Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2551
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 

กว่าจะมาเป็น เมืองภูเก็ต ( 7 หัวเมือง ในอดีต)

เมืองถลาง เมืองที่อบอวลไปด้วยวัฒนธรรม และประเพณีอันเก่าแก่ที่น่าค้นหา ในปัจจุบันขนบธรรมเนียมของท้องถิ่น ได้ก้าวไปพร้อมๆกับความศิวิไลแห่งยุคไอที เรามาดูกันนะคะ ว่ากว่าเมืองถลางจะกลายมาเป็นเมืองภูเก็ตอย่างทุกวันนี้ เมืองถลางอันยิ่งใหญ่ของพวกเราได้ผ่านการปกครอง ในระบบเจ้าขุนมูลนาย อย่างไรมาบ้าง


เราไปเริ่มกันที่ เมืองถลางบางโรงค่ะ


เมืองถลางบางโรง เป็นเมืองที่มีอดีตการค้าอันยิ่งใหญ่ เพราะมีท่าเรือทั้งหมดถึง 3 แห่ง คือท่าเรือหลังกำแพง ท่าเรือตลาดหรือท่าต้นโด และท่าเรือหลังตึก และท่าเรือใหญ่ที่มีน้ำพอที่จะให้เรือใบขนาดใหญ่จอดเทียบท่าขนถ่ายสินค้าได้ก็คือ ท่าเรือตลาด และท่าเรือหลังตึก ส่วนท่าเรือหลังกำแพง ใช้สำหรับให้เรือใบขนาดเล็กให้เทียบท่าได้


เมืองถลางบางโรงเป็นเมืองที่เคยมีหลักฐาน ที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองในยุคนั้นๆ เช่น ซากกำแพงปูนผสมหินปะการัง ,แนวกำแพง, เนินกำแพง, ที่เป็นที่อยู่ของเจ้าเมืองในสมัยนั้น มีการพบร่องรอยการถลุงแร่ดีบุก พร้อมด้วยเศษภาชนะต่างๆ พบเศษแร่แทนทาไลน์ หรือขี้ตะกรันเป็นจำนวนมาก เคยมีชาวบ้านขุดพบเหรียญต่างประเทศในบริเวณกำแพง เช่น เหรียญอีสต์ อินเดียคอมปานี ซึ่งเป็นเหรียญในสมัย ค.ศ.1804 (ตรงกับ พ.ศ. 2347 ในสมัยรัชกาลที่ 3 ) และเหรียญ ENDER-LANDCE INDIE ค.ศ. 185 (ตรงกับ พ.ศ. 2401 สมัยรัชกาลที่ 4) นั่นแสดงให้เห็นถึงการค้าที่รุ่งเรืองในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี

เมืองถลางบางโรง มีบันทึกไว้อย่างเด่นชัด ว่ามีการปกครองโดยเจ้าเมืองในสายเลือดเดียวกัน ถึง 3 คน คือ

1.พระยาณรงค์เรืองฤทธิ์ ประสิทธิสงคราม (ทับ จันทโรจนวงค์) เป็นเจ้าเมืองตั้งแต่ พ.ศ. 2391 – 2404

2.พระยาถลางคิน ( บุตรพระยาถลางทับ) เป็นเจ้าเมืองตั้งแต่ พ.ศ. 2405-2412

3.พระยาถลางเกตุ (น้องชายพระยาถลางคิน ) เป็นเจ้าเมืองตั้งแต่ พ.ศ. 2412-2433


แผ่นป้ายของเมืองถลางบางโรง เป็นภาพคนกำลังแบกถุงบรรจุแร่ดีบุก ขนลงเรือใบเสากระโดงหนึ่งหลัก ซึ่งจอดเทียบท่าเรือบริเวณเมืองถลางบางโรง ชายฝั่งมีกองถ่านพร้อมที่จะขนลงเรือ,ช้างเชือกหนึ่งกำลังกินอ้อยอยู่ระหว่างสวนมะพร้าวและเรือนหลังคาจากของชาวถลางบางโรง,ชาวนากำลังให้ควายคู่ลากไถทำนา

ช้างในแผ่นป้ายนั้น สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นช้างของเจ้าคุณถลางคิน ชื่อพลายนิล และพลายเหม ที่ช่วยลากฟืนจากภูเขามาเผาเป็นถ่าน














เมืองถลางบ้านพอน หรือบ้านลี้พอน,บ้านลิพอน

ที่นี่เคยเป็นหัวเมืองเก่าของเมืองถลาง มีเจ้าเมืองถลางชื่อ จอมสุริน หรือ พระยาสุรินทราชา ซึ่งขณะนั้นบ้านลี้พอน ก็ยังเป็นแหล่งการค้าเหมือนที่อื่นๆ จอมสุรินผู้นี้ไม่มีประวัติที่แน่ชัด บ้างก็ว่าจอมสุรินผู้นี้คือ นายบิลลี่


นายบิลลี่ผู้นี้คือใคร ก็คงต้องย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ. 2220 มองซิเออร์ ชาร์บอนโน ได้เข้ามาทำงานในโรงพยาบาลของไทย และได้ทำความดีความชอบ โดยได้ไปสร้างป้อมบริเวณพรมแดนไทย ติดกับพะโคได้สำเร็จ จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองถลาง (แต่ไม่มีการระบุว่า เป็นเมืองถลางเขตใด) ระหว่างที่ ชาร์บอนโนเป็นเจ้าเมืองถลางนั้น ทำให้การค้าแร่ดีบุกบนเกาะถลาง ตกอยู่ในกำมือของฝรั่งเศสเพียงฝ่ายเดียว ชาวอังกฤษได้รับอนุญาตให้ซื้อแร่ดีบุกได้ที่เมืองไชยา ,ชุมพร, และพัทลุงเท่านั้น


ชาร์บอนโน เป็นเจ้าเมืองถลางอยู่ 4 ปี ก็ได้ลาออก และกลับไปอยู่อยุธยา จึงมีผู้มาดำรงตำแหน่งแทน คือ นาย บิลลี่ ชัวร์ ( ชัวร์ เดอ บิลลี่) ซึ่งเป็นผู้ดูแลที่พักของขุนนางฝรั่งเศสคนหนึ่ง


ต่อมาเกิดความแตกร้าวขึ้นระหว่างขุนนางฝรั่งเศสกับขุนนางไทย ชาวฝรั่งเศสถูกขับออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก มองซิเออร์บิลลี่ผู้เป็นเจ้าเมืองถลางเริ่มตั้งตัวเป็นกบฏ แต่ในที่สุดก็ถูกประหารชีวิต


หลังจากนั้นก็ได้มีเจ้าเมืองคนต่อมา ก็คือ “ พระยาถลางคางเซ้ง” (คังเส็ง) มารับช่วงเป็นเจ้าเมืองคนต่อมา ได้ปกครองพื้นที่ตั้งแต่บ้านลิพอนจนถึงบ้านนาใน แต่การปกครองในสมัยนั้นค่อนข้างที่จะวุ่นวาย และท่านพระยางถลางคางเซ้งก็ได้ปกครองเมืองถึง 30 ปี


แต่ที่มีหลักฐานเด่นชัดก็คือ จอมเฒ่า เคยเป็นเจ้าเมืองแห่งนี้ จอมเฒ่าเจ้าเมืองถลาง มีหน้าที่ดูแลช้างพันธุ์ดี เพื่อส่งไปให้เจ้าเมืองใหญ่ตามหัวเมืองต่างๆจนเป็นที่ชื่นชอบ แม้กระทั่งเจ้าเมืองถลางบางโรง ก็ยังได้ช้างคู่ใจจากจอมเฒ่าผู้นี้

ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองในเมืองหลวง จากการยึดอำนาจของคิงส์องค์ใหม่ (ใช้คำไทย ไม่ได้ค่า แหะๆ ) ใครที่เป็นข้าราชบริพารของคิงส์องค์ก่อน ไม่ว่าอยู่หัวเมืองใด จะต้องถูกประชีวิต จอมเฒ่าก็เช่นกัน ติดอยู่ในผู้ที่ต้องถูกประหาร บริวารของจอมเฒ่าถูกจับมาประหารที่บริเวณบ้านของจอมเฒ่า






ปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้เป็นทุ่งนา และมีรูปปั้นจอมเฒ่าตั้งไว้เพื่อเป็นที่คารพของชาวบ้าน ข้างๆรูปปั้นของจอมเฒ่า มีบ่อน้ำโบราณ ที่มีอายุมากกว่า 200 ปี บริเวณด้านนอกของบ่อน้ำชาวบ้านได้ช่วยกันบูรณะไว้เป็นอย่างดี แต่ถ้ามองลงไปในบ่อ จะเห็นก้อนหินโบราณก้อนใหญ่ๆ ได้อย่างชัดเจน เป็นก้อนหินที่คนสมัยก่อนนำมาสร้างบ่อน้ำ และน้ำที่บ่อแห่งนี้ก็ไม่เคยแห้งเลย
















สถานที่ประหารเหล่าบริวารของจอมเฒ่าเมื่อในอดีตค่ะ ปัจจุบันเป็นทุ่งนาค่ะ












บริเวณทุ่งนาเหล่านี้ จะมีหินโบราณ ก้อนโตๆแบบนี้ เต็มไปหมดค่ะ












นี่คือบ่อน้ำโบราณของจอมเฒ่าเมื่อสมัยก่อนค่ะ มองลงไปในบ่อยังเห็นก้อนหินโบราณ ได้อย่างชัดเจนค่ะ สมัยก่อนตอนที่ที่บริพารของจอมเฒ่าถูกประหาร ในบ่อแห่งนี้มีแต่เลือดเต็มไปหมด ปัจจุบัน ชาวบ้านได้ช่วยกันดูแล รักษาค่ะ









และอีกหนึ่งความเชื่อของชาวบ้านที่เล่ากันมาต่อๆว่า ในสมัยที่พม่าได้ยกทัพมาตีเมืองถลาง ชาวบ้านได้หลบภัยมาอยู่ที่นี่ ทหารพม่าตามหาชาวบ้านไม่พบ ชาวบ้านจึงเรียกที่นี่ว่า “ บ้านหลีกพ้น”












เมืองถลางบ้านดอน+บ้านเคียน


ถึงแม้ว่าจอมเฒ่าจะถูกลงโทษประหาร แต่ในที่สุดก็รอด เพราะว่าจอมร้างผู้เป็นน้องชาย (พ่อของท่านท้าวเทพฯ) ซึ่งเป็นคนสนิทของคิงส์องค์ใหม่ จอมร้างทูลขอชีวิตพี่ชายไว้ และได้รับการเว้นโทษ แต่ถึงกระนั้น จอมเฒ่าก็ต้องยอมยกลูกสาวคนหนึ่งให้กับแม่ทัพใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจในสมัยนั้น หลังจากจอมเฒ่าได้รับการเว้นโทษ จึงได้อพยพครอบครัวและบริพารที่คงเหลือ ข้ามป่า ข้ามภูเขา มาสร้างเมืองถลางบ้านดอน

และที่นี่เอง จอมเฒ่าได้สร้างเมืองขึ้นมาอย่างแข็งแรง มีกำแพงล้อมรอบ นอกกำแพงบริเวณหลังจวนของจอมเฒ่ามีคอกม้า คอกช้าง และมีคุก พื้นที่ส่วนมากของเมืองถลางบ้านดอนเป็นที่ราบลุ่ม เหมาะแก่การทำนา และมีการทำนามากกว่าหัวเมืองอื่นๆ

นับว่าจอมเฒ่าเป็นเจ้าเมืองคนหนึ่ง ที่ทำให้เมืองถลางบ้านดอน เข้าสู่ยุคแห่งการค้าขายและแลกเปลี่ยน จอมเฒ่าได้ทำการค้าแร่ดีบุกกับหลายๆประเทศ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนสินค้าต่างๆ จอมเฒ่าปกครองเมืองถลางบ้านดอนจนถึงแก่อนิจกรรม เมืองถลางบ้านดอนจึงย้ายไปอยู่ที่ เมืองถลางบ้านเคียน

ในสมัยก่อนชาวบ้านเคยขุดพบของโบราณที่บริเวณบ้านของจอมเฒ่า เช่น พบรอยกำแพงเมือง, ปืนใหญ่, ปืนยาว, ลูกปืน, หัวแหวนนะโม และแร่ขี้ตะกรัน เป็นจำนวนมาก


เมื่อไม่นานมานี้ (ช่วงเดือนกรกฎาคม 2550) มีนักประวัติศาสตร์รุ่นเยาว์จากโรงเรียน สตรีภูเก็ต ได้ทำการขุดหารอยกำแพงเมืองต่อจากของเดิมที่ได้ขุดไว้ ทำให้พบซากรอยกำแพงเป็นก้อนอิฐโบราณขนาดใหญ่ พบชิ้นส่วนเครื่องปั้นดินเผา และชิ้นส่วนถ้วยชามที่มาจากต่างประเทศ เช่น ประเทศยุโรป ประเทศจีน ประเทศเวียตนาม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี





กำแพงเมือง ที่มีการขุดพบค่ะ








มองเห็นแนวกำแพงได้อย่างชัดเจนค่ะ









ก้อนอิฐโบราณ จะเป็นก้อนขนาดใหญ่แบบนี้ค่ะ และตรงนี้คือส่วนที่เป็นเสาของกำแพงเมืองค่ะ










ภาพบนแผ่นป้ายของเมืองถลางบ้านดอน มีภาพพระภิกษุกำลังบิณฑบาตร ภาพชาวเมืองถลางบ้านดอนช่วยกันถลุงแร่ดีบุก เพื่อส่งเป็นสินค้าส่งออก หรือไว้แลกเปลี่ยนสินค้าจากต่างประเทศ แร่ดีบุกได้มาจากการทำเหมืองและการร่อนแร่ด้วยเลียง ด้านหลังการร่อนแร่เป็นภาพชาวนากำลังเก็บเกี่ยวข้าว ชาวนาสวมหมวกเตยทรงหกเหลี่ยมอันเป็นลักษณะพิเศษ ไม่มีที่ใดเหมือน











ลำน้ำพังงา


บางคนอาจจะแปลกใจว่าทำไม ลำน้ำพังงา มาเกี่ยวข้องกับเมืองถลางได้ นั่นก็เพราะว่า ในสมัยรัชกาลที่ 2 ครั้งเมื่อสมัยที่พม่าได้เข้าตีเมืองตะกั่วป่า, ตะกั่วทุ่ง, เมืองถลาง ได้กวาดต้อนผู้คนไปรวมไว่ที่ค่ายพม่า รวมทั้งเผาเมืองถลางจนวอดวาย แต่ได้มีราษฎรบางส่วนหนีพ้นจากพม่า ได้อพยพไปหลบภัยอยู่ที่ "กราภูงา" ซึ่งตั้งอยู่ปากแม่น้ำพังงา เป็นสถานที่มีภูเขาล้อมรอบ และปลอดภัย

หลังจากที่ทัพหลวงจากกรุงเทพฯ มาช่วยรบจนชนะพม่า ชาวถลางจะย้ายกลับก็ไม่ได้ เพราะเมืองถลางถูกเผาทำลายจนหมด จะตั้งเมืองใหม่ขึ้นมาก็ไม่ได้ เพราะไม่มีกำลังที่จะรักษาบ้านเมือง แล้วถ้าพม่ายกกองทัพมาอีก ทางหัวเมืองก็จะไปช่วยไม่ทันเพราะเมืองถลางเป็นเกาะ จึงได้มีการรวบรวมเอาผู้คนที่ยังหลงเหลืออยู่ที่เมืองถลาง ข้ามมาอยู่รวมกันที่ลำน้ำพังงา แขวงเมืองตะกั่วทุ่ง และจัดการปกครองให้เป็นเมืองขึ้นกับเมืองนครศรีธรรมราช ดังปรากฎว่ามีหมู่บ้านชื่อ "ถลาง" ซึ่งเป็นที่รวมผู้คนที่อพยพมาจากเมืองถลาง ที่ตั้งของเมืองถลางในสมัยก่อนก็คือ บริเวณเหมืองเก่า และบริเวณจวนผู้ว่าอำเภอตะกั่วป่าในปัจจุบัน




ถลางเมืองใหม่


หัวเมืองแห่งนี้ชื่อ ถลางเมืองใหม่ ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2368 ในสมัยรัชกาลที่ 3 ตอนนั้นพม่าทำสงครามแพ้อังกฤษจนต้องเสียเมืองทวาย เมืองมะริด และเมืองตะนาวศรีให้แก่อังกฤษ อังกฤษจึงปิดหนทางพม่าไม่ให้รุกรานไทยได้อีก ไทยก็หมดสาเหตุที่จะต้องกลัวพม่า ทำให้ชาวเมืองถลางกลุ่มหนึ่งที่ได้หลบภัยไปอยู่ที่ลำน้ำพังงา อยากจะกลับมายังเกาะถลางถิ่นเดิม ประกอบกับมีการเริ่มทำมาค้าขายกับฝั่งต่างประเทศเป็นล่ำ เป็นสัน ขึ้นมาใหม่ และแร่ดีบุก เป็นสินค้าที่พ่อค้าต่างประเทศต้องการเป็นอย่างมาก ผู้คนจึงพากันกลับมาตั้งหลักฐานหาเลี้ยงชีพด้วยการขุดแร่บนเกาะภูเก็ตอีกครั้ง จึงได้ตั้งเมืองถลางขึ้นมาใหม่ และเป็นหัวเมืองที่ขึ้นกับกรุงเทพฯ แต่เป็นการตั้งเมืองในช่วงระยะสั้นๆ จึงเรียกว่า "ถลางเมืองใหม่"




จุดนี้ค่ะ บริเวณ "ถลางเมืองใหม่" มีศาลหลักเมืองตั้งอยู่ค่ะ












ถลางท่าเรือ

ถลางท่าเรือ สถานที่แห่งนี้เป็นเมืองท่ามาตั้งแต่อดีต เคยเป็นท่าเรือใหญ่ที่ชาวต่างประเทศต้องแวะมาติดต่อกับเมืองถลาง บริเวณท่าเรือเคยเป็นที่อยู่ของ "พระยาพิมลขันธ์" ผู้เป็นสามีของท้าวเทพฯ เมื่อ พ.ศ.2327 สมัยก่อนที่นี่มีบ้านเรือนอยู่ราว 80 หลังคาเรือนเท่านั้น

ท่าเรือแห่งนี้ถือเป็นแหล่งการค้าที่สมบูรณ์ที่สุด แขกบ้านแขกเมืองที่จะเข้ามาติดต่อการค้ากับหัวเมืองต่างๆ ก็ต้องนำเรือมาขึ้นลงที่ท่านี้ แล้วจึงนั่งช้าง หรือขี่ม้าออกไปยังหัวเมืองนั้นๆ

ภายในบริเวณท่าเรือก็จะมีการค้ารายย่อย เช่น เสื้อผ้า แพรพรรณ เครื่องประดับต่างๆ และชาวเมืองถลางท่าเรือก็มักจะนำสินค้าพื้นเมือง เช่น ดีบุก หรือของป่า มาแลกเปลี่ยนกับสินค้าเหล่านั้น เมืองถลางท่าเรือเคยมีเจ้าเมืองที่มาจากพ่อค้า ชื่อเจ๊ะมะ หรือมะเจิม

เจ๊ะมะ หรือเจิม เป็นบุคคลในตระกูลเชื้อสายเจ้า ผันชีวิตตนเองมาเป็นพ่อค้าที่มีชื่อเสียงอยู่ที่เมืองถลางท่าเรือ มีสมาชิกที่ร่วมกันทำการค้าที่บ้านท่าเรือเป็นจำนวนมาก เจ้าพระยานครได้ยกถลางท่าเรือขึ้นเป็นเมือง และให้เจ๊ะมะ เป็นพระยาถลาง ปกครองเมืองถลางท่าเรือ ต่อมามีประชาชนเพิ่มมากขึ้น จึงได้มีการยกเมืองถลางขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ ส่วนพระถลางเจิม ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น พระยาถลางเจิม

พระยาถลางเจิมมีบุตรชายชื่อแก้ว ได้ตำแหน่งเป็นพระภูเก็จอยู่ที่บ้านเก็ตโฮ่ พระภูเก็ตแก้ว มีบุตรชายชื่อทัด ได้เป็นพระยาวิชิตสงคราม เจ้าเมืองภูเก็ต

ในปี พ.ศ. 2491 ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกุลีจีนต่างก๊ก เรื่องผลประโยชน์ของการค้าแร่ ทำให้ผู้คนเดือนร้อน และล้มตายเป็นจำนวนมาก ท่านพระยาวิชิตสงครามจึงได้ออกจากเมืองภูเก็ต มาสร้างบ้านที่แข็งแรงดั่งป้อมปราการในที่ดินของปู่ (พระยาถลางเจิม)

ต่อมาพระยาวิชิตสงครา แก่ชราลง ได้รับเลื่อนขึ้นเป็นพระยาจางวาง จึงได้ยกบ้านหลังนี้ให้กับพระยาภูเก็จลำดวน บุตรคนโตของท่าน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการเมืองภูเก็จ แต่พระยาภูเก็จลำดวนได้ติดค้างค่าภาษีอากร จึงมอบบ้านหลังนี้ให้เป็นของหลวง ปัจจุบันบ้านหลังนั้น ได้กลายเป็นโบราณสถานของจังหวัดภูเก็ต




นี่คือบริเวณท่าเรือเก่าค่ะ ปัจจุบันพื้นที่นี้ อยู่ติดกับ บ้านพระยาวิชิตสงคราม ค่ะ








บริเวณศาลเจ้า ก็คือ ท่าเรือเก่าค่ะ












เมืองถลาง
ถลาง ไม่ได้เป็นคำในภาษาไทยมาแต่ดั้งเดิม แต่เป็นคำในภาษามาลายู อ่านว่า ทาลัง(talang) แปลว่าหมู่บ้านเล็กๆ คนจากหลายประเทศได้เข้ามาอยู่ในเมืองถลาง เพื่อทำการค้า เช่น ฝรั่งเศส โปรตุเกส อังกฤษ ฮอลันดา อินเดีย จีน สินค้าหลักในการทำการค้าก็คือแร่ดีบุก สินค้ารองลงมาก็คือ ไม้ฝาง หนังสัตว์ ขี้ผึ้ง น้ำตาล รังนก ไม้กฤษณา รวมทั้งทรัพยากรทางทะเล เช่น อำพัน ไข่มุก เป็นต้น

เมืองถลางเคยมีบันทึกไว้ในหนังสือจีน ของเจาซูกัว (Tehau Jou-kour) ซึ่งพิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 1768 และได้ระบุชื่อว่า เมืองสิลัน (Si-lan) ต่อมาเมื่อมีการทำสัญญาการค้าขายระหว่างไทย กับฮอลันดา ในปี พ.ศ. 2207 ก็ปรากฏว่ามีชื่อเมือง โอทจังซาลัง อยู่ในสัญญาด้วย เมืองสิลันหรือโอทจังซาลัง นี้ก็คือ เมืองสลาง หรือเมืองถลาง นี่ล่ะค่ะ


หลังจากเกิดเหตุการณ์รุนแรง ระหว่างไทย กับฝรั่งเศส ในกรุงศรีอยุธยา เมื่อช่วงปี พ.ศ. 2231-2232 ทำให้การพัฒนาประเทศ และการค้าขายกับต่างประเทศหยุดชะงักไป และยังทำให้ชื่อเสียงของเมืองถลางเลือนหายไปเป็นเวลานาน ทำให้เกิดผลเสียต่อเกาะถลางอีกมากมาย เช่น ไม่มีเรือรบไว้ป้องกันชายฝั่ง ทำให้พวกโจรสลัดมลายู ออกปล้นเรือสินค้า โดยไม่เกรงกลัวผู้ใด เจ้าเมืองในอดีตสมัยนั้น ก็ไม่มีความเป็นธรรมสักเท่าไหร่ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีกลุ่มคนจีนที่ซื่อสัตย์ ได้เป็นกำลังสำคัญในการคุมแร่ดีบุกของท่านท้าวเทพฯจากเมืองถลาง นำไปให้พระยาราชกปิตัน ฟรานซิส ไลท์ ที่เกาะปีนัง เมื่อปี พ.ศ. 2329


เมื่อถึงสมัยจัดระบบ มณฑลเทศาภิบาลในรัชกาลที่ 5 เมืองถลางก็เลยถูกยุบลงเป็นเพียงอำเภอ เรียกว่า “อำเภอถลาง” ขึ้นอยู่กับเมืองภูเก็ตตั้งแต่ พ.ศ. 2442 จนมาถึงกระทั่ง เมื่อ พ.ศ. 2458 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น “อำเภอเมืองถลาง” เพราะเหตุเคยเป็นที่ตั้งของเมืองเก่ามาก่อน แต่แล้วเปลี่ยนมาเรียกว่า “อำเภอถลาง” อย่างเดิม (เปลี่ยนจนเหนื่อยเนอะ อิอิ) เมื่อ พ.ศ. 2481 มาจนทุกวันนี้




ขอขอบคุณข้อมูลจาก ผ.ศ. สมหมาย ปิ่นพุธศิลป์ ประธานกลุ่มผู้สนใจประวัติศาสตร์เมืองภูเก็จ

* พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดภูเก็ต

* คุณขุนนางอยุธยา











 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2551
32 comments
Last Update : 8 สิงหาคม 2551 22:54:11 น.
Counter : 11596 Pageviews.

 

สวัสดีครับเจ้าป้าฯ ผมตามมาเที่ยวด้วยแล้ว โห ประวัติศาสตร์เพียบเลย ได้ความรู้ดีมากๆครับเจ้าป้าฯ

 

โดย: หนุ่มร้อยปี IP: 125.24.75.224 20 พฤษภาคม 2551 8:30:19 น.  

 

ตามมาอ่านโดยพลัน เจ้าป้าฯบรรยายเก่งจัง ได้ความรู้เยอะเลย ขอบคุณมากครับ

 

โดย: สันติสุข IP: 118.172.119.12 20 พฤษภาคม 2551 9:17:58 น.  

 

สวัสดีครับ...

ได้รับความรู้มากเลยครับ

ผมก็เพิ่งทราบประวัติของ จ. ภูเก็ต โดยละเอียด ก็คราวนี้เองครับ

ขอบคุณมากๆ นะครับ

 

โดย: นฤรัตน์ IP: 125.26.32.108 20 พฤษภาคม 2551 11:55:16 น.  

 

สวัสดีค่ะเจ้าป้า ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ ชมป้าแป๋วจนยิ้มแป้นไปแล้วค่ะ

ได้ความรู้อีกแล้วค่ะ อ่านแล้วสนุกดี แต่อ่านผ่านๆ
หนึ่งรอบก่อนนะคะ เดี๋ยวว่างๆ มาอ่านอีกรอบนะคะ

 

โดย: แป๋วภูเก็ต 20 พฤษภาคม 2551 15:06:22 น.  

 

ลงชื่อ มาอ่าน ค่ะ..

เมืองชายทะเล อุดมสมบูรณ์ และ ขึ้นท่าง่่าย
มักมีประวัติศาสตร์ ที่แก่งแย่งกัน แลกด้วยเลือด นะคะ เจ้าป้า

 

โดย: samranjai 20 พฤษภาคม 2551 15:13:56 น.  

 

กะลังเพลินเลย

 

โดย: ~นายเฉิ่มศักดิ์~ IP: 124.121.202.86 20 พฤษภาคม 2551 18:50:55 น.  

 

ยังไม่เคยไปเมืองภูเก็ตเลยคะ
อ่านแล้วอยากไปมากๆๆๆเลยคะ

 

โดย: qgee(กล้วยไม้สีเงิน) IP: 125.24.140.44 20 พฤษภาคม 2551 21:30:22 น.  

 

หนุ่มร้อยปี//ขอบคุณมากค่าที่แวะมา อยากให้ตามมาอ่านจนจบนะคะ



สันติสุข// ดีใจค่ะที่ชอบ ป้าอยากให้คนรุ่นใหม่ได้รู้เรื่องในอดีตมากๆน่ะค่ะ




นฤรัตน์// ไม่ผิดหวังใช่มั้ยคะ อิอิ




แป๋วภูเก็ต// ป้าแป๋วก็มาด้วย เชิญค่า ให้เด็กๆอ่านด้วยนะค้า อิอิ




samranjai// ใช่ค่ะ อำนาจ ไม่ว่าสมัยไหน แลกด้วยเลือด ทั้งนั้นค่ะ




นายเฉิ่มศักดิ์// แหะๆ อิชั้นง่วงค่ะ แต่รับรองว่าได้อ่านจนจบแน่ๆค่ะ อิอิ




กล้วยไม้สีเงิน)// ฮั่นแน่ หลงเสน่ห์ภูเก็ตอีกคนแล้วสิคะ อิอิ









 

โดย: เจ้าป้ามหาภัย 20 พฤษภาคม 2551 22:57:26 น.  

 

ขอบคุณครับ มีเรื่องเล่ามาให้อ่าน

ภาพประกอบก็น่าสนใจครับ เมืองถลางมีประวัติศาสตร์การกู้ชาติหลายครั้งนะครับ

กำลังสงสัยว่าเป็นเมืองหน้าด่านหรือเปล่า เพราะมีวีรสตรีที่มีชื่อเสียงคือ ย่ามุก - ย่าจัน (ท้าวเทพกระษัตรี - ท้าวศรีสุนทร) ก็อยู่เมืองถลาง ก็เข้าปกบ้านป้องเมืองเหมือนกัน

 

โดย: พี่แต้ 21 พฤษภาคม 2551 16:02:35 น.  

 

พี่แต้// เมืองถลางยังไม่ใช่เมืองหน้าด่านค่ะพี่แต้ แต่เมืองถลางเป็นชุมชนที่มีการค้าขายที่คับคั่ง ทุกเรื่องราวเลยเกิดขึ้นที่เมืองถลางค่ะ

เรื่องของ 2 ย่า รออ่านประวัติ อย่างละเอียด และไม่น่าเบื่อได้ที่นี่นะคะ คัมมิ่งซูนค่ะ อิอิ

 

โดย: เจ้าป้ามหาภัย 21 พฤษภาคม 2551 19:57:25 น.  

 

ได้ไปเที่ยวกับเจ้าป้าซะจนเพลิน เจ้าป้าคิดตังค์ไหมเนี่ย วันหลังถ้ามีเวลา ช่วยพาไปเที่ยวตลาดนัดเจ้าฟ้าวาไรตี้บ้างดิ เห็นเขาบอกว่า มีคนเยอะจัง

 

โดย: คนลืมแก่ IP: 117.47.110.207 21 พฤษภาคม 2551 20:52:19 น.  

 

คนลืมแก่// โอ๊ย ดีใจค่าที่แวะมาเยี่ยมกัน อิอิ จะให้อิชั้นช่วยพาไปตลาดนัดเจ้าฟ้าเหรอคะ ถ้าได้ไปจริงๆ มีเมานะคะ ขอบอก ขอบอก เอิ้กกกกก

 

โดย: เจ้าป้ามหาภัย 21 พฤษภาคม 2551 21:09:25 น.  

 

สวัสดีค่ะเจ้าป้า อ่านแล้วเพลินเลยค่ะ แล้วกำแพงเมืองเก่าที่นักเรียนไปขุดเจอ ราชการจะเวนคืนที่ดินได้หรือเปล่าคะ

อ่านเรื่องที่เจ้าป้าเล่าหลายเรื่องอยากตามไปดูสถานที่จริงจังเลยค่ะ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเด็กๆ แน่นอนค่ะ

 

โดย: แป๋วภูเก็ต 23 พฤษภาคม 2551 15:13:41 น.  

 

อ่านมาเจอคิดถึงบ้านจับใจคนใส่ผ้าถุงแม่บุญธรรมน้องเอง ดีใจและภูมิใจที่สุดที่เป็นคนบ้านดอนใต้ตีน ตอนนี้อยู่ไกลเหลือเกินขอบคุณที่มีข้อความดีๆเกี่ยวกับบ้านเราให้ลูกหลานเป็นความรู้น่ะค่ะคุณป้าแม่ย่าหลวงพ่อเจ้าฟ้าหลวงพ่อวัดหลองคุ้มครองค่ะ

 

โดย: ลูกแกะจ้า IP: 92.227.181.215 23 พฤษภาคม 2551 17:16:14 น.  

 

แป๋วภูเก็ต// ป้าแป๋วขา อยากจะบอกว่า ตั้งแต่เขตบ้านดอนไปแล้ว ไม่ว่าจะขุดพื้นที่ตรงไหน ก็มักจะเจอวัตถุโบราณแทบทุกพื้นที่ค่ะ

เมื่อไม่นานมานี้ ฝรั่งขุดพื้นที่หน้าบ้านของตัวเอง เพื่อที่จะทำสระน้ำ พอรถแบ็คโฮขุดลงไปได้ลึกประมาณครึ่งลำตัว ก็ไปเจอหม้อโบราณ ข้างในหม้อมีกระดูกใส่ไว้เต็มไปหมดค่ะ คนขับรถถึงกับทิ้งรถวิ่งหนี

ตอนนี้พื้นที่ตรงนั้น เป็นของกรมศิลป์แล้วค่ะ แต่ในกรณีที่เป็นกำแพงเมือง ทางการไม่สามารถที่จะเวณคืนได้ค่ะ เพราะว่ากลายเป็นที่ของชาวบ้านไปหมดแล้ว ตอนสำรวจแนว บ้านบางหลังตั้งอยู่บนกำแพงด้วยซ้ำไปค่ะ



ลูกแกะจ้า/// โอว ดีใจจริงๆค่ะ ที่ได้เจอคนบ้านเดียวกัน คิดถึงก็มาคุยกันได้นะคะ

 

โดย: เจ้าป้ามหาภัย IP: 202.91.19.206 23 พฤษภาคม 2551 18:49:12 น.  

 

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

 

โดย: neaq IP: 125.24.40.12 23 พฤษภาคม 2551 21:48:30 น.  

 

ขอบคุณค่ะเจ้าป้าที่ตอบคำถาม แล้วที่ดินฝรั่งดำเนินการยากหรือเปล่าคะที่เวนคืนมาน่ะค่ะ แหะๆ ถามเยอะไปหรือเปล่าคะ

กำลังคิดว่าจะพาลูกไปเที่ยวที่ไหนบ้างดี ที่มองๆ ดูก็จะเป็นพวกแนวกำแพงอันนี้แล้วก็บ้านแขนน ไม่รู้จะชวนลูกแบบไหนดีเพราะเค้ายังเล็กไม่ค่อยสนุกกับแบบนี้เท่าไร วันก่อนพาไปดูประเพณีลอยเรือของสิเหร่ แต่ไปไม่ทันวันลอยเรือ วันนั้นเค้าจะแห่เสาค้ำ ทีนี้ก็ถามชาวบ้านนานไปนิด ลูกออกอาการเบื่ออย่างรุนแรง เป็นผลให้ป้าแป๋วท้อใจแต่ก็บอกลูกตรงๆ ว่าที่พามาก็เพราะว่าอยากพาลูกเที่ยวจนกว่าจะไม่สามารถพาไปไหนได้ นั่นแหล่ะลูกถึงเลิกทำหน้างอ แต่ก็ทำให้รู้สึกว่าเรายัดเยียดให้ลูกมากไปหรือเปล่าน่ะค่ะ

ยังไม่ได้พาไปบ้านชินประชาก็เพราะวันก่อนพาไปเดินดูตึกเก่า กินของกินร้านโอ๊วเอ๋ว ลูกก็บ่นๆๆ เลยเลิกทริปไปบ้านชินประชาเลยค่ะ ดูเค้าไม่สนใจก็เลยต้องไปหาวิธีการใหม่ก่อน เพราะอยากให้เที่ยวแล้วลูกสนใจจริงๆ ค่ะ

ปล. นิทรรศการของจิ๋ว เหลืออีกสองวันค่ะเจ้าป้า ถ้าจะไปดูเจ้าป้าต้องโดดงานเลยค่ะ 555 วันนั้นป้าแป๋วไปตรงกะวันที่เคน ธีรเดชมาด้วยค่ะ เสียดายป้าแป๋วมัวแต่โม้เรื่องเมืองเก่าให้ลูกฟังเลยอดถ่ายรูปเคนเลย 555 ได้ดูการแสดงม่านน้ำด้วยค่ะ สวยดีค่ะ

 

โดย: แป๋วภูเก็ต 23 พฤษภาคม 2551 23:07:34 น.  

 

แป๋วภูเก็ต// ที่ดินที่บ้านของฝรั่ง ไม่ยากค่ะ เพราะว่าฝรั่งส่วนมากเค้าเห็นด้วยกับของโบราณที่จะตั้งได้อย่างถูกต้อง

ตอนนี้ยกให้แล้ว ทางกรมศิลป์ก็ยังไม่ได้ไปทำอะไรค่ะ เพียงแค่ขึ้นทะเบียนไว้ว่าเป็นสถานที่โบราณเท่านั้นเองค่ะ เรื่องเด็กๆไปเที่ยวก็น่าเห็นใจค่ะ เด็กอยากจะสนุกสุดๆ แต่ผู้ใหญ่ก็อยากจะให้เด็กๆได้เรียนรู้ ตอนนี้ ความรู้ กับความสนุก ยังสวนทางกันอยู่ค่ะ ส่วนเรื่องลอยเรือที่เกาะสิเหร่ เสียดายนะคะที่เด็กๆไม่ได้เห็นเรือที่จะนำไปลอย สวยมากค่ะ เค้าแต่งซะสวย

วันที่ป้าแป๋วไปดูนั้น ไม้ที่เค้าจะแห่ เค้าเรียกว่า กายูพาดั๊กค่ะ เป็นภาษาของชาวเลค่ะ เค้าทำเหมือนไม้กางเขน เอาใบพอมาแต่งที่ปลายไม้ การแห่ไม้กางเขนนี้ จะทำหลังจากลอยเรือ 1 วันค่ะ ด้วยความเชื่อที่ว่าลอยเรือสะเดาะเคราะห์แล้ว ก็แห่ไม้ไปรอบๆหาด แล้วเอาไม้ขึ้นมาทำพิธี แล้วเอาไปปักไว้ ทั้ง 7 ทิศ เพื่อปกป้องสิ่งชั่วร้ายค่ะ

ตอนที่เค้าแบกไม้แห่นั้น มีแต่เด็กๆค่ะ ที่แบก ถ้าลูกๆป้าแป๋วได้อยู่ถึงตอนนั้น คงจะสนุกนะคะ เด็กๆชาวเลแบกไม้วิ่งลุยน้ำ ผู้ใหญ่ก็เป็นกองเชียร์เฮฮาปาร์ตี้ค่ะ

ยินดีค่ะ ที่ได้ตอบทุกคำถามของป้าแป๋ว

 

โดย: เจ้าป้ามหาภัย 23 พฤษภาคม 2551 23:54:02 น.  

 

เยี่ยมไปเลยค่ะป้าขา
แล้วจะมาตามอ่านเรื่อยๆ น๊า ^^


 

โดย: กำปงพิราเทวี 24 พฤษภาคม 2551 16:25:33 น.  

 

ขอบคุณค่ะเจ้าป้า ตอนนี้เตรียมข้อมูลอัพเรื่องลอยเรือเหมือนกันค่ะ เพราะถึงแม้ลูกยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ก็ยังมีเด็กอื่นๆ ที่อาจเสิร์ซหาความรู้แล้วก็พอเป็นประโยชน์ได้บ้างค่ะ
เรื่องแห่ไม้ได้ข้อมูลมานิดหน่อยค่ะ แต่ไม่ได้ชื่อไม้ค่ะเพราะฟังบางคำไม่ค่อยออก หาข้อมูลในเวปก็เรียกว่าไม้ค้ำค่ะ

อาทิตย์ที่ผ่านมานี้เจ้าป้าได้ไปดูนิทรรศการของจิ๋วหรือเปล่าคะ
อาทิตย์นี้ป้าแป๋วไปเที่ยวสถานที่นึง แต่ยังไม่เล่า อิอิ
เอาไว้อัพเรื่องลอยเรือแล้วก็คงได้อัพให้เจ้าป้าดูค่ะ อิอิ

ป้าแป๋วไปดูแล้วอึ้ง ทึ่งและหัวใจพองโตค่ะ ลูกๆ ก็สนุกตื่นเต้นกันมากๆ ค่ะ ยิ้มแก้มฉีกกะทริปนี้เลยค่ะ

นอนหลับฝันดีนะคะเจ้าป้า

 

โดย: แป๋วภูเก็ต 26 พฤษภาคม 2551 21:15:30 น.  

 

ผากตัวด้วยคนน้องอยู่ไกลชอบอ่านทําให้หายคิดถึงเมืองไทยบ้านเราคนภูเก็ตขอบคุณนํ้าใจที่ให้มาค่ะป้าจ๋าบ้านเราคงร้อนแต่นํ้าเลเย็นน่ะป้าน่ะว่างๆคุยกันได้ค่ะป้าจ๋าwilawankey@hotmail.de

 

โดย: ลูกแกะ IP: 85.179.102.191 27 พฤษภาคม 2551 15:20:26 น.  

 

สวัสดีค่ะเจ้าป้า ป้าแป๋วและลูกๆ เพิ่งได้เจอกับอาจารย์สมหมายครั้งแรกเมื่อไม่นานมานี้ ป้าแป๋วประทับใจอาจารย์มากๆ ค่ะ ท่านให้ความรู้และยังนึกถึงเด็กๆ อย่างมาก เห็นแล้วต้องยกนิ้วให้เลยนะคะ เห็นอาจารย์ว่าจะมีโครงการทำพิพิธภัณฑ์ถลางใหม่ ป้าแป๋วแทบจะอดใจรอไม่ไหวเลยค่ะ อยากเห็นเร็วๆ

วันนี้มาบอกว่าจะรอ อ่านเรื่องราวเมืองจำลองนะคะ เจ้าป้าเล่าได้ดีน่าติดตามอ่านมากๆ ค่ะ ขอบคุณสำหรับสาระดีๆ ที่มีให้นะคะ คราวหน้าป้าแป๋วอัพบล็อค เอาแต่ภาพกับเล่าเรื่องเด็กๆ พอ ส่วนสาระทำลิงค์มาหาเจ้าป้าดีกว่า อิอิ

ป้าแป๋วพูดกับลูกๆ ว่า ตอนเด็กๆ แม่พาลูกเที่ยวได้ อีกหน่อยแม่แก่ๆ ก็ต้องพาแม่เที่ยวบ้างนะ ไม่รู้ว่าลูกจะหนีไปเที่ยวกับสาวๆ หรือเปล่านะคะ

 

โดย: แป๋วภูเก็ต 27 พฤษภาคม 2551 22:21:07 น.  

 

กำปงพิราเทวี// ขอบคุณมากๆค่ะที่แวะมาอ่านค่ะ


ลูกแกะ// ป้าแอดเมลล์ไปแล้วค่ะ อิอิ รับแอดด้วยนะคะ



แป๋วภูเก็ต// ป้าแป๋วขา เมืองจำลองต้องรอนะคะ แหะๆ ป้างานตรึมค่า แบบว่า กำลังเร่งปิดต้นฉบับอยู่ค่ะ

อ.สมหมายน่ารักมากค่ะ แหล่งความรู้ชั้นเยี่ยมเลยค่ะ อิอิ

ป้าแป๋วบอกว่า อัพบล็อคต่อไป จะลงแค่รูปเด็ก ได้ไงๆๆๆ ไม่ยอมค่ะ ต้องลงเรื่องราวด้วยสิคะ เพราะว่าป้าแป๋วไปถึงที่แล้ว ไปเห็นประสบการณ์ตรงมาด้วยตัวเอง ทุกเรื่องราวผ่านเข้ามาในสายตาของเรา ป้าแป๋วต้องนำมาเล่าค่ะ จะเล่าได้มากหรือน้อย เป็นอีกเรื่องหนึ่งค่ะ ยังไงก็ต้องเล่านะคะ สถานที่ ที่เดียวกัน แต่อาจจะคนละมุมมองก็ได้ค่ะ

แต่ขอแนะนำนิดนึงค่ะ แบบว่าทุกๆเรื่องที่ป้าแป๋วกับลูกๆไปเห็นมา ป้าแป๋วให้ลูกๆ มีส่วนร่วมนะคะ เช่น ไปที่เมืองจำลองมา ก็ให้เค้าบอกสิ่งที่ชอบที่สุด มา 1 อย่าง ให้เค้าตอบว่าชอบเพราะอะไร แล้วนำส่วนนั้นมาเขียนเล่าด้วยนะคะ เค้าจะได้ภูมิใจ ในการมีส่วนร่วมค่ะ แล้วจะเห็ฯว่า ลูก 4 คนนั้น มีความแตกต่างด้สนความคิดกันอย่างชัดเจนเลยล่ะค่ะ

ปล. ฝากจุ๊บ เจ้าตัวเล็กด้วยนะคะ แหม อาไร้ จะขี้อายขนาดนั้น อิอิ

 

โดย: เจ้าป้ามหาภัย IP: 202.91.19.204 29 พฤษภาคม 2551 11:10:24 น.  

 

เจ้าป้าคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ สำหรับคำแนะนำ เดี๋ยวจะลองทำดูนะคะ

วันนี้อัพบล็อคเรื่องประเพณีลอยเรือค่ะ ก็เลยมาเอาชื่อไม้กางเขนของชาวเลที่นี่ อิอิ และรู้ว่าตัวเองเรียกผิดเหมือนกัน ตอนที่สัมภาษณ์เค้าบอกว่าไม้ค้อๆๆ ป้าแป๋วจำผิดเป็นไม้ค้ำแบบทางเหนือไปซะอีก 555 บล็อคนี้เลยค่ะที่เด็กๆ เบื่อและเซ็งสุดๆ แต่ก็อยากอัพไว้เพราะวันนั้นมีเด็กนักเรียนจากวิทยาลัยภูเก็ต เค้ามาทำรายงานเรื่องนี้เหมือนกัน เค้าฟังชาวเลเล่าไม่รู้เรื่อง ป้าแป๋วก็เลยบอก พอคิดถึงตรงนี้ก็เลยอัพบล็อคไว้ดีกว่า เผื่อเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆ นะคะ

 

โดย: แป๋วภูเก็ต 30 พฤษภาคม 2551 13:08:23 น.  

 

บล็อคสวยมากครับ แถมได้ความรู้ทางวิชาการ อยากให้ข้อมูลเหล่านี้ได้เป็นประโยชน์แก่ลูกหลานของเรา ขอชื่นชมครับ

 

โดย: น้าแม็ค ฅนฅอน นอนภูเก็จ IP: 125.27.166.243 2 ตุลาคม 2551 12:14:43 น.  

 

อยากไปเที่ยวภูเก็ตบ้างจัง

 

โดย: น้องนก IP: 192.168.3.12, 202.143.138.58 3 กันยายน 2552 16:11:57 น.  

 

ขอบคุณมากนะคะเจ้าป้าที่มาให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติของจ.ภูเก็ต อยากไปเที่ยวบ้างจังค่ะ

 

โดย: น้องนก IP: 192.168.3.12, 202.143.138.58 3 กันยายน 2552 16:17:59 น.  

 

สุดยอด

 

โดย: น้องเอิน IP: 119.31.121.67, 64.255.180.24 12 สิงหาคม 2553 11:18:02 น.  

 

สุดยอด!!!

 

โดย: เอิน IP: 119.31.126.93, 64.255.180.24 12 สิงหาคม 2553 11:19:49 น.  

 



เป็นความรู้จริงๆค่ะ


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: นางมารร้ายจีจี้ 31 ธันวาคม 2553 15:49:18 น.  

 



 

โดย: KOK IP: 180.180.160.211 13 มกราคม 2554 15:34:26 น.  

 

สวัสดีคับ

พอดีผมอยากทราบว่า เหรียญอีสต์อินเดียคอมปานี ที่เจอ ที่ เมืองถลางบางโรงปัจจุบันอยู่ที่ใหนเหรอคับ

 

โดย: กฤษณะ IP: 171.7.248.202 15 ตุลาคม 2558 14:32:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เจ้าป้ามหาภัย
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




เข้าใจคน..เข้าใจงาน..เข้าใจควาย..




Phukettinlay...ถึงบล็อคนี้จะไม่สวยใส แต่อิชั้นก็ตั้งใจมอบสาระดีๆ ให้กับท่านผู้อ่านที่หลงทางเข้ามา ได้อ่านเรื่องราวดีๆในบล็อคนี้ได้อย่างสบายตา ขอบคุณทุกคนมากมายค่ะ ที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียน

Friends' blogs
[Add เจ้าป้ามหาภัย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.