ทำอย่างไรเมื่อใบหน้าเหี่ยวย่น..ความเห็นของแพทย์ผิวหนัง
ลบริ้วรอย...ลบสัญญาณความชรา พ.ญ.สุภาณี ศุกระฤกษ์ อายุรแพทย์และแพทย์ผิวหนัง
เป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนเราที่ผิวพรรณจะร่วงโรยและเหี่ยวย่นไปตามวัยทำให้เกิดเป็นริ้วรอยตามใบหน้าและเนื้อตัว แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ริ้วรอยเข้ามาเยือนก่อนเวลาอันควร บางคนอายุยังไม่ถึง 40 ดีด้วยซ้ำไป ซึ่งริ้วรอยเริ่มมาเยือนแล้ว ของความเหี่ยวย่นเหล่านี้จะปรากฏให้เห็นเด่นชัดที่สุดก็ตรงบริเวณหางตาที่เขา เรียกกันว่า ตีนกา หรือรอยย่นบริเวณร่องแก้ม ขมับ หว่างคิ้ว เป็นต้น
สาเหตุหรือองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดการเสื่อมของสภาพผิวก่อนวัยอันควร หรือที่เรียกว่า แก่ก่อนวัย นั้น ยังมีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่นๆ อีก เช่น กรรมพันธุ์ สภาพแวดล้อมที่อยู่ ซึ่งรวมถึงอาหารการกินและสิ่งเสพติด ความเครียด การลดลงอย่างเฉียบพลันของฮอร์โมนเพศหญิง ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุให้เซลล์เสื่อมได้มากขึ้นด้วย
แสงแดด นับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนเราแก่แถมยังเป็นการแก่ก่อนวัยด้วย เพราะ 80% ของการเสื่อมของผิวหนังเกิดจากแสงแดด หรืออย่างเช่นคนที่ขับรถกลางแดดจ้าๆ โดยไม่สวมแว่นกันแดดทำให้ต้องหยีตาตลอดเวลา ก็เป็นผลให้เกิดเป็นรอยตีนกาได้ รวมถึงกิริยาอาการของแต่ละบุคคลด้วย เช่น เป็นคนชอบยักคิ้วหรี่ตา ขณะสนทนา หรือฉีกยิ้มกว้างๆ สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นที่มาของริ้วรอยทั้งสิ้น
แต้ถ้าจะว่ากันตามหลักทางการแพทย์แล้วทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับและเชื่อว่าเป็นที่มา ของริ้วรอยก็คือ ทฤษฎีอนุมูลอิสระ ซึ่งว่ากันว่าการเสื่อมของร่างกายมนุษย์จะเริ่มตั้งแต่อายุก้าวพ้นวัย 20 ปีขึ้นไป โดยทุกส่วนของร่างกายจะมีการเสื่อมลงพร้อมๆกันไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง ปอด ตับ กระดูก ฯลฯ เพียงแต่การเสื่อมที่เกิดจากภาพในเราไม่สามารถมองเห็นได้ ไม่เหมือนกับผิวและผมที่อยู่ภายนอก
หลักปฏิบัติง่ายๆ ที่จะช่วยชะลอความแก่และริ้วรอยต่างๆมีอยู่ด้วยกัน 5 ประการ คือ
แสงแดดมีภัย - ห่างไกลเสียดีกว่า พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดจ้าในช่วงเวลา 10.00-15.00 น. เพราะเป็นช่วงที่มีรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) สูงสุด และหากเลี่ยงไม่ได้จริงๆก็ควรจะหาเกราะป้องกันให้กับผิวพรรณด้วยการทายากันแดดที่มีค่า SPF (Sun Pritecting Factor) อย่างน้อย 15 ขึ้นไป โดยทาก่อนออกแดดประมาณ 30 นาที ที่สำคัญคือควรเลือกใช้ชนิดที่ไม่มีน้ำหอมเจือปน เพื่อป้องกันอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นเสมอ หลีกเลี่ยงการทับ - รอยยับจะไม่เกิด ท่านอนนับเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการนอนท่าเดิมตลอดเวลาจะทำให้เกิดรอยย่นในด้านที่ถูกทับได้ ฉะนั้นจึงควรเปลี่ยนท่านนอนบ่อยๆ และใช้หมอนทางเตี้ย เพื่อป้องกันผิวหนังย่นจากรอยทับ พยายามหลีกเลี่ยงการบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าซ้ำๆ เพราะจะให้รอยย่นเด่นชัดขึ้น และเมื่อต้องอยู่กลางแดดจ้า ก็ควรที่จะสวมแว่นกันแดด หมวกหรือกางร่ม เพื่อลดอาการหยีตาซึ่งจะเพิ่มรอยตีนกาบริเวณหางตาให้มากขึ้น กันไว้ดีกว่าแก้ - ดูแลผิวให้ชุ่มชื้น ผิวหนังของคนเราจะมีส่วนประกอบของน้ำอยู่เกือบ 90% ที่เหลือจะเป็นส่วนของไขมัน และมอยเจอไรซิ่งแฟ็กเตอร์ (Moisturizing Factor) ซึ่งเป็นตัวอมน้ำไม่ให้ระเหยออกไปจากผิว ดังนั้นจึงควรมีการเดิมอาหารให้ผิวด้วยโลชั่นหรือครีมที่มีส่วนผสม Moisturizer เพื่อคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวพรรณเสมอ และควรให้ร่างกายได้รับฮอร์โมนทดแทนในปริมาณที่เหมาะสมก็จะช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นได้ดี ใส่ใจอาหาร - ต่อต้านสิ่งเสพติด พยายามบังคับตนเองรับประทานอาหารให้ครบหมู่ โดยเฉพาะวิตามินเอ ซี และอี ซึ่งมีสาร Antioxidants (แอนตี้ออกซิแดนท์) ที่มีคุณสมบัติชะลอการเสื่อมของผิวหนังดื่มน้ำสะอาดวันละ 6-8 แก้ว และงดเว้นการสูบบุหรี่ ดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลอฮอล์ ซึ่งเป็นตัวบ่อนทำลายเซลล์ผิวหนังให้เสื่อมเร็วกว่าวัยอันควร พักผ่อน - ออกกำลังกาย - คลายเครียด การพักผ่อนนอนหลับอย่างเพียงพอจะช่วยให้ผิวพรรณสดใส ขณะที่การออกกำลัยกายก็มีความสำคัญในด้านที่จะช่วยให้ระบบโลหิตไหลเวียนดีขึ้นทำให้ผิวหนังได้รับสารอาหารและออกซิเจนเพิ่มมากขึ้น ส่วนการทำจิตใจสดใสคลายเครียดนั้นก็เหมือนกับการผ่อนคลายกล้ามเนื้อไปในตัว จริงๆแล้วด้วยกฎเหล็ก 5 ประการนี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการช่วยชะลอความแก่ให้กับผิวพรรณของคุณ เพียงแต่วิธีการเช่นนี้จะเห็นผลช้าไปเสียหน่อย โดยเฉพาะคนที่มีผิวหยาบกร้านมากเป็นพิเศษอาจจะต้องใช้เวลายาวนานเป็นปีก็ได้
ฉะนั้น...คุณผู้หญิงที่มีผิวหยาบกร้านเป็นพิเศษก็อาจต้องเพิ่มขึ้นตอนการบำรุงที่มากเป็นพิเศษช่วยด้วย โดยการจัดการกับเซลล์ที่กร้านหรือแก่ให้หลุดลอกออกไปให้ผิวใหม่เกิดขึ้นมาทดแทนด้วย ซึ่งนับเป็นวิธีการลบริ้วรอยความเหี่ยวย่นของผิวพรรณที่ค่อนข้างได้ผล
ขั้นตอนการลบริ้วรอยที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันก็คือ การลบริ้วรอยด้วยกรดผลไม้หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Alpha Hydroxy Acids (AHA) ซึ่งจะได้จากการหมัก อ้อย ส้ม มะนาว มะขาม แอปเปิ้ล และยีสต์ เป็นต้น
AHA ที่มีวางจำหน่ายในท้องตลาดส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของครีมบำรุงผิวประเภทไนท์ครีม หรือครีมทาก่อนนอน เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ที่แก่หลุดลอกออกไปให้เซลล์ใหม่ที่อ่อนกว่าขึ้นมาทดแทน
กรดวิตามิน เอ เป็นยาอีกตัวที่ได้รับความนิยมใช้ในวงการความสวยความงามส่วนใหญ่จะมีวางจำหน่ายในรูปของยารักษาสิว ไม่ค่อยนิยมใช้ลอกหน้าเท่าที่ควรแต่ปัจจุบันนี้ทางคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติให้ใช้สาร Tretinoin (เตรทตินอยน์) ซึ่งเป็นกรดวิตามินเอร่วมกับอีโมเลียนท์ครีมที่ให้ความชุ่มชื้นและป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นครีมลบริ้วรอยและกันแดดตัวเดียงในอเมริกาที่ได้รับการรับรองผลการรักษา
หลักการทำงานของ Tretinoin ก็คือการทำให้เซลล์เก่าหลุดลอกออกไป และมีการกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังแท้เกิดขึ้นมาแทนที่ ซึ่งก็คือหลักการเดียวกับการใช้กรด AHA ที่มีความเข้มข้นสูงในการลบริ้วรอย แต่ให้ผลที่ดีกว่ามาก
อย่างไรก็ดี การลบริ้วรอยด้วย Tretinoin จะต้องใช้เวลา 4-6 เดือน ส่วน AHA ต้องใช้เวลาที่นานกว่าและต้องใช้ความเข้มข้นที่เหมาะสม รวมทั้งต้องใช้ครีมกันแดดร่วมด้วยเพื่อป้องกันการแพ้จากแสงแดด ที่สำคัญคือต้องกระทำอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าใบหน้าจะเต่งตึงดังใจแล้วก็ตาม
กรรมวิธีเช่นนี้จึงยังไม่เป็นที่ถูกใจคุณผู้หญิงที่ต้องการสวยแบบปัจจุบันทันด่วนเท่าที่ควร วีธีการศัลยกรรมตกแต่งต่างๆจึงเข้ามามีบทบาทในธุรกิจความสวยความงามหลายต่อหลายวิธีด้วยกัน
การลอกหน้า หรือการทำ Baby face เป็นวิธีการที่ช่วยเนรมิตให้ใบหน้าอันเหี่ยวย่นของคุณผู้หญิงเต่งตึงขึ้นมาในเวลาเพียงไม่กี่วัน ซึ่งการทำเบบี้เฟซจะมีการลอกหน้า 3 แบบด้วยกัน คือ แบบตื้น แบบปานกลาง และแบบลึก
การทำเบบี้เฟซตามคลินิกความงามทั่วไปมักใช้สารที่มีชื่อเรียกว่า ฟีนอล ซึ่งเป็นตัวยาที่ค่อนข้างจะให้โทษมากกว่าคุณ เพราะจากการศึกษาพบว่าฟีนอลทำให้เกิดการเต้นของหัวใจผิดปกติซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ ฉะนั้นหากต้องการทำจริงๆก็ควรเลือกร้านที่มีแพทย์ผิวหนังประจำจะดีกว่า
นอกจากการลอกหน้าแล้ว การกรอหน้า เพื่อให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดลอกซึ่งเป็นกรรมวิธีเก่ากลับมานิยมใหม่ โดยอันตรายของการกรอหน้าอยู่ที่แรงกดในการกรอหรือความลึกของผิวหนังที่กรอออกไป เพราะถ้าหากกรอลึกเกินไปอาจทำให้เป็นแผนเป็นแบบถาวร แต่วิธีใหม่ที่กำลังมาแรง คือ กรอด้วยแสงเลเซอร์ ( Laser Demabrasing ) ซึ่งกรอความลึกได้ค่อนข้างสม่ำเสมอ แต่ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญ และต้องระวังรอยดำที่เกิดขึ้นหลังการทำด้วย
การศัลยกรรมให้ผิวพรรณดูเต่งตึงขึ้นยังทำได้หลายวิธี อาทิ ฉีดซิลิโคน ร้อยคอเท็ก ฉีดไขมัน หรือสาร Collagen ซีงเป็นโปรตีนที่ได้จากวัวและแกะ เพื่อเพิ่มรอยให้ตื้น สิ่งที่ควรระวังคือการแพ้และการติดเชื้อ
จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นการศัลยกรรมด้วยกรรมวิธีใดๆก็ล้วนแต่ให้โทษต่อร่างกายทั้งสิ้น ดีไม่ดียังเกิดอันตรายถึงชีวิตได้อีกด้วย
แพทย์ผิวหนังส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ใช้วิธีการทางโภชนาการซึ่งเป็นวิธีธรรมชาติผสมประสานกับการลบริ้วรอยและบำรุงผิวพรรณจากภาพนอกด้วยครีมหรือโลชั่นและ
ต้องไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับการออกกำลัยอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ พร้อมๆกับการทำจิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ
แม้กรรมวิธีเช่นนี้จะช่วยให้สวยช้ากว่าการศัลยกรรมด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่ก็นับเป็นกรรมวิธีเสริมความงามที่ปลอดภัยที่สุด
อย่างไรก็ตามความสวยที่เกิดขึ้นจากภายในโดยวิถีธรรมชาติจะได้ความสวยที่คงทนยั่งยืนแบบของแท้ ไม่ใช้สวยแบบดอกไม้พลาสติก
Create Date : 03 มิถุนายน 2550 |
|
6 comments |
Last Update : 3 มิถุนายน 2550 16:07:58 น. |
Counter : 1014 Pageviews. |
|
|
|