Group Blog All Blog
|
เปิด กาด รวมพลังเยาวชนล้านนา ใช้ปัญญาฟื้นฟูชุมชนภาคเหนือ เปิด กาด รวมพลังเยาวชนล้านนา ใช้ปัญญาฟื้นฟูชุมชนภาคเหนือ คำว่า กาด ในภาษาท้องถิ่นภาคเหนือ นิยามได้ว่า คือ ตลาด หรือสถานที่พบปะ แลกเปลี่ยนสิ่งของระหว่างกัน งาน กาดหมั้วปัญญาชน ซึ่งโครงการ พลังปัญญาชน สร้างสรรค์ชุมชนล้านนาจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ณ ใจกลางเมืองเชียงใหม่ จึงเปรียบได้กับ งานรวมตัวทางความคิด การแลกเปลี่ยนภูมิปัญญา หลังนักศึกษาแต่ละกลุ่มได้ลงไปศึกษามาในช่วงหลายเดือน ครูแคท-สุธินี ชุติมากุลทวี อาจารย์มหาวิทยาลัยพะเยา หัวหน้าโครงการฯ เกริ่นที่มาของการรวมตัวของเยาวชนในครั้งนี้ว่า คือช่วงหนึ่งของกิจกรรม โครงการพลังปัญญาชน สร้างสรรค์ชุมชนล้านนาซึ่งเครือข่ายเยาวชนในสถาบันการศึกษาภาคเหนือ ใน3มหาวิทยาลัย คือ มหาวิทยาลัยพะเยา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง รวมมือกันในเรื่ององค์ความรู้ กิจกรรม นักศึกษาผู้เข้าร่วมโครงการ โดยมีสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้การสนับสนุน ส่วนที่มาของแนวคิดการรวมพลังทางปัญญานั้น ครูแคท ของเยาวชนเครือข่ายล้านนา เล่าว่า เกิดจากบริบทของภาคเหนือที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ วัฒนธรรม และปัญญา มีกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ หากแต่ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าสังคมไทยกลับไม่มีพื้นที่ให้กับภูมิปัญญาความรู้ ของชาติพันธุ์ต่างๆ เหล่านั้น ซ้ำความรู้สมัยใหม่ยังลดทอน ตีตรา ภูมิความรู้เก่าว่าเป็นความรู้ที่ไม่ทันสมัย การลดทอน ตีตรา ภูมิปัญญาของกลุ่มชาติพันธุ์ว่าล้าสมัย ล้าหลัง หรือมองว่าคนเหล่านี้ไม่มีความรู้ ชอบตัดไม้ ค้ายาเสพติดคือมายาคติที่คนภายนอกมีต่อคนภาคเหนือ ซึ่งอาจจะมีทั้งจริงและไม่จริง เยาวชนจึงรวมตัวกันเพื่อจะสะท้อนให้เห็นคุณค่าของชุมชนภาคเหนือ โดยเฉพาะการสร้างจิตสำนึกด้านความรับผิดชอบต่อสังคม จิตอาสา และการบำเพ็ญประโยชน์ การเปิดพื้นที่ให้เยาวชนภาคเหนือรวมพลังในเชิงสร้างสรรค์ พร้อมไปกับสนับสนุนคนรุ่นใหม่คิดไปถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าตนเอง อันเป็นการ ทำดี บนความเชื่อที่ว่า เราไม่สามารถมีความสุขโดยลำพังได้ ถ้าคนรอบข้างยังไม่มีความสุขและเราสามารถมีส่วนช่วยให้รอบข้างนั้นดีกว่าเดิมได้ เราเน้นในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ พะเยา ลำปาง เชียงใหม่ จังหวัดละ 5 กลุ่ม รวมทั้งหมด จำนวน 15 แห่ง เพราะชุมชนพื้นที่ศึกษาทั้ง 15 แห่งดังกล่าวอยู่ท่ามกลางสภาวะของการเผชิญระหว่างการเข้าใจต่อความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในสังคมภาคเหนือกับความรู้สมัยใหม่ มีกลุ่มปัญญาชนที่มีพลัง ทำกิจกรรมที่สอดคล้องกับเกิดรูปแบบการทำกิจกรรมตามแนวคิดสร้างสุขด้วยปัญญา (ตัวอย่างพื้นที่15แห่ง ท้ายเรื่อง) กิจกรรมเปรียบได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการกระตุ้นนำปัญญามาใช้ในการสร้างสุข ด้วยการให้นักเรียนนักศึกษาได้รวมตัวสร้างสรรค์พลังจากภายในจิตสำนึก คิดเป็น รู้เป็น และทำเป็น ออกแบบกรอบการทำกิจกรรม เพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคนในสังคมอย่างเป็นสุข ช่วยเชื่อมประสานคนรุ่นใหม่ ให้เข้ามามีบทบาทช่วยเหลือสังคมให้อยู่เย็นเป็นสุขมากขึ้น นำสู่การสร้างระบบพัฒนาปัญญาชนให้เป็นบุคลากรคุณภาพของสถาบันการศึกษาต่อไปในอนาคต ส่วนหนึ่งของแนวคิดการสร้างสุขด้วยปัญญาของเยาวชนล้านนา จึงถูกแสดงผ่านเวที กาดหมั้วปัญญาชน ซึ่งแต่ละกลุ่มขนภูมิปัญญา ที่ตัวเองคนพบมาแสดงและแลกเปลี่ยนกัน เห็นได้จากผลงานของกิจกรรมย่อยถูกสะท้อนจากความสนใจจากนักศึกษาที่เข้าใจบริบทในพื้นที่ของตนเอง และเลือกประเด็นที่เห็นว่าสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้ ในรูปแบบต่างๆ อาทิโครงการ ชุมชนบ้านดอกสะบันงา ร่วมใจ สืบสาน สายใย วิหารโบราณ บ้านดอกสะบันงา ซึ่งนักศึกษาจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เชื่อมโยงการบูรณะวิหารในชุมชน ซึ่งเป็นสถานที่สร้างความสงบสุขทางจิตใจ และคนทุกวัยสามารถใช้ประโยชน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน คนสูงอายุที่อยู่ในชุมชน หรือคนทำงานในเมืองที่มีโอกาสกลับท้องถิ่นในวันหยุด หรือโครงการ ชุมชนรู้คุณค่า ร่วมรักษาสมุนไพรท้องถิ่น บ้านวอแก้ว ที่นักศึกษาราชภัฏลำปาง ร่วม พัฒนาสมุนไพรท้องถิ่น สร้างองค์ความรู้ให้คนในชุมชนหันมาดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โครงการ พลังปัญญาชน สร้างสรรค์ชุมชนปางค่า รู้ค่าวัฒนธรรมเย้าที่ต่างตกผลึกทางความคิดว่าควรจะรวบรวมภูมิปัญญาที่มีอยู่มาจัดระบบใหม่ ไม่ให้สูญหายไปกับกาลเวลา โอ๋-ศรัญญู ต่อมตุ้ย นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ที่ลงไปทำงานสมุนไพรกับชุมชนบ้านวอแก้ว อ.ห้างฉัตร จ. ลำปาง กล่าวว่า การเข้าไปในชุมชนทำให้เขารู้จักสมุนไพรที่มีอยู่มาก รู้จักองค์ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพที่ติดตัวผู้สูงอายุในชุมชน และงานของพวกเขาคือการนำความรู้เหล่านั้นมาจัดระบบและสะท้อนไปในวงกว้าง บ้านวอแก้วมีของดี มีภูมิปัญญา มีความรู้ที่เข้ากับโลกสมัยใหม่ได้ แต่อาจยังขาดการจัดระเบียบ ทำให้มันดูดีขึ้น ผมจึงไปสอบถามปราชญ์ชาวบ้าน และค้นคว้าของที่มีอยู่เดิมให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นให้คนวงกว้างได้รู้จัก ได้นำไปใช้ ช่วยกันสืบสานอนุรักษ์ให้มีอยู่สืบไป และที่สำคัญคือให้เข้าใจความเป็นชุมชนท้องถิ่น ให้คุณค่ากับทุกคนอย่างเท่ากัน ตัวแทนนักศึกษาว่า คล้ายกับกรณีของ ณัฐพล คำฟู จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ร่วมผลิตหนังสือสะท้อนภูมิปัญญาของชุมชนบ้านห้วยน้ำดั้น จ.เชียงใหม่ ในรูปแบบนิทานพื้นบ้าน ซึ่งสะท้อนความเชื่อต่างๆ นิทานบางเรื่องว่าด้วยผีป่า นางไม้ ซึ่งสะท้อนว่าชาวบ้านให้ความสำคัญกับต้นไม้ เหตุนี้เขาถึงไม่ตัดไม้ ทำลายป่า การที่บอกว่าชาวบ้าน กลุม่ชาติพันธุ์เป็นพวกทำลายป่า จึงไม่ใช่ความจริง ณัฐพลว่า ส่วน แชน อะทะไชย ผู้จัดการโครงการสนับสนุนติดตามประเมินผล ภาคเหนือ สำนักสร้างสรรค์และนวัตกรรม สสส. มองว่า ผลงานทั้งหมดที่เกิดจากโครงการคือการประสานร่วมมือระหว่างชุมชน และนักศึกษา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าชุมชนมีคุณค่า มีภูมิปัญญาที่ควรจะอนุรักษ์และสร้างประโยชน์ได้ ขณะที่ตัวเยาวชนเมื่อได้ร่วมฝึกทักษะร่วมกับชุมชนแล้ว ก็ย่อมจะเติบโตทางความคิด เกิดประสบการณ์ที่ไปหลอมรวมกับความรู้สมัยใหม่ได้อย่างมีมิติ เยาวชนกลุ่มนี้จึงเป็นกำลังหลักสำคัญที่จะสื่อสารให้สาธารณะเห็นว่า ชุมชนในภาคเหนือมีภูมิปัญญาที่ควรรักษาไว้ ไม่ได้มีแต่ความเชื่อ งมงายอย่างที่บางคนอาจตีตราแต่อย่างใด แวะมาทักทายจ้า vaser เสริมหน้าอก ปลูกผม Ulthera ศัลยกรรม vaser ดูดไขมัน สลายไขมัน เสริมจมูก เสริมคาง เสริมหน้าอก ตัดปีกจมูก ทำตาสองชั้น ถุงไขมันใต้ตา ลดโหนกแก้ม เสริมสะโพก ห้องสมุด สุขภาพ ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ ทารกแรกเกิด เด็ก ครอบครัว
โดย: teawpretty วันที่: 29 กันยายน 2557 เวลา:19:12:50 น.
|
กระจายสุข
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] Link |