ในทรรศนะของข้าพเจ้า (15082003)
ในทรรศนะของข้าพเจ้า องค์กรพัฒนาเอกชนเป็นองค์กรที่มีกลุ่มบุคคลมารวมกันทำงานในด้านการพัฒนาเพื่อยกระดับหรือทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นจากที่เป็นอยู่ในเรื่องความรู้ที่ได้จากการศึกษาหรือเรียนรู้ผ่านกระบวนการให้ความรู้ต่างๆไม่ว่าจะเป็นโครงการการให้การศึกษา การให้ทุนการให้การอบรม การดูงานการลงมือปฏิบัติ การลองผิดลองถูกเพื่อนำประสบการณ์ที่ได้มานั้นมาใช้หรือปรับใช้ให้เหมาะกับตนเองโดยเริ่มต้นจากผู้ที่เข้ามาทำงานในองค์กรที่มีแนวความคิดที่อยากเห็นเพื่อนมนุษย์มีคุณภาพชีวิตที่ดีตามอัตภาพของตนเองและส่วนตัวผู้ที่เข้ามาทำงานเองได้เปลี่ยนสถานะภาพจากคนว่างงานมาเป็นคนที่มีงานทำมีรายได้เลี้ยงตนเองพร้อมกับงานที่ทำนั้นรองรับแนวความคิดดังกล่าวจะเคยมีพื้นฐานมาก่อนหรือไม่ก็ได้แต่มีใจที่อยากเห็นเพื่อนมนุษย์มีความสุขจากงานที่ตนเองทำพร้อมกับพัฒนาตัวเองไปด้วยให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้นในลักษณะงานที่ตัวเองทำ จากชื่อของมูลนิธิที่ว่ามูลนิธิเพื่อเยาวชนชนบทน่าจะเป็นงานพัฒนากลุ่มเยาวชนอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง25 ปีหรือถ้าเป็นระดับการศึกษาก็ตั้งแต่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจนถึงปริญญาตรีในท้องถิ่นที่เรียกว่าชนชนบทโดยเน้นไปที่เยาวชนชนผู้ด้อยโอกาสคือ โอกาสทางการศึกษาสถานะทางเศรษฐกิจและเยาวชนที่ต้องการแสวงหาโอกาสที่ดีๆให้กับตนเองในเรื่องความรู้การศึกษา และอาชีพ จากชื่อของศูนย์ส่งเสริมพัฒนาเด็กเยาวชนและสตรีน่าจะเป็นงานพัฒนาเด็กและเยาวชนอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง25 ปีหรือถ้าเป็นระดับการศึกษาก็ตั้งแต่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจนถึงปริญญาตรีส่วนสตรีก็คือผู้หญิงที่มีอายุตั้งแรกเกิดจนหมดอายุขัยในท้องถิ่นที่ศูนย์แห่งนี้ตั้งอยู่และท้องถิ่นที่ศูนย์แห่งนี้สามารถเอื้อประโยชน์ให้ได้ในเรื่องของการส่งเสริมการพัฒนาให้คุณภาพชีวิตของพวกเขาดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่เช่น ในเรื่องของความรู้การศึกษา และอาชีพ จากชื่อของศูนย์เยาวชนพลัดถิ่นน่าจะเป็นงานพัฒนาเด็กและเยาวชนอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง25 ปีหรือถ้าเป็นระดับการศึกษาก็ตั้งแต่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจนถึงปริญญาตรีที่ไม่ได้อยู่ในถิ่นฐานหรือภูมิลำเนาของตัวเองแต่ออกมาใช้ชีวิตข้างนอกในเรื่องของความรู้ การศึกษาคุณภาพชีวิต และอาชีพ ซึ่งโครงการและกิจกรรมต่างๆที่มูลนิธิได้ปฏิบัติมาก็สอดคล้องกับเรื่องของการให้หรือการยกระดับของความรู้การศึกษา คุณภาพชีวิต และอาชีพของเด็ก เยาวชน สตรีและเยาวชนพลัดถิ่น เหล่านี้ผลที่ได้ที่เห็นเป็นรูปธรรมคือจำนวนคนที่ผ่านเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับมูลนิธิเพื่อเยาวชนชนบทพวกเขาได้ความรู้ ได้การศึกษาได้แนวทางในการประกอบอาชีพแต่ในเรื่องของคุณภาพชีวิตนั้นเป็นเรื่องของตัวของเขาเองที่จะประเมินว่าชีวิตของเขาดีขึ้นหรือเหมือนเดิมหลังจากที่ได้เข้ามาสัมผัสกับมูลนิธิเพื่อเยาวชนชนบท โดยในส่วนของตัวเองคุณภาพชีวิตหลังจากที่ได้เข้ามาสัมผัสกับมูลนิธิเพื่อเยาวชนชนบทดีขึ้นเห็นได้จากที่ตัวเองเปลี่ยนสถานะภาพจากคนตกงานมาเป็นคนที่มีงานทำมีเงินเลี้ยงชีพได้ใช้ความรู้ที่ตนเองเรียนมากับงานที่ทำได้มีโอกาสศึกษาหาความรู้เพิ่มขึ้นเนื่องจากงานที่ทำและได้ใช้ความรู้นั้นมาปรับปรุงงานให้มันดีกว่าที่ทำอยู่ได้คำว่า ครู มานำหน้าชื่อเล่นของตัวเองทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นครูของใครได้ได้รู้จักเพื่อนมนุษย์เพิ่มมากขึ้นได้ไปในท้องที่ต่างๆที่ตนเองไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ไปและได้ทำกิจกรรมถ่ายทอดความรู้จากที่ตัวเองได้เรียนมาสู่เด็กและเยาวชนที่มาเข้าร่วมกิจกรรมในแต่ละครั้งที่จัด 3.1งานที่ทำอยู่คือ ผู้ประสานงานโครงการรับผิดชอบเกี่ยวกับศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาเด็กเยาวชนและสตรี (ศสพ.ร้อยเอ็ด)กิจกรรมหลักก็คือการส่งเสริมโอกาสให้เด็กเยาวชน หรือผู้ใหญ่ที่สนใจคอมพิวเตอร์ได้มีโอกาสมาเรียนมาฝึกใช้งานเพื่อเพิ่มพูนทักษะความรู้เป็นการสร้างโอกาสในเรื่องของอาชีพของตนเองในอนาคตและเป็นการใช้ประโยชน์เพื่อสนองตอบความสนใจหรือความต้องการของตนเองดังนั้น ศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์จึงมีงานต่างๆ ดังนี้ งานเสริมสร้างประสบการณ์ด้านคอมพิวเตอร์แก่เด็กชนบท กิจกรรมที่ทำส่วนใหญ่คือ ค่ายเปิดโลกจินตนาการไปกับคอมพิวเตอร์ที่จัดภายในศูนย์ร้อยเอ็ดเป็นนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่6ของโรงเรียนประถมในอ.เกษตรวิสัยอ.จตุรพักตรพิมานและ อ.ปทุมรัตต์จังหวัดร้อยเอ็ด งานฝึกอบรมคอมพิวเตอร์กิจกรรมที่ทำ คือการเปิดรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้การใช้งานคอมพิวเตอร์โปรแกรมคอมพิวเตอร์มาเข้าชั้นเรียน โดยการประชาสัมพันธ์หรือผู้ที่สนใจเข้ามาติดต่อเอง งานศูนย์สื่อสารนิเทศกิจกรรมที่ทำ คือเปิดเป็นห้องสมุดให้เด็กเยาวชน และบุคคลทั่วไปมาใช้บริการ งานบริการกิจกรรมที่ทำ คือ การให้คำปรึกษาแนะนำการซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งในและนอกสถานที่ -
ถ้าเกณฑ์ในการวัดประสิทธิภาพการทำงาน คือ 100 เปอร์เซ็นต์ งานที่ตนเองทำในแต่ละรอบเดือนที่ผ่านมานั้น มีประสิทธิภาพเพียง 40 เปอร์เซ็นต์ เพราะ มีแค่จัดค่ายเปิดโลกจินตนาการไปกับคอมพิวเตอร์เฉลี่ยเดือนละครั้ง จัดอบรมคอมพิวเตอร์ก็ช่วงปิดเทอม จัดค่ายภายนอกหรือการออกให้ความรู้นอกสถานที่ก็เฉลี่ยปีละ 2 ครั้ง ในช่วงทำกิจกรรมนั้นก็มีการออกประสานงาน การออกหนังสือ การส่งหนังสือ ดังนั้น เวลาส่วนใหญ่จึงใช้เกี่ยวกับการศึกษา และลองใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆ การติดตั้งและทดสอบระบบ การซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์ และเดินทางกลับบ้าน เพราะ -
ในความรู้สึกส่วนลึกของตนเองคิดว่ามาดูแลระบบคอมพิวเตอร์ อำนวยความสะดวกในการใช้งาน และแก้ปัญหาที่เกิดกับเครื่องคอมพิวเตอร์ และให้ความรู้เท่าที่ตนเองมีกับผู้ที่อยากเรียนรู้ -
แนวทางและทิศทางของ มยช. คือ การตัดวงจรความทุกข์ยากของคนจนชนบท ในเรื่องของการอพยพแรงงาน จากบ้านเกิดเข้ามาหาทำงานในเมืองหลวง เมื่อหมดสภาพก็กลับบ้านเกิด แล้วผลิตคนรุ่นต่อไปส่งกลับเข้ามาใหม่ เพื่อให้วงจรนี้หมดไปจึงต้องให้ความรู้ แก่คนจนในชนบทโดยมุ่งเน้นไปที่คนรุ่นต่อไปที่จะเข้ามาในเมืองหลวง และคนจนชนบทในเมืองหลวงที่กำลังจะกลับไปบ้านเกิดในชนบท โดยส่วนตัวคิดว่าแก่ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่หมดไป แต่คนที่ผ่านเข้ามาสัมผัส มยช. ก็ได้สิ่งดีๆ ติดตัวไปแต่เป็นคนส่วนน้อยเหลือเกิน -
บทบาทการทำงานในส่วนที่รับผิดชอบ คือ ศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ เป็นแหล่งที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แก่ผู้ด้อยโอกาสในชนบท เพื่อการพัฒนาตนเอง ให้สามารถพึ่งตัวเองและใช้มันให้เกิดประโยชน์ทั้งแก่ตนเอง และสังคมรอบๆ ข้าง เพื่อให้คนมาใช้ก็ต้องออกเชิญชวนประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วไปรับทราบถึง ความสำคัญ ความจำเป็น และประโยชน์ที่จะได้รับเนื่องมาจากความรู้นี่ที่ได้ไป คิดว่าโครงการนี้ยังมีลู่ทางไปได้อีกพอควรเพราะมันรองรับกับนโยบายกระทรวงไอซีที ของรัฐบาลชุดนี้ -
ความสำเร็จในงานที่ทำ คือ มีผู้ได้เข้ามาใช้ประโยชน์จากมูลนิธิเป็นจำนวนมาก คนที่ไม่มีโอกาสสัมผัสเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ได้เข้ามาใช้ ได้จุดประกายทางการศึกษาให้แก่เด็กๆ ได้เล่นสนุกอย่างเด็กๆ ในเมือง -
ปัญหาและอุปสรรค คือ ขาดงบประมาณในการดำเนินงาน คนทำงานโดยเฉพาะผมไม่ถนัดในเรื่องเขียนและบริหารโครงการ ถนัดแต่ด้านเทคนิคการใช้งาน การซ่อมบำรุงดูแลรักษาเครื่องมากกว่า พอให้ไปทำโครงการ หรือกิจกรรมมันจึงทำได้ไม่ดี ไม่น่าพอใจ พยายามแล้วแต่คงพยายามไม่พอที่จะสร้างกิจกรรมดีๆ ให้เกิดขึ้นมา -
ระบบบริหารองค์กร ผมมีโอกาสทำงานอยู่กับองค์กรนี้ 2 ปี ประสบการณ์น้อย ไม่มีความรู้เรื่องนี้เท่าใด แต่การบริหารที่กำลังดำเนินอยู่ผมก็ว่าดีแล้ว ในส่วนระบบที่ต้องการเห็นก็เป็นระบบที่ร่วมคิดร่วมทำ ช่วยๆ กัน ตามความสามารถและความถนัดที่แต่ละคนมี -
วัฒนธรรมองค์กร ที่เป็นอยู่ผมว่ามันดีพอสมควรแต่จะให้ดีว่านี้ผมเองก็คิดไม่ออกว่าจะให้เป็นอย่างไร -
บุคลากรของ มยช. ทั้งในทุกระดับทั้งภาพรวมและภาพของบุคคล ประสิทธิภาพ/ศักยภาพ ผมคงคิดได้แต่ตัวของผมเองว่าตนเองเหมาะที่จะทำงานด้านเทคนิคมากกว่า แต่องค์กรต้องการมากกว่านั้นซึ่งผมก็พยายามเพิ่มอยู่ -
บทบาทการสนับสนุนและส่งเสริมแรงจูงใจในการทำงาน ผมเองก็อยากจะคิดได้เร็วและมองข้ามช้อตได้อย่างพี่ช้าง แต่ทำไม่ได้เลยต้องได้มากระตุ้นกันบ่อยๆ
Create Date : 12 พฤศจิกายน 2558 |
|
0 comments |
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2558 2:15:23 น. |
Counter : 1225 Pageviews. |
|
|
|