จะรู้ได้อย่างไรว่ารักกำลังอับปาง
เดี๋ยวนี้ชักรู้สึกว่าความรักมันฝืดเฝือเหลือทน ไม่ค่อยสวีทหวานอย่างที่ควรเป็น เขาเริ่มห่างหายทำตัวแปลกแยกมากขึ้นทุกที ชักสังหรณ์ใจเสียแล้วว่ารักครั้งนี้อาจไปไม่รอด
ก็จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร ในเมื่ออารมณ์หวามไหวทั้งโรแมนติคและอีโรติค กลับหดหายไม่ผุดขึ้นมาให้เราและเขาได้รู้สึกรู้สมเหมือนเก่าก่อน โดยเฉพาะตัวเขาเริ่มมีทีท่าแปลกๆทะแม่งๆขึ้นทุกวัน เราเองก็ไม่อยากตีตนไปก่อนไข้ เพราะเขาอาจกำลังยุ่งเรื่องงานหรือกำลังมีปัญหาส่วนตัวอันหนักอึ้งชนิดกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะบอกเราก็ไม่ได้
แล้วทำอย่างไรเราถึงจะรู้ว่าเหตุแปลกๆที่กำลังเกิดขึ้นกับชีวิตรักของเราและเขาในตอนนี้ เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า เรากับเขาไม่เวิร์คกันแล้วใช่ไหม ลองสังเกตสัญญาณดังต่อไปนี้ ถ้าทั้งเราและเขาตรงกับข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อ ก็เตรียมตัวโบกมือบ๊ายบายได้เลยค่ะ
1. ลองมองความเป็นจริงและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นว่า เราถูกทำร้ายร่างกายบ้างหรือเปล่า ถูกทำร้ายจิตใจทำร้ายความรู้สึก หรือถูกโกหกหลอกลวงอยู่เป็นประจำ ถ้าใช่ก็อย่าหลอกตัวเองต่อไปอีกเลย จงรีบถอนตัวก่อนที่จะเจ็บปวดชอกช้ำเกินเยียวยา
2. ลองคิดถึงอนาคตในภายภาคหน้า หากคู่ของเราเป็นคนขี้หึง ชอบแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หรือเจ้าอารมณ์จนเกินเหตุ สรุปได้เลยว่า ต่อไปในภายภาคหน้าเราต้องรับบทหนัก เพราะต้องคอยเป็นตัวรองรับอารมณ์และการแสดงออกอันเกินลิมิททั้งหลายทั้งปวงของพ่อเจ้าประคุณไงเล่า แล้วชีวิตจะมีความสุขไหมเนี่ย
3. เขาเป็นคนชอบทำป้อกับสาวๆ ทำตัวเป็นพวกเจ้าชู้ไก่แจ้ชนิดหน้าไม่อายหรือเปล่า หรือชอบทำตัวเป็นผู้นำ ชอบเรียกร้องเอาแต่ได้ หรือเป็นจอมโลเลไม่มั่นคงเหมือนไม้ปักเลนบ้างไหม ถ้าใช่ โน่นเลย...ถนนชีวิตที่เต็มไปด้วยขวากหนามกำลังทอดยาวรอคอยเราอยู่เบื้องหน้า
4. เรามีความสุขไหมเวลาอยู่กับเขา หรือค้นพบว่าตัวเองมักถอนใจอย่างโล่งอกเวลาที่แยกจากเขา ถ้าใช่ นั่นแสดงว่าความรักกำลังมีปัญหาชัวร์ และถ้าเขาเป็นฝ่ายถอนใจอย่างโล่งอก ยิ่งแย่ใหญ่ ลางร้ายเริ่มโผล่มาให้เห็นรางๆแล้วละ
5. ลองทบทวนดูสิว่าใครกันแน่ที่มีบทบาทในความสัมพันธ์ครั้งนี้ ถ้าเราเป็นฝ่ายเข้าหาเขาตลอดเวลา คอยเวิร์คทุกครั้ง ในขณะที่เขาดูเหมือนไม่อีนังขังขอบหรือแคร์ที่จะประคบประหงมความรักเอาไว้ คงต้องจับเข่าคุยกันหรือไม่ก็โบกมือลาให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลย
6. เขาเคยสัญญาว่าจะโทรมาหาแล้วเขาก็ลืมหรือเปล่า ชอบมาสายเป็นประจำใช่ไหม ถ้าเป็นแบบนี้จงยอมรับกับตัวเองเถิดว่า ชีวิตรักกำลังมีปัญหา เราจะยอมฝืนทนต่อไปเพื่ออะไร
7. เขาเคยกล่าวชมเชยหรือแสดงอาการยอมรับเราบ้างไหม ถ้าไม่...ไปหาเอาใหม่ข้างหน้าเถอะ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องแน่ใจตัวเองว่า ที่เราต้องจบความสัมพันธ์ลงก็เพราะผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่ และไม่เหมาะสมกับเราด้วยประการทั้งปวง แต่อย่าเลิกราเพราะเราเป็นผู้หญิงที่กลัวการผูกมัด มิฉะนั้นเราอาจทำสิ่งผิดพลาดครั้งสำคัญในชีวิต ด้วยการทิ้งชายหนุ่มแสนดีสุดน่ารักคนหนึ่งด้วยเหตุผลแค่ กลัวการผูกมัด เท่านั้น
เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่า เขาไม่ใช่คนที่เราควรสานสัมพันธ์ต่อไปให้ยั่งยืนนาน การบอกเลิกอย่างสันติจึงเป็นวิธีที่ควรนำมาใช้ เพื่อให้เขาเปลี่ยนสถานภาพจากคนรักกลายมาเป็นเพื่อน แทนที่จะเป็นศัตรูดีกว่านะ ไหนๆก็เคยรักกันมาก่อนนี่นา ขั้นแรกทำใจให้ได้เสียก่อน ยอมรับว่าความรักมันตายด้านไปแล้วจริงๆ เรียบเรียงความรู้สึกของตัวเองให้ดี แล้วตัดสินใจอย่างมาดมั่นและมั่นคงว่า ถึงเวลาจบความสัมพันธ์ครั้งนี้ได้แล้ว อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะบอกเลิก ก็ควรคิดได้แล้วว่า เราจะคุยกับเขาเมื่อไหร่ ที่ไหน และคุยอย่างไร ต้องแน่ใจว่าเราเป็นบุคคลเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องการบอกลาในครั้งนี้ หรือหากมีบุคคลที่สามรู้เรื่องด้วย ก็ไม่ควรเปิดโอกาสให้คนอื่นทำปากพล่อยไปบอกเขาให้รู้ตัวก่อน เพราะนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนสองคน เขาจะรู้สึกอย่างไรหากรู้เรื่องจากปากคนอื่นก่อน เลือกสถานที่อันเป็นส่วนตัวในการบอกเลิกกับเขา ไม่ควรตัดสวาทกันบนรถเมล์หรือในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน เลือกเวลาพูดให้เหมาะสม แล้วเข้าประเด็นให้ถูกจังหวะ ถ้าจะให้ดีควรเป็นช่วงที่ทั้งเราและเขาอยู่ในอารมณ์สงบนิ่งและมีเหตุมีผล อย่าประกาศโพล่งออกมาในระหว่างการโต้เถียงหรือตอนอารมณ์กำลังเดือดปุดๆโดยเด็ดขาด แสดงเจตนาด้วยอาการสงบนิ่ง มั่นใจและจริงใจ พยายามอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเพราะเหตุใดจึงต้องการจบความสัมพันธ์ครั้งนี้ ทางที่ดีควรพูดจาผ่อนหนักให้เป็นเบา อย่าใจร้ายตัดเป็นตัดตายเลยนะ สงสารเขาบ้างเถอะ บอกเขาด้วยว่าเราจะไม่มีวันลืมความสุขและความทรงจำที่ดีในช่วงที่ยังรักกัน ในขณะเดียวกันต้องเน้นด้วยว่า เราคงไม่ย้อนกลับมา มีแต่จะเดินหน้าต่อไปเท่านั้น พยายามพูดคุยให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า เขาต้องยอมรับการเลิกราครั้งนี้ อย่าปล่อยให้ค้างคาใจกันต่อไป คุยกันให้หมดเปลือกไปเลย ข้อสุดท้ายพยายามมองโลกในแง่ดีไว้ แล้วทุกอย่างจะจบลงด้วยดี
ส่วนเรื่องราวเก่าๆในอดีตนั้นปล่อยให้มันผ่านไปดีกว่า อย่าไปขุดขึ้นมาพูดในระหว่างที่กำลังบอกเลิก เพราะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสำหรับการฟื้นฝอยหาตะเข็บ รังแต่จะทะเลาะกันเปล่าๆ ที่สำคัญหากอีกฝ่ายไม่ยอมเลิกง่ายๆ ก็อย่าปล่อยให้เขาเกลี้ยกล่อมให้เราคงความเป็นแฟนกันต่อไป มันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก จะทนทู่ซี้ต่อไปทำไม ตัดสินใจแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อความสุขของตัวเราเองไงคะ
//women.impaqmsn.com/articles/419/19001433.html
Create Date : 31 พฤษภาคม 2551 |
|
7 comments |
Last Update : 31 พฤษภาคม 2551 7:41:53 น. |
Counter : 935 Pageviews. |
|
|
|
เรารักเขา เขาเองก็รักเรา แต่มันช่วยไม่ได้นี่นาที่เวลาบังเอิญเจอหนุ่มถูกใจ มันก็อดปิ๊งไม่ได้ เขาเองก็เหมือนกัน เจอสาวสวยเป็นต้องเหล่จนตาแทบหลุด ทำอย่างไรจึงจะพลิกปฏิกิริยา แอบปิ๊ง แบบนี้ให้เกิดประโยชน์ขึ้นมาได้
นักวิชาการเขาว่า การที่เราบังเอิญเผลอไผลหมดความสนใจคู่ของตัวเอง แล้วหันไปให้ความสนใจคนอื่นชั่วขณะนั้น เป็นเรื่องธรรมชาติมากมาก การที่เรามีแฟนมีคนรักไม่ได้หมายความว่า เราจะกลายเป็นพระอิฐพระปูน ไม่รู้สึกรู้สากับผู้ชายอื่นอีกต่อไป แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น การเหล่หรือแอบปิ๊งหนุ่มอื่น เป็นคนละเรื่องกับการปิ๊งแล้วกระโดดขึ้นเตียงด้วยเลย แบบนั้นเขาเรียกว่า นอกใจหรือเล่นไม่ซื่อกับคู่ของตัวเองมากกว่านะ
ยังมีคนมากมายเชื่อว่า ถ้าความรักแข็งแรงมั่นคงพอ ย่อมไม่มีอาการ ปิ๊ง คนอื่นเกิดขึ้นแน่นอน ถ้ามี แสดงว่าความรักชักระหองระแหงเสียแล้ว ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดอย่างมาก ความรักที่ล่มสลายเกิดจากการที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหันเหจิตใจไปทุ่มเทกับบุคคลที่สาม และรู้สึกว่าตัวเองไม่รักบุคคลที่อยู่ด้วยกันอีกต่อไปแล้ว คนพวกนี้จะสารภาพออกมาตรงๆ ฝ่ายที่ถูกทรยศก็จะรู้สึกผิดหวังเสียใจเหมือนโลกถล่มลงตรงหน้า ตามมาด้วยความรู้สึกไม่มั่นคงในความรักอีกต่อไป ท้ายที่สุดก็ต้องขอถอนสมอเซย์กู๊ดบาย ไม่อาจครองคู่กันต่อไปอีกได้
เมื่อเลิกลาน้ำพริกถ้วยเก่า โผไปหาน้ำพริกถ้วยใหม่ การณ์กลับกลายไปว่าไม่เวิร์ค แท้จริงแล้วนั่นคืออาการปิ๊งชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น อาการแบบนี้คนจำนวนมากมักหลงผิดคิดว่าคือรักแท้แน่นอน เมื่อไปไม่รอดคิดกลับลำก็สายเสียแล้ว เพราะตัวจริงเสียงจริงถูกทำร้ายจนยับเยิน จึงยากที่จะประสานรอยร้าวให้คืนเหมือนเดิม นิทานเรื่องนี้จึงจบลงแบบแซดๆ ไม่มีใครสุขเลยสักคน
มาดูวิธีแปลงวิกฤตให้เป็นโอกาส รับมือกับสถานการณ์แบบนี้อย่างไร เพื่อความสุขของเขาและเราค่ะ
ถ้าเขาเป็นฝ่ายแอบปิ๊ง
1.จดจำไว้แล้วนำมาปรับปรุงใช้
กรณีแบบนี้เหมาะสำหรับคู่ที่ไม่ขี้หึงจริงๆ ใครขี้หึงขี้หวงคงใช้ไม่ได้ผล เพราะมีแต่ทำให้บ้านแตกสถานเดียวเนื่องจากทำใจไม่ได้ ฝรั่งใจกว้างเขามีเทคนิคว่า ให้สังเกตและจดจำเอาไว้ว่า สาวแบบไหนหรือหนุ่มแบบไหนที่เตะตาตรึงใจทั้งเราและเขา แล้วให้นำมาประยุกต์ใช้กันเองที่บ้าน ตัวอย่างเช่น สมมติว่าเราควงหนุ่มคู่ใจไปงานปาร์ตี้ ทั้งเราและเขาควรสังเกตว่า ต่างฝ่ายต่างเหล่เพศตรงข้ามแบบไหน รูปร่างหน้าตาอย่างไร พอกลับถึงบ้านก็จัดการสวมบทบาทเป็นหนุ่มและสาวที่แอบหมายตาเอาไว้ เทคนิคนี้สามารถสร้างบรรยากาศแปลกใหม่ตื่นเต้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ แทนที่จะแสดงอาการหึงหวงชวนทะเลาะ ลองพลิกสถานการณ์แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ
2.ให้อิสระมากขึ้น เขาจะได้ไม่ต้องมาเลือกระหว่างเรากับเรื่องกุ๊กกิ๊กไร้สาระ
ปล่อยให้เฟลิร์ทไปเลย อย่าทะเลาะกันดีกว่า นี่ถือว่าเป็นการให้อิสระทางอารมณ์ในที่สาธารณะ ทำข้อตกลงต่อกันเอาไว้เลยว่า ให้อิสระในการเฟลิร์ทได้มากน้อยแค่ไหน และทุกสิ่งทุกอย่างต้องจบแค่นั้น ไม่มีการสานต่อ รับรองว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด การที่เราแสดงออกว่าเข้าอกเข้าใจดีกับสันดานของผู้ชาย และยอมมอบอิสระให้ ทำให้เราดูเป็นผู้หญิงที่พิเศษและมีจิตใจมั่นคง
3.ลองย้อนเขาบ้างก็ดี
เปิดใจบอกเขาว่า เรามีเขาเป็นตัวเป็นตนแล้วก็ไม่ต้องการใครอื่นอีก เราและเขาต่างเป็นสัตว์โลกที่สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง รูปร่างหน้าดี และดูมีชีวิตชีวาทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างเชื่อใจกัน และมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งเกินคำบรรยาย จึงช่วยไม่ได้ที่อาจมีหนุ่มอื่นมาหลงเสน่ห์เรา หรือเราอาจแอบเหล่หนุ่มหล่อล่ำที่ไหนก็ได้ อย่าลืมบอกสำทับย้ำให้เขาฟังด้วยว่า ความรักที่มีต่อเขานั้นเป็นรักแท้แน่เสียยิ่งกว่าแน่ จึงสมควรที่เขาจะต้องดูแลรักษาราวกับสิ่งสูงค่าหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นหากความรู้สึกของเราถูกทำให้สั่นคลอนบ่อยครั้งเข้า จิตใจเราอาจหันเหไปทางอื่นก็ได้ใครจะไปรู้ เขาจะได้สำนึกว่า เรามีค่ามากกว่ามานั่งเป็นหมาเฝ้าบ้านให้นะยะ
ถ้าเราเป็นฝ่ายแอบปิ๊ง
1.ปิ๊งแล้วก็แค่นั้น อย่าไปสานต่อดีกว่า
เอาเป็นว่าแอบปิ๊งได้ แต่ไม่ควรคิดอะไรเกินเลย หรือคิดมากมายนักหนา มันก็เหมือนบังเอิญเจอคู่เต้นรำที่เข้าขากันได้ดี จึงไม่ควรหลงเคลิบเคลิ้มไปกับการสัมผัสทางกายในระหว่างเต้นรำ สถานการณ์ ปิ๊ง เป็นเรื่องของความบังเอิญมากกว่าความรัก ควรพออกพอใจไปกับช่วงเวลาแสนสั้นแค่นั้นพอแล้ว มันก็แค่หาความสุขทางใจเป็นครั้งเป็นคราว เป็นแค่ปฏิกิริยาเมื่อถูกกระตุ้นด้วยหนุ่มหล่อเร้าใจก็แค่นั้นเอง...เนอะ
2.หรือนี่คือสัญญาณไม่ดีบ่งชี้ความสัมพันธ์
เรากำลังรู้สึกไม่พึงพอใจในความสัมพันธ์หรือเปล่า หรือเครียดกับการผูกมัดที่กำลังจะมาถึง แทนที่จะไปปิ๊งคนนั้นคนนี้ ลองหันมาซ่อมแซมแก้ไขความสัมพันธ์ในปัจจุบันที่กำลังย่ำแย่ดีกว่าไหม ก่อนที่อะไรๆจะสายเกินไป การที่เรามัวไปให้ความสนใจแอบปิ๊งแอบปลื้มกับหนุ่มอื่น อาจเป็นเพราะเราไม่ค่อยกุ๊กกิ๊กกับหนุ่มตัวจริงเท่าไร ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่าเรากำลังทำผิด แต่นี่อาจเป็นเครื่องแสดงให้รู้ว่า เราต้องเอาใจใส่ความสัมพันธ์ของเรากับคนรักตัวเองให้มากกว่านี้เยอะๆ หรือในทางกลับกัน เขาควรเอาใจใส่เราให้มากกว่านี้ อาจต้องใช้เวลาหน่อยแต่ก็ดีกว่าปล่อยให้รักพังทลายไม่มีชิ้นดี
3.สนุกเข้าไว้
ถือเสียว่านี่คือสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ทำให้ชีวิตกระชุ่มกระชวยคึกคัก เราอยากให้ตัวเองรู้สึกซาบซ่านมีชีวิตชีวา มีเสน่ห์ดึงดูด และเซ็กซี่ ไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบได้กับความรู้สึกที่มีหนุ่มอื่นมาช่วยกระตุ้นฟอนไฟในกายเราให้ลุกขึ้นมาโลดเต้นอีกครั้ง หลังจากนั้นสิ่งที่ควรทำคือ พาตัวเองกลับบ้านพร้อมไฟในกายที่กำลังลุกโชติช่วง เพื่อมาช่วยกระพือไฟในทรวงของหนุ่มตัวจริงซึ่งกำลังนอนรออยู่ที่บ้าน มีคนมากมายที่อาศัยจินตนาการส่วนตัวสร้างบรรยากาศรักกับคู่ของตัวเอง นี่คือวิธีใช้พลังงานทางเซ็กส์ได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดองจริงๆ อย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องของความไม่ซื่อสัตย์ เราไม่จำเป็นต้องแจกแจงให้เขาฟังว่า ด้วยเหตุผลกลใด คืนนี้จึงคึกมากกว่าปกติ ไม่เห็นต้องบอกเลยว่า พบหนุ่มถูกใจทำให้รู้สึกปึ๋งปั๋งขึ้นมา ก็เลยมาระบายออกที่เขานี่ละ
ดังนั้นเราจึงควรประเมิณสถานการณ์และใจตัวเองให้ถูก อาการปิ๊งก็แค่ปิ๊ง ไม่ต้องลงทุนสละความรักอันมั่นคงเพื่อสนองอารมณ์วูบวาบชั่วครู่ชั่วยาม มันไม่คุ้มกันหรอกค่ะ
//women.impaqmsn.com/articles/419/19001533.html