กรกฏาคม 2558

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
ติวเข้มนักศึกษาเชื่อมโยงหลักภาวนาผลิตงานสารคดี เพราะ "การภาวนา" นั้นไร้ข้อจำกัด

ติวเข้มนักศึกษาเชื่อมโยงหลักภาวนาผลิตงานสารคดี เพราะ "การภาวนา" นั้นไร้ข้อจำกัด


ตอนสายเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บรรดานักศึกษาคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร จึงเชื่อมโยงหลักคิดการภาวนาเข้ากับการผลิตสื่อผ่านโครงการ “กิจกรรมการอบรมเชิงปฏิบัติการสารคดี” ศ.ดร. อภิญญา อิงอาจ อาจารย์ประจำคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร เล่าว่า กิจกรรมนี้เป็นโครงการย่อยในชุดโครงการ “ภาวนาคือชีวิต : วิถีชีวิตที่เอื้อต่อชุมชนและสังคม” ที่มีสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สถาบันบ่มเพาะจิตสู่การแปรเปลี่ยนสังคมให้การสนับสนุน โดยนำหลักคิดของการภาวนามา อาทิ การเท่าทันความรู้สึกของตนเอง การมีสติในทุกขณะ การเปิดใจกว้างรับฟังผู้อื่น การทบทวนตัวเองมาเชื่อมโยงเข้ากับการฝึกทักษะการผลิตสื่อ


จากนั้นจะเปิดโอกาสให้นักศึกษาไปหาข้อมูลจากบุคคลอื่นๆ เพื่อสร้างงานสารคดีในประเด็นและรูปแบบที่ตนเองสนใจ ทั้งนี้มองว่า หลักการภาวนาสามารถเชื่อมโยงกับงานสารคดีได้ เพราะเมื่อนักศึกษาเข้าใจตนเองและพร้อมจะรับฟังผู้อื่นอย่างจริงใจแล้ว จะสามารถสะท้อนเรื่องราวที่จะนำเสนอได้ลึกขึ้น เข้าถึงผู้สัมภาษณ์ได้ดีขึ้น มีการปฏิบัติตัวกับแหล่งข่าวมีการตั้งคำถามอย่างมีมารยาท “นักสื่อสารที่ดีจะเข้าใจบริบทสังคมรู้จักการหลบเลี่ยงในเรื่องที่สังคมมีความอ่อนไหวอย่างมีเหตุมีผล ซึ่งทั้งหมดคือหลักสำคัญอย่างหนึ่งในการทำสื่อ ที่ต้องผ่านการคิดอย่างมีเหตุและผล” ผศ.มัทนา เจริญวงศ์ อ.ประจำคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร และนักวิจัยโครงการการเรียนการสอนแบบบูรณาการ เพื่อการผลิตสารคดี อธิบายเสริมว่า ถึงแม้กิจกรรมในครั้งนี้จะดำเนินการเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เด็กเข้าใจตนเองและผู้อื่นมากขึ้น เข้าใจและฝึกปฏิบัติการหาเหตุของผลที่เกิดขึ้น เช่นกิจกรรม การ์ดความรู้สึก ซึ่งมีวิธีการคือให้คนหนึ่งคนหยิบความรู้สึกของตัวเองขึ้นมาและให้เพื่อนๆ พิจารณาถึงสาเหตุของความรู้สึกนั้นๆ


ด้านมุมมองของนักศึกษาอย่าง ศิรวิชญ์ บุญทน นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวหลังจากร่วมกิจกรรมว่า กระบวนการภาวนาแม้จะเป็นกิจกรรมที่ใช้เวลาสั้นๆ แต่ทำให้กลับมาวิเคราะห์และมองตัวเองและผู้อื่นมากยิ่งขึ้น “เราเปิดใจรับรู้ความคิดความรู้สึกคนอื่นมากขึ้น ทำให้รู้ว่าควรทำอย่างไรในสถานการณ์แบบไหน ได้รู้จักตัวเอง” ศิรวิชญ์ อธิบายสั้นๆ



ปัญยภัสสร์ พรหมชัยวัฒนา นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สถาบันเดียวกัน กล่าวว่าที่ได้เข้าร่วมตัวกิจกรรมที่เกี่ยวกับการภาวนาอาจารย์เขาก็สอนว่าให้รู้จักอารมณ์ตัวเอง รู้สึกอะไร ต้องการอะไร อย่างไรก็ตามมองว่าการภาวนามาเราจะเอาไปปรับใช้ได้เพราะเราเรียนการสื่อสารต้องมีการสัมภาษณ์ การที่เราผ่านกระบวนการภาวนามาก็ทำให้เรารู้ว่าคนที่เราคุยด้วยเขารู้สึกยังไง การกระทำทุกการกระทำเขาอาจมีเหตุผลของเขา วันนี้ที่ลงพื้นที่ได้มาสัมภาษณ์ชาวบ้านก็ได้คุยกับชาวบ้านได้คุยกับเขาได้มองในวิถีการชีวิตเขาว่าเขาต้องการอะไร นอกจากนี้การภาวนายังเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วยเพราะมันเป็นวิธีที่ทำให้เราเข้าใจตัวเองช่วยให้จิตใจสงบ”


ขณะที่ ศรัณยา ตั้งวรเชษฐ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า ครั้งแรกที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมภาวนาก็รู้สึกสับสนว่าให้มาทำอะไร แต่พอเข้าร่วมแล้วก็ได้สังเกตความรู้สึกคนอื่น นอกจากนี้การภาวนายังช่วยให้เรามีสมาธิในการเรียน จัดการกับความรู้สึกตัวเองได้ง่ายขึ้นเราก็จะแยกความรู้สึกและจัดการกับความรู้สึกตัวเองได้มากขึ้น หลักคิดการภาวนา จึงเชื่อมโยงเข้ากับ “กิจกรรมการอบรมเชิงปฏิบัติการสารคดี” ได้อย่างลงตัวและเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า“การภาวนา" นั้น ไร้ข้อจำกัดและ ไม่ผูกติดกับเรื่องใดเพียงเรื่องหนึ่ง



Create Date : 28 กรกฎาคม 2558
Last Update : 28 กรกฎาคม 2558 9:43:32 น.
Counter : 735 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กระจายสุข
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]