กรกฏาคม 2551

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
26
27
30
 
 
>> ยี้ ...ผ้าขี้ริ้ว <<
วันนี้แวะเข้าไปเว็ปผู้จัดการ กะจะ up date ข่าวสารซักหน่อย ก็ไปเจอข้อเขียน ยี้ “ผ้าขี้ริ้วเช็ดครัว” อันตรายกว่าที่คิด โดย ผู้จัดการออนไลน์ ( 29 กรกฎาคม 2551) เข้า อ่านแล้วเกิดอาการอยากบอกต่อเป็นที่ยิ่ง เพื่อนๆลองอ่านดูนะคะ ประโยชน์ล้วนๆ



ยี้ “ผ้าขี้ริ้วเช็ดครัว” อันตรายกว่าที่คิด

สำรวจ 7 ประเทศ พบ 89% แบคทีเรียอื้อ นำสารพัดโรคท้องร่วง อาหารเป็นพิษ แนะต้ม 5-10 นาทีฆ่าเชื้อโรค ซักพึ่งลมเชื่อโรคไม่ถูกทำลาย

ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา และสมาชิกของสภาด้านสุขอนามัยแห่งเอเชีย เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุมสภาด้านสุขอนามัยแห่งเอเชีย ที่ประเทศมาเลเซียว่า สภาด้านสุขอนามัย (The Hygiene Council) ได้เก็บสำลีตัวอย่างเชื้อแบคทีเรียจำนวน 1,200 ตัวอย่าง จากพื้นผิววัสดุของ 120 บ้านใน 7 ประเทศ เพื่อการศึกษาระดับสากลด้านสุขอนามัยในครัวเรือน พบว่า สิ่งที่เหมือนกันในทุกประเทศ คือ ห้องครัวเป็นสถานที่รวมเชื้อแบคทีเรียอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ ผ้าเช็ดครัว 89% พบเชื้อแบคทีเรียอยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจ 78% โดยมีปริมาณเชื้อปนเปื้อนสูงมาก และเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้จะแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งห้องครัวเมื่อมีการทำความสะอาด

“ผ้าเช็ดครัวดูเหมือนว่าจะไม่มีอันตราย แต่กลับเป็นที่สะสมของเชื้อโรคเป็นจำนวนมาก ผ้าเช็ดครัวจึงเป็นหนึ่งในพาหะที่มีเชื้อปนเปื้อนมากที่สุด เพราะว่าครัวเป็นแหล่งที่นำอาหารสดที่อาจมีการปนเปื้อนมาจากตลาด และเมื่อผ้าเช็ดครัวไม่ได้ทำความสะอาดอย่างถูกต้องเชื้อโรคก็ย่อมแพร่กระจายในครัวกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นโรคทางเดินอาหารทั้งหลายอย่าง โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ ฯลฯ จึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญอย่างมาก” ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าว

ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวต่อว่า สำหรับวิธีการฆ่าเชื้อโรคผ้าเช็ดครัว แนะนำให้มีผ้าเช็ดครัวหลายผืน เพื่อสลับเปลี่ยนกัน และควรทำความสะอาดด้วยการต้มน้ำ 5-10 นาที เพื่อฆ่าเชื้อโรค ทั้งนี้ วิธีการทำความสะอาดผ้าเช็ดครัวตามปกติที่นำผงซักฟอกมาทำความสะอาดจากนั้นนำไปพึ่งลมให้แห้งแล้วนำกลับมาใช้ใหม่นั้น ถือว่าไม่ช่วยให้เชื้อโรคที่ปนเปื้อนมาถูกทำลายได้เลย

“ส่วนการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคในห้องครัวนั้น ผมก็ไม่เคยเห็นว่าใครจะนำมาฉีดกับผ้าเช็ดครัว ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดคือการต้มในน้ำประมาณ 5-10 นาที จากนั้นก็นำไปตากแดด ซึ่งวิธีเหล่านี้จะทำให้เชื้อโรคตาย และผ้าเช็ดครัวไม่เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค” ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าว

ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ที่ประชุมซึ่งประกอบด้วยสมาชิกเข้าร่วมการประชุมจาก 7 ประเทศ ได้แก่ จีน ฮ่องกง เกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม มีความเห็นตรงกันว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการให้การศึกษาแก่สาธารณะเกี่ยวกับการปฏิบัติด้านสุขอนามัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะเรื่องของการทำความสะอาด รวมถึงอนามัยส่วนบุคคลเช่น การล้างมือ ซึ่งคนส่วนใหญ่ละเลย และทำให้เกิดโรคติดเชื้อมากขึ้น

ทั้งนี้ โรคติดเชื้อที่พบมากที่สุดในประเทศไทย คือ โรคท้องร่วงที่ มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียในทางเดินอาหาร โรคผิวหนัง ที่เกิดจากการจับต้องสิ่งของที่มีเชื้อโรคปะปนอยู่และไม่ได้ล้างมือ เช่น ผ้าขี้ริ้ว ราวบันได การจับที่โหนบนรถเมล์ ฯลฯ ซึ่งสภาด้านสุขอนามัยแห่งเอเชีย ได้แนะนำให้ล้างมืออย่างเหมาะสมหลังการเตรียมอาหารและหลังจากเข้าห้องน้ำ การทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบริเวณและสิ่งที่ถูกสัมผัสบ่อยๆ เป็นประจำ เช่น รีโมทคอนโทรล ลูกบิดประตู และโทรศัพท์ และ การเตรียมอาหารที่ปลอดภัย"

เป็นไงคะ มฤตยูแฝงซึ่งอยู่ใกล้ตัวเราทุกคนมากๆ
ไม่ควรมองข้ามนะคะ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก ผู้จัดการออนไลน์ค่ะ





Create Date : 29 กรกฎาคม 2551
Last Update : 29 กรกฎาคม 2551 11:05:06 น.
Counter : 1530 Pageviews.

22 comments
  
นอกจากจะมีชื่ออันแสนจะขี้เหร่แล้ว
ยังน่ากลัวอีกตะหากนะคะ

อุปกรณ์อีกอย่างที่มีเชื้อโรคมากจนน่าต๊กกะใจคือ ฟองน้ำล้างจานค่ะ แต่อันนี้มีคนแนะนำให้เอาเข้าไมโครเวฟสักนาที-สองนาที (ควรมีคืม หรืออุปกรณ์ช่วยคีบออกมา เพราะมันจะร้อนมาก) จะช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ค่ะ เรื่องนี้เพื่อนที่ทำงานเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารแนะนำมา

วันนี้ ยิ้มหรือยังคะ
ถ้ายัง ให้อิฉันช่วยไหม
โดย: นางไม้หน้า3 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:58:52 น.
  
ต้องรีบยิ้มเลยค่ะ ถ้าให้คุณนางไม้ช่วย มีหวังปากอีชั้นยาวไปถึงติ่งหูแน่....
.
.
จริงด้วยนะคะ เกือบลืมเจ้าฟองน้ำล้างจานไป นั่นก็คงอุดมด้วยสารพัดเชื้อเหมือนกัน เวลาเราใช้งานเสร็จก็ควรล้างหลายๆครั้งจนหมดฟอง แล้วผึ่งให้แห้ง
การเอาฟองน้ำเข้าไมโคเวฟนี่เพิ่งเคยได้ยินค่ะ เป็นความรู้ใหม่ แต่ถ้าเป็นฟองน้ำแบบมีใยสังเคราะห์ติดอีกด้านด้วย จะเข้าเวฟได้ไหมคะ?
โดย: คุณน้ำตาล วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:10:41 น.
  
ต้องขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ ..ที่แวะไปให้กำลังใจกันตลอด มาทีไรได้ความรู้ทุกที แม่นู๋แอลก็ได้แต่ซัก ไม่เคยต้มซะที ตานี้รู้แล้ว ต้องต้มด้วยเน๊าะ..ตอนนี้ก็เป็นแจ๋วจริงๆ ...เพราะว่าแม่บ้านจะมาถึงอีกสองวัน ก็เหนื่อยเหมือนกันแต่มีความสุข
โดย: NathalieNoelle วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:38:07 น.
  
ยึ๋ย สงสัยต้องเปลี่ยนผ้าขี้ริ้วในครัวทุกสัปดาห์แล้ว
โดย: ohioh วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:52:45 น.
  
ร้านขายอาหารบางร้านใช้ผ้าขี้ริ้วผืนเดียวทำทุกอย่างเลย

เช็คมือเช็คโต๊ะ เช็คกะทะเช็คจานชาม

ยิ่งร้านอาหารสั่งตามแผงลอยบนฟุตบาท ยิ่งกว่าอีก

ยี้ๆๆๆๆๆๆ สยองงงงงงงง.....
โดย: เพื่อนหมายเลข 9 IP: 58.8.36.230 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:00:53 น.
  
สวัสดีค่ะ

น่ากัวเชียววว ...

เชื้อโรคนี่มีรอบตัวเลยเนอะ

ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยค่ะ ..

Happy Day na ka
โดย: บ้านอุ่นรัก วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:31:46 น.
  
แปลว่า มนุษย์เรามีพวกเชื้อโรคเป็นเพื่อนสนิทนะ เพราะมีอยู่ทั่วไปทุกที่เลย ไงก็ระวังกันหน่อยแล้วกันเพื่อสุขภาพที่ดี
โดย: mam_ple วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:49:09 น.
  


Comment Hi5 Glitter


แวะมาทักทายกันค่ะ
ฟังดูน่ากลัวนะคะ แต่ก้อแหละอยู่ที่เราจะระมัดระวังตัวเองแค่ไหนค่ะ

โดย: หอมกร วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:56:25 น.
  

ผ้าขี้ริ้ว อืมมม เนอะ เป็นสิ่งที่บางที เรามองข้ามไปเหมือนกัน

แต่ข้าพเจ้า กลับซีเรียส กับ เรื่อง ฟองน้ำ ยิ่งกว่า

ไม่รู้คนอื่นเป็นหรือเปล่า แต่ข้าพเจ้า ไม่ได้เลยนะ
เป็นคนที่ต้องแยกฟองน้ำ

ฟองน้ำล้างจานอาหาร กับ ฟองน้ำล้างแก้ว ต้องใช้แยกกัน

เอามาล้างปนกันไม่ได้เด็ดขาด ( ถ้าเห็นก้อไม่กินเลย )

ไม่ได้ว่าเป็นคนรักสะอาดนะ เพียงแต่ เคยเจอประสบการณ์ชวนอ๊วก สยองขวัญ กับกลิ่นที่เหม็นติดแก้วน้ำ น่ะ





โดย: มาเฟียหัวใจง้องแง้ง วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:57:59 น.
  




…….จิบกาแฟพร้อมดื่มด่ำกับธรรมะ…….
ภาษากินขาดจริงๆนะจ๊ะ

เรื่องของผ้าขี้ริ้ว เป็นข้อมูลที่ดี รู้แล้วต้องรีบนำไปแก้ไข

รักษาสุขภาพ และมีความสุขกับวันดีๆทุกทุกวันนะจ๊ะ นะจ๊ะ



โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:18:35 น.
  
สาระดีๆ อีกตามเคยค่า
โดย: ต้อมเองจ้า (twins ) วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:20:38 น.
  
ต้องกลับไปดูผ้าขี้ริ้วที่บ้านมั่งแระ
โดย: Summer Flower วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:30:37 น.
  
ปกติที่บ้านซักแล้วตากแห้ง สงสัยต้องต้มซะบ้าง
แต่ที่บ้านใช้หลายผืนมาก แยกไว้ในแต่ละที่
ฟองน้ำ ก็เปลี่ยนบ่อยๆดีกว่า... เพื่อสุขภาพที่ดี
โดย: ปลายดินสอ วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:41:30 น.
  
โดย: พลังชีวิต วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:12:56 น.
  
แบคทีเรียก็มีที่ดีต่อร่างกาย และเป็นโทษต่อร่างกาย
ผ้าขี้ริ้ว ก็อาจจะห่อทองได้เหมือนกัน
โดย: pumpond วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:35:28 น.
  
เรื่องของผ้าขี้ริ้วนี่ก็น่ากลัวนะคะ อุดมไปด้วยเชื้อโรค ส่วนใหญ่ บางทีเราไม่ค่อยซักเหมือนกันค่ะ สำหรับผ้าขี้ริ้ว ถ้าเปื้อนมาก ๆ เราทิ้งไปเลย แล้วหาผ้าขี้ริ้วผืนใหม่มาใช้แทน

บล็อกคุณน้ำตาลนี่ดีนะคะ มีแต่สาระดี ๆ เป็นประโยชน์มาก ๆ เลยค่ะ

โดย: payun-sai วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:59:38 น.
  
หวัดดียามเย็นจ้า..
ขอบคุณสาระดีๆ ที่นำมาฝากนะคะ
โดย: Neilnuch_T วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:18:13 น.
  
อ่านเม้นต์ข้างบนก็เห็นด้วยเลยค่ะที่ว่า ร้านอาหารใช้ผ้าผืนเดียวเช็ดทุกอย่าง บางทีเห็นเอาไปเช็ดเขียงด้วยนะเนี่ย...เขาบอกว่า แค่ผ้าเช็ดมือธรรมดาๆก็เป็นแหล่งสะสมเชื้อแล้ว ถ้าจะให้ดีต้องใช้ครั้งเดียวแล้วซัก หรือทิ้งไปเลยค่ะ...
โดย: VICT วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:19:52 น.
  
เชื้อโรคอยู่ใกล้ตัวเราเลยนะเนี่ย เดี๋ยวขอไปดูก่อนค่ะว่าผืนไหนสกปรก จะได้ทิ้งไปค่ะ
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:08:33 น.
  
ขอบคุณสำหรับข้อมูลฮับ
โดย: mr.cozy วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:50:22 น.
  


Comment Hi5 Glitter


แวะมาทักทายกันค่ะ มีความสุขกับชีวิตนะคะ

โดย: หอมกร วันที่: 30 กรกฎาคม 2551 เวลา:6:49:54 น.
  
โอววววว น่ากัวมั่กๆ

ผ้าขี้ริ้วที่บ้าน พอซักตากแล้ว เวลาจะเอามาเช็ดอะไรครั้งต่อไป
ก้อจะฉีดแอลกอฮอล์ทุกครั้งเลย ทำมานานแล้ว
แบบว่าเป็นโรคประสาทเรื่องฟามสะอาดอ่ะ

ไม่รู้ว่ามันจะช่วยได้แค่ไหน แต่ก้อทำแบบนี้ตลอดเลย
แอลกอฮอล์ ใช้มากไปก้อไม่ดีกับร่างกายเวลาสูดดมนะ
ก้อรู้อ่ะ แต่ไม่รู้จะทำไง มันประสาทแด่ะ ไปแว๊ววว อิอิ
โดย: unsa วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:13:33:12 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คุณน้ำตาล
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เดิมอยู่วงเวียนใหญ่ เรียนหนังสือหนังหาอยู่ย่านฝั่งธนฯ พอโตขึ้นหน่อยก็อยากเป็นศิลปิน เลยหันเหไปเรียน Art ปัจจุบันทำมาหากินอยู่แถวเพลินจิต ย่านใจกลางเมืองที่รถติดจนอ่อนใจ
Friends Blog
[Add คุณน้ำตาล's blog to your weblog]
MY VIP Friend