Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2561
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
9 พฤษภาคม 2561
 
All Blogs
 
9 พค 61 ทริปครอบครัว 2561 ตอนที่ 5 Pisa







               แผนการท่องเที่ยวเช้าวันนี้  เราควรจะเที่ยวเมืองในแคว้น Tuscany ให้ทั่ว ได้แก่ Siena เที่ยวชมเมืองเล็กๆ ชมร้านผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง    แวะ Firence  เมืองหลวงของแคว้น แวะชม David และอื่นๆ  แต่ก็เพราะความสะเพร่าลืมเสื้อกันหนาวของขวัญ  ทำให้ต้องย้อนกลับไปยังโรงแรมอีกครั้ง ไปกลับราวสามชั่วโมง  เพราะเราก็ยังชื่นชมกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม  ทำให้เราพลาดชมไปหลายสถานที่    แม้จะรู้ว่าต้องใช้เวลาเดินทางอีกนาน   แต่  แรงดึงดูด จาก หอเอนปิซ่า สิ่งมหัศจรรย์ของโลกไม่น่าจะพลาด








หอศีลจุ่ม  มหาวิหาร และหอเอนปิซ่า เรียงตัวกัน สวยงามตื่นตา 
มาถึงตอนเย็นก็ดีเหมือนกันอากาศเย็นสบายแดดร่มลมตก
ยังมีคณะทัวร์อีกหลายคณะทยอยเดินผ่านประตูเข้ามาเรื่อยๆ

                มาถึงเมืองปิซ่า หกโมงเศษ รีบเดินเข้าไปภายในบริเวณจตุรัสดูโอโมแห่งปิซา  ยังมีผู้คนมากมายเดินและนั่งนอนเล่นอยู่ภายในรั้ว  ในสนาม และบนหอคอย  ภาพสิ่งก่อสร้างอลังการที่เห็นบริเวณจตุรัสแห่งนี้ สวยงามและยิ่งใหญ่กว่าที่คิด     สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่จากหินอ่อนสีขาว  แต่ละหลังสวยงามมีรายละเอียด  ฝีมือช่างอิตาลียิ่งใหญ่สวยงามไม่เคยผิดหวัง   หินแข็งๆถูกสลักขัดเกลาละเอียดยิบ   แต่ยังยืนตระหง่านสวยงามผ่านเวลายาวนาน  










                  หอเอนปิซ่า  หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง  เป็นสิ่งที่ผู้คนบริเวณนี้ให้ความสนใจมากกว่าสิ่งก่อสร้างอีกสามสิ่ง  แต่ละคณะก็คงเดินทางมาจากไกลๆ   ไม่มีใครสนใจใครต่างพยายามโพสต์ท่ากันเต็มที่  

                   หอเอนแห่งนี้จุดมุ่งหมาย คือ สร้างเป็นหอระฆัง  การก่อสร้างเนิ่นช้า ใช้เวลาก่อสร้างกว่าจะเสร็จสิ้นทั้ง 8 ชั้น ใช้เวลา 177 ปี 























สิ่งก่อสร้างของอิตาลีสวยงามมีรายละเอียดไปหมด  
ไม่เว้นแม้แต่ซุ้มประตูออกแบบได้ยิ่งใหญ่สวยงาม








ด้านหน้าจุตรัสดูโอโมแห่งปิซ่า มีของที่ระลึกขายมากมาย รวมทั้งเครื่องหนัง












พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน  เวลาคิดถึงบ้าน มากันหมดทั้งบ้านไม่ต้องห่วงหรือคิดถึงใคร













             เวลาทุ่มเศษแล้ว ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม  ราวสองทุ่มจะมืดสนิท  เรายังมีหนทางต้องเดินทางอีกชั่วโมงเศษ กว่าจะถึงที่หมาย  คงดึกมากเราจะมีอาหารให้ทานรึเปล่า  มาเที่ยวต้องอดทนและปรับเปลี่ยนแผนการได้ตลอด   และจดจำไว้ว่าต่อไปจะตรวจข้าวของให้ละเอียดทุกครั้ง




จัตุรัสดูโอโมแห่งปิซา หรือ กัมโป เดย์ มีราโกลี (อิตาลี: Campo dei Miracoli) คือบริเวณที่ล้อมรอบด้วยกำแพง ใจกลางเมืองปิซา แคว้นทัสเคนี ประเทศอิตาลี ประกอบไปด้วยสิ่งก่อสร้างหลัก 4 อย่าง ได้แก่ มหาวิหารปิซา (Duomo) หอเอน (Torre) หอศีลจุ่ม (Baptistery) และ สุสาน (Camposanto)

         จัตุรัสดูโอโมแห่งปิซาเป็นชื่อที่ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลก ส่วนคำว่า "กัมโป เดย์ มีราโกลี" นั้นแปลว่า "จัตุรัสอัศจรรย์"

"หอเอนเมืองปิซา (อิตาลี: Torre pendente di Pisa หรือ La Torre di Pisa; อังกฤษ: Leaning Tower of Pisa) ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวม 14,500 ตันโดยประมาณ มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร

เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้ยุบตัว ต่อมาในปี ค.ศ.1272 โดย จีโอแวนนี่ ดี สิโมน สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ 7 ชั้น ในปี ค.ศ.1319 แต่หอระฆังถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1372 โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปี

หลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนปีซาได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา

กาลิเลโอ กาลิเลอิ เคยใช้หอนี้ทดลองเกี่ยวกับเรื่อง แรงโน้มถ่วง ในตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปิซา โดยใช้ลูกบอล 2 ลูกที่น้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมา เพื่อพิสูจน์ว่า ลูกบอล 2 ลูกจะตกถึงพื้นพร้อมกัน ซึ่งก็เป็นไปตามที่กาลิเลโอคาดไว้

ในปี ค.ศ.1934 เบนิโต มุสโสลินี พยายามจะทำให้หอกลับมาตั้งฉากดังเดิม โดยเทคอนกรีตลงไปที่ฐาน แต่กลับทำให้หอยิ่งเอียงมากขึ้นไปอีก กองทัพสหรัฐฯ ตัดสินใจไม่ยิงปืนใหญ่ใส่หอเอนเมืองปิซา

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1964 รัฐบาลอิตาลี พยายามหยุดการเอียงของหอเอนเมืองปิซา โดยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เช่น วิศวกร นักคณิตศาสตร์ และนักประวัติศาสตร์ โดยใช้เหล็กรวมกว่า 800 ตัน ค้ำไว้ไม่ให้หอล้มลงมา

ในวันที่ 7 มกราคม ค.ศ.1990 หอเอนเมืองปิซาถูกปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังขุดดินของอีกด้านหนึ่งออก เพื่อให้สมดุลยิ่งขึ้น และในวันที่ 15 ธันวาคม 2001 หอเอนเมืองปิซาถูกเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอีกครั้ง และถูกประกาศว่าสมดุลแล้วใน 300 ปีต่อมาหลังจากเริ่มทำการปรับปรุง

ค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza Dei Miracoli หอเอนเมืองปิซายังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย"

https://th.wikipedia.org/



"ประวัติของหอเอนเมืองปิซ่า

หอเอนเมืองปิซา (Tower of Pisa) ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร ค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza Dei Miracoli หอเอนเมืองปิซายังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย ปัจจุบันนี้ หอเอนเมืองปิซ่า ลาดเอียงลงมาประมาณ 13 องศาแล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าหอเอนมีโอกาสพังถล่มลงมาแน่นอน โดยทุก ๆ 20 ปี หอคอยแห่งนี้จะเอนลง 1 นิ้ว และมีคนทำนายว่า หอคอยแห่งนี้จะพังถล่มลงมาในปี 2200 หากยังไม่มีใครหาทางป้องกันได้ เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้ยุบตัว ต่อมาในปี ค.ศ.1272 โดย Giovanni di Simone สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ 7 ชั้น ในปี ค.ศ.1319 แต่หอระฆังถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1372 โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปี"

     https://www.thaigotravel.com/travel.php?t_id=15

https://www.scimath.org/lesson-physics/item/7295-2017-06-14-14-43-31
เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้ยุบตัว ต่อมาในปี ค.ศ.1272 โดย Giovanni di Simone สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ 7 ชั้น ในปี ค.ศ.1319 แต่หอระฆังถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1372 โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปี


นอกจากนี้หอเอนเมืองปิซานี้ช่วยให้กาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ ชาวอิตาเลียน ผู้มีชื่อเสียงของโลก ได้ทดลองความจริง เรื่องน้ำหนักของของที่ตกเป็นผลสำเร็จ กาลิเลโอเคยใช้หอนี้ทดลองเกี่ยวกับเรื่อง แรงโน้มถ่วง ในตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปิซา โดยใช้ลูกบอล 2 ลูกที่น้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมา เพื่อพิสูจน์ว่า ลูกบอล 2 ลูกจะตกถึงพื้นพร้อมกัน ซึ่งก็เป็นไปตามที่กาลิเลโอคาดไว้

ในปี ค.ศ.1934 เบนิโต มุสโสลินี พยายามจะทำให้หอกลับมาตั้งฉากดังเดิม โดยเทคอนกรีตลงไปที่ฐาน แต่กลับทำให้หอยิ่งเอียงมากขึ้นไปอีก กองทัพสหรัฐฯ ตัดสินใจไม่ยิงปืนใหญ่ใส่หอเอนเมืองปิซา

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1964 รัฐบาลอิตาลี พยายามหยุดการเอียงของหอเอนเมืองปิซา โดยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น วิศวกร นักคณิตศาสตร์ และนักประวัติศาสตร์ โดยใช้เหล็กรวมกว่า 800 ตัน ค้ำไว้ไม่ให้หอล้มลงมา

ค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza Dei Miracoli หอเอนเมืองปิซายังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง

ในวันที่ 7 มกราคม ค.ศ.1990 หอเอนเมืองปิซาถูกปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังขุดดินของอีกด้านหนึ่งออก เพื่อให้สมดุลยิ่งขึ้น และในวันที่ 15 ธันวาคม 2001 หอเอนเมืองปิซาถูกเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอีกครั้ง และถูกประกาศว่าสมดุลแล้วใน 300 ปีต่อมาหลังจากเริ่มทำการปรับปรุง


และสาเหตุที่หอเอนลง ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เป็นเพราะพื้นดินที่ใช้ในการก่อสร้างไม่เอื้ออำนวยเนื่องจากชั้นดินมีลักษณะเป็นดินปนทรายและดินโคลนทำให้ไม่แข็งแรงพอที่จะรองรับน้ำหนักของหอคอยขนาดใหญ่ได้ แต่ด้วยวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างซึ่งทำมาจากหินปูน และปูนขาว มีคุณสมบัติสามารถโค้งงอ และทนต่อแรงต่าง ๆ ได้ดีกว่าวัสดุอื่น ๆ อย่างพวกหินหรืออิฐ นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมหอคอยแห่งนี้จึงไม่ถล่มไปเลย แต่กลับค่อย ๆ เอนลงเรื่อย ๆ

หลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนปีซาได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา


ความเอนของหอปิซ่า คือ มนต์เสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยว คนรักศิลปะและนักวิชาการ ต้องไปสัมผัสความมหัศจรรย์นี้ และต่างมีคำถามว่าหอนี้ จะสามารถอยู่ได้ไปตลอดกาล หรือจะพังลงมาเมื่อไหร่

อธิบายหอเอนเมืองปีซา ด้วยกฎทางฟิสิกส์ ”จุดศูนย์กลางมวลและจุดศูนย์กลางของความโน้มถ่วง”


จุดศูนย์กลางมวล(center of mass, c.m.) ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ เพราะว่าการเคลื่อนที่ที่เป็นไปตามกฎการเคลื่อนที่ของนิวตันที่ผ่านมา คิดเสมือนว่าวัตถุเป็นจุด (point) และมวลของวัตถุรวมที่จุดนี้ ในความเป็นจริงวัตถุมีขนาดไม่ได้เป็นจุด การออกแรงกระทำต่อวัตถุเพื่อให้วัตถุมีการเลื่อนตำแหน่งโดยไม่หมุน แรงต้องกระทำผ่านจุดศูนย์กลางมวล ซึ่งเปรียบเสมือนจุดรวมของมวลวัตถุทั้งก้อน สำหรับวัตถุแข็งเกร็งตำแหน่งของจุดนี้จะอยู่ประจำ

หากมีจุดมวลหลายจุดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ในสามมิติ ตำแหน่งของจุดศูนย์กลางมวลหาได้

ในกรณีที่วัตถุเป็นแท่งหรือเป็นแผ่นที่มีความหนาแน่นมวลสม่ำเสมอ จุดศูนย์กลางมวลอาจจะหาได้จากความสมมาตรของรูปร่าง หรือจากวิธีแคลคูลัส

แรงที่มีแนวกระทำผ่านหรือไม่ผ่านจุดศูนย์กลางของมวล จะทำให้เกิดการเคลื่อนที่ที่ไม่มีหรือมีการหมุนรอบจุดศูนย์กลางมวล ความจริงนี้อาจแสดงได้โดยการดีดหรือ ออกแรงกระทำต่อแท่งดินสอบนพื้นราบ ดังรูป แรงกระทำที่ไม่ผ่านจุดศูนย์กลางมวล จะทำให้เกิดโมเมนต์ของแรงรอบจุดศูนย์กลางมวล มีผลทำให้วัตถุหมุน ดังจะได้ศึกษาในบทการเคลื่อนที่แบบหมุนต่อไป

สำหรับความหมายของจุดศูนย์กลางของความโน้มถ่วง (center of gravity, c.g.) หรือที่นิยมเรียกสั้นๆว่า จุดศูนย์ถ่วง นั้น จะเป็นจุดที่แรงลัพธ์ของแรงดึงดูดของโลกต่อส่วนต่างๆ ของวัตถุกระทำ ซึ่งในสถานการณ์ธรรมดาที่สนามโน้มถ่วงมีค่าสม่ำเสมอทั่วปริมาตรของวัตถุ จุดศูนย์กลางมวลกับศูนย์ถ่วงจะเป็นจุดเดียวกัน ในกรณีที่วัตถุมีขนาดใหญ่จนแต่ละส่วนของวัตถุนั้นอยู่ในสนามความโน้มถ่วงที่มีค่าต่างกัน เป็นไปได้ที่จุดศูนย์ถ่วงและจุดศูนย์กลางมวลจะอยู่คนละตำแหน่งกัน

ซึ่งจะพบว่าเป็นเงื่อนไขเดียวกับที่จุดนั้นเป็นจุดศูนย์กลางมวล 

สามารถสรุปได้ว่าการทำหอเอนเมืองปีซาจึงไม่ล้ม ทั้งที่วัดระยะเอนจากฐานได้ 5 เมตร 

เนื่องจากหอเอนมีจุดศูนย์กลางของความโน้มถ่วงอยู่ในบริเวณฐานของหอ ซึ่งเป็นจุดรวมน้ำหนักของวัตถุทั้งหมด เเต่ถ้าหากหอนี้เอนมากขึ้นจนทำให้เส้นเเนวดิ่งไม่ผ่านจุดศูนย์กลางของความโน้มถ่วงหอก็จะถล่มลงมา ดังนั้นวิศวกรจึงได้คิดค้นเทคนิควิธีต่างๆ เพื่อไม่ให้หอเอนมากไปกว่านี้

พยายามไม่ให้ล้ม

ราวสิบปีก่อน จอห์น เบอร์แลนด์ ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องดินแห่งวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการแพทย์อิมพีเรียลในกรุงลอนดอน เสนอให้นำแท่งตะกั่วหนัก 660 ตันไปถ่วงหอคอยทางด้านทิศเหนือให้สมดุลชั่วคราว "ตอนแรกที่เราทดลองเติมแท่งตะกั่วในแบบจำลองคอมพิวเตอร์ ปรากฏว่าหอคอยล้มครืนลงมาเลย" เบอร์แลนด์บอก

เขากับนักศึกษาใช้เวลาเก้าเดือนต่อมาปรับแต่งแบบจำลองคอมพิวเตอร์จนลงตัวในที่สุด คนงานใส่แท่งตะกั่วเข้าไปหนุนโครงสร้างในเดือนกรกฎาคม 1993 ปรากฏว่าอาการเอนเริ่มทรงตัวและสามารถดึงอาคารกลับไปทางด้านเหนือได้ระดับหนึ่ง แต่กลับถูกกล่าวหาว่าทำลายทัศนียภาพด้วยแท่งตะกั่ว

เอียงลงอีก

คณะกรรมการมองหาวิธีถ่วงที่สะดุดตาน้อยลง และเห็นชอบในปี 1995 ให้ติดตั้งวงแหวนคอนกรีตรอบหอคอยพร้อมสายเคเบิลยึดโยงสิบเส้น โดยปลายสายอีกข้างฝังอยู่ในทรายอัดแข็งลึกลงไปในดิน 45 เมตร แต่โชคไม่ดีที่ระหว่างเจาะทางเดินคอนกรีต วิศวกรเผลอไปตัดท่อเหล็กกล้าซึ่งเชื่อมต่อกับหอคอย

การกระทำดังกล่าวทำให้หอคอยเอนไปทางทิศใต้อย่างรวดเร็วเป็นประวัติการณ์ถึง .15 เซนติเมตร "ภายในคืนเดียว หอเอนเมืองปิซาเคลื่อนตัวเท่ากับยามปกติหนึ่งปีเต็ม" เบอร์แลนด์บอก คณะกรรมการรีบตัดสินใจอนุมัติให้เพิ่มแท่งตะกั่วถ่วงอีกราว 300 ตันเพื่อชะลอการเอนเอียง นั่นคือ แทนที่จะปลดน้ำหนักทั้งหมดทิ้งกลับใส่เพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งในสามและสั่งเลิกใช้วิธียึดโยงด้วยสายเคเบิลซึ่งให้ผลย้อนกลับร้ายแรง

หลังสำรวจความเป็นไปได้อีกหลายวิธี สุดท้ายคณะกรรมการลงความเห็นว่าการเซาะสกัดเนื้อดินน่าจะเป็นวิธีดีที่สุด โดยค่อย ๆ เคลื่อนย้ายเนื้อดินบริเวณฐานด้านที่ยกตัวสูงกว่า เนื้อดินนับตันที่เซาะสกัดออกมาจะช่วยปรับให้ยอดหอคอยด้านใต้ที่เอนโน้มกลับไปด้านตรงข้าม งานเซาะสกัดเนื้อดินเริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ 1999 "หอคอยสร้างความประหลาดใจให้พวกเราหลายเรื่อง และมีหลายครั้งที่ใกล้หายนะจนทุกคนเครียดหนัก" เบอร์แลนด์เล่า "เราเฝ้าติดตามดูการดำเนินงานทุกด้านอย่างใกล้ชิดนาทีต่อนาทีเพื่อให้แน่ใจว่าหอคอยขยับไปในทิศทางที่เราคาดหมาย"

อุณหภูมิก็มีผลทำให้เอียง

แต่ไม่เป็นเช่นนั้น ช่วงแรกมีเรื่องให้ตื่นเต้นเมื่อคณะกรรมการได้รับโทรสารด่วนแจ้งว่าหอคอยเกิดเอนไปทางใต้อีกครั้งอย่างกะทันหัน "ผมนึกในใจว่าทุกอย่างคงจบสิ้นแล้ว" เบอร์แลนด์เปิดใจ ระหว่างนั้น ผู้จัดการโครงการและผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ ต้องรายงานความเคลื่อนไหวของอาคารอย่างละเอียดตลอดเวลา รวมทั้งสภาพอากาศ "ปรากฏว่าช่วงนั้นมีลมแรงพัดมาจากเทือกเขาแอลป์" เบอร์แลนด์อธิบาย "ผมโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะรู้ว่าเวลาที่อุณหภูมิลดต่ำฮวบฮาบจะมีผลต่อหอคอยอย่างมาก เมื่อลมสงบและอุณหภูมิปรับตัวสูงขึ้น อาคารก็เอนตัวไปทางทิศเหนืออีกครั้ง"

หลังขุดเซาะครั้งสุดท้ายในเดือนมิถุนายน 2001 ยอดหอคอยด้านใต้ยังคนเอนออกนอกฐานกว่า 4.5 เมตร ซึ่งลดลงกว่าครึ่งเมตร จากตัวเลขในปี 1990 ปัจจุบัน แท่งตะกั่วบาดตาอันตรธานไปแล้ว วงแหวนเหล็กกล้าหนากันแกว่งถูกเก็บลับตาและไม่มีใครรู้ว่าจะได้ใช้อีกเมื่อใด ตอนนี้นักท่องเที่ยวมีโอกาสจะไต่บันไดขึ้นลงหอคอยแห่งนี้ได้อีกครั้งโดยไม่ต้องกลัวมันจะโงนเงน





Create Date : 09 พฤษภาคม 2561
Last Update : 10 พฤษภาคม 2561 13:29:29 น. 19 comments
Counter : 1603 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณวลีลักษณา, คุณtoor36, คุณnewyorknurse, คุณกะว่าก๋า, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณSweet_pills, คุณตะลีกีปัส, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณmambymam, คุณเริงฤดีนะ, คุณRain_sk, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณKavanich96, คุณหอมกร


 
ตามเที่ยวค่ะ


โดย: วลีลักษณา วันที่: 9 พฤษภาคม 2561 เวลา:21:22:15 น.  

 
จะว่าไปน่าเสียดายเวลาเหมือนกัน ไม่น่าลืมเลย ไม่กลับไปเอาก็ไม่ได้ด้วย อากาศเย็น

คนไปอิตาลี ที่นี่ก็เป็นอีกอีกจุดที่คนไม่ค่อยพลาดที่จะมาเยี่ยมชมนะครับ พูดถึงเครื่องหนังเครื่องหนังของเค้าดีจริงๆ นะ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 9 พฤษภาคม 2561 เวลา:23:51:28 น.  

 

มาเที่ยวด้วยค่ะ


โดย: newyorknurse วันที่: 10 พฤษภาคม 2561 เวลา:3:06:59 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับคุณเย็น

หอเอนแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกไปเลยนะครับ
ดูจากภาพเหมือนผมจะเห็นอาคารด้านหน้าก็ดูจะเอียงๆตามไปด้วยเลยครับ 555
เคยอ่านจากหหนังสือเล่มนึงเค้าบอกว่า
หอเอนแห่งนี้เอียงเพิ่มขึ้นด้วยครับ
เพราะคนขึ้นไปเยอะเกินไปในหลายสิบปีก่อน
บอกกับเกิดแผ่นดินไหวในอิตาลี
จนรัฐบาลอิตาลีเคยคิดว่าจะต้องทำอะไรเพื่อป้องกันการถล่มลงมา


โหวตครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 พฤษภาคม 2561 เวลา:6:27:14 น.  

 
งี้ก็สู้หอที่เขาใหญ่ไม่ได้สิคะ คุณหมอ
สร้างให้เอนไปเลย แต่ไม่รู้จะอยู่ได้สักครึ่ง
ศตวรรษไหม อิอิ โม้ไปแก้กลุ้มเพราะไม่ได้
ไปเที่ยวด้วยจิ งั้นที่พี่เห็นเมื่อกว่าครึ่ง
ศตวรรษนั่นก็เอนน้อยกว่านี้เหรอเนี่ย แหะๆ
โม้ได้อีก

ขอบคุณเรื่องราวเกี่ยวกับหอนี้ที่ไม่เคยได้
ใส่ใจเรียนรู้มาก่อนเลยค่ะ



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 10 พฤษภาคม 2561 เวลา:15:55:35 น.  

 
หอศีลจุ่มสวยงามอลังการมากเลยค่ะ
บ้านเมืองเค้าสวยจริงๆ บรรยากาศดีมาก
กระเป๋าสวยๆทั้งนั้นเลยนะคะ

ช่วงนี้พี่อยูตจว.อาจมาช้าหน่อยค่ะ
ขอบคุณที่แวะชมดอกไม้ ไว้แวะมาใหม่ค่ะ




โดย: mambymam วันที่: 10 พฤษภาคม 2561 เวลา:16:53:41 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับคุณเย็น

จริงครับ
หอยทากกับหนอนผีเสื้อ
กินใบไม้เก่งพอๆกันเลย

ขอบคุณในส่วนวิชาการที่ลงไว้ครับ
10 กว่าปีที่แล้วตอนที่ผมไปที่นี่
ไกด์ก็เล่าให้ฟังแล้วครับ
ว่ามีปัญหาเรื่องความเอียง

จริงๆผมห่วงเรื่องแผ่นดินไหวมากที่สุดครับ
เพราะมันอยู่เหนือความคาดหมายของมนุษย์
เหมือนองค์เจดีย์หลวงที่เชียงใหม่
องค์ใหญ่มกา แข็งแรงมาก
แต่พอเจอแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
องค์ยอดเจดีย์ก็พังทลายลงมาทันทีเลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 พฤษภาคม 2561 เวลา:19:29:47 น.  

 
หอเอนปิซ่ายังคงสวยมีเสน่ห์ไม่เปลี่ยนนะคะคุณเย็น
ต๋าไปปิซ่านานมาแล้วค่ะ ช่วงนั้นปิด ไม่อนุญาตให้ขึ้นหอเอนน่ะค่ะ
รถบัสจอดให้เราลงเดินแล้วนัดมารับ
ยังจำความรู้สึกที่เดินดูจากจุดต่างๆว่าตรงไหนเอียงมากเอียงน้อยได้

ประทับใจประโยค "มากันหมดทั้งบ้านไม่ต้องห่วงหรือคิดถึงใคร" ค่ะคุณเย็น
การได้เที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวเป็นอะไรที่พิเศษมาก
แล้วโอกาสแบบนี้ไม่ง่ายเลยค่ะโดยเฉพาะกับครอบครัวใหญ่

ขอบคุณคุณเย็นที่พาเที่ยวนะคะ
ภาพสวยมาก แล้วต๋าจะตามมาเที่ยวต่อค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 10 พฤษภาคม 2561 เวลา:21:09:42 น.  

 
สวัสดีมีสุขค่ะ

เป็นสิ่งก่อสร้างที่สวยงามและน่าทึ่งมากๆเลยค่ะ
ภาพถ่ายสวยงาม มุมดูสบายตาจัุง


โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 10 พฤษภาคม 2561 เวลา:21:43:35 น.  

 
จากบล็อก
ผมคาดว่าน่าจะวุ่นวายจากการจัดตาราง และอาจต้องคุมคนทำเวรมั้งครับ ผมไม่ได้คาดคิดในจุดนี้เหมือนกัน จริงๆ ตำแหน่งนี้ผมก็ไม่ทราบมาก่อนเหมือนกันว่ามันคือคนจัดตาราง ผมถามเอาจากเพื่อนคนจีนล้วนๆ เลย


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 10 พฤษภาคม 2561 เวลา:22:09:40 น.  

 
สวัสดีจ้ะคุณเย็น



โดย: mambymam วันที่: 11 พฤษภาคม 2561 เวลา:6:05:29 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับคุณเย็น



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 พฤษภาคม 2561 เวลา:6:48:12 น.  

 
เห็นบางคนนนอดูหอเอน
ถ้าได้ไปนอนดู นอนถ่ายบ้าง
คงฟินสุดๆ

ขอบคุณภาพสวยงามตลอดทริป
ที่Post มาฝากกัน มากมายอีดตะปือนัง


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 11 พฤษภาคม 2561 เวลา:7:37:16 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับคุณเย็น

ผมไปเมื่อนานมาแล้วครับ 555
ไปตอนที่อายุยัง 20 กว่าๆ
ตอนนี้คงเปลี่ยนไปเยอะเลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 พฤษภาคม 2561 เวลา:14:55:02 น.  

 
หอเอนปิซ่า ... บางครั้งความผิดพลาดก็กลายเป็นเรื่องดีไปได้เหมือนกัน
นี่ถ้าหอไม่เอน ก็คงไม่กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกหรอกเนอะ
ว่าแต่ความเอนจะคงที่ ไม่เอนต่อไปตามแรงโน้มถ่วงโลกแน่นะ อิอิ


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 11 พฤษภาคม 2561 เวลา:19:28:47 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับคุณเย็น



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 พฤษภาคม 2561 เวลา:6:27:17 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 15 พฤษภาคม 2561 เวลา:3:02:39 น.  

 
อยากไปจังค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 23 พฤษภาคม 2561 เวลา:14:56:33 น.  

 
mcayenne94 Travel Blog ดู Blog
บ้านเมืองเขาสวยงามจริงๆ ค่ ะ โหวตย้อนหลังนะคะ



โดย: หอมกร วันที่: 26 กรกฎาคม 2561 เวลา:7:51:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

mcayenne94
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]




Bangkok

Kyoto

Sydney

Mcayenne94's Diary มีวัตถุประสงค์เพื่อบันทึกเรื่องราวของเจ้าของบ้านและสิ่งแวดล้อม ไม่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการ จัดจำหน่าย ต้นไม้ดอกไม้ หรือสิ่งใด อนุญาตให้นำภาพถ่าย พร้อมชื่อMcayenneผู้ถ่ายภาพไปใช้ประโยชน์ได้ และสงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้นำภาพถ่าย Mcayenne ไปใช้ โดยการดัดแปลงตัดต่อหรือลบชื่อภายในภาพ
Friends' blogs
[Add mcayenne94's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.