Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
1 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

1 สค. 53 สรุปเทศน์หลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน ( 22 - 29 กค.)



วันที่ 22 กรกฎาคม. 2553 เวลา 7:55 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี


               ".....ให้อภัยกันซิ อยู่ด้วยกันต้องเห็นใจกัน อย่าเอาแต่ใจตัวเองเข้าไปตีคนนั้นตีคนนี้ให้แหลกไปหมดมันใช้ไม่ได้นะ ใจเขามี ใจเรามี เขามีความคิด เรามีความคิด เครื่องรับตาหูจมูกลิ้นกายจิตรับมาไว้แล้วเอามาพิจารณา.....เราเกิดมานี้ตัวของเราทุกคนนี่รับผิดชอบตัวเองเต็มตัวทุกคนๆ เมื่อต่างคนต่างรักตัวเองนั้นก็ต้องให้พิจารณาหัวใจคนอื่น จะเอาแต่หัวใจตัวเองมันใช้ไม่ได้นะ.....ควรพูดก็พูด ไม่ควรพูดอย่าพูด พูดออกไปไม่เกิดประโยชน์อย่าพูด เก็บให้ดี อันไหนที่จะเป็นประโยชน์พูดออกไปแล้วเป็นประโยชน์ก็พูดไป อย่างนั้นซิมนุษย์เรา พิจารณาใคร่ครวญเสียก่อน...................พระเตือนโยมเตือนไม่ได้ในฐานะลูกศิษย์กับอาจารย์เตือนกันเตือนไม่ได้ ถือทิฐิมานะสูงจรดฟ้านู่นแต่คนจมอยู่ใต้ก้นนรกนู่น เป็นอย่างนั้นนะเดี๋ยวนี้ พูดกันไม่ได้ ถือทิฐิมานะเก่งมากทีเดียว ครูบาอาจารย์กับลูกศิษย์ลูกหาทำไมจะพูดจะแนะนำสั่งสอนดุด่าว่ากล่าวกันไม่ได้ ถ้าดุด่าว่ากล่าวไม่ได้แล้วพระกับโยมก็เป็นข้าศึกกัน ไม่มีใครจะสอนใคร ศาสนาก็หมดไม่มีอะไรเหลือล่ะ นี่ฟังเอานะ"


เทศน์อบรมพระสงฆ์ ณ วัดป่าบ้านตาด
เนื่องในวันอธิษฐานเข้าพรรษา
เมื่อเย็นวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓
พระอรหันต์ว่างในจิต


              ".....เข้าพรรษาที่นี่ไม่ไปแรมวันแรมคืนที่ไหน อยู่นี้เป็นประจำ ประกอบความพากเพียรประจำอิริยาบถของตนในบริเวณที่เราจำพรรษานี้นะ ให้พากันตั้งอกตั้งใจ การประกอบความพากเพียรเป็นของสำคัญมาก กิเลสตัวใดก็ตามจะไม่หลุดลอยไปจากความเพียรนี้ได้เลย ความเพียรเป็นของสำคัญ กำจัด(กิเลส)ให้หมดจากหัวใจ เมื่อกิเลสหมดไปจากหัวใจแล้วจิตใจว่างเปล่า ท่านทั้งหลายฟังคำนี้ให้ดีนะ


                 พอจิตใจว่างจากกิเลสไปหมดแล้วทีนี้โลกว่างหมด จิตใจว่างหมดเลย เรียกว่าหมดงานทำ ไม่มีงาน พระอรหันต์หมดงานทำ ไม่มีงานใดมาทำอีกแล้ว กิเลสตัวเป็นข้าศึกต่อความพากความเพียรก็กำจัดมันออกหมด เพราะอันนั้นเป็นกิเลสเอาให้ขาดสะบั้นไปจากจิตใจหมดแล้วว่างเปล่าหมด ท่านผู้สิ้นกิเลสแล้วท่านไม่มีงานล่ะ จิตใจท่านว่างหมด เรียกว่าจิตใจว่าง โล่งหมดเลย อยู่ที่ไหนว่างตลอดเวลา ท่านไม่มีงานทำล่ะ พระอรหันต์สิ้นกิเลสแล้วหมดงาน ไม่มีงานอะไรที่จะทำอีก งานก็คืองานแก้กิเลส กิเลสสิ้นไปหมดแล้วก็ไม่มีอะไรเป็นงานเป็นการให้ยุ่งยากปากหมองเหมือนแต่ก่อน ให้พากันตั้งอกตั้งใจ


                พอจิตว่างจากกิเลสนี้แล้วมันว่างหมด จิตนี้ว่างเปล่าไปหมดเลย โล่งหมดเลยจิต ให้มันเป็นในหัวใจล่ะมันชัดเจนเอง ดูในหัวใจใครก็ไม่เหมือนดูในหัวใจเราที่กิเลสสิ้นซากลงไปหมดแล้วจากหัวใจ ใจนี้ว่างหมดเลย ไม่มีงานทำ ว่างตลอดเวลาคือใจพระอรหันต์ที่ท่านสิ้นกิเลสแล้วว่างตลอด ไม่ว่ากลางวันกลางคืนยืนเดินนั่งนอนเป็นเวลาว่างของใจทั้งนั้น ไม่มีอะไรเข้ามาแทรกนะ ให้พากันตั้งอกตั้งใจนะ ................ ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติกำจัดกิเลสออกจากใจนะ อย่าพากันขี้เกียจขี้คร้าน ความขี้เกียจขี้คร้านเป็นข้าศึกของการก้าวเดินเพื่อความพ้นทุกข์นะ ตัวนี้ตัวสำคัญ คือจิตนี้ให้มันว่างเถอะน่ะ ให้รู้ในตัวของเราเอง พอว่างจากกิเลสหมดแล้วนี้ว่างหมดเลย ไม่มีงานทำ พระอรหันต์หมดงาน หมดงานที่จะทำ นอกจากนั้นว่าหมดไม่ได้ สำหรับพระอรหันต์สิ้นหมด กิเลสไม่มีแล้วไม่มีงานทำ ว่างตลอดเวลา จิตใจว่างคือจิตของพระอรหันต์สิ้นกิเลสหมดโดยสิ้นเชิง ให้พากันจำเอาไปปฏิบัติ การประกอบความเพียรอย่าถอยหลัง ให้ก้าวหน้าตลอดไป การถอยหลังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ ต้องก้าวหน้าตลอดถึงเรียกว่าเดินเพื่อความพ้นทุกข์


                 เราก็อยากแข็งแรงแต่มันก็อ่อนลงทุกวันๆ ทำอย่างไร มันไม่แข็งแรงล่ะ เรื่องธาตุขันธ์อ่อนลงๆ ทุกวัน แต่จิตใจไม่มี คือจิตใจไม่มีวัย ไม่มีคำว่าอ่อนหรือแข็ง ส่วนร่างกายนี้อ่อนๆ อ่อนลงทุกวัน จิตใจไม่อ่อน เพราะอย่างนั้นท่านจึงเรียกว่านิพพานเที่ยง เที่ยงที่ใจ ใจหมดกิเลสเรียกว่าใจหมดสมมุติ เมื่อใจหมดสมมุติความแปรก็ไม่มี แปรปรวนอะไรไม่มี เที่ยงตรง ท่านว่านิพพานเที่ยง คือใจท่านผู้สิ้นกิเลสแล้วเที่ยง ถ้ายังไม่สิ้นไม่เที่ยง ใจวอกแวกคลอนแคลน ถ้าสิ้นกิเลสแล้วใจก็เที่ยง นิพพานก็เที่ยง ใจก็เป็นธรรมธาตุเที่ยง เป็นเหมือนกัน


                 เข้าพรรษาละทีนี้ พระก็ไม่ไปแรมวันแรมคืนที่ไหน มีแต่การประกอบความพากเพียร ให้จิตใจสว่างโล่เลย ใครเคยเห็นไหมจิตใจสิ้นกิเลสว่างหมดเลยจิตใจสิ้นกิเลส จิตใจไม่สิ้นกิเลสมีแต่ขวากแต่หนามทิ่มแทงตลอดสายทางเดินของจิต คิดไปไหนมีเสี้ยนมีหนามติดตามไป หาความสุขความสบายไม่ได้ คิดทางดีก็มีเสี้ยนมีหนามตามไป คิดทางชั่วยิ่งแล้ว มีแต่เสี้ยนแต่หนามตามหัวใจไป พอใจสิ้นกิเลสแล้วคิดอย่างไรโล่งหมดเลย นี่ละให้เห็นอย่างนั้นนะ


                  พูดนี้ท่านผู้ทรงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ประเภทนี้ก็คือพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ นอกนั้นไม่มี พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ พระอรหันต์ทุกองค์มีเหมือนกันหมด ว่างหมดเลยพระอรหันต์ว่างในจิต ไม่มีอะไรเสียดแทงใจหัวใจ เป็นจิตใจที่ว่าง นั่นละใครจึงอยากไปแต่นิพพาน นิพพานว่างอย่างนั้นละ ไม่มีอะไรเสียดแทงหัวใจเลย เรียกว่าหมดงาน พระอรหันต์สิ้นกิเลสแล้วหมดงานทำ ไม่มีงานอะไรจะทำ คิดอะไรขึ้นมาเป็นเรื่องกิเลสทั้งนั้นๆ เมื่อกิเลสยังมีอยู่ในใจ พอกิเลสสิ้นจากใจแล้วคิดอะไรก็ไม่มีกิเลส จิตเป็นธรรมแล้ว และเป็นธรรมล้วนๆ เลย เรียกว่าจิตเป็นธรรม คิดอะไรก็เป็นธรรมไปหมด ไม่มีกิเลส


                   เอามันเห็นนะ ที่พูดนี้มีตัวอย่าง พระอรหันต์เป็นอย่างนั้นละ พระพุทธเจ้า-พระอรหันต์ทุกพระองค์เป็นอย่างนั้นเหมือนกันหมด ไม่มีอะไรจะมาข้องใจ ว่างหมดเลย ให้มันเห็นประจักษ์ในใจ คืออันนี้เป็นได้ในหัวใจของผู้บำเพ็ญนะ ไม่ได้เลือกหน้านะ ใครทำเต็มกำลังความสามารถเป็นได้ด้วยกัน จิตนี้ว่างเปล่าหมดเลย ว่างจากกิเลส ไม่มีกิเลสเหลือแล้วก็ว่างไปหมด จิตว่างก็คือจิตพระอรหันต์ จิตว่างเปล่าไม่มีอะไรกีดขวางหัวใจเลย เป็นจิตที่ว่างเปล่าตลอดเวลา นั่นละเรียกว่าจิตว่างว่างอย่างนั้น กิเลสไม่มี คิดเท่าไรก็เป็นความคิดธรรมดา ไม่มีกิเลสแฝงขึ้นมา ทีนี้จะให้พรแล้วนะ......


.....วันนี้วันที่ ๒๗ เข้าพรรษากี่พรรษาแล้วเรา (๗๖ ปี) พรรษา ๗๖ ปีนะ เข้าพรรษา ๗๖ พรรษา นานอยู่นะ ๗๖ ปีบวชมาได้ ๗๖ ปี มันก็มีแต่จะไปหน้าเรื่อยละ ที่ว่าจะสึกออกมาไม่มีทาง คือจิตไม่แย็บเลย มีแต่พุ่งข้างหน้ารอวันตาย ข้างหน้าก็รอวันตาย ไม่ได้ว่ารอวันได้สึกนะ รอวันตาย หมดล่ะ อะไรก็หมด หมดห่วงหมดใย หมดทุกสิ่งทุกอย่างในหัวใจหมดเลย เอาให้มันหมดอย่างนั้น ในจิตในใจกิเลสตัวใดไม่เหลือ หมด หายห่วง โล่งหมดเลย ....."


เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เนื่องในวันเข้าพรรษา
เมื่อเช้าวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓
 
 "...เข้าพรรษาควรจะมีกฏเกณฑ์บังคับเจ้าของ เช่นอย่างในวันเข้าพรรษาทำบุญใส่บาตรทุกวันเลย นับแต่องค์หนึ่งขึ้นไป นี่อันหนึ่ง แล้วเราจะรักษาความสัตย์ความจริงอะไรเป็นพิเศษอีกก็ให้ทำในเวลานั้น เช่นพวกนักสะแตกเหล้านี่ให้หยุด มันต้องบอกอย่างนั้น เหล้าไม่ใช่ของดีมันเอามากินทำไม กินกับสะแตกมันก็เข้ากันได้ซี งด ในพรรษาควรจะได้เป็นที่ระลึก ในพรรษาหนึ่งๆ เราเป็นฆราวาสก็เอาแบบฆราวาส พระท่านมีกฏเกณฑ์ของท่านอยู่แล้วให้พากันทำอย่างนั้น
 วันนี้เป็นวันเข้าพรรษาแล้ว วันนี้วันเข้าพรรษา เวลาเข้าพรรษาควรจะมีกฏเกณฑ์บังคับเจ้าของบ้าง ให้ได้เป็นสาระในการเข้าพรรษาปีหนึ่งๆนะ ใครจะมีความสัตย์ความจริงอย่างไรก็ให้มี เวลาเข้าพรรษาควรจะมีกฏเกณฑ์บังคับตัวเอง จะเป็นกิจวัตรการบุญการกุศลของตัวประจำวัน ประจำวันก็ให้ได้นะ อย่าปล่อยไปเฉยๆ การเข้าพรรษาให้มีสาระสำคัญประจำใจ ปีหนึ่งๆ จะระลึกได้ว่าในพรรษานั้นเรามีความสัตย์ความจริงต่อบุญกุศลประเภทใดก็ให้ได้จดจำเอาไว้
                 เวลาจะตายจริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่เป็นอารมณ์นะ เป็นอารมณ์เรื่องบุญเรื่องบาปนะ บุญบาปเป็นอารมณ์จริงๆ พอตายปั๊บนี้ไปเลย มีบุญก็ไป มีบาปก็ลง ให้พากันจำเอานะ เวลาจะตายจริงๆ เป็นอย่างนั้นละ จิตใจจนตรอกจนมุมแล้ววิ่งหาบุญหาบาป ไม่ไปที่อื่นนะ สมบัติเงินทองข้าวของมีมากมีน้อยไม่สนใจ สนใจแต่บุญกับบาปเท่านั้นละเวลาจะตายจริงๆ ถ้าทำบาปไว้มากตายแล้วจมไปเลย บาปดึงไปเลย ถ้าทำบุญแล้วดีดเลย พากันจำเอานะ..."


เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓
จิตแสดงฤทธิ์จากธรรม


             "....การภาวนาเป็นเรื่องอัศจรรย์ล้นโลกล้นสงสารนะเวลาผลปรากฏขึ้นมานี้ เราก็ไม่เคยปรากฏแต่ก่อนแต่ไหนแต่ไรมา พึ่งมาปรากฏเป็นครั้งเป็นคราวแล้วเรื่อยมาตอนตั้งใจภาวนา เราฝึกหัดกรรมฐานภาวนากับหลวงปู่มั่นนะ โธ่ จิตนี่เวลามันแสดงฤทธิ์ไม่ใช่เล่นๆ นะ ผิดคาดผิดหมายทุกอย่างนะจิตนี่ เวลาแสดงฤทธิ์ออกมาจากธรรมกลมกลืนกันออกมาเลย เป็นเรื่องอัศจรรย์มากทีเดียว เราก็ไม่เคยเป็นมันก็มาเป็นกับเราผู้ภาวนานั่นแหละ แต่ก่อนไม่เคย เวลามันสว่างขึ้นมานี้จ้าหมดเลย นี่ใจดวงนี้
                   นั่นละใจเข้ากับธรรมผสมกันเป็นอย่างนั้น ถ้าใจเป็นธรรม ธรรมเป็นใจแล้วเรียกว่าใจธรรมธาตุนั้นยิ่งอัศจรรย์มากนะ ธรรมเป็นใจ ใจเป็นธรรมเรียกว่าธรรมธาตุ ถ้าอย่างนั้นสว่างไสวมากทีเดียว เราก็ได้มาพบมาเห็นตอนเข้ามาบวชในศาสนาเรื่องของอรรถของธรรมนะ แต่ก่อนก็ไม่เห็น สวดมนต์ก็สวดไปกับเขา ทำอะไรก็ทำไป ทำไปงูๆ ปลาๆ ไม่ค่อยได้สนใจอะไรนัก แต่เวลามาเอาจริงเอาจังในการบวชการภาวนาอยู่ในป่าในเขาถึงได้ชัดเจน เวลาธรรมแสดงในจิตนี้อัศจรรย์ ถึงขั้นมันว่างมันว่างเอาจริงๆ จิต ว่างหมด ไม่มีอะไรเหลือเลย นี่เป็น เป็นกับผู้ภาวนา สิ่งที่เป็นเหล่านี้พระพุทธเจ้าแสดงไว้หมด คือท่านผ่านไปหมดแล้ว เรามาตามรอยท่าน ได้ประเดี๋ยวประด๋าวได้นิดๆ หน่อยๆ ก็พอชมมีค่ามากสำหรับเรา เคยเป็น ทีนี้จะให้พรนะ .."




 

Create Date : 01 สิงหาคม 2553
0 comments
Last Update : 1 สิงหาคม 2553 8:24:39 น.
Counter : 2116 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


mcayenne94
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]




Bangkok

Kyoto

Sydney

Mcayenne94's Diary มีวัตถุประสงค์เพื่อบันทึกเรื่องราวของเจ้าของบ้านและสิ่งแวดล้อม ไม่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการ จัดจำหน่าย ต้นไม้ดอกไม้ หรือสิ่งใด อนุญาตให้นำภาพถ่าย พร้อมชื่อMcayenneผู้ถ่ายภาพไปใช้ประโยชน์ได้ และสงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้นำภาพถ่าย Mcayenne ไปใช้ โดยการดัดแปลงตัดต่อหรือลบชื่อภายในภาพ
Friends' blogs
[Add mcayenne94's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.