ยังไม่มีเซอร์ราวด์ 5.1 ลองเล่นแบบ 3.0 ก็สนุกได้ไม่แพ้กัน

สวัสดีครับผม...
สิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก็เป็นอันว่าเสร็จสิ้น 1 รอบของการปิดบัญชีและยื่นงบการเงินของบริษัทห้างร้านต่างๆ หลังจากเร่งงานกันสุดๆตอนวันที่ 30 เนื่องจากวันที่ 31 เป็นวันหยุดราชการ ทางเถ้าแก่ใจดีก็เลยหยุดงานให้ ตั้งแต่วันศุกร์ควบถึงวันอาทิตย์ 3 วันรวด ผู้ชายที่รักครอบครัวและไม่นิยมการเที่ยวเตร่นอกบ้านอย่างผม ก็เลยมีเวลาเช่าแผ่น DVD หนังในระบบเซอร์ราวด์มานั่งดูกันให้ลั่นบ้านครับ

สืบเนื่องมาจากเรื่องนี้ครับ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=loongmit&group=6&date=19-10-2006&blog=1 ซึ่ง DVD ตัวนี้ รับใช้ผมมากว่าครึ่งปีแล้ว ก็ยังปกติสุขดีอยู่ครับ

ทบทวนระบบเสียงเซอร์ราวด์
รูปข้างล่างนี้ ผมจับภาพมาจากระบบเสียงของคอมพิวเตอร์ครับ จึงขอเรียนขออนุญาตหยิบมาใช้ ณ ที่นี้ด้วย



ระบบที่เห็นในรูป เรียกง่ายๆว่าเป็นระบบ 5.1 แชลแนล คือประกอบไปด้วยลำโพงหลักๆ 5 ตัว คือ หน้า 2 ตัว(L-R), หลัง 2 ตัว (Ls-Rs) และกลาง 1 ตัว (C) ส่วน .1 ที่มีนั้น คือลำโพง Sub-Woofer ที่ทำหน้าที่ขับเสียงทุ้มต่ำลึกๆ ประเภทเสียงระเบิด เสียงสะเทือน เพื่อเสริมความกระแทกกระทั้นในการดูหนัง โดยลำโพงตัวนี้ สามารถวางไว้ตรงมุมใหนๆของห้องก็ได้ เพราะเสียงต่ำๆขนาดนั้นจะไม่มีทิศทางครับ (ถึงมีก็จับยาก) เหตุผลที่เขาเอามาเป็น .1 ไม่เอาเป็น 6 ซะให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ก็เพราะว่า เราอาจจะไม่ต้องมีตัวนี้ก็ได้ครับ มิติเสียงจาก 5 แชลแนลก็จัดได้ว่าครบถ้วนตามจุดประสงค์แล้ว

ลำโพงที่เป็นตัวกลาง (C-Center) ส่วนมากมักวางไว้ใต้หรือบนทีวีดังรูป ลำโพงตัวนี้จะทำหน้าที่เปล่งเสียงของเหตุการณ์ต่างๆ ที่ปรากฏอยู่บริเวณกลางๆจอภาพ รวมไปถึงบทพูดต่างๆเกือบตลอดทั้งเรื่อง

ลำโพงที่อยู่ด้านหน้าซ้ายและขวา มักจะเอาเสียงดนตรีแบ็คกราวด์ไปออกที่นั่นครับ และยังรวมไปถึงเสียงจากเหตุการณ์เฉพาะ ที่ต้องการเน้นว่าอยู่ซ้ายหรือขวาจัดๆด้วย เช่น อาจจะได้ยินเสียงเคลื่อนมาจากทางซ้ายสุด ค่อยๆเข้ามาตรงกลาง แล้วจึงเห็นภาพโผล่ในจอ อย่างนี้เป็นต้น

ลำโพงด้านหลังที่เรียกกันว่าลำโพงเซอร์ราวด์นั้น นิยมเอาเสียงที่อยู่ด้านหลังของตัวละครในภาพมาออก เพื่อให้เรา"อิน"ไปกับตัวละคร หรือเหมือนเราเป็นตัวละครนั่นเอง ลำโพงคู่หลังนี้ มักจะทำให้เราตกใจอยู่เนืองๆครับ เพราะมันชอบดังแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว (ผมเองยังหันหลังบ่อยๆเวลาดูหนังผีในระบบเซอร์ราวด์)

จริงๆแล้ว ลำโพงทั้ง 5 แชลแนล ควรจะมาจากเซ็ตเดียวกัน เพื่อให้เสียงที่เขาเน้นมาให้เคลื่อนที่รอบๆตัวเรา เป็นเสียงเดียวกันตลอด ยกตัวอย่างเช่น หากมีเสียง"ปรบมือ"ดังจากด้านซ้าย เลื่อนมาตรงกลาง แล้วหายไปทางด้านหลังขวา โดยสัมพันธ์กับภาพในจอ เสียงที่ได้ยิน ควรจะแสดงความเป็นเสียงจากมือเดียวกัน ไม่ใช่ว่า พออยู่ลำโพงหน้าดังแบบนึง พอเข้าลำโพงกลางดังแบบนึง พอเสียงไปลำโพงหลังดังอีกแบบนึง อย่างนี้ก็อาจจะพาเวียนหัวเวียนหูได้เหมือนกันครับ

ขั้วต่อสัญญาณเสียงออก ของเครื่องดีวีดี TCL ของผมนะครับ



SL - Surround Left ช่องเสียงเซอร์ราวด์หลังซ้าย
SR - Surround Right ช่องเสียงเซอร์ราวด์หลังขวา
CEN - Center ช่องเสียงตรงกลาง
SUB - Sub Wooffer ช่องเสียงทุ้มลึก
FL - Front Left ช่องเสียงหน้าซ้าย
FR - Front Right ช่องเสียงหน้าขวา

เมื่อลองไล่เรียงขั้วต่อสัญญาณขาออกจากเครื่องเล่นดีวีดี ระบบที่สมบูรณ์จะต้องเป็นดั่งนี้ครับ

1. ลำโพงคู่หน้า (หน้าซ้าย 1 ตู้, หน้าขวา 1 ตู้)
2. ลำโพงเซอร์ราวด์คู่หลัง (หลังซ้าย 1 ตู้, หลังขวา 1 ตู้)
3. ลำโพงเซ็นเตอร์ วางไว้ตรงกลาง อาจจะบนหลังทีวีหรือใต้โต๊ะวางทีวีก็ได้ (1 ตู้)
4. ลำโพงซัปวูฟเฟอร์ วางไว้ตรงใหนก็ได้ที่กะว่ามันจะสะเทือนใจได้มากๆ (1 ตู้)

เข้ามาตรฐานเป๊ะๆครับ แต่...


ที่บ้านผมมีทีวี 25 นิ้ว 1 เครื่อง แล้วก็ชุดเสตอริโอ (ลำโพง 10 นิ้ว 2ตู้) ที่จับรางวัลได้มา (ยี่ห้อไม่อยากคุย...บอกแล้วว่าไม่อยากจะคุย)

อีกชุดหนึ่งที่มีก็คือชุดแอมป์ที่เอาไว้ฟังเพลงจากคอมครับ ใช้ลำโพงรถยนต์ยร่ห้อ MASSIVE กับแอมป์ที่ต่อเอง ข้างละ 20 วัตต์

แรกๆที่ได้ดีวีดีตัวนี้มาก ผมก็ไปลากชุดฟังเพลงกับคอมชุดนี้ มาต่อรวมกับชุดที่อยู่หน้าทีวี ระโยงระยางสายไฟเต็มบ้านไปหมด ลูกเมียเดินผ่านก็จะสะดุุดหกกะล้มเอาทุกที (พ่อมันสนุกอยู่คนเดียว)

จึงเป็นอันว่า นานๆ(มากๆ) ผมจึงจะเอาหนังมาดูในระบบเซอร์ราวด์แบบเต็มยศซะที เพราะขี้เกียจหอบหิ้วยักย้าย ทั้งแอมป์ทั้งลำโพงมาจากชุดคอมนั่นเองครับ มิหนำซ้ำ พอดูเสร็จแล้ว ก็ยังต้องเก็บเส้นสายต่างๆ แล้วก็หอบหิ้วกลับไปไว้กับคอมดั่งเดิมอีก วุ่นวายพิลึกครับ

หลังๆมาจึงไม่ค่อยได้ใช้ระบบเซอร์ราวด์เท่าไร ดูก็เพียงระบบสเตอริโอซ้ายขวาน่ะเอง

แต่ตามประสาคนที่เคยดูระบบเต็มๆมาแล้ว สะใจกับมิติเสียงที่มันเคลื่อนที่ไปมารอบๆตัวมาแล้ว รู้สึกว่าเวลากลับมาดูหนังในแบบสเตอริโอธรรมดา มันรู้สึกเกร็งๆครับ (ไม่รู้ใครเป็นแบบนี้หรือเปล่า) คือต้องคอยเงี่ยหูคอยจับเสียง ว่ามันมาจากใหน ซ้ายหรือกลางหรือขวา...

ครั้นจะไปแย่งแอมป์มาจากชุดคอมซะเลย ประเดี๋ยวลูกเต้าจะโวยเอาอีก เพราะที่คอมก็จะฟังเพลงไม่ได้...

เนื่องในโอกาสวันหยุดติดต่อกัน 3 วัน ผมเลยขอทดลองอะไรสักหน่อย ดังนี้ครับ

1. ลำโพงหน้าซ้ายและขวา จะใช้ของชุดสเตอริโอที่มีอยู่แล้ว ซึ่งมันก็ตั้งของมันอยู่ข้างๆชั้นวางทีวีอยู่แล้ว
2. ลำโพงเซอร์ราวด์ไม่ต้องเอาก็ได้(จำใจ)
3. ลำโพงแชนแนลกลาง ใช้ลำโพงของเครื่องทีวีนี่ละครับ ไม่ต้องไปดิ้นรนหาซื้อให้เมื่อยตุ้ม และมันก็อยู่ตรงกลางพอดีซะด้วย
4. ซับวูฟเฟอร์ไม่ต้อง (ไม่ต้องสะเทือนใจดีกว่า)

เรื่องที่ต้องจัดการเป็นพิเศษก็คือแชลแนลกลางที่ทีวีนี่ละครับ ด้านหลังทีวีเป็นดังนี้



ขั้ว VIDEO (ในรูปสะกดสลับกันครับ) นี้แน่นอนว่า เอาสัญญาณภาพมาจากเครื่องดีวีดีอยู่แล้ว ส่วนขั้ว IN L และ IN R ปกติจะนำมาจากขั้ว MIX L และ MIX R จากเครื่องดีวีดี คือฟังเสียงในแบบสเตอริโอทั่วไป

แต่คราวนี้ผมจะให้มันทำหน้าที่เป็นลำโพงแชลแนลกลาง ซึ่งสัญญาณที่ออกมาจากดีวีดีมีเพียง CEN 1 ช่องเท่านั้น ครั้นจะนำสัญญาณมาเสียบเพียงข้างใดข้างหนึ่งที่ทีวี ก็เกรงว่าทิศทางที่ได้จะไม่"เป็นกลาง" จึงหาทางออกโดยการทำสายขึ้นมา 1 เส้นครับ



ปกติสายแบบนี้ที่มีขาย จะเป็น 2 เส้นติดกัน สีแดงข้างหนึ่ง สีดำข้างหนึ่ง ผมก็นำมาฉีกแยกออกจากกัน แล้วตัดส่วนปลายๆของอีกด้าน ยาวพอประมาณ มาบัดกรีเชื่อมสายให้ติดกัน กลายเป็นสาย"เข้า 1 ออก 2" นำไปรับสัญญาณจากจุด CEN ที่ดีวีดี มาเสียบเข้าที่ทีวี โดยลำโพงทั้ง 2 ข้างของทีวี จะพร้อมใจกันทำงานเป็นแชนแนลกลางอย่างเป๊ะๆครับ

ส่วนสัญญาณที่จะเข้าชุดสเตอริโอเพื่อเป็นลำโพงหน้าซ้ายและขวา ก็ไปเสียบมาจากขั้ว FL และ FR ของดีวีดี เท่านี้เป็นอันจบครับ กับระบบ 3.0 ของผม

ทีนี้ เมื่อเอาแผ่นดีวีดีที่เป็นระบบเซอร์ราวด์ใส่เข้าไป จากเดิมที่เคยปรับ Mode ที่ดีวีดีเป็นสเตอริโอ ก็ต้องมาปรับใหม่เป็น Dolby Digital Surround 5.1

พอไตเติ้ลขึ้นเท่านั้นละครับท่านผู้ชม...ผมก็ไม่ต้องคอยเงี่ยหูฟัง ว่าตอนใหนซ้ายตอนใหนขวาอีกต่อไป สัญญาณเสียงระหว่าง ซ้าย-กลาง-ขวา มันแยกกันได้เด็ดขาด มีมิติต่างจากการดู แบบสเตอริโอเดิมๆอย่างฟ้ากับดินเลยครับ

ขนาดว่าเพื่อนบางคนที่ไม่รู้เรื่องระบบเสียงเลย (หลงทาง)เข้ามานั่งดูหนังด้วย ยังออกปากว่าระบบเสียงของผมดีจริงๆ ชัดอย่างกะฟังในโรงหนัง

คงอีกนานละครับ กว่าที่ผมจะได้มีระบบ 5.1 แบบเต็มๆกะเขาสักที แต่ต่อจากนี้ก็ไม่ได้เดือดร้อนใจอะไรมากมายแล้วครับ ดูแบบ 3.0 ไปพลางๆ ก็ได้อารมณ์ต่างกันไม่มากมายอะไร เท่านี้ก็มีความสุขตามประสาแบบพอเพียงแล้วละครับ

มีข้อแนะนำเล็กน้อยสำหรับคนชอบดูหนังในระบบเวอร์ราวด์นะครับ

1. ควรดูในแบบ "พูดฝรั่ง บรรยายไทย" จะได้อรรถรสเกือบๆสมบูรณ์ครับ เพราะส่วนมากเวลาเลือก "พูดไทย บรรยายฝรั่ง" ระบบเสียง(บางแผ่น และส่วนมาก)จะกลายเป็นสเตอริโอธรรมดาทันที (ทำไมให้ความสำคัญกับคนไทยกันเองน้อยจัง)
2. ที่ชุดสเตอริโอ ไม่ควรปรับเพิ่มเสียง BASS และ TREBLE ให้มากหรือต่างจากเสียงของทีวีมากไปนัก เพราะเวลาเสียงเคลื่อนตัวไปมา จะทำให้เกิดการ "แตกต่างกันของเสียงเดียวกัน" ดูแล้วเสียบรรยากาศครับ ตรงนี้ อาจแก้ด้วยการลองเปิดเพลงธรรมดาดู แล้วปรับให้เสียงจากสเตอริโอ เหมือนกับเสียงจากทีวีให้มากที่สุด
3. หนังประเภทแอคชั่น ไซไฟต่างๆ จะให้มิติเสียงที่ค่อนข้างตื่นตาตื่นหู แต่หนังชีวิต หรือหนังทั่วๆไป(บางเรื่อง) ไม่ค่อยให้ความสำคัญมากนัก
4. แผ่นแสดงสดของคอนเสิร์ตที่บอกว่าเป็นระบบเซอร์ราวด์ พบว่ามีบางเพลงเท่านั้นครับ ไม่ค่อยได้ทำทั้งแผ่นเท่าไร ต้องเลือกดูจากเมนูอีกที

ก่อนจบ ขอแถมสุภาษิตสักข้อหนึ่งนะครับ...
"การดูหนังในระบบเซอร์ราวด์ดึกๆ อาจเป็นการทำลายสุขภาพของคนข้างบ้าน"

สวัสดีครับผม...

 

Create Date : 05 มิถุนายน 2550		9 comments
Last Update : 19 กรกฎาคม 2550 18:56:33 น.
Counter : 6571 Pageviews.
Share Tweet