เกือบไป
วันศุกร์ (๑๔สิงหาคม) หลังจากอุตสาหะเคลียร์งานจนดึกอยู่สองวัน ผมก็ได้กลับบ้านสี่โมงเย็น ด้วยอะไรดลใจไม่ทราบได้ แทนที่จะเร่งๆเดินไปขึ้นเรือเหมือนทุกวัน ผมกลับตัดสินใจกลับไปเปลี่ยนชุดที่หอ อาจเป็นเพราะผมไม่ชอบเครื่องแบบของศิริราชเพราะกระเป๋ามันน้อย หรืออันที่จริง ผมไม่ชอบใส่เสื้อกาวน์ไปไหนต่อไหนเพราะมันเหมือนใครเอาป้ายมาแปะหน้าผากเอาไว้ว่า "คุณหมอ" ก็ไม่ใช่ว่าเบื่ออาชีพตัวเองหรอกนะ แต่เวลาเลิกงานก็คือเวลาเลิกงาน ผมไม่สามารถเป็นหมอได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเจ็ดวันต่อสัปดาห์ ผมเป็นไอติมที่บังเอิญไปเรียนหมอ มันก็เท่านั้นเอง
พอจะก้าวเท้าออกจากห้อง ผมก็คิดว่าน่าจะเปิดม่านทิ้งไว้ให้แสงเข้าบ้าง ทุกวันนี้ห้องอับจนราจะขึ้นตัวอยู่แล้ว ใจจริงอยากเปิดหน้าต่างก็กลัวโดนยกเค้า (ทั้งๆที่ไม่มีอะไรมีค่านอกจากกล้องตัวเดียว) ก็เลยเดินไปเปิดม่าน พอเดินาถึลิฟต์โบราณนั่น ประตูก็ดันเปิดไม่ออก ผลักๆดึงๆอยู่นานก็ไม่ยอมเปิด จนต้องตัดสินใจลงบันไดมาแทน พลางนึกในใจว่าคนยิ่งอยากกลับบ้าน ทำไมมันต้องติดโน่นติดนี่ด้วยฟะ
หลังจากกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปท่าน้ำ เรือด่วนธงส้มเข้าเทียบท่าพอดี ด้วยความพยายามอย่างยิ่งเนื่องจากอยากกลับบ้าน พอเห็นคนเดินๆก็เลยนึกว่าเป็นชุดที่จะไปขึ้นเรือธงส้ม ที่ไหนได้ พอลงไปถึงโป๊ะปั๊บ เรือก็ออกจากท่าไปแล้ว ปรากฏว่านี่เป็นผู้โดยสารที่เขาปล่อยมาขึ้นเรือลำถัดไป เป็นเรือประจำทางหวานเย็นจอดทุกท่า ทำไมวันนี้มันถึงได้ซวยขนาดนี้ฟะ เอาเถอะ ถึงอย่างไรก็ไม่ได้รีบร้อน เรือประจำทางเองก็คนไม่แน่นอยู่แล้ว (ใครจะไปอยากนั่งเรือหวานเย็น) ไอติมก็เลยจัดแจงไปนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงใกล้ๆหัวเรือ ถ้าใส่เสื้อกาวน์ทำอย่างนี้คงไม่งามเท่าไหร่ (แต่ก็ทำอยู่ดี)
เรือออกจากท่าวังหลังมุ่งหน้าไปยังท่าปิ่นเกล้า ยังเห็นเรือธงส้มล่งหน้าไปไม่ใกล้ไม่ไกล เห็นยักแย่ยักยันอยู่ที่ท่าน้ำนานผิดปกติ ไม่นานนักเรือประจำทางลำของผมก็ลอยเอื่อยๆเข้าไปใกล้
ที่ไหนได้ บุ๊คเรือ หรือไอ้เสาที่ใช้ผูกเชือกเอาไว้คล้องเรือกับโป๊ะเวลาเทียบท่า ถ้าใครนึกไม่ออกก็นึกถึงเสาไม้ขนาดเท่าขาผู้ใหญ่ที่อยู่ท้ายเรือ (ทำไมถึงเรียกบุ๊คเรือก็ไม่รู้ เห็นกัปตัน นายท้าย กระเป๋าเรือเรียกอย่างนั้นก็เลยว่าตามไป) มันหัก ไม่รู้ว่ามันผุหรือกัปตันถอยแรงเกินไป หักไม่หักเปล่า กระเด็นใส่หน้าผู้โดยสารเข้าเต็มรัก หน้าตาบวมปูดดูไม่ได้ นอนสิ้นสภาพอยู่บนโป๊ะนั้นเอง
ถ้าหากผมออกมาเร็วกว่านี้แค่ไม่ถึงนาที ผมคงอยู่บนเรือลำนั้น ไม่แน่ว่าบุ๊คเรืออันนั้นอาจกระแทกใส่ผมแทนที่จะเป็นผู้โดยสารคนนั้น เพราะถ้าเรือแน่นๆ ผมเองก็ชอบยืนท้ายเรือ ถ้าผมไม่ได้แวะเปลี่ยนชุด ผมก็คงได้เป็นหมอคนเดียวในเรือด่วนธงส้มลำนั้น และคงจะไม่ได้กลับบ้านเร็วอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ บางที หัวข้อเรื่องอาจต้องเปลี่ยนชื่อเป็น "ความซวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา"
Create Date : 15 สิงหาคม 2552 |
|
5 comments |
Last Update : 15 สิงหาคม 2552 11:55:39 น. |
Counter : 569 Pageviews. |
|
|
|