There is nothing either good or bad but thinking makes it so."- - W.Shakespeare - -
การประกอบพิธี ฮัจย์ ของอิสลาม



การประกอบพิธี ฮัจย์ ของอิสลาม

การทำฮัจย์ เป็นหลักปฎิบัติ ข้อที่ 5 ของศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำหรับผู้ที่มีความพร้อม ในด้านร่างกาย กำลังทรัพย์ และเส้นทางการเดินทางมีความปลอดภัย คือ สามารถเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจที่นครมักกะฮ. ได้ ส่วนผู้ที่ไม่สามารถไปได้ก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับผู้ที่มีศรัทธาแล้ว ความปรารถอันสูงสุดคือการได้ไปประกอบพิธีฮัจย์ สักหนึ่งครั้งในชีวิต

คำว่า ฮัจย์ แปลว่าการเดินทางไปเยี่บมบ้านของอัลเลาะห์
เท่าที่ผ่านสายตามา ในภาษาไทย เขียนกันหลายแบบ ค่ะ เช่น ฮัจญ์ หัจญ์ แต่มีความหมายเดียวกัน คือหมายถึง พิธีที่ทำในเดือน ซุ้ล - ฮิจญะฮ ของแต่ละปี หากเดินทางไปในเวลาที่มิใช่ฤดูกาลฮัจย์ จะเรียกศาสนกิจนี้ว่า อุมเราะฮ์

กำหนดการประกอบพิธี จริงๆแล้ว มีระยะเวลา หลายวันค่ะ แต่วันที่สำคัญที่สุดคือ ในวันอีต คือวันที่ 10 ในเดือนซุ้ล - ฮิจญะฮ.


ในปีที่ท่านศาสดามูฮัมมัด เกิด คือ ปี ค.ศ.570 ได้มีกษัตริย์ของเยเมน ชื่อ อับรอฮะ ได้คิดที่จะทำลาย กะฮบะฮ เพื่อที่จะเปลี่ยน ให้คนไปทำฮัจย์ ที่ประเทศเยเมน แทน โดย ได้ยก ขบวนช้าง มาจำนวนมากเพื่อ ทำลาย กะฮกบะฮ และมัสยิดฮารอม แต่อัลเลาะห์ ได้ทรงบันดาล ให้มีฝูงนกที่มาพร้อม ก้อนหิน ตัวละ 3 ก้อน คือ คาบ มา 1 ก้อน และ จิกมา ในอุ้งเท้า ข้างละ 1 ก้อน เมื่อมาถึงขบวนช้าง ของ อับรอฮะ ฝูงนกก็ได้ ขว้างก้อนหิน ใส่ขบวนช้าง และเหล่าทหาร ของ อับรอฮะ จนเสียชีวิต ทั้งหมด นี้ คือเหตุการณ์ ที่ ยืนยันได้ว่า อัลเลาห์ ทรงพระประสงค์ ให้ กะฮบะฮ เป็น บ้านของพระองค์

การทำฮัจย์เป็นพิธีกรรมทางศาสนาเก่าแก่ที่มีมาก่อนสมัยของศาสดามุฮัมมัด จากหลักฐานในคัมภีร์กุรอาน การทำฮัจย์เริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนที่อัลลอฮ์ ได้บัญชาให้ศาสดาอิบรอฮีมและอิสมาอิลผู้เป็นลูกชายร่วมกันสร้าง “บัยตุลเลาะห์.” (บ้านของอัลเลาะห์. ) ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับการเคารพภักดีต่อพระองค์ เมื่อสร้างเสร็จแล้ว พระองค์ก็ทรงบัญชาให้ศาสดาอิบรอฮีมเรียกร้องเชิญชวนมนุษยชาติให้มาร่วมกันแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ที่บ้านดังกล่าว

ดังนั้น ในเดือนซุล - ฮิจญะฮ. ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปฏิทินอิสลาม มุสลิมทุกชาติทุกเผ่าพันธุ์จากทั่วโลกนับล้านคนจะเดินทางไปร่วมกันแสดงความเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์.ที่บ้านของพระองค์

ซึ่งสถานที่ประกอบพิธีฮัจย์ มีเพียงแห่งเดียว อยู่ที่ กะอ์บะฮ์ หรือบัยตุลเลาะห์ ในเมืองเมกกะฮ์ กะอ์บะฮ์ คือ สิ่งก่อสร้างรูปทรงสี่เหลี่ยม (อะกะบะ แปลว่า นูนขึ้นพองขึ้น) ที่ท่านนบีอิบรอฮิม และ นบีอิสมาอีล บุตรชายช่วยกันสร้างขึ้น จากรากเดิมที่มีเหลืออยู่ตามที่ได้รับคำสั่งจากพระเจ้า อัลลอฮ์ (ซุบห์ ฯ) เมื่อประมาณ ๒๐๐ ปี ก่อนคริสกาล กะอ์บะฮ์ มีชื่อเรียกอยู่หลายอย่าง ที่ปรากฎอยู่ในกุรอาน เช่น อัล - บัยตุลหะรอม อัล - มัสญีดุลหะรอม บัยตุลอ์ติก แต่ชื่อที่รู้จักกันมากที่สุดคือ บัยตุลลอฮ์ แปลว่า บ้านของอัลลอฮ์


หลังจากสมัยของท่านศาสดาอิบรอฮีมแล้ว ด้วยความโง่เขลาและความหลงผิดของผู้คน รูปแบบของการทำฮัจย์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เช่น แทนที่ผู้คนจะเคารพบูชาอัลลอฮ์.แต่เพียงพระองค์เดียว พวกเขากลับเอารูปปั้นเทวรูปต่าง ๆ ที่พวกเขาบูชามาตั้งไว้รอบ ๆ กะอ.บะฮ. เพื่อสักการะบูชาในระหว่างการทำฮัจย์ และในพิธีการเดินรอบก๊ะอ.บ๊ะฮ.นั้น พวกเขาหลายคนได้เปลือยกายเดินรอบก๊ะอ.บ๊ะฮ.และอื่น ๆ อีกมากมายที่ท่านศาสดาอิบรอฮีมไม่ได้ทำแบบอย่างไว้ จนกระทั่งมาถึงสมัยของท่านศาสดามุฮัมมัด หลังจากที่ท่านเข้ายึดมักก๊ะฮ.ได้แล้ว ท่านได้สั่งให้ทำลายรูปปั้นบูชาต่าง ๆ รอบก๊ะอ.บ๊ะฮ.ลงจนหมดสิ้น และท่านได้แสดงแบบอย่างการทำฮัจย์ที่ถูกต้องให้บรรดาผู้ที่ศรัทธาในอัลลอฮ์.ปฏิบัติสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น การทำฮัจย์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจึงเป็นฮัจย์ที่มีแบบอย่างมาจากท่านศาสดามุฮัมมัด


การทำฮัจย์ นอกจากจะเป็นการแสดงความเคารพภักดีและยืนยันในความศรัทธาต่ออัลลอฮ์. แล้ว ยังสอนมนุษย์ทุกคนให้รู้สำนึกว่าในสายตาของอัลลอฮ์. แล้ว มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน เพราะในการทำฮัจย์ ผู้ทำฮัจย์ทุกคนไม่ว่าจะมาจากชนชั้น เผ่าพันธุ์ ภาษา หรือจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม ทุกคนจะต้องห่อหุ้มร่างกายด้วยผ้าสีขาวเพียงสองชิ้นเหมือนกันหมดทุกคน จะต้องปฏิบัติพิธีการต่าง ๆ เหมือนกันหมดและทุกคนต่างก็ประกาศความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์.เหมือนกันหมด

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

บริเวณ มัสยิดฮารอม ในเมกกะฮ๋


ผู้ที่เดินทางไปทำฮัจย์ จะเรียกกันว่า ฮุจญาด จะเรียกว่า ฮัจยี เมื่อได้ทำพิธีฮัจย์ ครบกระบวนความแล้วค่ะ
Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


บริเวณ ทุ่งอารอฟะห์


อีกหนึ่งที่ ที่ ต้องเข้าพิธีคือ ทุ่งอารอฟะห์ มีลักษณะเป็นทุ่งกว้างในหินผากว้างใหญ่สูงประมาณ ๓๐๐ ฟุต อยู่ห่างจากเมืองเมกกะฮประมาณ ๒๕ กิโลเมตร เป็นสถานที่ที่ผู้ประกอบพิธีฮัจย์ทั้งหมด (ฮุจญาด) จะไปร่วมชุมนุมกันในวันที่เก้าของเดือนซุล - ฮิจญะห์ ตั้งแต่เช้าถึงก่อนดวงอาทิตย์ตก เป็นที่เริ่มแรกของพิธีฮัจย์ หลังจากนุ่งผ้าเอี๊ยะราม (ชุดขาวจากผ้าสองผืน) แล้ว

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


ในการค้างแรมที่อารอฟะห์นี้ ผู้ไปประกอบพิธีจะกางเต้นท์อยู่ โดยมีธงชาติของประเทศตนติดไว้ ทุ่งแห่งนี้เป็นที่ชุมนุมของคนจากที่ต่าง ๆ ทั่วโลกมาพักอยู่ด้วยความสงบ จึงเรียกการปฏิบัตินี้ว่า วูกูฟ (หยุดสงบนิ่ง)
เสร็จจากวูกูฟ ผู้ไปประกอบพิธีจะเดินทางไปยังมีนา เพื่อค้างแรมที่นั่นสามวันสามคืน เพื่อขว้างเสาหิน แต่เนื่องจากการเดินทางอยู่ระหว่างกลางคืน ท่านนบีจึงค้างคืนที่ทุ่งมุสตะลิฟะห์หนึ่งคืน จึงออกเดินทางไปทุ่งมีนาในตอนเช้าของวันที่สิบ
สำหรับมุสลิมที่ไม่ได้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ถือว่าวันรุ่งขึ้นจากการวูกูฟของผู้ไปประกอบพิธีฮัจย์คือ วันอีดิ้นอัฏฮาหรือที่ชาวไทยเรียกว่า ออกฮัจญี
ณ ทุ่งอารอฟะห์แห่งนี้คือสถานที่ท่านนบีมูฮำมัดแสดงการกล่าวอบรมในที่ชุมนุมเป็นครั้งสุดท้าย
การแต่งกายในพิธีฮัจย์ ผู้ชายทุกคนจะแต่งกายด้วยผ้าขาวสองชิ้นที่ไม่มีการเย็บ ส่วนหญิงจะแต่งกายด้วยชุดที่มิดชิดไม่มีเครื่องประดับใด ๆ ทั้งสิ้น
หลักข้อแรกของการบำเพ็ญฮัจย์ได้แก่เอี๊ยะราม จากมีกอต (เขตที่กำหนดให้นุ่งเอี๊ยะราม) ด้วยตั้งใจจะบำเพ็ญฮัจย์จากเขตสถานที่แห่งหนึ่งเรียกว่า ยะลัมลัม (ที่แสดงเขตให้นุ่งเอี๊ยะห์รามของผู้ที่เดินทางไปจากภาคพื้นเอเซีย) ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองฮิดดะฮ์ ประมาณ ๖๓ กิโลเมตร
การประกอบพิธี เริ่มทำพิธี ในวันที่ 8 ของเดือนซุ้ล - ฮิจญะฮ เริ่มตั้งแต่นุ่งเอี๊ยะราม จนถอดเอี๊ยะรามเมื่อเสร็จพิธี ผู้ประกอบพิธีฮัจย์จะเริ่มกล่าวสรรเสริญด้วยภาษาอาหรับว่า "ลับบัยกัลลอ ฮุมมะลับปัยกะ ลาซารีกะลัก" (วรรคในเพลง ที่เป็นเสียงพูดชาย ค่ะ) แปลว่า อัลลอฮ์ ข้า ฯ ขอรับคำเชิญของท่าน ไม่มีผู้ใดเทียบเท่าท่าน" ขั้นตอนการประกอบพิธีเป็นไปตามลำดับคือการนุ่งเอี๊ยะราม

การวูกูฟที่ทุ่งอารอฟะห์
วูกูฟ หมายถึง การอยู่พักที่ทุ่งอะรอฟะห์ ถึงแม้เพียงหนึ่งนาที ก็ถือเป็นการวูกูฟ ไม่ว่าจะเป็นการยืน นั่ง นอน หรือ ยืน
ช่วงเวลาในการวูกูฟ คืน เมื่อเริ่มเข้าเวลาดุฮริ(เวลา ประมาณหลังเที่ยง)ของ วันที่ 9 เดือน ซุ้ล - ฮิจญะฮ ถึง เริ่มเข้าเวลา ศุบฮิ (ก่อน ดวงอาทิตย์ ชึ้น) ของวันที่ 10 เดือน ซุ้ล - ฮิจญะฮ

การเดินทางไปค้างแรมที่ทุ่งมุสตะลิฟะห์หนึ่งคืน (คืนวันที่ 10 เดือน ซุ้ล - ฮิจญะฮ )แล้วเดินทางไปทุ่งมีนาสามคืนเพื่อขว้างเสาหิน การฏอวาฟ (เดินเวียนซ้ายรอบปัยตุลลอฮ์เจ็ดรอบ) สะแอ (การเดินและวิ่งกลับไปมาระหว่างอัศซอฟกับอัลมัรฮ์เจ็ดเที่ยว) การทำกุรบาน หรือเชือดสัตว์เป็นพลี สำหรับผู้ที่มีความสามารถหรือการถือศีลอดทดแทนเจ็ดวัน โกนผมหรือตัดผมเสร็จแล้วจึงถอดชุดเอี๊ยะราม


Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


มัสยิดในเมือง มาดินะ



ในปี 2550 นี้ทางการซาอุดีอาระเบียให้โควตาผู้แสวงบุญจากประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 2 พันคน จากเดิม 13,000 คน รวมเป็น 15,000 คน ตัวแทนจากท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ แจ้งว่าปีนี้จะมีเที่ยวบินออกจากท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่จำนวน 18 เที่ยวบิน ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต 4 เที่ยวบิน โดยเครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 777-300 จุผู้โดยสาร เที่ยวบินละ 380 คน จะทำการบินวันละ 1 เที่ยวบิน

ตอนที่ พ่อแม่ ของเพ็ญ ไปทำฮัจย์ ปี 48 เสียค้าใช้จ่าย ให้บริษัททัวร์ คนละ 120000 บาท สำหรับปี 50 นี้ ตกประมาณ คนละ 150000 บาท ค่ะ

สำหรับ วันที่ 10 เดือน ซุล - ฮิจญะฮ ใน ปีนี้ น่าจะตรงกับ วันที่ 21 ธันวาคม 2550 แต่ถ้าจะให้แน่นอน ก้อต้องรอ ประกาศจากสำนักจุฬาราชมนตรีค่ะ

ข้อมูล บางส่วนปรับปรุงมาจากเวปไซค์
//www.muslimthai.com
//www.islamichomepage.com
รูปภาพ จาก //photobucket.com

ยังมีข้อมูลอีกค่ะ แล้วจะทยอย อัพเดทนะคะ


Create Date : 27 ตุลาคม 2550
Last Update : 31 ตุลาคม 2550 16:30:04 น. 51 comments
Counter : 5880 Pageviews.

 
ขอบคุณข้อมูลดีๆ ค่ะ


โดย: yarona IP: 203.170.236.195 วันที่: 29 ตุลาคม 2550 เวลา:13:02:18 น.  

 
อัสลามมุอะลัยกุมค่ะ แวะมาทักทายและอ่านสิ่งดีๆ

ขอพระเจ้าคุ้มครองค่ะ


โดย: นะ(รก) วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:11:18 น.  

 
การทำพิธีฮัจย์ต้องจ่ายค่าเดินทางเท่าไรทำกันกี่วันครับและเมื่อทำเสร็จแล้ว


โดย: นายสมจิตร์ มัชการ IP: 125.27.201.37 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:55:34 น.  

 
ทำอย่างไรจึงจะได้สมบูรณ์ที่สุดในการทำพิธีฮัจย์


โดย: นายสมจิตร์ มัชการ IP: 125.27.201.37 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:56:47 น.  

 
คุณสมจิตร์คะ ตอบยากจังเลยค่ะ
สำหรับค่าเดินทาง ปี 50 นี้ ถ้าไปกับแซะ ที่เขาจัดบริการอยู่แล้ว จาก สนามบินหาดใหญ่ ส่วนใหญ่ ก้อเสียค่าใช้จ่าย ประมาณ 150,000 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 วัน นอกจากทำฮัจย์ แล้ว ทางแซะ จะพาไปเยี่ยม มัสยิดนบีมูฮัมหมัด ที่เมืองมะดีนะ ด้วยค่ะ
ส่วนที่ว่า ทำอย่างไรจึงจะถือว่าเป็นฮัจย์ที่สมบูรณ์นั้น ไว้ ขอคำตอบจากผู้รู้ดีกว่าค่ะ


โดย: PenKa วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:36:17 น.  

 
สวัสดีครับ


ยินดีที่แวะเข้าไปเยี่ยม
พอตามมาเห็นบล็อกคุณ คุณต้องเป็นมุสลิมแน่เลยใช่ไหมครับ

เมื่อวานนี้และเช้าวันนี้ผมก้ได้คุยกับเพื่อนใหม่ที่เป็นมุสสลิมเขาน่ารักมากเลย
แล้วคุยกันอีกนะครับ


โดย: พ่อพเยีย IP: 203.172.199.254 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:16:06 น.  

 
ให้ความรู้ดีนะ


โดย: ต้นตาล IP: 125.27.246.158 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:54:59 น.  

 
ให้ความรู้มากๆ เลยค่ะ เคยอยากเรียนภาษาอาหรับมากๆ เลยอ่ะ แต่ท่าทางจะไม่รุ่ง ยากมากจิงๆ T T


โดย: Ultramarine (heart_of_andaman ) วันที่: 28 ธันวาคม 2550 เวลา:20:00:02 น.  

 
เอ่อมมม ขอโทษนะฮะ ทำบล็อกคุณ Penka เลอะเทอะไปโหน่ย.. แบบว่าชอบน้องกระต่ายตัวนี้มากๆ ฮะ อยากเห็นทุกลีลาของมัน น่าร๊ากเจงๆ ฮิ ฮิ


โดย: Ultramarine (heart_of_andaman ) วันที่: 28 ธันวาคม 2550 เวลา:20:08:26 น.  

 
ไม่เป็นไรค่ะ คุณltramarine มันน่ารักจริงๆ ด้วยค่ะ
เรื่องเรียนภาษาอาหรับ ยอมรับว่ายากค่ะ เพ็ญ เรียนแค่อ่านคัมภีร์ อัลกุรอ่าน ก็ ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ เท่าไรเลย


โดย: เพ็ญ IP: 202.129.48.36 วันที่: 2 มกราคม 2551 เวลา:16:24:23 น.  

 
ขอบคุณข้อมูลดีๆๆนะคะ


โดย: nurhayatre IP: 124.120.63.199 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:28:31 น.  

 
assalamualaikum
ขอบคุณสำหรับความรู้...นะค่ะ


โดย: ฮามีดะห์ IP: 61.91.193.41 วันที่: 6 เมษายน 2551 เวลา:10:06:08 น.  

 
อยากไปทำฮัจย์ค่ะแต่ไม่มีงบประมาณแต่ตั้งใจว่าต้องไปให้ได้(อินซาอัลลอฮ)ขอให้ทุกคนช่วยดุอาให้ด้วยน่ะค่ะ


โดย: เด็กยะลา IP: 61.7.166.124 วันที่: 15 เมษายน 2551 เวลา:19:54:16 น.  

 
อยากให้มุสลิมทุกคนได้ไปจังค่ะ


โดย: yah yala IP: 61.7.166.124 วันที่: 15 เมษายน 2551 เวลา:19:56:54 น.  

 
ศาสนาแต่ละศาสนา ก็เหมือนสถาบันการศึกษาหรือโรงเรียน ของแต่ละพวก แต่ละเผ่าพันธุ์ ที่มีรูปแบบวิธีการสอน หลากหลายแตกต่างกันไป ทุกศาสนาล้วนมุ่งสู่การสอนให้ทุกคนเป็นคนดี อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข สันติไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
โรงเรียนพุทธวิทยา มีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเจ้าของหลักสูตร เป็นผู้คิดค้น กำหนดเนื้อหา รูปแบบการสอน และเป้าหมายหลักสูตร โรงเรียนอิสลามวิทยา มีท่านนบีมูฮัมหมัดเป็นเจ้าของหลักสูตร เป็นผู้คิดค้น กำหนดเนื้อหา รูปแบบวิธีการสอน และเป้าหมายของหลักสูตร โรงเรียนคริสตวิทยา มีท่านเยซูคริสต์ เป็นเจ้าของหลักสูตร เป็นผู้คิดค้น กำหนด เนื้อหา รูปแบบวิธีการสอน และเป้าหมายของหลักสูตร โรงเรียนฮินดูวิทยา มีท่านศังกราจารย์ เป็นเจ้าของหลักสูตร เป็นผู้คิดค้น กำหนด เนื้อหา รูปแบบวิธีการสอน และเป้าหมายของหลักสูตร
ทุกโรงเรียนสอนวิชาเดียวกัน คือวิชา “ความจริงของธรรมชาติ” โดย โรงเรียนพุทธวิทยา เรียกชื่อวิชานี้ว่า “ธรรมะ” โรงเรียนอิสลามวิทยาเรียกชื่อวิชานี้ว่า “อัลลอฮ์” โรงเรียน คริสตวิทยา เรียกชื่อวิชานี้ว่า “พระผู้เป็นเจ้า” โรงเรียนฮินดูวิทยา เรียกชื่อวิชานี้ว่า “พระนารายณ์ พระอิศวร พระพรหม” แต่ละโรงเรียน จะใช้วิธีการสอนตามความถนัดของตัวเอง อาจใช้แบบจิตนิยม (ความคิด) และแบบเทวะนิยม (ความศรัทธา) หรือ อาจจะเรียกว่าเน้นหนักที่ปัญญา (ความเข้าใจ) และเน้นหนักที่ศรัทธา (ความเชื่อ) เจ้าของหลักสูตรแต่ละท่าน จะคิดค้นเทคนิควิธีการเรียน การสอนเป็นของตนเอง
ในโรงเรียนชาวพุทธจะสอนว่า “ธรรมะ” คือความจริงของธรรมชาติ คือธรรมชาติ คือ กฎของธรรมชาติ คือหน้าที่ของธรรมชาติ คือผลของธรรมชาติ “ธรรมะ” คือหน้าที่ การทำหน้าที่คือการปฏิบัติธรรม ซึ่งหมายรวมถึงทั้งหน้าที่ทางกายภาพ (ปฏิบัติหน้าที่ตามคุณสมบัติ เช่น ตามีหน้าที่ดู หูมีหน้าที่ฟัง) และหน้าที่ทางจินตภาพ (หน้าที่สมมุติทางสังคม เช่น หน้าที่ของ พ่อ, แม่, ลูก, ผู้บังคับบัญชา, ลูกน้อง, เจ้านาย) ในโรงเรียนชาวมุสลิม, ชาวคริสต์, ชาวฮินดู จะสอนว่า “อัลลอฮ์, พระผู้เป็นเจ้า (พระยะโฮวา) พระนารายณ์ พระอิศวร พระพรหม” เป็น “เทวะ” ผู้วิเศษ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่จะบันดาลสิ่งใดๆ ในโลกก็ได้ ซึ่งจะเป็นไปตามเหตุปัจจัย (เมื่อมีสิ่งนี้ จึงเกิดสิ่งนี้ มันเป็นเช่นนั้นเอง)
โดยสรุป การสอนวิชา “ธรรมะ” “อัลลอฮ์” “พระผู้เป็นเจ้า” “พระนารายณ์ พระอิศวร พระพรหม” ก็คือการสอนวิชา “ความจริงของธรรมชาติ” นั่นเอง เพียงแต่ผู้นำศาสนาแต่ละท่านจะใช้วิธีการเรียนการสอนแบบไหนที่จะให้เข้าใจธรรมชาติได้ดีที่สุด จะสอนแบบใช้ความศรัทธา (ความเชื่อมั่น) หรือสอนแบบใช้ปัญญา (ความเข้าใจ) และที่สำคัญแต่ละโรงเรียนที่มีอาระยะธรรมแล้ว จะไม่ยกพวกตีกันหรือยกพวกไปเบียดเบียนโรงเรียนอื่นๆ ที่อยู่ร่วมโลกเดียวกัน
เมื่อมีสิ่งนี้ (เหตุ) จึงเกิดสิ่งนี้ (ผล) มันเป็นเช่นนั้นเอง (ธรรมชาติ/อัลลอฮ์)


โดย: กัปตันเอ็กซ์ IP: 118.173.147.118 วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:10:17:23 น.  

 
ทุกศาสนา ส่วนใหญ่มักจะสอน ให้ห้ามสงสัยในคำสอน (มีจริงหรือเปล่า?, ใช่หรือไม่?, เชื่อได้หรือเปล่า?, เป็นจริงอย่างที่สอนหรือไม่?, เพราะอะไร?, เป็นจริงอย่างที่ท่านศาสดาสอนไว้หรือเปล่า?)

ยกเว้นแต่ พุทธศาสนา สอนให้ต้องสงสัยในคำสอน สอนให้คิด สอนให้ใคร่ ครวญจนเข้าใจชัดเจนก่อนจึงค่อยเชื่อ ตามหลักแห่งความเชื่อใน กาลามสูตร ไม่ให้เชื่องมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึง คุณ โทษ หรือดีไม่ดี ก่อนเชื่อ มี ๑๐ ประการคือ

๑. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
๒. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
๓. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
๔. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
๕. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
๖. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
๗. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
๘. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว(มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
๙. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
๑๐. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา(มาสมโณ โน ครูติ)

ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น

ลักษณะความเป็นไทย คือรักอิสระ คนไทยจึงดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้รอดพ้นจากการครอบงำของ พระผู้เป็นเจ้า ความเชื่อที่ผิด และเผด็จการ


โดย: บาทหลวงเอ็ก IP: 118.173.147.118 วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:10:18:59 น.  

 
ดีใจน่ะที่ได้เข้ามาดูเวปนี้ชอบมากได้ความรู้หลายอย่างจ๊ะ


โดย: betong IP: 118.173.193.127 วันที่: 12 สิงหาคม 2551 เวลา:11:51:41 น.  

 
จะมีอีกสักกี่คนที่เสียสละสมบัติอันเป็นที่รักของตนเองเพื่อส่วนรวมเช่นมุสลีมะห์ชาวภูเก็ต ฉันเชื่อในความสื่อสัจต่ออัลเลาะของเขา แตกต่างจากพวกนักธุรกิจที่สร้างอาณาจักรเพื่อพี่น้องตัวเองถึงแม่จะเป็มุสลิมก็ตาม ไม่เคยคิดจะให้หรือตอบแทนอัลเลาะห็บ้างหรือ หรือยังไม่พอ ถามหน่อยว่า ตายไปเอาอะไรไปได้บ้าง นอกจากความดี ได้โปรดช่วยมุสลิมที่ลำบากด้านการศึกษาด้วยเถิด


โดย: สงสัย IP: 125.27.165.63 วันที่: 17 สิงหาคม 2551 เวลา:2:08:42 น.  

 
สลามทุกคนฟิตรี่
อยากไปทำฮัจห์
บ้างแต่ไม่รู้ใช้เงินเท่าไร
ตอบด้วย
www.surutfig.hi5.com
วัสลาม


โดย: ฟิตรี่ IP: 61.7.134.38 วันที่: 24 สิงหาคม 2551 เวลา:7:49:40 น.  

 
อยากให้มุสลิมทุกคนได้ไปจังค่ะ


โดย: สมเดช IP: 222.123.251.88 วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:17:57:06 น.  

 
ขออนุญาตินำข้อมูลไปเผยแพร่ต่อครับ ใน เวปไซด์ของมูลนิธิเพื่อคุณธรรม ชื่อ
//islam-thailand.com
เวปของเราอยู่ระหว่างการอับเดทข้อมูลให้ใหม่เสมอ ลองเข้าไปดูนะครับ


โดย: marlic IP: 124.120.62.246 วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:20:51:11 น.  

 
คุณmarlic คะ ยินดีค่ะ ที่จะสามารถ เป็นประโยชน์ได้ แต่เนี้อหานี้ เพ็ญเรียบเรียงตามความเข้าใจของตัวเอง ก็คิดว่ายังมีจุดที่ต้องปรับปรุงอยู่บ้าง

เพ็ญ มีเทป อัลกุรอ่าน ของมูลนิธิเพื่อคุณธรรมด้วยนะคะ ซื้อเองหลายปีแล้ว ดีมากๆ ตอน รอมฎอม เพ็ญดูทีวี ของมูลนิธิฯ ยังคิดเลยว่า น่าจะมีเวปไซด์ เผยแผ่ความรู้ออนไลน์บ้าง


โดย: PenKa วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:14:52:07 น.  

 
ยินดีมากครับ ที่จะสามารถอ่านข้อมูลที่มีประโยชน์ แต่เนี้อหานี้ ผมว่าข้อมูลควรจะเพิ่มที่อ้างอิงด้วย


โดย: อิบรอเฮง เลาะตะโละ IP: 118.175.226.209 วันที่: 22 ตุลาคม 2551 เวลา:11:51:54 น.  

 
ขอให้ทุกคนทำบุญอย่างสมบูรณ์


โดย: คอมซ๊ะ IP: 203.154.27.183 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:43:31 น.  

 
ขอให้ทุกคนทำฮัจย์อย่างสมบูรณ์ อามีน..อัลฮัมดูลิลละฮ


โดย: อินซาอัลเลาะ IP: 203.154.27.131 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:09:44 น.  

 
อัสสลามมูอาลัยกุม ขอจากเอกองค์อัลเลาะห์ คุ้มครองผู้ที่เดินทางไปทำพิธีฮัจย์ ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวงและสุขภาพร่างกายแข็งแรง ที่จะได้ทำพิธีฮัจย์เสร็จสิ้น และเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย


โดย: ซอลีฮีน IP: 124.121.161.182 วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:6:33:45 น.  

 
อัสสลามมูอาลัยกุม ขอจากเอกองค์อัลเลาะห์ คุ้มครองผู้ที่เดินทางไปทำพิธีฮัจย์ ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวงและสุขภาพร่างกายแข็งแรง ที่จะได้ทำพิธีฮัจย์เสร็จสิ้น และเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย และขอกล่าวว่าสลามัตฮารีรายอ อีดิ้ลฮัดฮา


โดย: นางสาวนูรมี สะมะแอ IP: 203.157.10.173 วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:14:15:54 น.  

 
มนุษย์ทุกคนจึงทำความดีซะก่อนที่เราจะถูกละหมาดมายัต


โดย: นูรีสัน เด็งซาแม IP: 202.149.24.129 วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:23:38:07 น.  

 
อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม
อัลลอฮฺคุ้มครอง


โดย: ฮัยฟะ IP: 119.42.86.221 วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:12:56:36 น.  

 
ได้ความรู้มากๆๆๆเลยค่ะ เราอยู่บนพื้นฐานของความเป็นอิสลามเเละตามเเนวทางของอัลลอฮดีที่สุดค่ะ


โดย: hamsah IP: 192.168.134.57, 122.154.33.120 วันที่: 9 กันยายน 2552 เวลา:9:55:55 น.  

 
ปลอดภัยทั้งไปกลับ


โดย: อุสมาน IP: 61.19.78.82 วันที่: 27 ตุลาคม 2552 เวลา:11:45:31 น.  

 
ขอให้ไปกลับอย่างปลอดภัยครับ


โดย: ฮากีมครับ IP: 124.121.76.159 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:59:14 น.  

 
ขอพระอัลเลาะห์คุ้มครองทุกคน


โดย: ฮาซีด๊ะ IP: 118.173.67.25 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:56:27 น.  

 
ขอบคุงจ้า
ข้อมูลดีมาก


โดย: rinza~kawaii sohot~ IP: 222.123.140.202 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:01:34 น.  

 
ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัลกะบะห์ อยากรู้ว่าลักษณะและข้างในอัลกะบะห์มีอะไรอีกค่ะนอกเหนือจากรูปทรงสี่เหลี่ยมสีดำที่เห็นกันค่ะ


โดย: สาริกา IP: 118.173.63.227 วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:14:17:29 น.  

 
อยากทราบว่าในการจ้างทำฮัจญ์นั้นต้องใช้ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่


โดย: hana' IP: 110.164.224.102 วันที่: 10 เมษายน 2553 เวลา:9:45:15 น.  

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him


โดย: da IP: 124.122.247.144 วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:23:31:35 น.  

 
อยากให้ช้วยหารูปและคำอธิบายกำรแต่นกายของชาวเยเมนทั้งชายและหญิงให้หน่อย


โดย: กาน IP: 125.24.232.34 วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:49:01 น.  

 
มีความรู้มากขึ้นเลยเมื่อไดอ่าน


โดย: ดา IP: 182.52.163.223 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:42:22 น.  

 


โดย: อับดุลเลาะ IP: 119.31.8.197 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2553 เวลา:20:22:48 น.  

 


โดย: สุไลมาน IP: 119.31.8.197 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2553 เวลา:20:23:45 น.  

 
โอ้อัลลอฮฺ โปรดให้บ่าวได้มีโอกาสได้ไปประกอบพิธีฮัจย์ด้วยเถิด อามีน.....


โดย: FABILL IP: 118.173.204.177 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:42:28 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อความดีๆมีความรู้ขึ้นอีกเยอะ
โอ้อัลเลาะห์ขอพระองค์ทรงโปรดให้บ่าวได้มีโอกาสไปประกอบพิธีฮัจญ์สักครั้งด้วยเถิด


โดย: นูรมาฮ์ IP: 182.93.207.16 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:14:14 น.  

 
การทำอัจเป็นประการที่5ได้บุนมากน็ะครับ


โดย: ฟัยศอล IP: 223.206.159.68 วันที่: 27 มีนาคม 2554 เวลา:19:27:45 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมุลดีๆค่ะ


โดย: สุไลมี IP: 180.180.117.86 วันที่: 9 กรกฎาคม 2554 เวลา:16:27:12 น.  

 
ได้ความรู้มากเลยค่ะเพราะกำลังจะไปปีนี้


โดย: สากีน๊ะ IP: 118.173.48.172 วันที่: 6 กันยายน 2554 เวลา:15:33:34 น.  

 
ได้ดูแบบนี้สนุกมากค่ะ


โดย: อานีตา นิแม IP: 110.49.234.28 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2554 เวลา:16:18:14 น.  

 
วันที่4 พย.55คุณพ่อเสียชีวิตที่เมกกะ แต่ได้ทำฮัจย์เรียบร้อยแล้ว ถ้าเราจะไปฮัจย์ปีหน้าอยากทราบว่าจะไปเยี่ยมกุโบร์ของคุณพ่อจะได้ไม่ และจะหาเจอหรือไม่คับวัสลาม


โดย: อับดุลเลาะ IP: 223.204.176.85 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2555 เวลา:7:56:07 น.  

 
ผมขอนำเสนอวิธีการหนึ่งที่ทำให้ผู้ที่จะทำฮัจย์สะดวกขึ้น ซึ่งแผนออมทรัพย์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีวัถุประสงค์นำเงินออมไปทำฮัจย์ สะสมเงินออมเพียง 7 ปี ครบปีที่ 10 ได้รับเงินคืนพร้อมปันผล (ถ้ามี) ไม่เพียงเท่านั้น หากผู้ออมเสียชีวิตระหว่างสัญญาจะได้เงินฮิบะฮ์ (เงินบริจาคให้) เต็มจำนวนอีกด้วย

ตะกาฟุลเพื่อฮัจย์ 10/7 อายุเริ่มต้นตั้งแต่ 46 - 50 ปี
- เป็นเงินออมเพื่อฮัจย์ จำนวน 200,000 บ. + เงินปันผล (ถ้ามี) หากอยู่ครบสัญญา
- ได้รับฮิบะฮ์ (เงินบริจาค) จำนวน 200,000 บ. หากเสียชีวิตระหว่างสัญญา (ไม่เป็นภาระแก่คนข้างหลัง)
- ลดหย่อนภาษีได้

**เงินสะสมต่อเดือนเพียง**
ชาย 2,857 บ. / หญิง 2,785 บ.

หมายเหตุ
1. ค่าเบี้ยข้างต้นเป็นค่าเบี้ยโดยประมาณเท่านั้น
2. ข้อมูลที่แสดงเป็นภาพรวมของแผนตะกาฟุลเท่านั้น ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทน
---------------------------------------------------------
ติดต่อได้ที่เมืองไทยตะกาฟุล
ตัวแทน : นายอับดุลฮาดี อีสามะ
เลขที่ใบอนุญาต : 5501047360
เบอร์โทร : 083-655-2665
---------------------------------------------------------


โดย: DTAKAFUL IP: 27.55.3.89 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:16:04 น.  

 
อ่านของคุณคนที่ 16 คุณบอกว่าพุทธสอนว่าอย่าเชื่อ... แต่คุณกำลังเชื่อว่าไม่ควรเชื่ออะไร เพราะคุณเชื่อคำสอนของพุทธนะซิ


โดย: ก้อย IP: 223.206.73.211 วันที่: 31 สิงหาคม 2556 เวลา:23:15:12 น.  

 
อ่านของคุณคนที่ 16 คุณบอกว่าพุทธสอนว่าอย่าเชื่อ... แต่คุณกำลังเชื่อว่าไม่ควรเชื่ออะไร เพราะคุณเชื่อคำสอนของพุทธนะซิ


โดย: ก้อย IP: 223.206.73.211 วันที่: 31 สิงหาคม 2556 เวลา:23:16:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PenKa
Location :
นครศรีธรรมราช Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
27 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add PenKa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.