Group Blog All Blog
|
ไอเดียสร้างสรรค์ บวก ภูมิปัญญาท้องถิ่น ไอเดียสร้างสรรค์ บวก ภูมิปัญญาท้องถิ่น สูตรรวมพลังปั้นสุขภาวะชุมชน ไม่ใช่แค่ประสบการณ์ชีวิตเฉพาะบุคคลของคนทำกิจกรรมที่พอกพูนเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่เวลาเดียวกับที่แบบฝึกหัด ทักษะทางปัญญา เดินหน้าไป ด้านหนึ่งของชุมชน-ท้องถิ่นในฐานะพื้นที่ทำกิจกรรมยังมีโอกาสเรียนรู้ไปพร้อมๆกันกับผู้มาเยือน กลายเป็นพลังความเปลี่ยนแปลงที่ถูกขับเคลื่อนจากกันและกัน ชุมชนท้องถิ่นคือฐานรากของการพัฒนาในหลากหลายประเด็นอย่างที่ ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ย้ำในงาน ร้อยพลัง สร้างสุข ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมาตอนหนึ่งว่า การสร้างชุมชนและท้องถิ่นให้เข้มแข็งเป็นภารกิจหนึ่งของ สสส. และภารกิจสำคัญของ ทุกองค์กร เนื่องจากความเป็นชุมชนได้สร้างศักยภาพ ภูมิปัญญา และแนวทางพัฒนาตนเองจากทุนเดิมที่มีอยู่ก่อให้เกิดสุขภาวะที่ดีชุมชนจึงเปรียบเสมือนรากฐานที่จะพัฒนาประชากรของประเทศในมิติต่างๆ หลักคิดข้างต้นถูกอธิบายด้วยหลักฐานผ่านผลลัพธ์ของกิจกรรมต่างๆของ สสส.ซึ่งทั้งหมดถูกออกแบบด้วยวิธีการอันหลากหลาย หากมี จุดร่วมที่เหมือนกันคือการให้ชุมชนท้องถิ่นและผู้ทำกิจกรรมได้เชื่อมโยงความรู้ที่มีแก่กัน พนิดา บุญเทพผู้แทนโครงการค่ายอาสาสร้างเสริมสุขภาวะหรือที่เรียกกันว่า ค่ายสร้างสุข ซึ่ง สสส.ทำร่วมกับมูลนิธิโกมลคีมทอง กล่าวในวงเสวนาย่อย พลังเยาวชน พลังเพื่อการเปลี่ยนแปลง ที่มี สำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม เป็นแม่งานว่า การออกค่ายของเยาวชนได้ส่งแรงกระตุ้นให้ท้องถิ่นหันมามองตัวเองเพราะบางพื้นความเฉยชาทำให้ชุมชนเพิกเฉยต่อปัญหาที่มี บุคคลภายนอกอย่างเยาวชนจะช่วยให้ชุมชนตั้งคำถามและหาหนทางที่จะพัฒนาให้ไปในทางที่ดีขึ้น ขณะที่ในมุมของเยาวชนเองได้พบประสบการณ์ชีวิตเพิ่มขึ้นกล้าตัดสินใจแก้ปัญหา โดยเฉพาะการเข้าใจว่าแท้จริงแล้วสังคมมิได้จำกัดเพียงแค่กรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงชนบทซึ่งเป็นรากฐานของสังคมซึ่งยังประสบกับปัญหาจากความไม่เป็นธรรมด้วย ทั้งนี้กิจกรรมค่ายอาสาฯได้ช่วยชุมชนสำรวจปัญหาพร้อมๆกับสร้างประสบการณ์แก่เยาวชนที่ร่วมกิจกรรมในหลากหลายประเด็นอาทิ สิ่งแวดล้อมจากการทำอุตสาหกรรม การทำเหมืองแร่ แรงงานข้ามชาติ กลุ่มชาติพันธุ์ คนชายขอบ ฯลฯ ซึ่งเป็นปัญหาที่ซับซ้อนมีความเชื่อมโยงหลายมิติเหตุนี้การทำกิจกรรมของเยาวชนจึงต้องอาศัยความร่วมมือของชุมชนเพราะไม่สามารถเรียนรู้โดยลำพังได้ การได้ออกไปสัมผัสกับผู้อื่นอาจทำให้ได้ค้นพบอะไรบางอย่างและการได้เรียนรู้กับชุมชนนั้น จะทำให้เห็นปัญหาว่าสิ่งที่รับรู้ได้ยินจากสื่อต่าง ๆ อาจแตกต่างจากข้อมูลความจริงทั้งหมด ประสบการณ์จากชุมชนได้สอนเรา และเราก็ได้ร่วมแก้ปัญหาชุมชนไปพร้อมๆกันพนิดา กล่าว ส่วนในรูปแบบของกิจกรรมดนตรี รัชพงศ์ โอชาพงศ์ ผู้แทนโครงการดนตรีเพื่อการเรียนรู้ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ พลังเพลง พลังปัญญากล่าวในวงเสวนาเดียวกันนี้ว่า กิจกรรมพลังเพลงฯ เน้นส่งเสริมให้เยาวชนลงพื้นที่ชุมชนเพื่อให้ได้เนื้อหาที่เกี่ยวกับประเด็นสังคมมาทำเป็นบทเพลง และสิ่งที่ค้นพบคือ เด็กและเยาวชนมีความใส่ใจในสิ่งรอบตัว มองเห็นแง่มุมมากขึ้นขณะที่ชุมชนเองได้มองเห็นปัญหาของตัวเองและได้รู้ถึงมุมมองที่คนภายนอกมองเข้ามา กระทั่งทั้ง2ส่วนเกิดการทำงานร่วมกันระหว่าง เกิดการรวมพลังระหว่างความสร้างสรรค์ของเยาวชนและชุมชนท้องถิ่นที่มีภูมิปัญญา สำหรับกิจกรรมที่เชื่อมโยงและเกิดผลลัพธ์ในท้องถิ่นชัดเจนอย่าง โครงการพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุเพื่อสุขภาวะ หรือ เพื่อนช่วยเพื่อน ซึ่งสนับสนุนให้เกิดเครือข่ายผู้สูงอายุในชุมชนโดยเฉพาะนั้น ธิดา ศรีไพพรรณ เลขาธิการสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ผู้จัดการโครงการฯ เล่าว่า โครงการเน้น แนวคิดให้ผู้สูงอายุรวมกลุ่มกันเป็นชมรมเพื่อทำกิจกรรมต่างๆตามความต้องการของสมาชิกเพราะคนในชุมชนย่อมรู้ดีถึงชุมชนของตัวเอง และการทำกิจกรรมยังช่วยก่อให้เกิดความสัมพันธ์ในชุมชน เช่น ในโครงการเพื่อนช่วยเพื่อนได้ก่อให้เกิดอาสาดูแลผู้สูงอายุซึ่งเป็นคนสูงอายุในชุมชนด้วยกันเอง รวมถึงการสร้างอาสาสมัครผู้สูงอายุน้อย (อผส.น้อย) ซึ่งให้เด็กในชุมชนมาดูแลผู้สูงอายุซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ และคนใกล้ชิด เราเปิดอบรมแล้ว3-4ปี มีชมรมผู้สูงอายุเข้าร่วม และมีหน่วยงานระดับท้องถิ่นได้สานงานต่อเกือบ 70% กิจกรรมให้คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจผู้สูงอายุและลดช่องว่างระหว่างวัยมากขึ้นเราจึงเปิดรับสมัครนักเรียนทำหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุที่ถูกละเลยจากบุตรหลานซึ่งภายหลังดำเนินโครงการมาเด็กและเยาวชนมีความใส่ใจในบุพการีในบ้าน มีความภูมิใจเป็นค่าการตอบแทนเกิดความสามัคคีในชุมชน ส่วนผู้ใหญ่ก็ได้บุญกุศลตกทอดไปถึงลูกหลาน มีความสุขความเจริญ ตัวแทนโครงการเพื่อนช่วยเพื่อนเล่าถึงประสบการณ์การทำงานร่วมกับชุมชน นอกจากผู้ทำกิจกรรมจะได้ประสบการณ์และทักษะชีวิตที่มากขึ้น ระหว่างที่กิจกรรมเดินหน้าไปคนในชุมชนยังได้ร่วมเรียนรู้ไปพร้อมๆกันทิศทางของคนทำงานต่อจากนี้จึงต้องเชื่อมโยงกับชุมชนท้องถิ่นเกิดกระบวนการเรียนรู้และปรับตัวไปพร้อมๆกัน พลังความสร้างสรรค์ของนักกิจกรรมกับองค์ความรู้ในท้องถิ่นจึงถูกถ่ายโอนหลอมรวมซึ่งกันและกัน ก่อให้เกิดก้าวสำคัญของความเปลี่ยนแปลง ล้อมกรอบ นอกจากเวทีของสำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรมที่มีการพูดคุยถึงการขับเคลื่อนสุขภาวะโดยเฉพาะการมีสุขภาวะทางปัญญาภายใต้ชื่อพลังเยาวชน พลังเพื่อการเปลี่ยนแปลง แล้ว ในงาน ร้อยพลัง สร้างสุข ยังมีกิจกรรมน่าสนใจในงาน อาทิ ปาฐกถาพิเศษ ชุมชนท้องถิ่นกับอนาคตประเทศไทย การเสวนาห้องย่อย 6 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. 2กลไกร่วมสร้างชุมชนและท้องถิ่นน่าอยู่ 2.สร้างสรรค์เศรษฐกิจพอเพียงและการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต 3.ชุมชนน่าอยู่ด้วยพลังงานชุมชน 4.หลากวิธีสร้างอาหารปลอดภัยในชุมชน 5.นวัตกรรมลดพฤติกรรมเสี่ยงเหล้า บุหรี่ การจัดแสดงนิทรรศการต้นแบบความสำเร็จของชุมชนน่าอยู่จาก 600 ภาคีทั่วประเทศ และเกมตรวจเช็คสุขภาพความเข้มแข็งชุมชน รวมถึงให้คำปรึกษาการเขียนข้อเสนอโครงการเปิดรับทั่วไป. พร้อมผลักดันสุขภาวะชุมชนท้องถิ่น การเชื่อมโยงกับชุมชนคือแนวทางที่สำคัญของการทำโครงการที่มีเป้าหมายของการมีสุขภาวะที่ดี ที่ผ่านมา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้าวเสริมสุขภาพ(สสส.) สนับสนุนโครงการรายย่อยที่ครอบคลุมทุกภูมิภาคกว่า 3,400 โครงการ ส่วนใหญ่ 92% ดำเนินงานในพื้นที่ชนบท อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าว ทำให้เกิดชุมชนน่าอยู่ 1,390 ชุมชนทั่วประเทศ มีผู้ได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมกว่า 703,000 รวมถึงได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่มีผลต่อสุขภาวะ เช่น บริโภคอาหารปลอดภัย จัดการขยะ ลดใช้สารเคมี ออกกำลังกาย ชุมชนน่าอยู่และมีสุขภาวะ ฯลฯ |
กระจายสุข
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] Link |