@@@///--มุ่งมั่นต่อไปก็เพื่อชีวิต--///@@@
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 มีนาคม 2549
 
All Blogs
 
จากองครักษ์พิทักษ์นาย ถึง Cyber Soldiers

โดย รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ 17 พฤศจิกายน 2547 18:38 น.


องครักษ์พิทักษ์นาย ซึ่งปรากฏโฉมตั้งแต่กลางทศวรรษ 2520 บัดนี้กลายเป็นสถาบันหนึ่งของสังคมการเมืองไทย และมีพัฒนาการดุจเดียวกับสถาบันการเมืองทั้งปวง ในประการสำคัญ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีผลอย่างสำคัญต่อพัฒนาการของสถาบันการเมืองดังกล่าวนี้

ในขณะที่นายทหารชั้นผู้ใหญ่มักจะมีนายทหารคนสนิทหรือที่เรียกย่อๆ กันว่า "ทส." องครักษ์พิทักษ์นายมีสถานะเป็น "ทส.การเมือง" ของผู้นำนักการเมือง ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล โดยมีหน้าที่เป็นโล่กำบังผู้เป็นนายมิให้รับความระคายเคืองจากวจีกรรมของปรปักษ์ทางการเมือง และตอบโต้ปรปักษ์ทางการเมืองโดยใช้วาจาเป็นอาวุธ

ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ระบบองครักษ์พิทักษ์นายก่อเกิดในยุครัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ในฐานะโฆษกรัฐบาล ทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์พลเอกเปรมด้วย และสามารถสร้าง "ชื่อเสียง" จากการทำหน้าที่ดังกล่าว ในยุครัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ (2531-2534) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์พลเอกชาติชาย และประสบความสำเร็จในการสร้างความระคายเคือง มิจำเพาะแต่ปรปักษ์ทางการเมืองเท่านั้น หากยังรวมถึงผู้นำฝ่ายทหารด้วย เมื่อเกิดการรัฐประหารเดือนกุมภาพันธ์ 2534 ร.ต.อ.เฉลิม เป็นเป้าที่ผู้นำ รสช.มุ่งเล่นงานจนต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ

ภายหลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ระบบองครักษ์พิทักษ์นายมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนอย่างน้อย 2 ด้าน ด้านหนึ่ง ระบบองครักษ์ทางการเมืองมิได้จำกัดเฉพาะการพิทักษ์นายเท่านั้น หากยังขยายปริมณฑลไปสู่การพิทักษ์พรรคด้วย ในอีกด้านหนึ่ง ระบบองครักษ์ทางการเมืองถูกใช้เป็นกลไกในการทอนกำลังทางการเมืองอย่างสำคัญ

พรรคการเมืองตั้งแต่ขนาดกลางขึ้นไป ล้วนสถาปนาระบบองครักษ์ทางการเมืองด้วยกันทั้งสิ้น แสดงให้เห็นว่า ระบบองครักษ์ทางการเมืองให้ประโยชน์ทางการเมืองแก่ผู้นำทางการเมือง ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล มิฉะนั้นระบบนี้จะไม่เติบโตมากถึงเพียงนี้ พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้นำในการ "พัฒนา" ระบบองครักษ์ทางการเมือง และขยายปริมณฑลจากองครักษ์พิทักษ์นายไปสู่องครักษ์พิทักษ์พรรค เมื่อพรรคประชาธิปัตย์สถาปนาระบบองครักษ์ทางการเมืองพรรคอื่นๆ ก็ต้องเดินตาม มิฉะนั้นจะขาดกลไกและองค์กรในการต่อกรกับปรปักษ์ทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำสงครามวจีกรรม

องครักษ์ทางการเมืองมิได้มีเฉพาะแต่โฆษกพรรค และโฆษกรัฐบาล หรือ ทส.ผู้นำพรรคเท่านั้น หากยังมีการจัดตั้งสมาชิกพรรคคนอื่นๆ ให้ทำหน้าที่องครักษ์ทางการเมืองอีกด้วย คุณสมบัติสำคัญขององครักษ์ทางการเมือง ก็คือ ต้องมีทักษะและความช่ำชองในการใช้วาจาเป็นอาวุธ มีความรอบรู้ระดับหนึ่ง และต้องรู้ใจผู้นำพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้าพรรค

องครักษ์ทางการเมืองต้องทำหน้าที่ทั้งในและนอกรัฐสภา ในรัฐสภา องครักษ์ทางการเมืองต้องอภิปรายตอบโต้ปรปักษ์ทางการเมืองในยามที่มีการอภิปรายพาดพิงพรรคและผู้นำพรรค แต่ทำหน้าที่ที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คือ การขัดจังหวะการอภิปรายของปรปักษ์ทางการเมืองเพื่อทอนประสิทธิภาพในการอภิปราย ทั้งนี้โดยการใช้ระเบียบการประชุมรัฐสภาให้เป็นประโยชน์ นอกรัฐสภา องครักษ์ทางการเมืองต้องทำหน้าที่ตอบผู้ที่วิจารณ์พรรคและผู้นำพรรค มิจำกัดเฉพาะนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม หากครอบคลุมผู้นำขบวนการประชาชน ปัญญาชน และประชาชนโดยทั่วไปด้วย

พรรคไทยรักไทยจัดตั้งระบบองครักษ์ทางการเมืองดุจเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อพรรคไทยรักไทยประสบความสำเร็จในการจัดตั้งรัฐบาลต้นปี 2544 ระบบองครักษ์ทางการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงอย่างน้อย 2 ประการ กล่าวคือ

ประการแรก ฐานองครักษ์ทางการเมืองของพรรคไทยรักไทยใหญ่โตกว่าพรรคประชาธิปัตย์มาก ทั้งนี้เป็นผลจากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ที่ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งและถอดถอนรัฐมนตรี ด้วยเหตุดังนี้ สมาชิกพรรคไทยรักไทยที่ต้องการตำแหน่งทางการเมือง ไม่ว่าระดับใด จักต้องทำงานให้เข้าตานายกรัฐมนตรี การแสดงตนเป็นองครักษ์พิทักษ์พรรค และองครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรีเป็นหนทางหนึ่งในการได้มาซึ่งตำแหน่งทางการเมืองดังกล่าวนี้

ประการที่สอง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์ตนเอง พร้อมๆ กับการเป็นองครักษ์พิทักษ์พรรคไทยรักไทยด้วย การณ์ปรากฏว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่าองครักษ์ทางการเมืองของพรรคไทยรักไทยทุกคน นายกรัฐมนตรีในอดีตแม้จะมีการตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้าง แต่ไม่มีนายกรัฐมนตรีท่านใดที่ตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้วยคารมอันเผ็ดร้อน และอารมณ์อันฉุนเฉียวเท่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้นมาจากปรปักษ์ทางการเมืองหรือไม่ก็ตาม บางครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงกับใช้รายการวิทยุเช้าวันเสาร์ในการตอบโต้ผู้ที่วิจารณ์ตนหรือพรรคของตน

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศมีผลแปรเปลี่ยนระบบองครักษ์ทางการเมืองอย่างสำคัญ เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดังกล่าว ทำให้ Cyberspace กลายเป็นสนามรบทางการเมืองที่มีความสำคัญเพิ่มขึ้นตามลำดับ ผลก็คือนักการเมืองและพรรคการเมืองในยุคสังคมสารสนเทศมิอาจละเลย Cyber Politics ได้

ความก้าวหน้าและการขยายตัวของ Cyber Politics ทำให้ระบบองครักษ์ทางการเมืองถูกยกขึ้นไปไว้ใน Cyber Space การต่อสู้ทางการเมืองบน Cyber Space แม้จะมีความเข้มข้นและความสำคัญไม่เท่าการต่อสู้ทางการเมืองในมนุษยพิภพ แต่เป็นที่คาดการณ์ได้ว่า ความเข้มข้นและความสำคัญจะเพิ่มพูนตามกาลเวลา

องครักษ์ทางการเมืองใน Cyber Space ปรากฏโฉมในรูป Cyber Soldiers ซึ่งมี Cyber Bullets เป็นอาวุธ ในขณะที่องครักษ์ทางการเมืองในมนุษยพิภพปรากฏตัวตนที่จับต้องได้ และเป็นเป้าแห่งการโจมตีได้ Cyber Soldiers ไม่มีตัวตนที่จับต้องได้ หากแต่อำพรางตนประดุจ "อีแอบ"

Cyber Soldiers มีทั้งที่เป็นองครักษ์ทางการเมืองโดยพฤตินัย และโดยนิตินัย ประชาชนใน Cyber Space บางคนอาจมีความชื่นชมผู้นำการเมืองคนหนึ่งคนใด และพรรคการเมืองพรรคหนึ่งพรรคใด หากมีการวิพากษ์ผู้นำทางการเมืองและพรรคการเมืองที่ตนชื่นชอบ ก็อาจแปลงเป็น Cyber Soldier ยิงกราด Cyber Bullets ใส่ผู้ที่บังอาจวิจารณ์ผู้นำทางการเมืองหรือพรรคการเมืองของตน คนเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ทางการเมืองโดยพฤตินัย

องครักษ์ทางการเมืองโดยนิตินัยเป็นผู้ที่ได้รับแต่งตั้งจากพรรคหรือผู้นำพรรค ให้ทำหน้าที่เป็น Cyber Soldiers คนเหล่านี้เป็น "ทหารอาชีพ" ใน Cyber Space มีหน้าที่ทำสงครามกับปรปักษ์ทางการเมืองใน Cyber Space ภารกิจหลักก็คือ การเข้าไปตรวจ Web Sites ต่างๆ ที่มีการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หากปรากฏว่ามีความเห็นต่อต้านพรรคและผู้นำพรรคของตน ก็ต้องกราด Cyber Bullets ใส่คนเหล่านั้น

สังคมการเมืองในมนุษยพิภพมีอารยลักษณ์มากกว่าสังคมการเมืองใน Cyber Space โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นกฎกติกาที่กำกับสังคมการเมือง มนุษยพิภพถูกกำกับโดยรัฐธรรมนูญประมวลกฎหมายอาญา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎหมายมหาชนนานาฉบับ ในรัฐสภา ยังมีระเบียบการประชุมที่กำกับการทำสงครามวจีกรรม Cyber Space น่าจะถูกกำกับโดยกฎกติกาเหล่านี้ด้วย แต่โดยเหตุที่ขาดกฎกติกาเฉพาะในการกำกับ ตรวจสอบและควบคุม Cyber Space และการบังคับใช้กฎหมายต้องเสียต้นทุนสูงกว่าปกติ สงครามการเมืองใน Cyber Space จึงเป็นสงครามของคนเถื่อน เว้นแต่ Web Master จะทำหน้าที่เป็น ผู้คุ้มกฎ" เพื่อเพิ่มอารยลักษณ์ของ Cyber Politics

การเติบโตของ Cyber Politics มิได้เป็นผลจากการบังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 หากแต่เป็นผลจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ พรรคการเมืองที่จะอยู่รอดในสังคมการเมืองไทย นอกจากจะต้องมีความสามารถในการนำเสนอเมนูนโยบาย (Policy Menu) ที่ถูกใจประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งแล้ว ยังต้องมีความสามารถในการหาประโยชน์จาก Cyber Politics อีกด้วย

Ref:: //www.thaingo.org/webboard/view.php?id=10939


Create Date : 13 มีนาคม 2549
Last Update : 13 มีนาคม 2549 8:36:54 น. 5 comments
Counter : 879 Pageviews.

 


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 13 มีนาคม 2549 เวลา:9:59:28 น.  

 


โดย: โสมรัศมี วันที่: 13 มีนาคม 2549 เวลา:10:21:11 น.  

 
//www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4178041/P4178041.html
//www.prachatai.com/05web/th/home/index.php


โดย: naigod IP: 202.142.219.133 วันที่: 13 มีนาคม 2549 เวลา:17:14:53 น.  

 
เข้ามาเยี่ยมในโลก cyber ค่ะ วันนี้ไม่มีรอยยิ้มเพราะกำลังเหนื่อยและเศร้า แต่ไม่มี cyber bullets นะคะ ไม่ต้องกลัว


โดย: Chapter 1-17 วันที่: 14 มีนาคม 2549 เวลา:0:16:18 น.  

 
//www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4191579/P4191579.html


โดย: naigod IP: 203.153.166.66 วันที่: 15 มีนาคม 2549 เวลา:17:19:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

naigod
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เพราะชีวิตมีความฝัน..
..จึงเป็นความงดงามของการมีชีวิต
Friends' blogs
[Add naigod's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.