ให้ปากกามันพาไป ให้หัวใจมันขีดเขียน
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
1 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
หัตถการทำลายล้างขั้นสุดยอด

ถ้าหากใครชอบเล่นเกมส์แนวบู๊ล้างผลาญ หรืออ่านการ์ตูนญี่ปุ่นมามากพอ ก็คงจะชินกับคำว่า “ท่าไม้ตายขั้นสุดยอด” ซึ่งมักจะปรากฏอยู่เนืองๆตามท้องเรื่อง โดยที่ใครๆก็มักจะเห็นว่ามันโม้และดูไม่น่าจะเข้ากัยได้กับชีวิตจริงเอาเสียเลย แต่จริงๆแล้วในชีวิตการเป็นแพทย์นั้น กลับนับว่ามีส่วนคล้ายเรื่องนี้อยู่มาก

ยกตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายและใกล้ตัวเช่นยาแก้ปวด เราก็มีท่าเบาๆตั้งแต่พาราเซตามอล หรือแอสไพริน ท่าที่รุนแรงขึ้นมาอย่างยาแก้ปวดลดไข้ที่มันกัดกระเพาะ มีท่าที่ยุ่งยากวิจิตรพิศดารอย่างยา COX II inhibitor (ยาแก้ปวดแพงๆ เม็ดละหลายสิบบาท) ไปจนถึงท่าไม้ตายที่ง่ายแต่ได้ผลเช่นพวกฝิ่นและอนุพันธ์ของฝิ่น และแน่นอนว่าท่าไม้ตายสุดยอดของยาแก้ปวด ก็คงหนีไม่พ้นมอร์ฟีนของเรานี่เอง

ยาฆ่าเชื้อหรือที่ชาวบ้านชอบเรียกกันผิดๆว่ายาแก้อักเสบนั้นเองก็มีหลายระดับชั้นท่าไม้ตาย (และหลายระดับราคา) ตั้งแต่ยาเก่าๆดูกระจอกงอกง่อย (แต่จริงๆแล้วได้ผลดีต่อเชื้อบางชนิดอย่างไม่น่าเชื่อ) เช่นเพนนิซิลิน ไปจนกระทั่งอภิมหายาท่าไม้ตายสุดยอด สามารถกวาดล้างจนเกือบสิ้นตระกูลเชื้อโรค(ที่ว่าเกือบสิ้นเนี่ย ก็เพราะมีเจ้าตัวร้ายที่ดื้อยาเหล่านี้ซะด้วยน่ะสิ) ท่าไม้ตายสุดยอดนี้ฆ่าได้เรียบวุธทั้งแบคทีเรียและเงินในกระเป๋า

แม้การผ่าตัดหรือหัตถการเองก็เช่นกัน มีตั้งแต่เบาะๆอย่างผ่าฝีหนอง ไปจนใหญ่ๆเช่นผ่าตัดมะเร็งซึ่งต้องเอาอวัยวะบางส่วนของร่างกายออกไปด้วย แต่ใครจะไปคิดว่า แม้การผ่าตัดเอง ก็มีท่าไม้ตายสุดยอดในแบบของมันเหมือนกัน แบบที่หมออย่างเราคุ้นเคยกันดีก็อย่างเช่น การตัดมดลูกและรังไข่ออกหมด พร้อมเลาะต่อมน้ำเหลืองในเชิงกรานและขาหนีบทิ้งทั้งสองข้าง หรือการตัดพวงต่อมน้ำเหลืองที่คอออกมาทั้งหมดพร้อมกล้ามเนื้อคอมัดใหญ่ทั้งมัดและหลอดเลือดดำใหญ่ ฟังๆดูแล้ว ก็น่าจะเรียกว่าหัตถการทำลายล้างมากกว่าหัตถการช่วยชีวิต แต่ให้ตายเถอะ ด้วยข้อมูลทางสถิติ หัตถการบ้าดีเดือดเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สามารถช่วยยืดอายุผู้ป่วยออกไป หรือยืดระยะเวลาที่ปลอดโรคให้ยาวนานขึ้นได้ทั้งสิ้น (ทั้งนี้ ก็ไม่เคยมีคนทำวิจัยว่า ไอ้ที่ยืดๆชีวิตออกไปเนี่ย มีความสุขกันดีอยู่สักเท่าไหร่) อย่างไรก็ตาม หัตถการเหล่านั้นก็ต้องชิดซ้ายยกธงยอมแพ้ให้แก่หัตถการอันจะกล่าวถึงนี้

ตามปกติ มะเร็งตามอวัยวะในช่องท้อง เช่นรังไข่และลำไส้ เมื่อเป็นมากๆก็มักจะมีเนื้อมะเร็งหลุดกระจายอยู่ทั่วไปในช่องท้อง เกาะเป็นเม็ดอยู่ตรงนั้นตรงนี้ ตามเยื่อบุช่องท้องหรือเยื่อหุ้ม (เปลือก) ของอวัยวะต่างๆ ถ้าเป็นหลายสิบปีก่อน วิทยาการทางการแพทย์ก็คงยอมยกธงขาว แต่นี่คือวิทยาการแพทย์ในยุคโลกาวินาศ (ถ้าหากว่าโลกมันจะแตกในปี ๒๕๕๕ จริงเราก็ควรเรียกยุคนี้ว่ายุคโลกาวินาศใช่ไหมครับ)

หัตถการทำลายล้างขั้นสุดยอดที่ว่านี้ นอกจากจะยกพวงเครื่องในออกจากตัวผู้ป่วยแล้ว ยังตามเข้าไปลอกเอาเยื่อบุช่องท้องทุกสิ่งอันออกมา ถ้าใครนึกไม่ออก ก็ลองนึกถึงการ “ปอกเปลือก” เครื่องในทุกชิ้นไม่ว่าจะตับม้ามอะไรก็ตามในท้องยกเว้นลำไส้เล็กที่ไม่โดนปอกเปลือก เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากปอกเปลือกตับของคนไข้แล้ว หมอก็จะเอายาเคโม หรือยาฆ่าเชื้อมะเร็งอุ่นๆ ประมาณสักสี่สิบองศาเซลเซียสนิดๆ (บางท่านอาจประท้วงว่าอากาศที่บ้านผมยังร้อนกว่านี้เลย) ทิ้งไว้สักครู่ แล้วเทออก ประหนึ่งเทน้ำร้อนลงในชามมาม่า เขย่าๆ แล้วซด แต่ไม่ใช่เพราะหมออยากทำเกาเหลาเครื่องในหรอกนะ ทั้งนี้ทำไปเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งที่หลงหูหลงตาเอาออกไม่หมดให้สิ้นไป

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายๆคนก็คงอยากจะถามว่าแล้วคนไข้มันจะรอดรึ? Resident ไอติมตอบตามตรงว่าไม่ทราบวะฮ่ะ เกิดมายังไม่เคยเห็นเคสทำหัตถการทำลายล้างขั้นนี้ เท่าที่ดูจากงานวิจัยก็พบว่ายืดอายุผู้ป่วยได้หลายเดือนถึงเป็นปีนะเออ (ขึ้นกับชนิด ตำแหน่ง และความ “เยิน” ของมะเร็งนะจ๊ะ) แต่ก็อย่างที่บอก ไม่มีใครเคยทำวิจัยหรอกว่าไอ้ที่อยู่ดูโลกได้นานขึ้นเนี่ย เค้ามองโลกกันในแง่มุมไหน และมีความสุขดีกันหรือเปล่า

ดูเหมือนว่าวิทยาการทางการแพทย์ในวันนี้ ได้แต่ยืดอายุของคนให้ยาวขึ้นๆแต่ก็เป็นชีวิตที่อยู่ไปวันๆ บางคนมีสภาพอะไรไม่ต่างจากผัก หรือแย่กว่าผัก เพราะผักยังเจริญเติบโตให้ดอกผล แต่ “มนุษย์ผัก” ทำได้แค่รอวันแห้งเหี่ยวโรยรา ตกลงนี่เราสนใจแต่ตัวเลขกันมากเกินไปหรือเปล่า อัตราการอยู่รอดในระยะเวลาห้าปี (5 years survival) ดูจะกลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในการรักษามากเกินไปเสียแล้ว ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ความเสียหายทางจิตวิญญาณ หรือแม้บางครั้งสิทธิและศักดิ์ศรีของการตายก็ถูกปล่อยปละละเลย มันทำให้อยากถามตัวเองว่า นี่ตกลงเราเรียนมาเป็น “หมอ” รักษา “คน” หรือรักษา “โรค” กันแน่

อ๊ะ! รู้แล้ว Resident ไอติมก็ไม่ต้องรักษามันทั้งคนทั้งโรคนั่นแหละ เอาแค่ “หั่นเนื้อ ผ่าศพ ดูสไลด์” อย่างมีความสุข ให้ได้ก็พอแล้ว เอิ๊กๆ



Create Date : 01 เมษายน 2554
Last Update : 1 เมษายน 2554 11:54:24 น. 6 comments
Counter : 733 Pageviews.

 
คุณหมอเขียนค่อนข้างเป็นการเป็นงานแบบนี้ นึกข้อความเม้นท์ไม่ถูกกันเลยทีเดียว

ดีใจๆ ที่วันนี้ได้เข้ามาที่บล๊อกคุณหมอ

ตอนนี้ได้ตามไปอ่านบล๊อกในหมวดนี้ครบหมดทุกตอนแล้วนะคะ ขอบคุณมากค่ะ


สำหรับคนไข้นั้น ขอบอกว่ามันไม่ง่ายเลย เมื่อตื่นมาแล้วได้ยินหมอบอกว่า

โรคนี้เป็นแล้วรักษาไม่หายขาดนะ แต่เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมันได้

คนไข้สามารถมีระยะเวลาชีวิตได้ยืนยาวเท่าคนปรกติอื่นๆ ทั่วไป

การที่ต้องมีชีวิตยืนยาว โดยการกินยาแทบจะต่างข้าว

หรือสูญเสียการทำงานบางอย่าง และวิถีชีวิตประจำวันผิดไปจากปรกตินั้น ใช่ว่าจะดี

บางทีอาจจะมีการทำวิจัยเรื่องนี้ก็ได้นะคะ แต่มันหดหู่เกินไปเมื่อนำมาเผยแพร่ทางวิชาการ

ผลเสียอาจจะมีมากกว่ารึเปล่า ถึงไม่มีงานวิจัยเรื่องนี้ออกมา

แฮ่..จะมาดราม่าทำไมเนี่ย ขอโทษนะคะมันอินเกิ๊น


ขอขอบคุณคุณหมออีกที เรื่องที่ปลดล๊อคบล๊อกช่วงนี้ค่ะ.(^_^)


โดย: อาร์ลาฟองค์ วันที่: 2 เมษายน 2554 เวลา:9:44:08 น.  

 
นานๆแวะเข้ามาอ่านตรงนี้ที เขียนดีๆ

คนเรามันก็คงอย่างนี้แหละ ใช้ชีวิตให้ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆจนบางทีลืมไปเลยว่ามีชีวิตอยู่ทำไม


โดย: เจ้่าชายน้อย IP: 99.126.182.220 วันที่: 10 เมษายน 2554 เวลา:12:30:15 น.  

 
เห็นด้วยค่ะว่าคนเราเดี๋ยวนี้เมินเฉยกับสิทธิและศักดิ์ศรีในการตายจริงๆ บางคนนั้นกลัวตายเสียจนลืมคิดไปว่าคุณภาพชีวิตหลังจากได้รับการรักษาระดับท่าไม้ตายนั้นมันเป็นอย่างไร บางคนนั้นเตรียมพร้อมยอมตายและอยากตายเต็มที แต่ญาติๆกลับไม่อนุญาตให้ตายซะงั้นแน่ะ....

ส่วนหมอนั้น บางคนก็เหลือเกิน รู้ๆ อยู่ว่ารักษาไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แต่ก็ยังเลี้ยงไข้ไปเรื่อยๆ พอคนไข้กลัวตายกับหมอชอบเลี้ยงไข้มาเจอกัน ไม่ต้องอ่านงานวิจัย เราก็พอจะเดาได้ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นเช่นไร...

ปล. ดีใจค่ะที่คุณหมอปลดล็อคบล็อก จะได้ตามอ่านเอนทรี่เก่าๆได้ แล้วจะเปิดนานไหมคะ หรือว่าจะเปิดแค่ช่วงสงกรานต์เท่านั้น


โดย: Smilla วันที่: 10 เมษายน 2554 เวลา:22:22:32 น.  

 
เปิดเฉพาะฤดูResidentตกมันนี่แหละครับ ไม่ค่อยมีเวลาเขียน ให้คนอ่านตอนเก่าไปพลางๆก่อน


โดย: คนคนนี้ มีความเหงาเป็นเพื่อน วันที่: 11 เมษายน 2554 เวลา:13:04:52 น.  

 


ฤดูที่ว่านี้มีกำหนดช่วงเวลาที่แน่นอนรึเปล่าคะ ..อิอิ..


โดย: อาร์ลาฟองค์ วันที่: 12 เมษายน 2554 เวลา:20:38:52 น.  

 
แวะมาให้กำลังใจพี่ไอติมค่ะ ^^
อีกปีเดียวก็จบแล้ว สู้ๆนะคะ จะได้กลับมาสอนส้มไวไว


โดย: someone IP: 58.8.246.27 วันที่: 14 เมษายน 2554 เวลา:22:54:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนคนนี้ มีความเหงาเป็นเพื่อน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




ดูเผินเผินเหมือนบ้าปัญญาอ่อน
ดูนานนานแล้วหลอนคล้ายคล้ายผี
ดูดูไปเหมือนว่าไม่มีดี
ดูอีกทีดู"................"

เติมเองตามใจชอบเลยครับ
Friends' blogs
[Add คนคนนี้ มีความเหงาเป็นเพื่อน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.