การทำเลสิกด้วยใบมีด กับ เลเซอร์ ต่างกันอย่างไร?ข้อแรกเลยคือเรื่องของความแม่นยำที่แน่นอนว่าแบบเลเซอร์ดีกว่ามาก
และในเรื่องของความเสียหายของเนื้อเยื่อก็จะน้อยกว่าแบบใบมีด
เพราะในตัวใบมีดที่ผ่าตัดย่อมจะมีความหนาที่มากกว่าแสงเลเซอร์
อีกข้อคือการสมานแผลของการทำเลสิกแบบเลเซอร์จะดีกว่า
พูดง่ายๆคือแผลหายไวกว่านั่นเองค่ะ
แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ใช้ ทำให้การทำเลสิกแบบเลเซอร์จะมีราคาที่สูงกว่าแบบใบมีดมากค่ะ
Lasik กับ iLasik ต่างกันอย่างไร?
iLASIK คือ รูปแบบใหม่ของการทำ LASIK โดยใช้เทคโนโลยีจากอเมริกา สำหรับการแก้ไขปัญหาสายตาผิดปกติด้วยเลเซอร์ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวัดสภาพความผิดปกติในการรวมแสงของตา, ใช้เลเซอร์เปิดผิวกระจกตา จนกระทั่งปรับแต่งพื้นผิวกระจกตาด้วยลำแสงเลเซอร์ซึ่งปรับเปลี่ยนขนาดลำแสงได้ มีผลการศึกษาวิจัย ผลการรักษาสายตาด้วยวิธี LASIK พบว่า มีโอกาสสูงที่จะมองเห็นได้ชัดเจนเทียบเท่าตาปกติ อีกทั้งมีโอกาสเพิ่มศักยภาพสูงสุดในการมองเห็นดีกว่า
การทำเลสิกมีปัจจัยเสี่ยงหรือไม่ความเสี่ยงเดียวที่อาจจะเกิดขึ้นได้คือการติดเชื้อจนเกิดการอักเสบ
แต่ทั้งนี้การอักเสบนี้สามารถแก้ไขได้โดยการใช้ยาปฏิชีวนะค่ะ
และจากการศึกษาในการทดลองทำเลสิกในจากคนไข้ 60,000 ราย
มีรายงานเพียง 2 รายถึงสภาวะติดเชื้อ
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหลังจากเกิดการติดเชื้อคือ ห้ามให้ดวงตาสัมผัสกับน้ำประมาณ 2 สัปดาห์
ผู้ที่เหมาะสมกับการทำเลสิก คือ?- ต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
- มีสายตาคงที่หรือเปลี่ยนแปลงไม่เกิน 50 หรือ 0.5D อย่างน้อย 1 ปี
- ไม่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ไม่มีอาการบาดเจ็บทางตา
- ไม่มีโรคของกระจกตาและโรคทางตาที่อาจมีผลต่อการรักษา
เช่น ตาแห้งรุนแรง กระจกตาโป่ง ต้อหิน ต้อกระจก สายตาขี้เกียจ จอประสาทตาเสื่อม เป็นต้น
- ไม่มีโรคทางภูมิคุ้มกัน หรือโรคที่มีผลต่อการหานของแผล เช่น โรค SLE โรคเบาหวาน เป็นต้น
ข้อปฏิบัติเบื้องต้นในการตรวจประเมินสายตา
ถอดคอนแทคเลนส์ล่วงหน้า ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์แบบรายวัน/เดือน (Soft Lens/Semi Hard/RGP)
ควรถอดเลนส์ล่วงหน้า 1 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำ
ส่วนผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์รายปี (Hard Lens) ควรถอดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
เนื่องจากเมื่อสวมคอนแทคเลนส์ไประยะหนึ่ง ความโค้งกระจกตาจะเปลี่ยนไป
ส่งผลให้ค่าสายตาเปลี่ยนแปลงไปจากความเป็นจริง การถอดคอนแทคเลนส์ จะทำให้กระจกตา
คืนรูปตามธรรมชาติ ทั้งนี้เพื่อความแม่นยำในการตรวจวัดของเครื่องมือต่างๆ
ควรนำเพื่อนหรือญาติมาด้วยเนื่องจากการตรวจสุขภาพตาเพื่อทำ iLasik จะมีการหยอดยาขยายม่านตา
ส่งผลให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน และสู้แสงจ้าไม่ได้เป็นเวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง
ดังนั้นอาจเป็นอุปสรรคต่อการขับรถระหว่างเดินทางกลับได้
ควรนำแว่นกันแดดมาด้วยเพื่อป้องกันอาการปวดตาจากการมองแสงจ้าหลังการหยอดยาขยายม่านตา
สถานที่สำหรับทำเลสิกมีหลายที่สามารถเซิชข้อมูลใน internet ดูได้เลยค่ะ
แต่ที่นิเลือกทำเลสิกคือที่นี่ SUPREME iLASIK
//www.supremeilasik.com/ที่เลือกทำที่นี่เพราะเพื่อนของนิคือทราย Mhunoiii เป็นคนแนะนำค่ะ
ทรายเองก็ทำเลสิกที่นี่ และการบริการดูแลที่ดี ผลลัพท์ที่ดีเยี่ยม
และนวัตกรรมในการทำที่นี่เป็นแบบ iLasik ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่สุดในการทำเลสิกในตอนนี้ค่ะ
นอกจากนี้ หลังจากที่ศึกษามาจากหลายๆแหล่ง ก็คือ
Supreme iLasik เป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวในไทยของเครื่อง iLasik
ในชุดอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับวัด จะเป็นของบริษัทเดียวกันหมด
ไม่มีการนำมาผสมกันระหว่างหลายๆบริษัท(ซึ่งอาจทำให้เกิดการคลาดเคลื่อนได้)
ซึ่งในไทยมีแค่ 2 ที่ที่วางระบบแบบนี้คือที่นี่ และที่โรงพยาบาลศิริราช
คุณหมอและทีมแพทย์ของ Supreme iLasik จบจากโรงพยาบาลรามาฯ
และทุกท่านมีประสบการณ์การทำงานด้านนี้มากว่า 10 ปี
สถานที่อยู่ที่ 323 ชั้น 19 ยูนิต 1903B-1904
อาคารยูไนเต็ด ออฟฟิศ เซ็นเตอร์ จำกัด
ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
เบอร์ 0-2631-2112, 0-2631-2873, 0-2631-2871, 089-205-6326
หากมาด้วยรถไฟฟ้าแนะนำให้ลงสถานีสาลาแดง และเดินออกมาอีกไม่ถึง 10 นาทีก็เจอค่ะ
เมื่อถึงอาคาร แลกบัตรที่ประชาสัมพันธ์ ขึ้นลิฟท์ฝั่งขวามาชั้นที่ 19
เดินออกจากลิฟท์เข้ามาข้างในจะเจอ
SUPREME iLasik ค่ะ สถานที่โอ่อ่า สะอาดสะอ้านมากๆ
ขั้นตอนแรกส่วนสำคัญมากๆคือการ
กรอกประวัติค่ะ
เพื่อที่ทางคลีนิกจะได้เก็บข้อมูลของเราไว้ นอกจากข้อมูลพื้นฐานส่วนตัวแล้ว
จุดนี้จะเป็นการสอบถามในเรื่องของโรคประจำตัว ยาที่ใช้ประจำตัว
และประวัติการใช้คอนแทคเลนส์ต่างๆ แนะนำว่าให้กรอกข้อมูลอย่างละเอียด
และตามจริงค่ะ เพื่อประโยชน์ในการรักษาสูงสุดของเรา
ส่วนตัวนิเองพักตามาหลายวัน แต่มีช่วงวันก่อนจะไปตรวจตาที่นะใส่คอนแทคเลนส์แบบลองใส่
ไม่เกิน 5-10 นาที นิก็เขียนให้คุณหมอรับทราบค่ะ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าระยะเวลาแค่นั้น
จะมีผลอะไรบ้างกับการที่ทำให้กระจกตาเปลี่ยนรูปทรงไป
เพราะฉะนั้นกรอกให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เครื่องแรกที่นิได้รับการตรวจคือ
เครื่อง WaveScan ค่ะ
ตรวจวิเคราะห์ความเพี้ยนของพื้นผิวกระจกตา และม่านตาเฉพาะบุคคล
แต่ละคนจะมีรูปทรงของพื้นผิวกระจกตาที่แตกต่างกัน
ซึ่งเป็นตัวส่งผลให้การมองเห็นของเราผิดเพี้ยนไป(ก็คือปัญหาสายตาสั้น,ยาว,เอียง)
ซึ่งตัวนี้เมื่อแสกนออกมาแล้ว จะทำให้ในขั้นตอนการทำเลสิก
ตัวเครื่องที่ยิงเลเซอร์แก้ปัญหาสายตาของเราได้อย่างแม่นยำที่สุด
วิธีการคือแนบคางและหน้าผากให้ชิดตัวเครื่อง แล้วเบิกตากว้างๆมองไปที่จุดในจอ
เวลาแสกนต้องพยายามเบิกตาให้กว้างที่สุดเพื่อให้สามารถมองเห็นลูกตาดำทั้งลูกได้ชัดเจน
เครื่องที่สองเป็น
เครื่องตรวจวัดความหนาและความโค้งของกระจกตาตัวนี้เป็นอีกตัวสำคัญที่จะทำให้เราทราบว่า เราจะทำเลสิกได้หรือไม่
ตัวนี้ให้เราเบิกตากว้าง แล้วจนท.จะนับ 1-5 ให้เราเบิกตาไว้แบบนั้นห้ามกระพริบตา
จะมีแสงวูบไปมา ไม่น่ากลัวอะไร
ค่าความหนาของกระจกตาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 500 ค่ะ
ถ้าหากสายตาเราเมื่อเทียบกับความหนาของกระจกตาแล้วอยู่ในเกณฑ์ที่พอดีก็สามารถทำได้
แต่ในบางรายที่ค่าเฉลี่ยของกระจกตาอยู่ในเกณฑ์ 500 นิดๆ
แต่ค่าสายตาสั้นมากๆราวๆ 1200+ ก็อาจจะไม่สามารถทำเลสิกได้
เครื่องนี้นิวัดแล้วผ่านฉลุยซะยิ่งกว่าฉลุย
เพราะค่าความหนากระจกตานิหนามากๆ จนคุณหมอยังเอ่ยปากว่าเป็นคนมีกระจกตาหนาปึ๊กมาก
หายากมากๆที่จะเจอคนที่กระจกตาหนาขนาดนี้ นั่นหมายความว่านิสามารถทำเลสิกได้แน่นอน
เครื่องถัดมาเป็น
เครื่องวัดความดันของกระจกตาค่ะ
สำหรับตัวนี้จะวัดด้วยการเป่าลม(เบาๆ)มาที่ลูกตาของเรา
ไม่เจ็บปวดไม่น่ากลัว แต่นิตกใจค่ะ ฮ่าๆๆ คือตอนมันเป่าเราต้องเบิกตาสู้
แล้วลมรอบแรกที่เป่าออกมานิสะดุ้งโหยงเลย ตกใจ แต่ไม่เจ็บปวดอย่างที่บอกไป
รอบหลังๆเริ่มชิน จะเป่าลมที่ตาข้างละ 2 รอบค่ะ
โดยเฉลี่ยแล้วค่าความดันกระจกตาจะต้องไม่เกิน 20 ของนิก็ไม่เกินอีกเช่นกัน
ถ้าหากเกินอาจส่งผลกับกระจกตาได้ถ้าหากทำเลสิกค่ะ
จากนั้นมาที่เครื่องสุดท้าย เป็น
เครื่องวัดสายตาแบบคร่าวๆที่เราจะเห็นตามร้านแว่นต่างๆ มองเข้าไปเป็นบ้านในท้องทุ่งหลังตาแดงๆค่ะ
แบบนั้นเลย เป็นการตรวจวัดค่าสายตาคร่าวๆก่อนจะไปวัดแบบละเอียดในขั้นตอนถัดไป
หลังจากตรวจทุกอย่างครบถ้วนแล้ว ก็มา
วัดค่าสายตาอย่างละเอียดกัน
เป็นวิธีการตรวจวัดสายตาแบบที่เรามักจะเจอเวลาจะไปตัดแว่นเลยค่ะ
ก็ให้มองชุดตัวเลขแล้ววัดว่าอ่านได้ชัดหรือไม่ แล้วเปลี่ยนเลนส์สลับไปมาเพื่อทดสอบ
โดยการวัดจะวัดทีละข้าง จนกระทั่งได้ค่าของสายตาที่ใกล้เคียงที่สุดในการมองเห็น
จากนั้นมาทำการ
หยอดยาชาและยาขยายม่านตากัน
ในขั้นตอนก็หยอดยาสลับกันไปมาราวๆ 5 นาที
จากนั้นนั่งชมวีดีโอข้อมูลในการทำเลสิกใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
เพื่อรอให้รูม่านตาของเราขยายเพื่อทำการตรวจในขั้นตอนถัดไปค่ะ
ในการขยายของรูม่านตาด้วย
ยาหยอดนี้จะมีผลหลังจากนี้ยาว 4-6 ชั่วโมงผลที่เกิดขึ้นคือจะทำให้ตาสู้แสงจ้ามากๆไม่ได้ หลังจากนี้จึงควรสวมแว่นกันแดดค่ะและหากใครที่ขับรถมาแนะนำว่าให้นำเพื่อนหรือญาติมาขับให้ดีกว่า
เพราะระยะการมองเห็นของนิผิดเพี้ยนไปพอสมควร
จากมองใกล้ชัดกลายเป็นไม่ชัดไปเลย เป็นว่ามองไกลชัดกว่า
เพราะช่วงที่รูม่านตานิขยาย นิเล่นไอแพดโดยใส่แว่นของนิเองไม่ได้
ต้องถอดออกแล้วมองระยะไกลขึ้น ทั้งนี้อย่างที่บอกว่ามีผลประมาณ 4-6 ชั่วโมงก็หายค่ะ
หลังหยดยาขยายม่านตาจนม่านตาขยายแล้วก็มาตรวจเช็คการมองเห็นอีกครั้ง
ในการทำให้ม่านตาขยาย จะช่วยลดการเพ่งมองได้ดีขึ้น
เมื่อวัดผลอีกครั้งจะทำให้ได้ค่าการวัดสายตาว่า ค่าสายตาประมาณไหน
ที่จะทำให้เมื่อเราทำเลสิกแล้ว เราใช้สายตานั้นๆแล้ว เราจะไม่ปวดหัวปวดตาจนเกินไป
มีการเปรียบเทียบวัดตาทีละข้าง ในการตรวจวัดค่าสายตาจะทำซ้ำไปมาอยู่แบบนี้หลายรอบ
เพื่อที่จะทำให้ได้ค่าสายตาที่พอดีที่สุดสำหรับเรา และแม่นยำที่สุดค่ะ
ขั้นตอนสุดท้ายขั้นตอนนี้คุณหมอเป็นคนดูแลด้วยตัวเอง
คุณหมอที่ดูแลนิในครั้งนี้คือ
พญ.ศศิวิมล จัทรศรี ค่ะ
คุณหมอน่ารัก เป็นกันเองมากๆ ถามคำถามอะไรก็ตอบให้อย่างเต็มใจและเข้าใจง่าย
ขั้นตอนนี้คือ
การดูจอประสาทตาวัดความแห้งของดวงตาของเรา
ปัญหาตาแห้งเป็นอีกสิ่งที่ต้องระวัง เพราะ
หลังจากทำเลสิกแล้วดวงตาเราจะแห้งลงไปอีกและทำให้ระคายเคืองได้ง่ายค่ะ เพราะฉะนั้นหากคุณหมอตรวจเช็คแล้วว่ามีปัญหาตาแห้งเกิดขึ้น
อาจจะต้องดูแลรักษาโดยการใช้น้ำตาเทียม หรือในบางคนที่เป็นเยอะๆ
คุณหมออาจจะสั่งยาสำหรับกระตุ้นการผลิตน้ำตาให้ค่ะ
ผลของการตรวจของนิ OD คือข้างขวา OS คือข้างซ้าย
ค่าสายตาอยู่ที่ ขวา 3.25 เอียง 1.75
ซ้าย 2.75 เอียง 1.25
ค่าความหนาของกระจกตา เฉลี่ยห้ามต่ำกว่า 500
ข้างขวาของนิเฉลี่ยอยู่ที่ 612
ข้างซ้ายของนิเฉลี่ยอยู่ที่ 609
ถือว่าผ่านฉลุยค่ะ เพราะเรียกได้ว่ากระจกตาหนามากๆ
ค่าความดันของดวงตาห้ามเกิน 20
ขวา 17-5 = 12
ซ้าย 18-5 = 13
เทียบโดยรวมของความหนา ความดัน และค่าสายตาคือ ผ่าน ทำเลสิกได้ค่ะ คุณหมอชมมาว่าสุขภาพตาดีมากๆ ไม่มีปัญหาอะไรเลย น่าจะต้องขอบคุณกรรมพันธุ์
และการดูแลรักษาส่วนตัวของตัวเองในเรื่องการพักผ่อน และระเบียบวินัยในการใช้คอนแทคเลนส์ค่ะ
ค่าสายตาที่มีความเสี่ยงว่าจะทำไม่ได้คือค่าสายตาเกิน 1200 ขึ้นไป
เพราะโดยส่วนมากแล้วค่าสายตาที่เยอะๆแบบนี้จะเกิดจากกรรมพันธุ์
ซึ่งในการทำเลสิกแบบนี้จะแก้ปัญหาได้ราวๆ 1200 (คือความสั้นและเอียงบวกกัน)
คนที่ค่าสายตาสูงๆจะมีกระจกตาที่ไม่หนาพอ และความดันตาที่มากเกินไป
จึงเกิดความเสี่ยงที่จะทำมากกว่า โดยส่วนมากคุณหมอจะไม่แนะนำให้ทำค่ะ
(คนที่ดวงตากลมโตมากๆมักจะประสบปัญหานี้ เพราะดวงตาสามารถขยายได้อีกเรื่อยๆ)
แต่ก็มีอีกวิธีในการปรับสายตานอกจากการทำเลสิก
เรียกว่า Visian ICL Phakic IOL (Implantable Contact Lens)
เป็นวิธีการผ่าตัดนำเลนส์เสริมใส่เข้าไปในดวงตาของเรา
วิธีนี้ค่อนข้างใช้เวลาในการตรวจเช็ค และเป็นการผ่าตัดจริงจัง
ระยะการพักฟื้นยาวนานกว่า และราคาค่อนข้างสูง คือต่อข้างตกไม่ต่ำกว่า 100,000.- ค่ะ
แต่เป็นวิธีที่ดีสำหรับใครที่มีปัญหาไม่สามารถทำเลสิกได้ค่ะ
หลังจากตรวจวัดตาเสร็จแล้ว ก็สามารถนัดวันสำหรับทำเลสิกได้เลย
ของนินัดไกลหน่อย ขอเป็นเดือนหน้า เพราะมีทริปจะไปดำน้ำ
คุณหมอดูเวลาแล้วจริงๆก็สามารถทำได้เลย เพราะระยะก่อนจะไปดำน้ำ
แผลนิน่าจะสมานและหายดีแบบไร้กังวล แต่ตัวนิเองจิตตกค่ะ
ประจวบกับไม่มีคนพาไปทำด้วย เลยขอเลื่อนไปเป็นเดือนหน้า
อยากจะพักตาจากการใส่คอนแทคเลนส์แบบเต็มที่จริงๆด้วย เลยรอพร้อมที่สุดก่อน
สำหรับราคาของที่ SUPREME iLASIK
ในการทำเลสิกจะตกอยู่ที่ประมาณ 140,000.- ค่ะ
ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเที่ยบกับที่อื่นๆ แต่ที่ราคาสูงเพราะเทคโนโลยีที่ใช้
เป็นแบบที่ทันสมัยที่สุดที่มีในตอนนี้ค่ะ
สำหรับใครที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน
//www.supremeilasik.com/https://www.facebook.com/supremeilasikนิทำเลสิกเรียบร้อยแล้ว อ่านได้ในบล็อกนี้เลยค่ะ