ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
17 กุมภาพันธ์ 2555

คันก้น ... จะแก้อย่างไร







มักมีอาการคันรอบๆ ทวารหนัก บางครั้งรู้สึกว่าคันในรูทวารด้วย เคยถ่ายพยาธิแล้วก็ยังไม่หาย อาการคันแบบนี้เกิดได้อย่างไร
        
อาการคันรอบๆ ทวารหนักพบได้บ่อย โดยอาจคันที่รอบๆ
หรือคันเข้าไปในรูทวารหนักก็ได้ มักจะเกิดกับเพศชายมากกว่าเพศหญิง
แต่ถ้าเกิดกับเด็กและสตรีมักพบว่าจะมีอาการคันอวัยวะสืบพันธุ์ร่วมด้วย
โดยสาเหตุเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยดังนี้

      1. การทำความสะอาดบริเวณนี้ไม่ดีพอ ซึ่ง
เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด
ฉะนั้นหลังการขับถ่ายจึงต้องทำความสะอาดด้วยการชำระล้างทุกครั้ง
โดยถ้าหากใช้สบู่แนะนำให้ฟอกสบู่กับมือจนเป็นฟองก่อน
เพราะหากใช้ก้อนสบู่ถูโดยตรงจะเกิดอาการระคายเคืองและมีเศษสบู่ตกค้างได้
ส่วนการใช้กระดาษชำระอย่างเดียวมักจะไม่สะอาดเพียงพอและการเช็ดแรงๆ
ก็จะทำให้เกิดอาการคันได้ สำหรับกระดาษชำระชนิดเปียกที่เรียกกันว่า wipes
ก็จะมีส่วนผสมของยากันเสีย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้และระคายเคือง
นอกจากนี้การนอนแช่น้ำสบู่ในอ่างหรือใช้สบู่ที่ใส่น้ำหอมมากๆ
ก็อาจทำให้ผิวระคายเคืองและคันได้มากขึ้น

      2. การรับประทานอาหารที่ใส่เครื่องเทศ
อาหารรสจัด แอลกอฮอล์ กาแฟ น้ำชา เครื่องดื่มที่เป็นกรด ซอสมะเขือเทศ
(Ketchups) เนยแข็ง ผลิตภัณฑ์จากนม ช็อกโกแลต ถั่ว กุ้ง
และสัตว์น้ำประเภทที่มีเปลือก ก็ทำให้อาการคันทวารหนักกำเริบได้

      3. อาการท้องเสียจนต้องถ่ายบ่อยๆ อาการ
ท้องผูกจนมีก้อนอุจจาระแข็ง การเสียดสีจากเสื้อผ้า เช่น
นุ่งกางเกงยีนส์คับๆ การขี่ม้า การขี่จักรยาน ริดสีดวงทวารหนัก ฝีคัณฑสูตร
ล้วนมีส่วนในการทำให้คันได้
ส่วนคนที่เป็นพยาธิเส้นด้ายจะมีอาการคันมากตอนกลางคืน
เพราะพยาธิตัวเมียจะคลานออกจากลำไส้มาวางไข่ที่ผิวหนังรอบทวารหนัก
นอกจากนี้การติดเชื้อรา เชื้อยีสต์
แม้กระทั่งเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่ หรือเริม
ก็ทำให้เกิดอาการคันแบบนี้ได้เช่นกัน

      4. โรคผิวหนังบางชนิด เช่น
โรคสะเก็ดเงินที่มีปื้นแดงและมีขุยขาวหนา หรือโรคเซ็บเดิร์ม
ซึ่งเป็นรังแคของผิวหนัง ที่มักเป็นตามร่องก้นและรอบทวารหนัก
ก็ทำให้เกิดอาการคันบริเวณก้นได้บ่อย รวมถึงพบว่าโรคภายใน เช่น
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคขาดแคลนสารไนอาซิน ภาวะขาดวิตามินเอและวิตามินดี
เบาหวาน ตลอดจนอาการแพ้ยาก็ทำให้คันได้
เช่นเดียวกับผู้ที่กินยาแก้อักเสบชนิดเต็ตตราไซคลินเพื่อรักษาสิว
เพราะยาจะทำลายแบคทีเรียเจ้าถิ่นที่คอยคุ้มครองผิวหนังอยู่
ทำให้เชื้อยีสต์และเชื้อแบคทีเรียแปลกปลอมโตเร็วขึ้น
จึงเกิดอาการคันก้นได้บ่อย

      5. ความเครียดก็ทำให้คันได้ ด้วยเหตุนี้นักบริหารระดับสูงบางคนเวลาเข้าประชุมแทนที่จะคันศีรษะกลับคันก้นแทน



        คันก้น...รักษาอย่างไร ?   
      คำ
แนะนำทั่วๆ ไปสำหรับผู้ที่มีอาการคันแบบนี้คือ
ควรรักษาความสะอาดบริเวณนี้ทุกครั้งที่ขับถ่ายดังที่กล่าวไปแล้วในข้อก่อน
หน้านี้ นอกจากนี้ยังควรสวมกางเกงในทำด้วยผ้าฝ้ายและมีลักษณะหลวมๆ
หรืออาจเป็นกางเกงในประเภทบ็อกเซอร์
ให้ลมพัดผ่านสะดวกเพื่อทำให้บริเวณนี้แห้ง
      รวม
ถึงควรเลือกทำความสะอาดกางเกงในด้วยผงซักฟอกสำหรับ"ผิวหนังที่ระคายเคือง
ง่าย และไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีกลิ่นหอม
เพราะสารเคมีที่ตกค้างอาจทำให้ผิวส่วนนี้ระคายเคือง

      รวม
ถึงควรหลีกเลี่ยงอาหารดังที่อธิบายไปแล้วด้วย และอาจจะลองทาครีมหรือขี้ผึ้ง
1% hydrocortisone วันละ 2 ครั้ง ถ้าคันมากตอนกลางคืนและอดเกาไม่ไหว
อาจจะสวมถุงมือที่ทำด้วยผ้าฝ้ายก่อนนอน

      ส่วน
ถ้าเครียดมากอาจต้องใช้เทคนิคการลดความเครียด เช่น การออกกำลังกาย
หางานอดิเรกทำ นั่งสมาธิ หรือปรึกษาจิตแพทย์ตามความเหมาะสม
เพราะความเครียดเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคันได้จริง

         
ถ้าดูแลตัวเองตามที่กล่าวมาแล้ว แต่ก้นยังไม่หายคันก็ควรไปพบแพทย์ผิวหนัง
เพื่อรับการตรวจว่าเป็นโรคอะไร
จะได้รักษาอย่างถูกต้องเหมาะสมตามสาเหตุที่เป็



ที่มา ... HealthToday




Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2555 15:51:11 น. 0 comments
Counter : 1624 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ข่าวดี
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]