|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เมื่อมีดบาด
เหล่าบรรดาบุคลากรทางการแพทย์ล้วนแต่ต้องเคยประสบพบเจอกับอุบัติเหตุทางการแพทย์ อุบัติเหตุทางการแพทย์ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงความบกพร่องของกระบวนการรักษา แต่เป็น ความซวย ของตัวบุคลากรทางการแพทย์เองเสมือนเราๆท่านๆเดินพลัดตกหกล้ม บุคลากรทางการแพทย์ก็ต้องประสบพบเจอกับน้ำลาย น้ำเลือด น้ำหนองกระเด็นใส่ ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ส่วนอุบัติเหตุทางการแพทย์ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงมากที่สุดก็เห็นจะไม่พ้น เข็มตำมือ ซึ่งถ้าเป็นเข็มสะอาดๆก็แล้วไป แต่ถ้ามันบังเอิญไปจิ้มผู้ป่วยมาแล้วอันนี้ก็เป็นที่น่าหวาดหวั่น เนื่องจากในปัจจุบัน ผู้ป่วยติดเชื้อภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า เอดส์ นั้นมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นและไม่แสดงอาการ อนึ่ง การเรียกผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ว่าเป็นผู้ป่วยเอดส์นี้เป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ เนื่องจากคำว่า เอดส์ นั้น แท้จริงเป็นคำเรียกกลุ่มอาการของผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องไปเรียบร้อยแล้ว (มักจะแสดงออกในรูปของการติดเชื้อฉวยโอกาส) ดังนั้นผู้ที่ติดเชื้อ HIV แต่ไม่มีอาการใดๆจึงยังไม่นับเป็นผู้ป่วยโรคเอดส์ เป็นแต่เพียงผู้ติดเชื้อเท่านั้นเอง
เมื่อคราวเชื้อ HIV ระบาดใหม่ๆนั้น อุบัติเหตุเช่นนี้ก็เป็นที่หวาดกลัวกันมาก แม้น้ำลายกระเด็นใส่กันก็แทบจะวิ่งไปอาบน้ำยาฆ่าเชื้อกันเลยทีเดียว ต่อมามีงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเชื้อ HIV นั้นไม่ได้ติดต่อกันโดยง่าย แล้วตัวเชื้อเองก็มีความอ่อนแอป้อแป้อยู่มาก ถ้าหากออกนอกร่างกายแล้วปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งก็ถึงแก่หมดสภาพความเป็นเชื้อก่อโรคกันเลยทีเดียว อันว่าเข็มทิ่มตำนั้น ต่อให้ผู้ป่วยมีเชื้ออยู่จริงๆบุคลากรดวงซวยคนนั้นก็มีโอกาสติดโรคเพียง ๐.๓% เท่านั้นเอง แต่ถ้าหากเป็นคุณหมอผ่าตัดมีบาดมือ ก็ขึ้นกับขนาดของแผล ถ้าใหญ่มากก็เสี่ยงมาก
แล้วพยาธิแพทย์ล่ะ ส่วนมากเราจะจัดการกับกองชิ้นเนื้อแช่ฟอร์มาลิน ส่วนมากเชื้อน่าจะดับดิ้นไปจากพิษของฟอร์มาลินแล้ว (ขนาดคนยังตาย แล้ว HIV จะไปเหลืออะไร) แต่ก็มีบ้างที่เราได้ของมาสดๆ อย่างเช่นรก หรือว่าแขนขา (กลับไปอ่านบท เมื่อพยาธิแพทย์ได้ขา ประกอบความเข้าใจ) และถึงแม้ว่าสิ่งส่งตรวจดังกล่าวมักจะแช่อยู่ในตู้เย็นนานพอควรก่อนที่พยาธิแพทย์จะลงมีดลงไม้ เมื่อเอาออกจากตู้เย็นมันก็เนื้อคนสดๆนี่เอง และถึงแม้จะมีงานวิจับหลายชิ้นเกี่ยวกับความอ่อนแอของเจ้าเชื้อ HIV ที่บอกว่าตายง่ายๆเมื่อออกจากร่างกายคน แต่ก็ยังไม่มีใครที่ไหนอุตริทำวิจัยการคงอยู่ของเชื้อ HIV ในชิ้นเนื้อแช่เย็น สรุปแล้วก็ไม่มีใครรู้นั่นแหละว่าเอาไปแช่ไว้แค่ไหนเชื้อมันถึงจะสิ้นชีพพิราลัยหายสาบสูญไป
อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยเป็นกองพะเนินเช่นกันที่ยืนยันว่า ถ้าหากเรารีบอัดยาต้านไวรัสเสียตั้งแต่เนิ่นๆเมื่อได้รับเชื้อ ดีที่สุดคือภายใน ๓ ชั่วโมง อย่างช้าคือภายใน ๒๔ ชั่วโมง หลังจากนั้นผลที่ได้ไม่คุ้มกับค่ายาและอาการอ้วกแตกอ้วกแตนจากผลข้างเคียงของยา พ้น ๗๒ ชั่วโมงไปแล้วถึงกินยาก็ไม่มีประโยชน์อันใดเลย
ส่วนเรื่องมันก็มีอยู่ว่า Resident วิภาวีได้ขาอันมหึมา จึงไปร้องขอความช่วยเหลือจาก Resident ไอติม ผุ้มีความสามารถในการแยกชิ้นส่วนเข่าออกจากต้นขาได้ภายในระยะเวลาต้มมาม่าสุกแบบอืดๆหน่อย ขณะที่ Resident ไอติมกำลังทำลาย เอ๊ย ทำการแยกชิ้นส่วนขาอย่างคุ้มคลั่งอยู่นั้นเอง ด้วยพรหมลิขิตทำให้มีดในมือขวาก็ได้พบหน้ากับนิ้วชี้มือซ้าย
จึ๊ก! อ๊าก! เฮ้ย! มีดโดนเหรอ ความชุลมุนเกิดขึ้นในทันใด
โดน แต่ไม่เข้า Resident ไอติมตอบยิ้มๆก่อนจะรู้ตัวอีกทีว่าถุงมือมันขาดไปแล้ว พอถอดถุงมือออก เลือดก็ไหลซิบๆ ฉิบหายแล้ว เข้า เข้าเนื้อเต็มๆเลย แต่แผลแค่สองมิล เล็กเท่าๆกับเข็มตำเท่านั้น ตอนแรก Resident ไอติมทำไม่รู้ไม่ชี้ ล้างมือ ล้างแผล แปะพลาสเตอร์ยาแล้วก็ว่าจะไปทำงานต่อ แต่โดนเพื่อนร่วมงานหลายคนทั้งปลอบทั้งขู่ให้รายงานอุบัติเหตุทางการแพทย์ ด้วยความที่ว่า Resident เทอดเกียรติมีเลือดความเป็นพยาธิแพทย์อยู่เข้มข้น จึงบิดขี้เกียจสองทีก่อนกดเข้าไปดูผลแล็บของคนไข้ กะว่าถ้าผลเลือดไม่มีอะไรก็จะหมกตัวอยู่ในรูทำงานงกๆต่อไปไม่ต้องออกไปเจอผู้เจอคน
แต่แล้ว เหตุการณ์ก็เป็นไปตามกฎแห่งความซวยของเมอร์ฟีข้อที่ ๑ สิ่งเลวร้ายที่มีโอกาสเกิดขึ้น จะเกิดขึ้นกับท่านอย่างไม่ต้องสงสัย คนไข้ไม่ได้เจาะ HIV และไม่ได้เจาะไวรัสตัวอักเสบต่างๆที่ติดต่อได้ทางเลือด ตามปกติแล้วเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทั้งตัวคนโดนมีดบาด (ในที่นี้คือ Resident ไอติม) กับตัวเจ้าของเลือด (ในที่นี้คือเจ้าของขาข้างนั้น) ก็ต้องไปเจาะเลือดทั้งคู่ สำหรับตัว Resident ไอติมนั้นอิดๆออดๆได้สักพักก็ไปติดต่อแผนกที่ดุแลเรื่องสุขภาพของบุคลากรโดยเฉพาะ โดนเจาะเลือดแล้วก็บอกให้รอผลเลือดของคนไข้ ถ้าเลือดคนไข้มีเชื้ออะไรอยู่ก็ให้กลับมาคุยอีกที
และแล้วเหตุการณ์ก็ดำเนินไปตามกฎแห่งเมอร์ฟีข้อที่สอง สถานการณ์ผิดปกติใดๆก็ตามที่มีโอกาสจะเป็นไปได้ จะเกิดสถานกาณณ์ที่เลวร้ายที่สุดขึ้นเสมอ จนแล้วจนรอด ผลเลือดของคนไข้ก็ยังไม่ได้ ไอ้คุณหมอเจ้าของไข้ก็ออก OPD ไม่ยอมมาสั่งเจาะเลือดให้ ไม่ทราบว่ารู้หรือเปล่าครับว่าถ้าผลเลือดออกไม่ทัน Resident ไอติมจะไม่ได้ยาในเวลาที่เหมาะสม ถ้าไม่เห็นแก่ที่ผมเป็นเพื่อนแพทย์ ช่วยเห็นแก่ผมในฐานะคนไข้เถอะวะครับ ทีผลพาโธล่ะก็เร่งกันจัง ทีตูเดือดร้อนขอพึ่งพามั่ง ไม่เห็นมันจะกระตือรือล้นอะไรเลยว้า สงสัยเราจะเป็นแค่แพทย์ประจำบ้านชั้นสองที่ไม่มีคนให้ความสำคัญเท่านั้นเอง
ร้อนถึงเหล่า Resident พาโธต้องไปขอร้องอาจารย์ผู้ใหญ่ภายในภาคให้ช่วย ซึ่งตอนนั้นคนไข้ก็ได้รับการเจาะเลือดพอดี (โดยคุณหมอลึกลับที่ไม่ประสงค์จะออกนาม) ผลออกตอนสี่โมงเย็นกว่าๆว่าคนไข้ไม่มีเชื้ออะไรที่จะติดต่อได้ทางเลือด ส่วนผลเลือดของ Resident ไอติมนั้นตามมาในวันรุ่งขึ้น ซึ่งนอกจากเชื้อบ้าแล้ว ก็ตรวจไม่พบเชื้อใดๆอีกเช่นกัน
ก็เป็นอันว่าปลอดภัยสบายใจหายห่วง ทว่า จากการที่ไปพบกับหน่วยดูแลสุขภาพบุคลากรซึ่งเพิ่งผ่านการไล่ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้กับทุกหน่วยงานมาหมาดๆ ทำให้ทางหน่วยจับได้ว่า Resident ไอติมและเพื่อนแพทย์ประจำบ้านพยาธิวิทยานั้น หลบหนีการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ (โดยการมุดหัวอยู่ในภาควิชา) จึงโดนจับจิ้มวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นของแถม งานนี้ถูกมีดบาดเจ็บนิ้วแล้ว ยังต้องมาเจ็บแขนเพราะถูกเจาะเลือด และปวดไหล่เพราะถูกฉีดวัคซีนอีกต่างหาก (อุตว่าห์หลบซ่อนตัวอย่างดีแล้วเชียว) ซวยซ้ำซากจริงๆ
Create Date : 15 กันยายน 2554 |
Last Update : 15 กันยายน 2554 23:52:55 น. |
|
3 comments
|
Counter : 2015 Pageviews. |
|
|
|
โดย: อาร์ลาฟองค์ วันที่: 26 กันยายน 2554 เวลา:23:58:01 น. |
|
|
|
|
|
|
คนคนนี้ มีความเหงาเป็นเพื่อน
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]
|
ดูเผินเผินเหมือนบ้าปัญญาอ่อน ดูนานนานแล้วหลอนคล้ายคล้ายผี ดูดูไปเหมือนว่าไม่มีดี ดูอีกทีดู"................"
เติมเองตามใจชอบเลยครับ
|
|
|
|
|
|
|
^
เม้นท์ข้างบนเป็นอะไรมากมั๊ยคะนั่น
ติดตามอ่านตลอดนะคะ แต่ช่วงนี้มีเหตุให้ไม่ค่อยได้เม้นท์
อยากจะบอกคุณหมอว่าบล๊อกต่อจากนี้โดนใจมาก อิอิ
เนื่องจากสองเห็นเรื่องของหมอกระดูกเป็นไม่ได้ อาการจะกำเริบอย่างแรง กิ๊วๆ
วันหน้าวันหลังเอามาเม้าท์อีกนะคะ
แหม .. บล๊อกนี่ น่าจะให้กิ๊ฟได้เนอะ.
ปล. งานหนัก งานเหนื่อย ก็ขอให้คุณหมออย่าหยุดเขียนบล๊อกนะคะ
เห็นแก่แฟนคลับตาดำๆ จักกะน้อยยย นี่คุณหมอแมวก็พักยาวไปคนละ ไม่มีอะไรจะอ่านเลย. (T_____T)