนูชอบเรื่องทานที่พี่ไผ่อัพจังเลยค่ะ อ่านเพลินเลย

ขอบคุณนะคะสำหรับสิ่งดีๆ



โดย: tukta (tukta510 ) วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:22:37:13 น.  

 






โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:22:50:23 น.  

 
มาอนุโมทนา ก่อนนอนค่ะ คุณไผ่




โดย: นายกุหลาบ วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:23:06:20 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่ไผ่

ผู้ให้มีโอกาสชื่นใจว่า เราได้ให้ทาน
ให้แล้วรู้สึกเป็นสุข ที่ได้ให้ค่ะ

โมทนานะคะ


โดย: พ่อระนาด วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:7:07:35 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่ไผ่
















โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:7:45:10 น.  

 
++อรุณสวัสดิ์ยามเช้าค่ะคุณไผ่สีทอง-หมึกสีดำ++

น่ารักม๊ากกกเลยค่ะแวะทักทายกันแต่เช้าเลย
ตื่นเช้าดีจังเลยนะค่ะ
สำหรับคนไม่มีพันธะ..
อ้าวววว..คิดถูกไหมค่ะนิ



โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:7:52:50 น.  

 
อ้าววว..ลืมตอบไปค่ะ
คุณแคทขออภัยทานเลยได้ไหมค่ะนิ

แต่บางครั้งมีความรุ้สึกว่าไม่สบอารมณืกับสิ่งที่เกิด
ถึงว่ายังคงมีความพยาบาทในใจไหมค่ะนิ
ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้คิดว่ามีความพยาบาทแต่ยังรู้สึกไม่สบอารมณ์
ว่า**คิดได้ไง..ทำได้ไง..จิตใจเป็นคนแบบไหนนะนิ**

ว่าไปนั้น






โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:7:57:45 น.  

 
ตื่นตั้งนานแล้วจ้า.......


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:7:57:56 น.  

 
ทุกสิ่งจบสิ้นลงที่ความายวุ่นวายทำไม


มาอ่านต่อค่ะ


โดย: อาลีอา วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:8:11:57 น.  

 
สวัสดีค่ะ...คุณไผ่ขา
เมื่อคืนไม่ได้เข้ามาเลยค่ะ
ขอบคุณที่ไปส่งธัญเข้านอนนะคะ

ธัญทำทั้งบุญและทานเลยค่ะ
และมักจะชวนเพื่อนทำด้วยเสมอๆค่ะ
เคยมีคนบอกกล่าวไว้เช่นนี้เหมือนกันค่ะ
ได้มาอ่านทบทวนอีกก็ซาบซึ้งขึ้นค่ะ
ขอบคุณนะคะกับบทความดีๆแบบนี้
อนุโมทนาบุญกับคุณไผ่ด้วยนะคะ

วันนี้หยุดพักผ่อนกันอีกหนึ่งวันนะคะ



โดย: tanjira วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:8:45:23 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ยายได้อ่านแล้ว ดีมาก และจะนำไปฏิบัติ
ยายอยากทราบว่า มีบุคคลเข้าวัดประจำ แต่
คนหนึ่งพอพระฉันท์เสร็จ รีบเก็บเอาผลไม้ที่ตนเองชอบใส่ถุงเอากลับบ้าน อีกคนก็รีบเอาช่อดอกไม้สวยๆที่เขานำมาบูชาพระ กลับไปจำนวนหนึ่ง เป็นประจำทุกวัดพระ ยายนั่งคิดนะ ไม่ได้อิจฉา เออเขายัง
มีความโลภ หรือว่าของเหล่านี้เป็นของเหลือกินเหลือใช้เอาไปเป็นประโยชน์กับเขาได้อีก อธิบายหน่อยซิค่ะ ว่าได้บาป หรือได้บุญ...


โดย: กัดหมอน (กัดหมอน ) วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:8:57:22 น.  

 
- หวัดดียามสายๆ ครับ

- ตอนนี้ผมมีแต่เพื่อนๆ แต่ทรัพย์กลับตรงกันข้ามเลยครับ


โดย: พี่รี่+ต๊อก วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:10:52:00 น.  

 
หนีไปเที่ยวไหนแล้วหนอ......
มาชวนทานมื้อเที่ยงค่ะ.......นี้เลยเพิ่งทานเสร็จ
เมื่อตะกี้.......



โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:11:13:45 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ คุณยาย
คุณยายกลับมาแล้ว ดีใจจังเลยครับ
จะได้เข้ามาให้กำลังที่บล็อกทุกวัน

เรื่องบุญเรื่องบาป ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนใช่มั๊ยครับ
เราให้ เราถวายของ เราก็ย่อมได้บุญ ก็คือเราทำความดีนั่นเอง

ส่วนเรื่องบาปก็คือ การทำความชั่ว

ความดี ความชั่ว นั้นก็อยู่ที่ กาย วาจา ใจ

เราเอาของไปถวายพระ บุญก็ย่อมเกิด ใจเราก็เป็นสุข

ส่วนของที่ถวายให้พระไปแล้ว เรียกว่า ของสงฆ์

หากพระท่านจะให้ต่อ ทานต่อ ก็ไม่เป็นไรครับ

หากพระท่านยังไม่ได้อนุญาต ถ้ามีคนไปเอา ก็ถือว่าได้กระทำความชั่ว ก็ถือได้บาป เป็นหนี้สงฆ์
หรือแม้แต่ จะไปเอาอะไรก็ตามในเขตวัด ก็ถือว่าเป็นหนี้สงฆ์หมด

ต่อไปภายหน้า ต้องมาชำระหนี้สงฆ์ให้หมดครับ กรรมถึงจะจบสิ้น

ความอยากได้ ใคร่มีทุกๆประการ เรียกว่า ความโลภใช่มั๊ยครับ คุณยาย

แล้วที่เราให้ทาน ก็เพื่อต้องการตัดความโลภของเรานั่นเอง ใช่มั๊ยครับ คุณยาย

วันหยุดดีจัง ขอให้คุณยาย แข็งแรงๆ นะยายนะ


โดย: หมึกสีดำ 23 สิงหาคม 2552 11:04:09 น.


โดย: หมึกสีดำ วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:11:14:21 น.  

 
อยู่บ้านค่ะวันนี้......มื้อเที่ยงก็ซื้อมาทานที่บ้าน
วันนี้คงไม่ไปไหนมั่ง....ขี้เกียจออก
เมื่อวานเข้าไปดูเวปหนึ่งเรื่องถอดกายทิพย์ ก็ดีค่ะ
ลองทำแล้ว ก็ok แต่อยากฝึกดูกายทิพย์ของคนอื่นมากกว่า......


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:11:35:51 น.  

 


หวัดดี วันอาทิตย์ค่ะพี่ไผ่
บุญรักษา พระคุ้มครองนะคะพี่
มีความสุข สงบ ร่มเย็น มาก ๆ นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:11:41:36 น.  

 
ไม่เห็นอะไรเลยค่ะ.....เห็นแต่ตัวเอง
คงต้องฝึกอีกนาน


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:12:17:43 น.  

 
สวัสดีธรรมะดีๆค่ะ คุณไผ่ สาวกลับมาแล้วนะค่ะ ขอบคุณที่ห่วงใยกันเสมอ


โดย: sawkitty วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:12:17:51 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ต้องปฏิบัติแบบให้และชักชวนคนอื่นด้วยเนาะถึงจะดี
ขอบคุณค่ะที่นำข้อมูลดีๆมาฝาก จะนำไปพยามปฏิบัติให้ได้ค่ะ

มีความสุขกับวันหยุดนะคะ ฝนจะตกอีกแล้ว
คิดถึงเสมอค่ะ



โดย: busabap วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:12:32:33 น.  

 
ธรรมะสวัสดีค่ะ คุณไผ่

ก็ขอบคุณอีกครั้ง (และคงทุกครั้งที่เข้ามาทักคุณไผ่นั่นแหละ) ที่ไปทักทายพร้อมเสิร์ฟอาหาร ของว่างรวมถึงน้ำหวานๆ สวยๆ ตลอด และส่งเข้านอนบ่อยๆ ค่ะ

วันนี้มาอ่านอานิสงส์ของการให้ทาน ก็รู้สึกเป็นสุขค่ะ เพราะครูเดียวก็ทำทานเท่าที่โอกาสจะอำนวยค่ะ

และทุกครั้งของการทำทานก็จะทำโดยตนเองมีจิตสงสารและเห็นใจ ต้องการให้เขามีความสุขค่ะ เมื่อทำแล้วก็รู้สึกดีทันทีค่ะ

ทราบว่าทานมีหลายแบบเช่นกัน เอาเป็นว่า ครูเดียวขอเข้าใจง่ายๆ ว่าทานคือ "การให้" เมื่อใดที่ครูเดียว "ให้" โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน "ให้" โดยต้องการให้ผู้รับมีความสุขขึ้น ก็คิดว่า เมื่อนั้นครูเดียวก็ทำทานที่ดีแล้วล่ะค่ะ

อัพบล้อกแบบนี้บ่อยๆ นะคะ ครูเดียวชอบอ่านค่ะ ^^ แต่ไม่รู้ว่าจะมีเวลาเข้ามาอ่านบ่อยแค่ไหน


โดย: deawdai วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:12:40:46 น.  

 
แพทแวะมาส่งความคิดถึงแพทอยู่ศรีราชาค่ะพี่ไผ่..เจอกันวันจันทร์นะคะ..


โดย: ตัวp_box วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:12:59:47 น.  

 
ธรรมะวันเสาร์


โดย: ฟ้าทลายโจร (ป้าอิ่ม ) วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:13:05:57 น.  

 
ขอบคุณค่ะ...แหมตอนนนี้ถ้าได้จริงๆนะ


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:13:56:53 น.  

 
555555555555...ท่านหมึกสีดำ..ผู้หยั่งรู้
รู้ทั้งรู้ว่าคิดถูกได้ไง
หุหุหุ...



สิ่งที่ท่านคอมเมนต์..ทำให้ใจแม่นาง..หัวเราะกร๊ากกก
คนนะค่ะท่านไม่ช่ายหุ่นยนต์..
ตั้งระบบโปรมแกรมไว้เรียบร้อยเชียวนะ


หรือถ้าทางธรรมเขาเรียกว่า
มีวิบากกรรมมาแต่ชาติก่อนไหมค่ะนิ
เป็นระบบ..เวียนว่ายตายเกิดเลยค่ะ
เลยไม่ต้องกะเกณฑ์อะไรมาก..ตามนั้นเลยย


มีบ้านเป็นห่วงผูกขา
มีแฟนเป็นห่วงผู้แขน
มีลูกเป็นห่วงผู้คอ

เหออออออออออ
มีตัวตนแห่งตนเป็นห่วง..รัดตัว...จ๊ากกกกกกกก




ก็คุณแคทมีอนิสงฆ์ของทานนิค่ะ
ข้อไหนดีละ
อิอิอิ


อานิสงส์ของทานในชาติปัจจุบัน
เราจะเห็นได้ชัด ๆ จริง ๆ นั่นก็คือว่า
ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของบุคคลผู้รับ
คือว่าคนผู้ให้มีโอกาสชื่นใจว่าได้ให้ไม่หวัง
สิ่งใด



โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:16:13:28 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณไผ่
อ่านแล้วค่ะ ได้ทั้งความรู้และสนุกสนาน
ขอจำไปเล่าให้ลูกสาวฟังนะค่ะ


โดย: ชีวิตมีลีลา วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:16:56:23 น.  

 
ทักทาย - Hi5 กราฟฟิคสำหรับคอมเมนต์
ได้ความรู้ดีจัง



โดย: หนูดำจำมัย วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:17:07:05 น.  

 
เพิ่งกลับมาจากศรีราชาเหนื่อยมั๊กๆ..พรุ่งนี้เจอกันนะคะพี่ไผ่..


โดย: ตัวp_box วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:17:57:07 น.  

 
ขอบคุณคร้า...
ว่าจะลดมื้อเย็นวะกะหน่อย
เจอฟรุ๊ตสลัด

ว้าววววววววววววว
หยวนนะคงขึ้นไม่แยอะแค่ขึ้นมา 5กก..เอง
เหอออออออออออออ



มามะกำลังจะทำหมูกระทะทานกันที่บ้านค่ะท่าน

มีบ้านเป็นห่วงผูกขา
มีแฟนเป็นห่วงผู้แขน
มีลูกเป็นห่วงผู้คอ

555555555555
วันนี้เลยไม่ไปดินเนอร์นอกบ้านซะงั้น
บ้านใหม่บรรยากาศใช่เลยค่ะหลังบ้านติดคลอง
ใกล้สโมสร..ทานเสร็จว่ายน้ำกันไปเลย
ว้าวววววววววววว


โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:18:08:21 น.  

 
เห็นป้าข้างบ้านท่านนำพระประธาน(ทางวัดสร้างแจก) ไปถวายตามวัดกันดารหลายองค์แล้ว โดยหวังว่า ตายไปจะได้ขึ้นสวรค์(ทำบุญหวังผลตอบแทน) อย่างนี้ถือว่าได้บุญรึป่าวคะ


โดย: พี่นู๋อ้อ (pinuaoo2006 ) วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:18:09:09 น.  

 
555 แอลกอฮอล์ฝีมือลูกศิษย์ครูเดียวทำออกมาแบบรุ่น limited ค่ะคุณไผ่ แบบว่ามีอยู่เพียง 60 ขวดเท่านั้น

ราคานั้น เด็กๆ บอกว่าครูเดียวตั้งราคาสูงจัง แหะๆ ก็ให้เหตุผลไปว่า ขวดสวยๆ ที่เห็นเนี่ย ทุนทั้งนั้นค่ะ แพงที่ขวดนี่แหละค่ะ ขนาดขายส่งนะคะ ไม่มีลวดลายอะไรก็ตกขวดละ 26 บาทแล้วค่ะ ครูเดียวเลยต้องตั้งราคาไว้ไม่ต่ำกว่า 30 บาทต่อขวดค่ะ

ตอนที่ขายครูเดียวบอกเด็กๆ ว่า ถ้าน้องๆ ซื้อสองขวดก็ลดราคาเลยค่ะ ยิ่งถ้าได้ทุนคืนครบแล้วก็ให้ขายตามใจชอบไปเลยค่ะ 555

ครูเดียวลงทุนให้ เอาแค่ทุนคืน ส่วนกำไรเด็กๆ นำไปแบ่งกันหมดค่ะ เด็กๆ ขายหมดภายในเวลาไม่นานค่ะ และมีความภูมิใจที่ได้ทำ ได้ขาย แถมได้เงินอีกต่างหากค่ะ

เอาไว้คุณไผ่นำความรู้ในบล้อกนั้นของครูเดียวไปลองทำใช้เองได้นะคะ ไม่ต้องซื้อหาเจลราคาแพงเลยค่ะ


โดย: deawdai วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:18:22:04 น.  

 
ตอนนี้อ่านสนุกดีครับ อ่านแล้วอยากร้องเพลง ...พี่...คนนี้นะมีแต่ให้...


โดย: JohnV วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:18:22:08 น.  

 

เพลงลาวม่านแก้วนี่ฟังเพลินดีจริงๆนะคะ



ค่ำนี้อาบน้ำอุ่นแล้วกันนะคะ

น้ำพุร้อน"ควนแคง"(แปลว่า..ภูเขาตะแคง)
อ.กันตัง จ.ตรัง


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:18:30:07 น.  

 
สวัสดีตอนเย็นค่ะ.....ถ้าเป็นเมื่อก่อนป่านนี้ก็
ได้ทานข้าวเย็นละ



โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:18:45:32 น.  

 


แวะมาทักทายเย็นวันอาทิตย์ค่ะ


โดย: redclick วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:19:55:06 น.  

 
สวัสดีค๊ะ เพิ่งกลับมาจากทำบุญ

เลยเวะเอาบุญมาฝากพี่ไผ่ค๊ะ...



โดย: หมวยเล็ก_รักไม่ช่วยอะไร วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:20:28:21 น.  

 
ราตรีสวัสดิ์ครับพี่



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:22:08:24 น.  

 
เมื่อวานนี้ได้ถวายสังฆทานแล้วค่ะ
เอาบุญมาฝากค่ะ


โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:22:09:57 น.  

 
- หวัดดียามดึกครับ

- บางครั้งก่อนนอนหลับ ผมจะได้ยินและรู้สึกถึงหัวใจด้วยเองด้วยครับผม


โดย: พี่รี่+ต๊อก วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:23:03:03 น.  

 
พี่ไผ่ขา วันนี้ส่งหนูเข้านอแต่หัวค่ำเลยนะคะ


พรุ่งนี้ทำงานแล้วสิคะ ฝันดีนะคะพี่ไผ่


โดย: tukta (tukta510 ) วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:23:03:42 น.  

 
มาราตรีสวัสดิ์ค่ะ
แต่สงสัยจขบ.คงหลับฝันดีแล้วล่ะ



โดย: busabap วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:23:22:09 น.  

 
สวัสดีคืนรัตติกาลค๊าพี่ไผ่ คนดี

โหงานเขียนนี้อ่านแล้วดีมากเรยยเรื่องการทำทาน
วันอาทิตย์พีที่สำนักงานก็ไปทำทานกับไหว้พระ
9วัดกัลล์ล่ะพี่ไผ่ แต่แพมไม่ได้ไปติดเรียนค่ะ
การทำบุญเก้าวัดที่นิยมอันนั้นก็ได้บุญด้วย
จิตอันบารมีกุศลด้วยรึป่าวค่ะพี่
ให้พี่เรามีความสุขฝันดีนะค่ะ








โดย: mastana วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:23:52:53 น.  

 
พี่ไผ่ขา วันนี้หนูอัพบล๊อค แล้วนะคะ ไปติดตามความแสบของนักเรียนหนูกันนะคะ


โดย: tukta (tukta510 ) วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:0:20:46 น.  

 
สวัสดีรุ่งอรุณ...
ขอบใจจ้า คนพวกนั้นคงต้องชดใช้กรรมไปอีก
อยากจะไปเตือนเขา แต่คงไม่กล้าหรอก นอกจากนั่งมองเฉยๆ แล้วก็ปลงอนิจจังใช่ไหมค่ะหลาน...


โดย: กัดหมอน (กัดหมอน ) วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:5:21:04 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่ไผ่











โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:5:51:15 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


สวัสดีเช้าวันจันทร
วันแรกของสัปดาห์นะค่ะคุณไผ่

เสาร์ - อาทิตย์ ฝิ่นถูกหยุดพักกิจกรรมหน้าคอมค่ะ
ทำได้เพียงเช้าวันเสาร์อัพบล็อกไว้เท่านั้น
หลังจากนั่นก็ไม่มีโอกาสได้เกาะหน้าคอมเลย
อาหมอบอกว่า
สุขภาพดี ๆ ไม่มีใครทำแทนเราได้
นอกจากตัวของเราเอง
คุณไผ่ก็เช่นกันนะค่ะ
รักษาสุขภาพดี ๆ ไว้ให้อยู่กับตัวเองนาน ๆ


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:6:45:04 น.  

 
สวัสดีตอนเช้านะค่ะ........



โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:7:01:25 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ยามเช้าวันทำงานค่ะ มีความสุขตลอดสัปดาห์นะค่ะพี่


โดย: sawkitty วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:7:13:28 น.  

 
สวัสดีค่ะ..คุณไผ่ขา

ขอบคุณนะคะที่ไปส่งธัญเข้านอน
ธัญเลยชงชามาแทนคำขอบคุณค่ะ
พร้อมดอกไม้สวยๆมาฝากคุณไผ่ค่ะ

วันนี้คุณไผ่มีความสุขกับวันและเวลาดีๆนะคะ


โดย: tanjira วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:7:32:04 น.  

 
วันนี้โดนขับรถปาดหน้าต้องกลับมานั่งสมาธิระงับอารมณ์สักหน่อย..มาบล็อกพี่ไผ่ช่วยได้มากเลยจ้า...กิกิ..มาถึงก็บ่นเลย...

มีความสุขมากๆนะคะพี่ไผ่..


โดย: ตัวp_box วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:8:00:45 น.  

 
สวัสดีคะพี่ไผ่

ทานอันใดเล่าฯ จะสูงเท่า
" อภัยทาน "

แวะมาทักทายคะ
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มีเวลาเท่าไร
แต่ก็มาเขียนประสบการณ์ได้อยู่คะ


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:9:20:50 น.  

 
ไม่ชอบเล่นไฟค่ะ....มันร้อน
ชอบแสง....มีหลายมิติดี


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:10:34:58 น.  

 
Photobucket

แวะมาเยี่ยมตอนเย็นๆ ทานข้าว ยังคะ คุณไผ่


มาอนุโมทนา นะคะ





โดย: นายกุหลาบ วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:15:50:23 น.  

 
หลังไมค์ค่ะ......


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:16:46:34 น.  

 



แวะมาบอกว่า...คิดถึงค่ะพี่ไผ่...


โดย: หนุ่มน้อยแห่งลุ่มแม่น้ำบางปะกง วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:17:41:19 น.  

 


อย่าพูดทำลายความหวังของใครเขา
เพราะนั่นอาจจะเป็นความหวังเดียวที่เขามีอยู่

หลวงปู่ดู่


นำความคิดถึงมาฝากค่ะคุณไผ่
ขอบพระคุณที่แวะไปเยี่ยมเยียนกันสม่ำเสมอค่ะ


คมคำ : จงหันหน้าสู้กับปัญหา.....จัดการกับสาเหตุ
และอย่าท้อถอย





โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:19:12:29 น.  

 
แวะเข้ามาทักตอนเย็นค๊ะ ^___^ ทานอารัยหรือยังค๊ะ


โดย: หมวยเล็ก_รักไม่ช่วยอะไร วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:20:27:19 น.  

 

หวัดดีคุณไผ่ ยามเย็นค่ะ
เมื่อเช้าฟังข่าวช่อง 3 หรือ ตามหน้า นสพ.
นึกว่า"คุณไผ่"ไปเที่ยวผับเที่ยวซอยทองหล่อ มาซะอีกค่ะ



"ปลาดาว"
ที่ชายหาดมดตะนอย ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:20:51:56 น.  

 
คุณไผ่....อยู่เปล่า


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:21:03:08 น.  

 
แวะมาอ่านอานิสงส์ของทานค่ะ เคยถวายน้ำผึ้งหลายครั้งเหมือกันค่ะ ชอบอีกแล้วค่ะฮิฮิ อนุโมทนาสาธุค่ะ อยู่ไกลวัดทุกวันนี้จะถวายน้ำ,จตุปัจจัยที่หิ้งพระทุกวัน และผลไม้ค่ะ นานๆจะไปวัดทีค่ะ แวะมาราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณไผ่ นอนหลับฝันดีค่ะ


โดย: Budratsa วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:22:51:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมึกสีดำ
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หมึกสีดำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.