Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
26 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 

26 พย 54 กระพี้จั่น และ วันแรกของนิกร

 




       

   ต้นกระพี้จั่น ต้นไม้ที่เพิ่งเคยได้ยินชื่อ เมื่อสามปีก่อน ไม้ยืนต้นดอกสีม่วง หลังน้ำท่วม ใบร่วงจนหมดต้น..จะตายรึเปล่านะ




            หลายวันผ่านไปเริ่มมีตุ่มเล็กๆผุดตามกิ่งก้าน ต่อมาค่อยแตกออกเป็นใบสีเขียวอ่อนเต็มต้น มีกระจุกสีแดงแทรกทั่วไป กระจุกสีแดงคือช่อดอก ต่อมาดอกสีชมพูอ่อนค่อยแย้มบานทั่วทั้งต้น ถ้าเป็นญี่ปุ่นก็คงพอเทียบได้กับดอกซากุระ ที่ใครๆเฝ้ารอดู


            น้ำล้อมทางเข้าบ้านที่เก็บกล้องถ่ายภาพเดือนกว่า ตัดใจซื้อนิกรคอมแพคมาใช้แก้ขัดก่อนที่ดอกจะร่วงโรยไปหมดดีกว่า coolpix P500 เบามือดีเหมือนกัน ถ่ายไม่ง่ายมากนัก มีโปรแกรมหลากหลาย คล้ายกล้อง DSLR ไม่เหมาะกับคนไม่ชอบเทคโนโลยี ซูมได้เยอะ 36 เท่า ถ่ายภาพสนุก แต่ภาพไม่ค่อยคมชัด ตามสภาพราคาค่ะ












            เดินชื่นชมสวนหลังน้ำลด ธรรมชาติสอนอะไรฉันหลายอย่าง ต้นที่อ่อนแอน้ำท่วมก็ตายไป ต้นที่แข็งแรงพยายามหยัดยืน ผ่านภัยพิบัติ แล้วกลับงอกงามสวยงามกว่าเดิม คนและธุรกิจก็คงเหมือนกัน น้ำท่วมครั้งนี้ให้บทเรียนอะไรหลายอย่าง คนบางคนท้อแท้หมดกำลังใจซ่อมแซมบ้านที่เสียหายหมดทั้งหลัง บ้างเสียมิตรภาพที่เคยมี แต่ละคนได้เห็นนิสัยและน้ำใจจริงของคนทั่วไปรวมทั้งเพื่อนร่วมงาน ความกระทบกระทั่ง การแบ่งพวก การแข่งดี มีเป็นธรรมดาโลก ผู้ที่ไม่เคยศึกษาธรรมะมาก่อนเมื่อเกิดวิกฤตของชีวิต บ้างหลุดโลกไปก็มี แต่ถ้าได้หมั่นศึกษาเพียงวันละเล็กน้อย ให้ใจค่อยซึมซาบในธรรมะ ใจก็จะนำความสุขมาให้แก่เจ้าของ เมื่อเกิดวิกฤตก็จะปลงใจ ปล่อยวางเสียได้


           
การปล่อยวาง หลวงพ่อชา สุภัทโท

                   "เมื่ออยู่ด้วยกันกับคนมากๆ มันก็ยิ่งให้การศึกษาเรามากที่สุด ให้มันวุ่นวายเสียก่อน ให้รู้เรื่องของความวุ่นวายเสียก่อน มันจึงจะถึงความสงบ อย่าหนีไปที่ไหน


                   พระอานนท์กับพระพุทธเจ้าของเราในสมัยก่อน ไปบิณฑบาตบ้านมิจฉาทิฏฐิ พอไปถึงหน้าบ้าน พระพุทธองค์ก็สะพายบาตรยืนเฉย ท่านก็สบายเพราะว่าท่านเข้าใจว่าเรายืนอยู่เฉยๆ มันไม่บาปหรอก เขาจะให้ก็ไม่เป็นไร เขาจะไม่ให้ก็ไม่เป็นไร ท่านยืนอยู่เฉยๆ พระอานนท์เดินย่ำเท้าไปมา อายเขา คิดว่าพระพุทธองค์นี้อยู่ทำไม ถ้าเขาไล่ก็น่าจะหนีไป เขาไม่ให้ก็ยังทนอยู่ ไม่ก่อประโยชน์อะไรเลย พระพุทธองค์ก็เฉย จนกว่าสุดวิสัยแล้วก็ไป บางทีเขาก็ให้ให้ในฐานที่ไม่เคารพ พระพุทธเจ้าก็เอา เขาให้พระพุทธเจ้าก็เอา ท่านไม่หนีไปไหน ไม่เหมือนพระอานนท์


                    พอกลับมาถึงอาราม พระอานนท์ก็กราบพระพุทธองค์ ถามว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรงไหนที่เขาไม่ใส่บาตรให้เรา เราจะไปยืนอยู่ทำไม มันเป็นทุกข์อายเขา เขาไม่ให้ก็รีบไปที่อื่นเสียดีกว่า” พระพุทธองค์ตรัส “อานนท์ ตรงนี้ถ้าเรายังไม่ชนะมัน ไปที่อื่นก็ไม่ชนะ ถ้าเราชนะอยู่ที่นี่ ไปที่อื่นเราก็ชนะ” พระอานนท์ว่า “ชนะไม่ชนะไม่รู้เรื่องแหละ อายเขา” “อายทำไมอานนท์ อย่างนี้มันผิดหรือเปล่า เป็นบาปไหม เรายืนอยู่ เขาไม่ให้ก็ไม่เป็นไร” พระอานนท์บอกว่า “อาย” “อายทำไม เรายืนอยู่เฉยๆ มันเป็นบาปที่ไหน อานนท์เราจะต้องทำอยู่อย่างนี้ ถ้าเราชนะมันตรงนี้ ไปที่ไหนมันก็ชนะ แต่ถ้าเขาไม่ให้ เราก็ไปที่โน้น ถ้าไปที่โน้นแล้ว เขาไม่ให้ เราจะไปไหน อานนท์” “ไปอีก ไปบ้านโน้นอีก” “ถ้าหากบ้านโน้นเขาก็ไม่ให้ เราจะไปตรงไหน” “ไปตรงโน้นอีก” “เลยไม่มีที่หยุดเลย อานนท์ ถ้าเราไม่ชนะตรงนี้ ไปข้างหน้ามันไม่ชนะ ถ้าเราชนะอยู่ที่นี่แห่งเดียว ไปที่อื่นมันก็ชนะทั้งนั้น อานนท์เข้าใจผิดแล้วไม่ต้องอายซิ”


                     พระองค์ตรัสว่า อะไรเป็นบาป อันนั้นท่านให้อาย อะไรที่ไม่เป็นบาปจะอายทำไม ใครอายก็โง่เท่านั้น ภาวนายังไม่เป็นเลย ถ้าอายอย่างนั้น เราจะไปอยู่ตรงไหนถึงจะมีปัญญา ถ้าไปอยู่คนเดียว ไม่มีใครพูดดีพูดชั่วให้ มันก็สบายแต่เราจะไม่รู้เรื่อง สบายอย่างนี้ มันไม่มีปัญญา ถ้าถูกอารมณ์แล้ว ปัญญามันไม่มี ก็เป็นทุกข์อย่างนั้น ฉะนั้น เราอยู่ในโลก ก็ต้องมีความสัมพันธ์กับมนุษย์เรื่อยไปเป็นธรรมดา ไม่อยากเป็นมันก็เป็นไม่อยากจะอยู่มันก็อยู่ เป็นไปอยู่อย่างนั้น ให้เรามาพิจารณาอย่างนั้น


                      เราต้องกลับมาย้อนพิจารณาอารมณ์ที่ท่านตรัสว่า นินทาสรรเสริญมันเป็นคู่กันมา เรื่องนินทาเรื่องสรรเสริญเป็นธรรมดาของโลก ถ้าไม่ดีเขาก็นินทา ถ้าดีเขาก็สรรเสริญพระพุทธองค์ท่านไม่เห็นแก่นินทา ไม่เห็นแก่สรรเสริญ จงเรียนสรรเสริญให้มันรู้จัก จงมาเรียนนินทาให้มันรู้จัก ให้รู้จักสรรเสริญกับนินทา สรรเสริญนินทามันก็มีผลมีเหตุเท่ากัน นินทาเราก็ ไม่ชอบ นี่เป็นเรื่องธรรมดาของโลก ถ้าสรรเสริญเราชอบ สิ่งที่เราชอบมันพาให้เราทุกข์มีไหม เช่นว่าเรามีเพชรสักก้อนหนึ่ง เราชอบมาก ชอบกว่าก้อนหินธรรมดา เอาวางไว้ ถ้ามีขโมยมา หยิบเอาก้อนเพชรไป เราจะเป็นอย่างไร นั่นของดีมันหาย ทำให้เราเป็นทุกข์ได้เหมือนกัน


                      ดังนั้น เราต้องอดทนต่อสู้ ให้เรามีสติคุ้มครองจิตของเรา สติคือความระลึกได้ สัมปชัญญะ คือ ความรู้ตัว อันนี้ช่วยประคับประคองดวงใจของเราให้อยู่กับธรรมะ สติระลึกได้ว่า บัดนี้เราจะจับไม้เท้า เมื่อเราจับไม้เท้าอยู่ก็รู้ว่าเราจับไม้เท้านี่เป็นสัมปชัญญะ ถ้าเรารู้อยู่ในขณะนี้ ขณะเมื่อเราจะทำ หรือเมื่อเราทำอยู่ ก็รู้ตามความจริงของมันอยู่อย่างนั้น อันนี้แหละที่จะช่วยประคับประคอบใจของเราให้รู้ธรรมะที่แท้จริง ทีนี้ถ้าหากว่า เราเผลอไปนาทีหนึ่ง ก็เป็นบ้านาทีหนึ่ง เราไม่มีสติสองนาที เราก็เป็นบ้าสองนาที ถ้าไม่มีสติครึ่งวัน เราก็เป็นบ้าอยู่ครึ่งวันเป็นอย่างนี้ สตินี้คือความระลึกได้ เมื่อเราจะพูดอะไร ทำอะไร ต้องรู้ตัว เราทำอยู่ เราก็รู้ตัวอยู่ ระลึกได้อยู่อย่างนี้ คล้ายๆกับเราขายของอยู่ในบ้านเรา เราก็ดูของของเราอยู่ คนจะเข้ามาซื้อของหรือขโมยของของเรา ถ้าเราสะกดรอยมันอยู่เสมอ เราก็รู้เรื่องว่า คนคนนี้มันมาทำไม เราจับอาวุธของเราไว้อยู่อย่างนี้ คือเรามองเห็น พอขโมยมันเห็นเรา มันก็ไม่กล้าจะทำเรา อารมณ์ก็เหมือนกัน ถ้ามีสติรู้อยู่ มันจะทำอะไรเราไม่ได้ อารมณ์มันจะทำให้เราดีใจอยู่อย่างนี้ตลอดไปไม่ได้ มันไม่แน่นอนหรอก เดี๋ยวมันก็หายไป จะไปยึดมั่นถือมั่นทำไม อันนี้ฉันไม่ชอบ อันนี้ก็ไม่แน่นอนหรอก ถ้าอย่างนี้ อารมณ์นั้นก็เป็นโมฆะเท่านั้น


                       เราสอนตัวของเราอยู่ เรามีสติอย่างนี้ เราก็รักษาอย่างนี้เรื่อยๆ ไป ตอนกลางวัน ตอนกลางคืน ตอนไหนๆ ก็ตาม เมื่อเรายังมีสติอยู่ เมื่อนั้นแหละเราได้ภาวนาอยู่ การภาวนาไม่ใช่ว่าเราจะนั่งสมาธิอย่างเดียว ยืนเดินนั่งอยู่เราก็รู้จัก นอนอยู่เราก็รู้จัก เรารู้จักตัวของเราอยู่เสมอ จิตเรามีความประมาทเราก็รู้จัก ไม่มีความประมาท เราก็รู้จักของเราอยู่ ความรู้อันนี้แหละที่เรียกว่า“พุทโธ” เรารู้เห็นนานๆ พิจารณาดีๆ มันก็รู้จักเหตุผลของมัน มันก็รู้เรื่อง"




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2554
4 comments
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2554 21:19:14 น.
Counter : 3039 Pageviews.

 

มาอ่านครับ ดอกไม้สวยดีเพิ่งเคยได้ยินชื่อ กล้องใหม่ภาพสวยดี หลวงพ่อชาท่านเทศน์ไว้เป็น อกาลิโก

 

โดย: พล.ต.อ.กฤช IP: 101.51.83.90 26 พฤศจิกายน 2554 21:31:43 น.  

 

วันหยุดที่ผ่านมา คงชาร์ตแบตอย่างเต็มที่แล้วซินะ..??

งั้นวันนี้ก็เตรียมพร้อมลุยงาน อย่างมีความสุขนะค่ะ..^^


 

โดย: Lika ka 28 พฤศจิกายน 2554 8:24:30 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ค่ะ...
--
"ยิ่งชาร์ตแบตมาก แบตยิ่งหมดไวค่ะ"

ถ้าจะจริงแหะ เมื่อวานทำงานเพลีย ๆ ไงไม่รู้ ..^^

 

โดย: Lika ka 29 พฤศจิกายน 2554 7:55:34 น.  

 

ท่านนายพลอยู่แถวๆหันคาหรอครับ น่าจะอยู่แถวพิษณุโลก ผมจะได้ฝากเนื้อฝากตัวบ้าง

 

โดย: nainokkamin 30 พฤศจิกายน 2554 9:03:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


mcayenne94
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]




Bangkok

Kyoto

Sydney

Mcayenne94's Diary มีวัตถุประสงค์เพื่อบันทึกเรื่องราวของเจ้าของบ้านและสิ่งแวดล้อม ไม่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการ จัดจำหน่าย ต้นไม้ดอกไม้ หรือสิ่งใด อนุญาตให้นำภาพถ่าย พร้อมชื่อMcayenneผู้ถ่ายภาพไปใช้ประโยชน์ได้ และสงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้นำภาพถ่าย Mcayenne ไปใช้ โดยการดัดแปลงตัดต่อหรือลบชื่อภายในภาพ
Friends' blogs
[Add mcayenne94's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.