Stem Cell กับสุขภาพลูกในอนาคต!
การเก็บสเต็มเซลล์ที่ถือว่าเป็นการประกันสุขภาพให้กับเจ้าตัวเล็กในอนาคตนั้น ขณะนี้ยังเป็นเรื่องใหม่ของแวดวงการแพทย์ และสำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าจะตัดสินใจกับเรื่องนี้อย่างไรดี เรามีข้อมูลมาช่วยค่ะ
รู้จัก Stem Cell
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าสเต็มเซลล์คืออะไร และมีความสำคัญถึงขนาดที่จะต้อเก็บไว้หรือไม่
สเต็มเซลล์ คือ เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ซึ่งเป็นเซลล์ตัวอ่อนของเลือดที่ถูกสร้างอยู่ในไขกระดูก และจะเจริญเติบโตไปเป็นเม็ดเลือดแดง (ทำหน้าที่นกออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกาย) เม็ดเลือดขาว (ต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรค) และเกล็ดเลือด (เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เลือดแข็งตัวเข้าสู่กระแสเลือด
ส่วนแหล่งที่พบนั้น ได้แก่ 1. กระแสเลือด (Peripheral Blood Stem Cell) 2. ไขกระดูก (Bone Marrow) 3. เลือดจากรก (Cord Blood)
Stem Cell จากรก
เก็บหรือไม่เก็บดี?
การเก็บสเต็มเซลล์ ทางการแพทย์เปรียบเสมือนการทำประกันชีวิตให้ลูกไว้ในอนาคตค่ะ ซึ่งเมื่อไรที่พบว่าลูกเกิดป่วยเป็นโรคที่ต้องใช้การรักษาโดยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด ลูกก็จะมีเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตของตัวเองใช้ทันที เพราะการจะหาคนที่มีชนิดเนื้อเยื่อ HLA (Histocom palibility Loci antigens) ลักษณะทางพันธุกรรมที่ตรงกันเป็นเรื่องค่อนข้างยากค่ะ
ถ้าเป็นสเต็มเซลล์ที่ได้จากการบริจาคโอกาสที่จะเข้ากับร่างกายของเราได้นั้นมีเพียง 1 ใน 50,000 เท่านั้น แต่ถ้าเป็นพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน โอกาสที่เข้ากันได้มีถึง 1 ใน 4 เชียวค่ะ
กรณีที่ควรเก็บ Stem Cell มีประวัติโรคทางพันธุกรรมเป็นโรคเลือด มีเชื้อสายหลายเชื้อชาติ มีลูกคนแรกแล้วจำเป็นต้องถ่ายสเต็มเซลล์ ต้องการเตรียมความพร้อมด้านสุขภาพให้กับลูกในอนาคต ถ้าครอบครัวมีความเสี่ยงของการเกิดโรคทางพันธุกรรมดังกล่าว การเก็บสเต็มเซลล์ก็อาจเป็นเรื่องที่ควรทำ แต่หากไม่มีความเสี่ยง พ่อแม่สุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับเลือด จะเก็บหรือไม่ก็ได้ค่ะ เพราะค่าใช้จ่ายในการเก็บสเต็มเซลล์นั้นค่อนข้างสูง
Stem Cell จากรกใช้กับใครบ้าง
นอกจากจะใช้กับตัวเด็กเองแล้ว อาจนำไปใช้กับคนอื่นๆ ในครอบครัวด้วยค่ะซึ่งศักยภาพในการใช้สเต็มเซลล์จากรกระหว่างพี่น้องท้องเดียวกันนั้นจะเพิ่มขึ้นด้วยเนื่องจาก HLA หรือลักษณะทางพันธุกรรมไม่จำเป็นต้องตรงกันทุกตัว ที่สำคัญตัวคุณแม่ก็สามารถใช้สเต็มเซลล์จากรกได้ด้วย
วิธีเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตจากรก
เป็นขั้นตอนที่ง่ายและปลอดภัยค่ะ คือหลังเด็กคลอดอย่างปลอดภัยแล้ว คุณหมอจะผูกและตัดสายสะดือตามปกติ แต่ก่อนทิ้งรก คุณหมอจะเก็บเลือดที่ยังคงเหลือในสายสะดือ โดยไม่ไปเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการคลอดแต่อย่างใด เมื่อได้สเต็มเซลล์ตามปริมาณที่เหมาะสมแล้ว จะต้องรีบแช่แข็งในถังไนโตรเจน ที่มีอุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส ซึ่งจะเก็บได้นานหลายสิบปีทีเดียว
Stem Cell รักษาโรคอะไรบ้าง
สเต็มเซลล์จะถูกใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคดังนี้คือ โรคโลหิตจางทาลัสซีเมีย โลหิตจางชนิดไขกระดูกฝ่อ มะเร็งโลหิตขาวเฉียบพลันหรือเรื้อรัง มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งกระดูก Myeioma มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งปอด ค่าใช้จ่าย
ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลที่เลือก ตัวอย่างตัวเลขต่อไปนี้คือการเก็บรักษาสเต็มเซลล์กับสภากาชาดไทยค่ะ
ค่าสมัครแรกเข้า (เฉพาะในปีแรก) 35,000 บาท (ค่าใช้จ่ายนี้ รวมถึงอุปกรณ์เก็บ ค่ากระบวนการ ค่าตรวจ และค่าเก็บรักษา)
ค่าบำรุงรักษาในแต่ละปี 5,000 บาท (ค่าใช้จ่ายนี้ รวมถึงค่าบำรุงรักษาและเก็บสเต็มเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตตลอดระยะเวลา 1 ปี)
ทราบข้อมูลนี้แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับคุณพ่อคุณแม่แล้วล่ะค่ะว่าจะตัดสินใจอย่างไร
[ ที่มา..นิตยสารรักลูก ปีที่ 25 ฉบับที่ 289 กุมภาพันธ์ 2550 ]
Create Date : 06 เมษายน 2550 |
Last Update : 6 เมษายน 2550 19:21:00 น. |
|
1 comments
|
Counter : 665 Pageviews. |
|
|
|
ยังไม่มีลูกค่ะ หนูยังเด็กอยู่เลยยยย...
บริจาคเลือดทุกๆ 3 เดือน ยื่นเรื่องบริจาค stem cell ไว้ด้วย
ถ้ามีโอกาสได้เป็นแม่กับเขาบ้าง ก็น่าจะเป็นหนทางที่ดีกับลูกเนอะๆ